คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
1
ผมพยายามทำตัวอินดี้ครั้งแรกตอนอายุ 25 เพราะผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า
“อย่าพูดว่าตัวเองเป็นคนอินดี้เลย ถ้าดูหนังนอกกระแสแค่สองเรื่องต่อเดือน และไปเช็คอินที่เฮาส์อาร์ซีเอเพื่อเอาปากกาไปวาดเล่นที่ผนังเพราะคิดว่าวาดได้”
หยิ่งผยอง ผมเสียหน้า
ผมคุยกับเธออีกสองสามประโยคก็พบว่าเธอชอบหนังหว่องการ์ไว เธอชอบ Chungking Express กับ Fallen Angel พร้อมเล่าเรื่องย่อให้ผมฟัง ผมคุ้นๆ และผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมเคยดูนานแล้ว นั่นมันเรื่อง “ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง” กับ “นักฆ่าตาชั้นเดียว” นี่หว่า เห็นชื่อหนังกูก็นึกว่าหนังบู๊ฮ่องกงที่ไหนได้หนังอะไรก็ไม่รู้ ผมทนเธอไม่ไหวเลยรีบปลีกตัวออกมา เดินกลับไปหาเพื่อน กระซิบบอกมัน ดนตรีการาจร็อคดังกระหึ่มเป็นฉากหลัง...อีห่าโลกมันไปถึงไหนยังเปิด The Strokes อีกเหรอ
“ผู้หญิงคิ้วหนาคนนั้นใครวะ เสล่อ”
เพื่อนบอกไม่รู้เหมือนกัน (อ้าวแล้วเนียนมาหลอกด่ากู ?) ดูเหมือนเธอมาคอยผัว เธอยืนผงกตามจังหวะดนตรี เธอใส่เสื้อ Iron Meiden เดี๋ยวๆ มันชื่อวง Iron Maiden ไม่ใช่เหรอ อีห่ามันซื้อเสื้อก๊อป เสี้ยววินาทีที่ผมจ้องเสื้อก็อปของเธอ เธอรู้ว่าถูกมอง เธอมองตรงมาหาผม เธอมองเพื่อถามว่า “จ้องนมกูอยู่ใช่มั๊ย ?” ก็แหม่โลโก้ปลอมอยู่ตรงนมพอดีให้กูไปมองตรงไหนวะ ?
2
คืนต่อมา มีคนถ่ายรูปเธอลงในเพจ “คิ้วเกิน” แต่ไม่มีใครแทคเธอ แต่กูจำได้ แหม่ เล่นเขียนคิ้วซะเข้มขนาดนั้น กูนึกว่าเอาสาหร่ายมาชิตะไปวางตรงคิ้ว
3
สองสัปดาห์ต่อมา ผมไปงานเปิดนิทรรศการของแกลลอรี่หนึ่ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไปทำไม แต่น่าจะมีของฟรี ช่วงนั้นเงินเดือนใกล้หมด อะไรประหยัดได้ผมก็ไป บางครั้งผทไม่รู้ว่าออกจากห้องไปทำไม เสียทั้งค่ารถ รวมๆกันก็เท่ากับกูเดินออกไปสั่งผัดกะเพราทะเลพิเศษอยู่ดี
ผมยอมรับว่าผมลืมไปแล้ว เพราะเพจ A Girl สาวญี่ปุ่นเกาหลี น่าจดจำมากกว่าอีคิ้วหนาคนนั้น แต่เธอดันอยู่ที่นั่น คิ้วหนาๆ เสื้อยืดทัวร์วง Nirvana แต่รูปวงเป็นวง Hanson ผมว่าเธอไม่รู้ว่าอีเด็กผมบ็อบพวกนั้นไม่ใช่เคิร์ท โคเบนแน่ๆ ผมเริ่มประโยคแรก “ผมดูหนังหว่องการ์ไวแล้วนะ เรื่องยิปมัน สนุกดี”
เธอบอก “ดูเพราะมันเป็นหนังแอ๊คชั่นน่ะสิ”
เธออัปเปอร์คัตขวา ผมหลบไม่ทัน อะไรวะ ผู้หญิงคนนี้
“คุณทำงานอะไร” ผมอยากรู้จริงๆ “เป็นบรรณารักษ์ นักเขียนรีวิวหนังสือ หรืออาจารย์สอนวรรณกรรม หรือแอดมินเพจอวยไส้แตก”
เธอตอบ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง”
....นั่นไง กลวงมาเชียว ถ้าทำอาชีพอย่างนั้นคงไม่มาเหยียดกูด้วยการดูหนังแบบนั้นแน่ๆ
ผมพยายามชวนคุยอีกหลายอย่างก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ชวนเธอสูบบุหรี่
เธอบอก “ฉันไม่สูบบุหรี่กับคนที่ฉันไม่ไว้ใจ” อะไรของเขาวะ ผมควรจะตัดบทแล้วไปคุยกับคนอื่นใช่ไหม ?
แต่ไม่ว่ะ ไม่ใช่กับครั้งนี้ “งั้นช่วยแนะนำหนังให้ผมหน่อยแล้วกัน นอกจากหนังหว่องแล้วมีหนังอะไรน่าสนใจบ้าง”
ได้ผล ผมเห็นเธอหลบสายตา แล้วหยิบมือถือเปิดเว็บ rottentomatoes .com และแนะนำหนังอย่าง เทอเรนซ์ มาลิก และชื่อผู้กำกับที่จำยากๆ ซึ่งผมไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เธอเห็นแววตาของผมที่เหมือนจะทำเป็นสนใจ ความจริงผมแค่อยากลองภูมิว่าเธอจะไปรอดมั๊ย สุดท้ายก็อ้างอิงจากเว็บ
4
ผมได้เฟสบุ๊คของเธอมาในที่สุด อันที่จริงเธอเป็นคนขอแอดผมเองเพื่อลากผมเข้ากรุ๊ปของคนดูหนังฟังเพลงอินดี้
ผมเออออไปตามเรื่อง จากนั้นทุกอย่างก็ดูปกติ
เรานัดกินข้าวกันบ้าง ดูหนังกันบ้าง เธอชอบไปดูลิโด้ และชอบชวนรอบเช้า เดาว่ารอบเช้ามันราคาถูก บางครั้งเธอก็ทำเป็นฝืนไปดูหนังเมเจอร์ แต่เธอก็เลือกดูเฉพาะวันพุธ แน่นอนเลยว่าเธอประหยัด แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
มันเป็นเพราะว่าผมไม่พยายามก็ดีมีเพื่อนสาวโชว์ความเป็นอินดี้โง่ๆ ส่วนเธอก็จะมา เฉพาะเวลาที่เธออยากมา (ซึ่งมักจะตรงกับเวลาตั๋วหนังราคาถูก
ผมควบคุมอะไรเธอไม่ได้ และเธอก็ไม่ควบคุมอะไรผม
เหมือนเราล่องลอยอยู่ในภาวะสุญญากาศร่วมกัน ... โดยเฉพาะช่วงกลางเดือน เงินเดือนค่อยหมด เราก็เลยมุ่งมั่นเล่นเกมชิงรางวัลตั๋วฟรีตามเพจ เพื่อให้ได้ดูหนังฟรี แลกกับการถ่ายรูปตั๋วรอบสื่อมาโชว์ว่ากูได้ดูแล้วนะ ขอบคุณเพจ....สำหรับการสนับสนุนบัตรฟรี
นอกจากนั้นเราชอบเข้าคิโนคุนิยะ ไปยืนอ่านพวก Kinfolk ฟรี บางทีก็เมื่อยนั่งอ่านบ้าง เกะกะทางนิดหน่อย แต่ก็เพื่อให้รู้ว่าเราเป็นคนรักการอ่าน แม้ไม่ซื้อ ก็แหม ราคามันแพง ไว้โบนัสออกค่อยซ้อแล้วกัน
มีครั้งหนึ่งที่ทุกอย่างดูจะก้าวหน้าขึ้นฉับพลัน
วันนั้นทุกอย่างประหลาด แม้จะเริ่มต้นด้วยความปกติ
เราไปนั่งกินเบียร์กัน คืนวันศุกร์ ที่ร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีดนตรีสด วันนั้นมีงานอีเวนท์พอดี
วันนั้นผมดันเอารถมา ปกติไม่ได้ใช้รถ เพราะไม่มีตงัค์เติมน้ำมัน
ผมกรึ่มได้ที่ ส่วนเธอเริ่มจะเมา เราพากันขึ้นรถ ผมจะไปส่งเธอที่บีทีเอสที่ใกล้อพาร์ตเม้นท์ของเธอที่สุด
ปกติแล้วเป็นอย่างนั้น เธอไม่เคยให้ไปส่งถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ แต่คราวนี้เธอบอกว่าไปส่งที่ห้องหน่อย...เอาแล้ว เมาแล้วทันที
ระหว่างทาง เธอจับมือผม ซึ่งก็ประหลาดอีกนั่นแหละ เพราะปกติ ผมจะเป็นคนจับมือเธอ เธอไม่ชอบการแตะต้องร่างกายเท่าไหร่ เห็นได้จากเวลาผ่านไปสามเดือนแล้วผมยังไม่เคยได้ทำอะไรมากกว่าจับมือเลย อย่างกับเด็กมอปลาย
เธอโพล่ง “คนที่เอากันในรถ จะรู้สึกยังไงนะ”
ผมตกใจ เธอหัวเราะ เธอสารภาพว่าไม่ได้จ่ายตังค์ค่าไฟ เข้าห้องก็ร้อน งั้นเอากันก็ได้ ขอไปนอนห้องนายเถอะ ... อีนี่ก็ง่ายไปมั๊ย ?
5
สุดท้ายผมก็สุภาพบุรุษพอ เอาบิลไปจ่ายค่าไฟให้ แต่ก็ยอมให้เธอนอนที่ห้อง เพราะการไฟฟ้าไม่เปิดตอนนี้ เซเว่นก็ไม่รับจ่ายบิลที่โดนตัดไฟ
เธอเดินตรงไปที่เตียง หลับทันที ห้องก็รก นั่นซองมาม่ากูยังไม่ได้ทิ้ง แต่ไม่ไหวแล้ว
ผมสำรวจ
สำรวจเธอ
แล้วก็ได้รู้ว่าเธอตัวใหญ่เกินไป ไม่ใช่สเปคผมหรอกที่จริง และอีคิ้วปลิงบนหน้าผากเธอ ผมก็หมดอารมณ์ที่จะมีอะไรกับเธอเหมือนกัน ผมลองแงะเข้าไปในชั้นใน พบว่ากางเกงในกับเสื้อในคนละสี แล้วไม่แมทช์กันเลย เสื้อในสีแดง กางเกงในสีเขียวสะท้อนแสง นี่ถ้ามีสีเหลืองอีอัน ก็ต้นตะเคียนดีๆนี่เอง อ่อกูเห็นสีเหลืองแล้ว ... เป้ากางเกงในนั่นเอง
ความรู้สึกทางเพศก็ไม่ได้พลุ่งพล่าน คือผมไม่ใช่พวกชอบลักหลับหรอกนะ แต่ถ้าผมชอบเธอจริงๆ มันต้องรู้สึกบ้างแหละวะ
แต่ผมแค่มองดูเธอนอนหลับ ไม่ต้องการอะไร เพราะผมปั่นอย่างไรก็ไม่โด่
ผมถามตัวเองเป็นครั้งแรก
ผมใจอ่อนยอมให้เธอมานอนทำไมวะ ถ้าให้เลือกระหว่างเอากันกับโกนขนคิ้ว กูยอมเลือกอย่างหลังมากกว่านะ
ผู้หญิงที่ผมไม่ได้ชอบ ดูแล้วก็ไม่น่า แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วย
6
เธอกลับก่อน
ตอนเช้าเธอไลน์มาขอบคุณที่ไม่ได้ทำอะไรเธอ
ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะผมคงไม่ให้มันมาอีกแล้ว
ไม่ได้บอกแบบนั้นหรอกนะ บอกแค่ไม่เป็นไร
จากนั้นก็ตามขั้นตอน ผมโทรหาเธอน้อยลง ไปไหนมาไหนกับเธอน้อยลง
พยายามใช้คำว่า “เพื่อน” กับเธอให้มากขึ้น
เธอฉลาดอยู่แล้ว เธอรู้ว่าผมกำลังทำอะไร
ในเฟสบุ๊คของเธอ มีโพสต์ดราม่าบ้าง แต่ก็ไม่ได้จะเป็นจะตาย
หลังๆเธอแชร์รูปคนสามขา แล้วแคปชั่นว่าสาธุ ผมคิดว่าเธอไม่เหมือนแต่ก่อน หรือเธอพยายามจะอินดี้และคิดว่าไม่สำเร็จเธอเลยเปลี่ยนแนว
ไม่นาน ผมก็หายไปจากชีวิตเธออย่างถาวร
มารู้ทีหลังว่าเธอโดนบล็อกเพราะไปแชร์คนสามและโดนรีพอร์ต
7
กลางดึกคืนหนึ่ง เธอโทรมา หนึ่งปีได้มั้ง หลังจากคืนนั้น
เธอถามว่า “เราไม่ดีตรงไหน”
ผมไม่มีอะไรจะตอบ ... เสื้อก็อป ความกระแดะ รสนิยมชุดชั้นใน และนิสัยชอบของฟรีของถูกของเธอ และ ที่สำคัญ อีคิ้วปลิงนั่น น่าจะเป็นคำตอบที่น่าจะรู้กันแล้ว
ผมรู้พอๆ กับที่เธอรู้
ผมไม่รู้เหมือนกับที่เธอไม่รู้
ผมได้แต่เงียบ แล้วสุดท้ายก็พูดออกไป “มันก็นานแล้วนะ”
เธอเงียบ ก่อนตอบ “ใช่” แล้ววางหูไป เดาว่าเงินที่เติมหมด ไม่น่าจะโมโหอะไร ผมก็ไม่โทรกลับด้วย เปลืองค่าโทร จะไลน์ก็เปลืองสามจี
8
เธอกำลังจะไปเมืองนอก เหมือนจะไปเรียนต่อและคิดว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว อะไรทำนองนั้น...ผมเดาว่านางได้ผัวฝรั่ง ผมดีใจกับเธอด้วย ผัวฝรั่งคงทนคิ้วปลิงของเธอได้ แต่ผมไม่ทน
ผมไม่ได้ไลค์ คอมเม้นท์ หรือ “คุย” กับเธอมานานแล้ว แค่อ่านสเตตัสเวลาที่มันขึ้นในนิวฟี้ด วันๆก็แชร์แต่คุณตัน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพจตันปลอม แต่ดูเหมือนเธออยากรวยจนลืมความอินดี้ไปแล้ว
แฟนผมบอกว่าไม่น่าเชื่อตอนที่ผมบอกว่าเคยคุยกับเธอ
“ถ้ารู้ว่าชอบผู้หญิงคิ้วอย่างนั้น กูคงไม่เอาเป็นผัว” เขร้ แม่งกลายเป็นฝังใจผมทันที
ผมหมั้นแล้วกับผู้หญิงผมยาว ขาว ตัวเล็กกว่าเธอ คิ้วกำลังเรียวสวย ที่สำคัญ เสื้อ Iron Maiden ถูกลิขสิทธิ์ซะด้วย
เธอไม่ได้มางานหมั้นของผม เพราะผมไม่ได้เชิญ กลัวเธอจะเอาปิ่นโตมาตักข้าวเอากลับไปกินบ้าน
แต่เธอไลค์รูป Pre-Wedding ที่แฟนผมแทคมาในเฟสบุ๊ค
น่าจะเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นไร เธอยินดีด้วย ซึ่งมันก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมลองเข้าไปในเฟสเธอ เธอยังแชร์รูปคนสี่ขาแล้วยังสาธุอยู่เลย
9
คิดดูแล้ว
นักบินอวกาศก็คงเป็นแบบนี้ใช่ไหม
เวลามองสันเขาที่ต่อเป็นแนวยาวจากนอกโลก คงเหมือนคิ้วอีนั่นแน่ๆ
#sinceiwas25 #Abstractbar
อันนี้ป้ะคะ
ผมพยายามทำตัวอินดี้ครั้งแรกตอนอายุ 25 เพราะผู้หญิงคนหนึ่งบอกผมว่า
“อย่าพูดว่าตัวเองเป็นคนอินดี้เลย ถ้าดูหนังนอกกระแสแค่สองเรื่องต่อเดือน และไปเช็คอินที่เฮาส์อาร์ซีเอเพื่อเอาปากกาไปวาดเล่นที่ผนังเพราะคิดว่าวาดได้”
หยิ่งผยอง ผมเสียหน้า
ผมคุยกับเธออีกสองสามประโยคก็พบว่าเธอชอบหนังหว่องการ์ไว เธอชอบ Chungking Express กับ Fallen Angel พร้อมเล่าเรื่องย่อให้ผมฟัง ผมคุ้นๆ และผมก็นึกขึ้นได้ว่าผมเคยดูนานแล้ว นั่นมันเรื่อง “ผู้หญิงผมทอง ฟัดหัวใจให้โลกตะลึง” กับ “นักฆ่าตาชั้นเดียว” นี่หว่า เห็นชื่อหนังกูก็นึกว่าหนังบู๊ฮ่องกงที่ไหนได้หนังอะไรก็ไม่รู้ ผมทนเธอไม่ไหวเลยรีบปลีกตัวออกมา เดินกลับไปหาเพื่อน กระซิบบอกมัน ดนตรีการาจร็อคดังกระหึ่มเป็นฉากหลัง...อีห่าโลกมันไปถึงไหนยังเปิด The Strokes อีกเหรอ
“ผู้หญิงคิ้วหนาคนนั้นใครวะ เสล่อ”
เพื่อนบอกไม่รู้เหมือนกัน (อ้าวแล้วเนียนมาหลอกด่ากู ?) ดูเหมือนเธอมาคอยผัว เธอยืนผงกตามจังหวะดนตรี เธอใส่เสื้อ Iron Meiden เดี๋ยวๆ มันชื่อวง Iron Maiden ไม่ใช่เหรอ อีห่ามันซื้อเสื้อก๊อป เสี้ยววินาทีที่ผมจ้องเสื้อก็อปของเธอ เธอรู้ว่าถูกมอง เธอมองตรงมาหาผม เธอมองเพื่อถามว่า “จ้องนมกูอยู่ใช่มั๊ย ?” ก็แหม่โลโก้ปลอมอยู่ตรงนมพอดีให้กูไปมองตรงไหนวะ ?
2
คืนต่อมา มีคนถ่ายรูปเธอลงในเพจ “คิ้วเกิน” แต่ไม่มีใครแทคเธอ แต่กูจำได้ แหม่ เล่นเขียนคิ้วซะเข้มขนาดนั้น กูนึกว่าเอาสาหร่ายมาชิตะไปวางตรงคิ้ว
3
สองสัปดาห์ต่อมา ผมไปงานเปิดนิทรรศการของแกลลอรี่หนึ่ง ทั้งที่ไม่รู้ว่าไปทำไม แต่น่าจะมีของฟรี ช่วงนั้นเงินเดือนใกล้หมด อะไรประหยัดได้ผมก็ไป บางครั้งผทไม่รู้ว่าออกจากห้องไปทำไม เสียทั้งค่ารถ รวมๆกันก็เท่ากับกูเดินออกไปสั่งผัดกะเพราทะเลพิเศษอยู่ดี
ผมยอมรับว่าผมลืมไปแล้ว เพราะเพจ A Girl สาวญี่ปุ่นเกาหลี น่าจดจำมากกว่าอีคิ้วหนาคนนั้น แต่เธอดันอยู่ที่นั่น คิ้วหนาๆ เสื้อยืดทัวร์วง Nirvana แต่รูปวงเป็นวง Hanson ผมว่าเธอไม่รู้ว่าอีเด็กผมบ็อบพวกนั้นไม่ใช่เคิร์ท โคเบนแน่ๆ ผมเริ่มประโยคแรก “ผมดูหนังหว่องการ์ไวแล้วนะ เรื่องยิปมัน สนุกดี”
เธอบอก “ดูเพราะมันเป็นหนังแอ๊คชั่นน่ะสิ”
เธออัปเปอร์คัตขวา ผมหลบไม่ทัน อะไรวะ ผู้หญิงคนนี้
“คุณทำงานอะไร” ผมอยากรู้จริงๆ “เป็นบรรณารักษ์ นักเขียนรีวิวหนังสือ หรืออาจารย์สอนวรรณกรรม หรือแอดมินเพจอวยไส้แตก”
เธอตอบ “ฉันไม่ได้เป็นอะไรสักอย่าง”
....นั่นไง กลวงมาเชียว ถ้าทำอาชีพอย่างนั้นคงไม่มาเหยียดกูด้วยการดูหนังแบบนั้นแน่ๆ
ผมพยายามชวนคุยอีกหลายอย่างก็ไม่ค่อยประสบความสำเร็จ ชวนเธอสูบบุหรี่
เธอบอก “ฉันไม่สูบบุหรี่กับคนที่ฉันไม่ไว้ใจ” อะไรของเขาวะ ผมควรจะตัดบทแล้วไปคุยกับคนอื่นใช่ไหม ?
แต่ไม่ว่ะ ไม่ใช่กับครั้งนี้ “งั้นช่วยแนะนำหนังให้ผมหน่อยแล้วกัน นอกจากหนังหว่องแล้วมีหนังอะไรน่าสนใจบ้าง”
ได้ผล ผมเห็นเธอหลบสายตา แล้วหยิบมือถือเปิดเว็บ rottentomatoes .com และแนะนำหนังอย่าง เทอเรนซ์ มาลิก และชื่อผู้กำกับที่จำยากๆ ซึ่งผมไม่ใส่ใจเท่าไหร่ เธอเห็นแววตาของผมที่เหมือนจะทำเป็นสนใจ ความจริงผมแค่อยากลองภูมิว่าเธอจะไปรอดมั๊ย สุดท้ายก็อ้างอิงจากเว็บ
4
ผมได้เฟสบุ๊คของเธอมาในที่สุด อันที่จริงเธอเป็นคนขอแอดผมเองเพื่อลากผมเข้ากรุ๊ปของคนดูหนังฟังเพลงอินดี้
ผมเออออไปตามเรื่อง จากนั้นทุกอย่างก็ดูปกติ
เรานัดกินข้าวกันบ้าง ดูหนังกันบ้าง เธอชอบไปดูลิโด้ และชอบชวนรอบเช้า เดาว่ารอบเช้ามันราคาถูก บางครั้งเธอก็ทำเป็นฝืนไปดูหนังเมเจอร์ แต่เธอก็เลือกดูเฉพาะวันพุธ แน่นอนเลยว่าเธอประหยัด แต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้า
มันเป็นเพราะว่าผมไม่พยายามก็ดีมีเพื่อนสาวโชว์ความเป็นอินดี้โง่ๆ ส่วนเธอก็จะมา เฉพาะเวลาที่เธออยากมา (ซึ่งมักจะตรงกับเวลาตั๋วหนังราคาถูก
ผมควบคุมอะไรเธอไม่ได้ และเธอก็ไม่ควบคุมอะไรผม
เหมือนเราล่องลอยอยู่ในภาวะสุญญากาศร่วมกัน ... โดยเฉพาะช่วงกลางเดือน เงินเดือนค่อยหมด เราก็เลยมุ่งมั่นเล่นเกมชิงรางวัลตั๋วฟรีตามเพจ เพื่อให้ได้ดูหนังฟรี แลกกับการถ่ายรูปตั๋วรอบสื่อมาโชว์ว่ากูได้ดูแล้วนะ ขอบคุณเพจ....สำหรับการสนับสนุนบัตรฟรี
นอกจากนั้นเราชอบเข้าคิโนคุนิยะ ไปยืนอ่านพวก Kinfolk ฟรี บางทีก็เมื่อยนั่งอ่านบ้าง เกะกะทางนิดหน่อย แต่ก็เพื่อให้รู้ว่าเราเป็นคนรักการอ่าน แม้ไม่ซื้อ ก็แหม ราคามันแพง ไว้โบนัสออกค่อยซ้อแล้วกัน
มีครั้งหนึ่งที่ทุกอย่างดูจะก้าวหน้าขึ้นฉับพลัน
วันนั้นทุกอย่างประหลาด แม้จะเริ่มต้นด้วยความปกติ
เราไปนั่งกินเบียร์กัน คืนวันศุกร์ ที่ร้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่มีดนตรีสด วันนั้นมีงานอีเวนท์พอดี
วันนั้นผมดันเอารถมา ปกติไม่ได้ใช้รถ เพราะไม่มีตงัค์เติมน้ำมัน
ผมกรึ่มได้ที่ ส่วนเธอเริ่มจะเมา เราพากันขึ้นรถ ผมจะไปส่งเธอที่บีทีเอสที่ใกล้อพาร์ตเม้นท์ของเธอที่สุด
ปกติแล้วเป็นอย่างนั้น เธอไม่เคยให้ไปส่งถึงหน้าอพาร์ตเม้นท์ แต่คราวนี้เธอบอกว่าไปส่งที่ห้องหน่อย...เอาแล้ว เมาแล้วทันที
ระหว่างทาง เธอจับมือผม ซึ่งก็ประหลาดอีกนั่นแหละ เพราะปกติ ผมจะเป็นคนจับมือเธอ เธอไม่ชอบการแตะต้องร่างกายเท่าไหร่ เห็นได้จากเวลาผ่านไปสามเดือนแล้วผมยังไม่เคยได้ทำอะไรมากกว่าจับมือเลย อย่างกับเด็กมอปลาย
เธอโพล่ง “คนที่เอากันในรถ จะรู้สึกยังไงนะ”
ผมตกใจ เธอหัวเราะ เธอสารภาพว่าไม่ได้จ่ายตังค์ค่าไฟ เข้าห้องก็ร้อน งั้นเอากันก็ได้ ขอไปนอนห้องนายเถอะ ... อีนี่ก็ง่ายไปมั๊ย ?
5
สุดท้ายผมก็สุภาพบุรุษพอ เอาบิลไปจ่ายค่าไฟให้ แต่ก็ยอมให้เธอนอนที่ห้อง เพราะการไฟฟ้าไม่เปิดตอนนี้ เซเว่นก็ไม่รับจ่ายบิลที่โดนตัดไฟ
เธอเดินตรงไปที่เตียง หลับทันที ห้องก็รก นั่นซองมาม่ากูยังไม่ได้ทิ้ง แต่ไม่ไหวแล้ว
ผมสำรวจ
สำรวจเธอ
แล้วก็ได้รู้ว่าเธอตัวใหญ่เกินไป ไม่ใช่สเปคผมหรอกที่จริง และอีคิ้วปลิงบนหน้าผากเธอ ผมก็หมดอารมณ์ที่จะมีอะไรกับเธอเหมือนกัน ผมลองแงะเข้าไปในชั้นใน พบว่ากางเกงในกับเสื้อในคนละสี แล้วไม่แมทช์กันเลย เสื้อในสีแดง กางเกงในสีเขียวสะท้อนแสง นี่ถ้ามีสีเหลืองอีอัน ก็ต้นตะเคียนดีๆนี่เอง อ่อกูเห็นสีเหลืองแล้ว ... เป้ากางเกงในนั่นเอง
ความรู้สึกทางเพศก็ไม่ได้พลุ่งพล่าน คือผมไม่ใช่พวกชอบลักหลับหรอกนะ แต่ถ้าผมชอบเธอจริงๆ มันต้องรู้สึกบ้างแหละวะ
แต่ผมแค่มองดูเธอนอนหลับ ไม่ต้องการอะไร เพราะผมปั่นอย่างไรก็ไม่โด่
ผมถามตัวเองเป็นครั้งแรก
ผมใจอ่อนยอมให้เธอมานอนทำไมวะ ถ้าให้เลือกระหว่างเอากันกับโกนขนคิ้ว กูยอมเลือกอย่างหลังมากกว่านะ
ผู้หญิงที่ผมไม่ได้ชอบ ดูแล้วก็ไม่น่า แล้วผมก็ไม่เข้าใจด้วย
6
เธอกลับก่อน
ตอนเช้าเธอไลน์มาขอบคุณที่ไม่ได้ทำอะไรเธอ
ผมบอกว่าไม่เป็นไร เพราะผมคงไม่ให้มันมาอีกแล้ว
ไม่ได้บอกแบบนั้นหรอกนะ บอกแค่ไม่เป็นไร
จากนั้นก็ตามขั้นตอน ผมโทรหาเธอน้อยลง ไปไหนมาไหนกับเธอน้อยลง
พยายามใช้คำว่า “เพื่อน” กับเธอให้มากขึ้น
เธอฉลาดอยู่แล้ว เธอรู้ว่าผมกำลังทำอะไร
ในเฟสบุ๊คของเธอ มีโพสต์ดราม่าบ้าง แต่ก็ไม่ได้จะเป็นจะตาย
หลังๆเธอแชร์รูปคนสามขา แล้วแคปชั่นว่าสาธุ ผมคิดว่าเธอไม่เหมือนแต่ก่อน หรือเธอพยายามจะอินดี้และคิดว่าไม่สำเร็จเธอเลยเปลี่ยนแนว
ไม่นาน ผมก็หายไปจากชีวิตเธออย่างถาวร
มารู้ทีหลังว่าเธอโดนบล็อกเพราะไปแชร์คนสามและโดนรีพอร์ต
7
กลางดึกคืนหนึ่ง เธอโทรมา หนึ่งปีได้มั้ง หลังจากคืนนั้น
เธอถามว่า “เราไม่ดีตรงไหน”
ผมไม่มีอะไรจะตอบ ... เสื้อก็อป ความกระแดะ รสนิยมชุดชั้นใน และนิสัยชอบของฟรีของถูกของเธอ และ ที่สำคัญ อีคิ้วปลิงนั่น น่าจะเป็นคำตอบที่น่าจะรู้กันแล้ว
ผมรู้พอๆ กับที่เธอรู้
ผมไม่รู้เหมือนกับที่เธอไม่รู้
ผมได้แต่เงียบ แล้วสุดท้ายก็พูดออกไป “มันก็นานแล้วนะ”
เธอเงียบ ก่อนตอบ “ใช่” แล้ววางหูไป เดาว่าเงินที่เติมหมด ไม่น่าจะโมโหอะไร ผมก็ไม่โทรกลับด้วย เปลืองค่าโทร จะไลน์ก็เปลืองสามจี
8
เธอกำลังจะไปเมืองนอก เหมือนจะไปเรียนต่อและคิดว่าจะไม่กลับมาอีกแล้ว อะไรทำนองนั้น...ผมเดาว่านางได้ผัวฝรั่ง ผมดีใจกับเธอด้วย ผัวฝรั่งคงทนคิ้วปลิงของเธอได้ แต่ผมไม่ทน
ผมไม่ได้ไลค์ คอมเม้นท์ หรือ “คุย” กับเธอมานานแล้ว แค่อ่านสเตตัสเวลาที่มันขึ้นในนิวฟี้ด วันๆก็แชร์แต่คุณตัน ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเพจตันปลอม แต่ดูเหมือนเธออยากรวยจนลืมความอินดี้ไปแล้ว
แฟนผมบอกว่าไม่น่าเชื่อตอนที่ผมบอกว่าเคยคุยกับเธอ
“ถ้ารู้ว่าชอบผู้หญิงคิ้วอย่างนั้น กูคงไม่เอาเป็นผัว” เขร้ แม่งกลายเป็นฝังใจผมทันที
ผมหมั้นแล้วกับผู้หญิงผมยาว ขาว ตัวเล็กกว่าเธอ คิ้วกำลังเรียวสวย ที่สำคัญ เสื้อ Iron Maiden ถูกลิขสิทธิ์ซะด้วย
เธอไม่ได้มางานหมั้นของผม เพราะผมไม่ได้เชิญ กลัวเธอจะเอาปิ่นโตมาตักข้าวเอากลับไปกินบ้าน
แต่เธอไลค์รูป Pre-Wedding ที่แฟนผมแทคมาในเฟสบุ๊ค
น่าจะเพื่อบอกว่าเธอไม่เป็นไร เธอยินดีด้วย ซึ่งมันก็คงเป็นแบบนั้นจริงๆ
ผมลองเข้าไปในเฟสเธอ เธอยังแชร์รูปคนสี่ขาแล้วยังสาธุอยู่เลย
9
คิดดูแล้ว
นักบินอวกาศก็คงเป็นแบบนี้ใช่ไหม
เวลามองสันเขาที่ต่อเป็นแนวยาวจากนอกโลก คงเหมือนคิ้วอีนั่นแน่ๆ
#sinceiwas25 #Abstractbar
อันนี้ป้ะคะ
แสดงความคิดเห็น
มีใครได้อ่านเรื่องประมาณว่า "เมื่อผมจีบฮิปสเตอร์" อะไรราวๆนี้บ้างไหมครับใน Facebook