สวัสดีค่ะ
เพิ่งจะกลับมาจากทริปวันจักรี - สงกรานต์ 16 วัน เรียกว่าได้ยะเยือกกับอุณหภูมิ 0 องศา เพื่อนๆงี้หนีร้อนไปญี่ปุ่นกันเพียบ แต่ชอบอะไรลำบากๆ กว่าชีวิตประจำวันค่ะ เลยขอไปไม่เหมือนใคร เห็นคนไทยเริ่มสนใจไปที่นี่มากขึ้น เลยเก็บประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ เพราะว่าตอนนี้ไปง่ายขึ้นเยอะ (สถานการณ์การเมืองของที่นั่นช่วงนี้ก็สงบนะ ความเข้มงวดก็ลดลงค่ะ)
เล่าที่มาที่ไปของทริปก่อนค่ะ
- เราชอบไปทิเบตมากค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ชอบไปญี่ปุ่น ฮ่องกง เหมือนคนอื่นๆ แล้ววันดีคืนดี ได้ไปทิเบตในช่วงปีใหม่ปีที่แล้วโดยไม่ค่อยได้เตรียมตัว เป็น private tour นะคะ พอได้ไปแล้วติดใจมาก วิถีชีวิตนี้แหละที่ถูกใจ ถึงกับไปซ้ำอีกสองครั้ง โดยสองครั้งแรก ไปคนเดียว ครั้งที่ 3 มีเพื่อนร่วมทริปอีก 3 คน กลับมาจากครั้งแรกนี่มาฝึกภาษาจีนและภาษาทิเบตเลยเพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นค่ะ
- ตอนแรกก็กะว่าจะไปทิเบตอีก เพราะนับวันลาได้ครบ 16 วันหาไม่ได้ง่ายๆ กะจะไปเทรคกิ้งเขาไกรลาสค่ะ แต่พอไปนัดไกด์ที่ไปด้วยทุกครั้ง ไกด์บอกว่า ไม่น่าไปนะช่วงนี้ อาจจะเจอพายุหิมะได้ อ้าว ไหงเพิ่งบอก คราวที่แล้วถามบอกได้ๆ ตั๋วเครื่องบินก็จองไปแล้ว วันหยุดก็จัดสรรแล้ว วีซ่าก็มีพร้อมแล้ว จะต้องหาแผนใหม่สิ
- ตอนไปครั้งที่ 3 ในเดือนธันวาปีที่แล้ว ไกด์ชี้ให้ดูรูป Larung Gar บนฝาผนังค่ะ รูปคล้ายๆกันนี้เพิ่งได้เห็นจากที่เค้าแชร์ๆกันมา ไกด์บอกตรงนี้ไม่ต้องใช้ permit นะ เอ้า งั้นไปเลยเอาที่นี่แหละ
สำหรับตัวจขกท.เองก็คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรงอยู่
อาการแพ้ที่สูง AMS ไม่เคยปรากฏ แม้ว่าบางทีจะอดนอนทำงานก่อนไปเที่ยว ก็ไม่เคยเป็นอะไร diamox ที่ทานเพื่อป้องกันอาการนี้ ก็ทานเม็ดเดียวแค่วันแรกค่ะ แล้วเป็นคนชอบถ่ายรูป กระเป๋ากล้องหนักกว่ากระเป๋าเสื้อผ้าค่ะ ด้วยเหตุที่ทั้งชอบเดินเที่ยวและแบกอุปกรณ์กล้องไปด้วย เลยต้องออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงหน่อย โดยปกติก็จะซ้อมวิ่งค่ะ วิ่งตั้งแต่มินิถึงฟูลเลยค่ะ แต่ไม่ได้ชอบวิ่งหรือวิ่งเร็วมากนะคะ เพียงแต่วิ่งแล้วร่างกายแข็งแรงมากขึ้น เดินได้อึด แบกเป้ไหวค่ะ
/edit นิดนึงนะคะ/ เราเขียนจากประสบการณ์และที่ฟังมาอ่านมาบ้างนะคะ ถ้าตรงไหนข้อมูลผิดพลาด ท้วงติงแนะนำเพิ่มเติมได้เลยนะคะ เรายินดีและขอบคุณค่ะ
Larung Gar ไปไม่ยาก ... อยู่ที่ใจ
เพิ่งจะกลับมาจากทริปวันจักรี - สงกรานต์ 16 วัน เรียกว่าได้ยะเยือกกับอุณหภูมิ 0 องศา เพื่อนๆงี้หนีร้อนไปญี่ปุ่นกันเพียบ แต่ชอบอะไรลำบากๆ กว่าชีวิตประจำวันค่ะ เลยขอไปไม่เหมือนใคร เห็นคนไทยเริ่มสนใจไปที่นี่มากขึ้น เลยเก็บประสบการณ์มาเล่าให้ฟังค่ะ เพราะว่าตอนนี้ไปง่ายขึ้นเยอะ (สถานการณ์การเมืองของที่นั่นช่วงนี้ก็สงบนะ ความเข้มงวดก็ลดลงค่ะ)
เล่าที่มาที่ไปของทริปก่อนค่ะ
- เราชอบไปทิเบตมากค่ะ ก่อนหน้านี้ก็ชอบไปญี่ปุ่น ฮ่องกง เหมือนคนอื่นๆ แล้ววันดีคืนดี ได้ไปทิเบตในช่วงปีใหม่ปีที่แล้วโดยไม่ค่อยได้เตรียมตัว เป็น private tour นะคะ พอได้ไปแล้วติดใจมาก วิถีชีวิตนี้แหละที่ถูกใจ ถึงกับไปซ้ำอีกสองครั้ง โดยสองครั้งแรก ไปคนเดียว ครั้งที่ 3 มีเพื่อนร่วมทริปอีก 3 คน กลับมาจากครั้งแรกนี่มาฝึกภาษาจีนและภาษาทิเบตเลยเพื่อให้ใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นค่ะ
- ตอนแรกก็กะว่าจะไปทิเบตอีก เพราะนับวันลาได้ครบ 16 วันหาไม่ได้ง่ายๆ กะจะไปเทรคกิ้งเขาไกรลาสค่ะ แต่พอไปนัดไกด์ที่ไปด้วยทุกครั้ง ไกด์บอกว่า ไม่น่าไปนะช่วงนี้ อาจจะเจอพายุหิมะได้ อ้าว ไหงเพิ่งบอก คราวที่แล้วถามบอกได้ๆ ตั๋วเครื่องบินก็จองไปแล้ว วันหยุดก็จัดสรรแล้ว วีซ่าก็มีพร้อมแล้ว จะต้องหาแผนใหม่สิ
- ตอนไปครั้งที่ 3 ในเดือนธันวาปีที่แล้ว ไกด์ชี้ให้ดูรูป Larung Gar บนฝาผนังค่ะ รูปคล้ายๆกันนี้เพิ่งได้เห็นจากที่เค้าแชร์ๆกันมา ไกด์บอกตรงนี้ไม่ต้องใช้ permit นะ เอ้า งั้นไปเลยเอาที่นี่แหละ
สำหรับตัวจขกท.เองก็คิดว่าตัวเองเป็นคนแข็งแรงอยู่ อาการแพ้ที่สูง AMS ไม่เคยปรากฏ แม้ว่าบางทีจะอดนอนทำงานก่อนไปเที่ยว ก็ไม่เคยเป็นอะไร diamox ที่ทานเพื่อป้องกันอาการนี้ ก็ทานเม็ดเดียวแค่วันแรกค่ะ แล้วเป็นคนชอบถ่ายรูป กระเป๋ากล้องหนักกว่ากระเป๋าเสื้อผ้าค่ะ ด้วยเหตุที่ทั้งชอบเดินเที่ยวและแบกอุปกรณ์กล้องไปด้วย เลยต้องออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงหน่อย โดยปกติก็จะซ้อมวิ่งค่ะ วิ่งตั้งแต่มินิถึงฟูลเลยค่ะ แต่ไม่ได้ชอบวิ่งหรือวิ่งเร็วมากนะคะ เพียงแต่วิ่งแล้วร่างกายแข็งแรงมากขึ้น เดินได้อึด แบกเป้ไหวค่ะ
/edit นิดนึงนะคะ/ เราเขียนจากประสบการณ์และที่ฟังมาอ่านมาบ้างนะคะ ถ้าตรงไหนข้อมูลผิดพลาด ท้วงติงแนะนำเพิ่มเติมได้เลยนะคะ เรายินดีและขอบคุณค่ะ