ผมเป็นคนหนึ่งที่ใช้รถทั้งสองประเภท
ที่บ้านคนอยู่สองคน รถยนต์สอง มอไซด์สอง จักรยานสาม
รถยนต์ใช้ไปทำงาน หรือไปธุระเหมือนปกติ
สำหรับรถมอเตอร์ไซด์ใช้เดินทางไกล้ๆ
หรือไปไหนๆที่ไม่ต้องคนเดียว รัศมีทำการไม่เกิน 40 กิโลเมตร
ด้วยความที่เราชอบขี่ และคันมันเล็กซอกแซกไปได้ด้วยความว่องไว

เวลาเราขับรถยนต์ เราจะมองมอเตอร์ไซด์เหมือนที่ จขกท. มองนั่นแหละครับ
เพราะมันน่ารำคาญ อะไรไม่รู้มาปาดซ้ายปาดขวาเรา เฉี่ยวกระจกอีก
ไอ้เฉี่ยวกระจะนี่ผมเคืองนะเพราะมันไม่ระวัง
จอดรถติดไปแดงอยู่บางทีถ้ามีมาซอกแซกแบบว่าพยายามจะไป
ทั้งๆที่มันแคบ ผมจะลดกระจกลงมาแล้วมอง
แต่บางทีถ้าเค้าติดนิดนึงแต่รออยู่ตรงกระจกเรา
ผมจะพัดกระจกให้เค้าไป หรือถ้าเลื่อนได้ก็จะเลื่อนรถให้
เอาแบบว่าจัดไปตามสันดานของมอไซด์ที่อยู่ด้านข้าง
สันดานดีมาก็ดีกลับ ถ้าไม่ดีมาก็ไม่ดีกลับ

เราขับรถยนต์เราก็จะมีมุมมองต่อมอไซด์แบบคนขับรถยนต์
แต่เมื่อไหร่ก็แล้วแต่ที่เรา ลองมานั่งคล่อมมอไซด์
ทันที่ที่บีบคลัทซ์ สับเกียร์ออกไป เราก็จะรู้ว่าทำไม
คนขับมอไซด์ต้องทำอย่างนั้น
ทำไมต้องซอกแซกไปหยุดข้างหน้าสุดเวลาติดไฟแดง
และอีกหลายทำไม ต้องลองมาขับเองถึงจะรู้ครับ

คิดในทางที่ดีก็คือ เราขับนถยนต์ เราใช้พื้นที่บนถนน
ประมาณ  6 ตารางเมตร ต่อพื้นที่รถ 1 คันต่อ 1 คน  ต่อน้ำหนักรถตันกว่า ถ้าคุณขับรถคนเดียว
แต่มอไซด์ ใช้พื้นที่ถนน แค่ไม่เกิน 1.5 หรือ 2 ตารางเมตร ต่อรถ 1 คัน ต่อ 1 คน ต่อน้ำหนักรถ 100 กว่ากิโล
ถ้าในกรณีซ้อนก็ประมาณ 1 ตารางเมตร ต่อคน
ผมว่าคนขับรถยนต์นี่กินพื้นที่มากกว่าคนขับมอไซด์อีกนะครับ
ลองนึกดูว่าถ้าถนนบ้านเรา
1. ทุกคนรวย คนที่อยู่บนถนนทุกคนขับรถยนต์หมดอะไรจะเกิดขึ้น
2. ทุกคนไม่ค่อยมีตังค์ ขับมอไซด์หมดอะไรจะเกิดขึ้น

อยากให้คิดกลับกันนะครับ เรามองว่ามอไซด์ขับไม่ดีชอบปาด ชอบซอกแซก
แต่คนขับรถยนต์ก็ใช่ว่าจะมารยาทดีทุกคน ปากหน้า ตบไปใส่กันบ่อยเหมือนกัน
ลักษณะและสภาพการขับขี่บ้านเราและในอาเซี่ยนมันเป็นแบบนี้ครับ
มันแก้ยาก สิงที่จะทำให้ขับรถได้อย่างสบายใจผมคิดว่า คือการทำใจและเข้าใจมากกว่า