ทริป 2 วัน 2 คืน สั้นๆ แต่มันสุดๆ ขั้นถึงพริกถึงขิงกับการโดดน้ำ ลอยคอ ปีนเขา ลอดถ้ำ ไม่ไกลแค่กาญจนบุรี
สวัสดี พวกเราคือ Gowithgu กลุ่มเพื่อนผู้เสพติดการผจญภัย และ ความงามของธรรมชาติ พวกเราทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และ กำลังทรัพย์ไปกับการนอนกางเต๊นในป่า แบกเป้ขึ้นเขา ดำดิ่งสู่ท้องทะเล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครรักการพจญภัย ทั้งบนบกและใต้น้ำ ทั้งไทยและเทศ กด like Facebook Page Gowithgu ได้เลยยย
ถ้าคุณเลือกไม่ถูกว่าจะไปทะเลหรือเขา ให้มากับเราแล้วจะพาไปเขาและทะเล
#4teenpeenkhao #2taoteefin
ม่อนทูเล เตร็ดเตร่ ไปม่อนคลุย http://ppantip.com/topic/34878685
จิบเบียร์ ชมดาว ขับรถเลาะลาว ไป “สามพันโบก” http://ppantip.com/topic/34911201
ดำน้ำอ่าวไทย แค่ใกล้ๆเมืองประจวบ http://ppantip.com/topic/35000023
ลุยเดี่ยวเที่ยวชุมพร ดำน้ำ กิน นอน แบบชาวเกาะ http://ppantip.com/topic/35021089
ทริปนี้ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเวลาเตรียมตัวกระชั้นมา ไม่ถึงอาทิตย์ สถานที่ น่าตื่นเต้นมาก บุกป่าฝ่าลง ลงน้ำลอยคอ เปียกเน็ดๆ และที่ตื่นเต้นสุด คือทริปนี้เป็นการซื้อทัวร์เข้าป่าครั้งแรกของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใครอยากดูรูปฮิปๆ จากกล้องฟิล์มติดตามได้ที่ Facebook Page Gowithgu
ใครว่าเข้าป่าจะลำบาก เราขอบอกเลยทริปนี้สะดวกสบายมากกกกกกกกกกก สบายจนน้ำหนักเราขึ้นมา 2 ก.ก.
เรื่องของเรื่องเริ่มจาก เพื่อนเราทักเรามากลางดึกว่า พุธหน้าไปลำคลองงูกันไหม เห็นเขาประกาศหาคนอยู่ในเฟส 2 คืน 2 วัน 2,800 เอง ด้วยความใจง่ายของเรา และ ช่วงวันนั้นเรายังไม่มีแพลนทำอะไร ทริปก็ไม่ได้แพงมาก ไปเลยจ้าาาา
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู อยู่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ลำคลองงูต้องมีเส้นทาง 2 เส้น คือเส้นถ้ำเสาหิน และ เส้นถ้ำนกแอ่น ต้องเดินอย่างละวัน เพราะฉะนั้น ควรนั่งรถไปให้ถึงก่อนเช้าวันที่ 1 เพื่อที่จะได้มีเวลานอนพักเก็บแรงไว้ลุย
แพลนโดยคร่าว
Day 0: 21.00 นัดเจอชาวแก๊ง ที่ Big C สะพานควาย และนั่งรถตู้ไปลำคลองงู
Day 1: เดินเส้นทางถ้ำเสาหิน
Day 2: เดินเส้นทางถ้ำนกนางแอ่น - เดินทางกลับ กทม.
ค่าใช้จ่าย
เหมาจ่าย 2,800 บาท ต่อคน
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
-ชุดลุยน้ำ (เราใส่ชุดว่ายน้ำเลยจ้า)
-ถุงนอน (ใครไม่มีเช่าที่อุทยานได้)
-เต๊นท์ (ใครไม่มีเช่าที่อุทยานได้)
-กระเป๋ากันน้ำ เราแนะนำ Ocean Pack
-ไฟฉายคาดหัว
-ถุงมือ สำหรับจับเชือก และ จับหิน (แล้วแต่)
การจองทริปลำคลองงูด้วยตัวเอง
อุทยานลำคลองงูจะเปิดให้จองทริป ช่วงเดือนก.พ.สำหรับออกทริบเดือน มี.ค. ถึง เม.ย.
แต่เนื่องจากพวกเราจองไม่ได้จอง เราจึงต้องซื้อทัวร์ไปค่ะ ก็ดีเหมือนกัน เพราะมีคนจัดการให้เราทุกอย่างเลย
-วันเดินทาง-
3 ทุ่มตรง ทุกคนก็มารวมตัวที่ Big C ตามนัดหมาย
พี่ป้าน้าอา แปลกหน้าแปลกตา เรากับเพื่อนก็เกร็งๆ อยู่นะ แต่พอล้อหมุนเท่านั้นแหละ หลับเป็นตาย
ตีสามก็ถึงอุทยานลำคลองงู หลังจากงัวเงียๆ สักพัก ลืมตามาก็เห็นพี่ๆ กำลังกางเต๊นท์ให้พวกเรา เราก็รีบไปช่วยพี่ๆ กางอีกแรง กางเสร็จก็สอดตัวเข้าไปในถุงนอน อากาศเย็นกำลังดี ประมาณ 9 องศา นอนหลับสบาย
-วันแรก-
กลิ่นทอดไก่ เตะจมูกชวนให้ตื่นนอน พี่ๆ ทำอาหารให้เราเกือบจะพร้อมแล้วจ้าา พวกเราออกมาจากเต๊นท์ ล้างหน้าแปรงฟัน และมาช่วยพี่ๆ อีกแรง เราต้องเตรียมข้าวเช้า และ ข้าวกลางวันสำหรับวันนี้
ข้าวเช้าวันนี้ เรากินผัดกระเพราไข่เจียวและแกงจืดเต้าหู้หมูสับ
ข้าวกลางวันเราเตรียมไก่ทอดกับข้าวเหนียวใส่ถุงไปกินกันระหว่างทาง
กินข้าวกันเสร็จ เปลี่ยนชุดลุย หยิบเสื้อชูชีพแล้วกระโดดขึ้นรถกระบะ ไปลุยกันเลยย
เรานั่งรถไปกัน ประมาณ 10 นาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน
วันนี้เราเดินประมาณ 4 ก.ม. ถึงน้ำตกที่ 1 ระหว่างทางก็ต้องผ่านป่าไผ่ จุดนี้ขาไปเป็นทางลง เดินง่ายมาก แทบจะวิ่งได้ หลอกๆๆๆๆ เดินสบายไม่นาน ก็ต้องเจอทางลงสุดชัน ทางนี้ต้องปีนป่ายเบาๆ ใช้มือใช้ไม้คอยประคองตัวเอง มันส์ดีเหมือนกันนะ
เติมพลังกับน้ำเถาวัลย์ข้างทาง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีแต่รสหวานอ่อนๆ กินแล้วชื่นใจ
พักเหนื่อยกันสักแป้บ (พักนานไม่ได้ ผึ้งตอม)
ถึงแล้ว เข้าสู่เขตทางชัน
เมื่อผ่านทางลงมหาโหด เราจะได้ยินเสียงน้ำตก นั่นแหละ เราใกล้น้ำตกแล้ว วิวสวยมากกก พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า อ้าววว จุดโดดน้ำจุดที่ 1 โดดสิจ๊ะ รออะไร น้ำตกสูงประมาณ 2 เมตร แต่สำหรับคนกลัวความสูง นี่ก็น่ากลัวไม่เบาเหมือนกันน้าาาา เเต่เราแนะนำค่ะ ในฐานะ ผู้ที่เคยกลัวความสูงมาเหมือนกัน กระโดดเลย แค่เราก้าวผ่านวินาทีวินั้นไปได้ ความภูมิใจ และความมันส์จะบังเกิด
น้ำใส เห็นปลาเต็มเลย
โดดน้ำ ถ่ายรูปกันสักพัก ก็เดินต่อไปถ้ำเสาหิน เราต้องปีนป่าย ผ่านน้ำตกไป แล้วเราจะเห็นปากถ้ำ เตรียมไฟฉายติดหัวให้พร้อม ได้เวลาลุยแล้ว เราสามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้ประมาณ 10 เมตร ก็ต้องเปิดไฟ เพราะแสงอาทิตย์เข้าไม่ถึงแล้ว แล้วต่อจากนี้ เราก็ต้องลงน้ำ ลอยตัวเข้าไป และเดินไต่หินสลับกันไป
ช่วงนี้ยังมีแสงอยู่ ต้องรีบเก็บภาพหินๆ
ในถ้ำสวยมากกกก หินย้อยแบบรูปทรงต่างๆนานา ตอนเดินไต่หิน ก้องหินที่เราจับก็มีลายสวยๆ เหมือนหินมงคลที่เขาขายกันเลย แต่นี่ก้อนใหญ่มากกกก เอาไปขายไม่ได้แน่นอน แล้วเวลาจับมันก็ลื่นนนนน สบายมือมาก
ช่วงที่ต้องว่ายน้ำลอยคอก็เจ๋งเหมือนกันนะ เพราะบางช่วงมีกระแสน้ำ เราต้องห้ามว่ายไปใกล้กระแสเลย ไม่งั้นโดนน้ำพัดไปไกลแน่ แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึง เรามัวแต่ว่ายลอยคอชมวิว โดนเจ้าหน้าที่ลากไปนู่นไปนี่ สบายเลย ไม่ต้องเตะขาเอง
เมื่อเดินๆ ไต่ๆ ว่ายๆ ไปไม่นาน ก็ถึงจุดที่ต้องเดินอย่างเดียวแล้ว จุดนี้บอกเลย กินขี้ค้างคาว และ สารพัดแมลงคืออุปสรรค จุดนี้อยู่ค่อนข้างลึกสงสัยว่าพวกแมลงแถวนี้ ชีวิตมันไม่เคยเจอแสงไฟ ตอมมมมม อยู่นั่นแหละ เข้าตา เข้าปาก เข้าจมูกกัน สนุกเลยจ้าาา เราขอแนะนำให้ รีบเดินรีบถ่ายรูป รีบกลับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้ปิดไฟฉายแป้บนึง ให้แมลงมันงง แล้วค่อยเปิดอีกที
พอถึงจุดสิ้นสุดของถ้ำ เราก็จะพบเสาหินมหึมา เป็นหินย้อย ที่ย้อยลงมาบรรจบกันระหว่างเพดานถ้ำกับพื้นถ้ำ อลังการงานสร้างมากจ่ะ
เมื่อถ่ายรูปเสร็จ (ต้องใช้กล้องที่มี เซนเซอร์ใหญ่หน่อยนะ แล้วต้องเปิดไฟฉายช่วงส่องอีกแรง)
แล้วเราก็เดินกลับ และ ว่ายน้ำกลับทางเดิม แต่พออกจากถ้ำแล้ว เจ้าหน้าที่พาเดินไปทางใหม่ เพื่อเจอน้ำตกอีกที่หนึ่ง สูงกว่าเดิม ประมาณ 2-3 เมตร เทคนิคเดิมค่ะ วิ่งแล้วโดดเลย ตู้มมม ไม่ต้องคิดมาก
กระโดดแล้วก็ว่ายน้ำต่อ ไปน้ำตกแรกเลย ขึ้นฝั่งตรงน้ำตกแรก เล่นน้ำ กินข้าว พักเหนื่อย แล้วเดินต่อ
เราก็งงนะคะว่าข้าวกลางวันมาจากไหน อ้อ ที่แท้พี่ๆเค้าแบกมาให้เราจ้าาา เราแค่แบกกล้องแล้วน้ำขวดเดียว เดินชิวๆ มาตลอดทาง เหนื่อยๆ ก็ได้กินข้าว สบายจุม อิอิ
กินข้าวเสร็จก็เดินกลับทางเดิม แหมะ ขาเดินทางลงเดินมาสบายๆ ใช่ม้าาา ขากลับสิ ทางขึ้นล้วนๆเลยค่าาา ชันก็ชัน มือไม้มาหมด พอปีนมาถึงป่าไผ่ที่เคยเดินสบายๆ ชิวๆ เกือบจะวิ่งมา พอกลับมาเป็นทางขึ้นแล้วมันช่างยาววววนานนนนน แต่เอ๊ะ เราจะรีบไปทำไมละคะ มาป่าทั้งที เรามาถ่ายรูปริมทางกันชิวๆ ดีกว่า และยิ่งไปกว่านั้น เอาเวลานี้มาทำความรู้จัก พี่ๆ ร่วมทริปด้วยหลายชีวิตก็มีหลายเรื่องราว น่าค้นหาไม่แพ้กัน เม้ากันไป ถ่ายรูปกันไป เพลินๆ ก็มาถึงรถกระบะคันดีคันเดิม เพิ่มเติมคือมีโค้ก! เย่! เดินมาร้อนๆ เหนื่อยๆ เจอน้ำหวานไปนี่ สบายยยยยยยย อีกแล้วค่า
รถมาส่งที่อุทยาน พวกเราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาจากเต๊นท์ก็เห็นพี่ๆ เตรียมเครื่องหมูกระทะ เอ๊ะ เข้าป่ามีหมูกระทะได้ไงงงง พี่ๆ เค้าเตรียมเตาเตรียมหม้อเตรียมหมูมาให้หมดแล้ว งานของเราคือนั่งกิน โอววว อยู่กรุงเทพยังไม่สบายเท่านี้เลยค่า
หมูกระทะเต็มพุง เม้ามอย พอให้หายอืดแล้วเข้าเต๊นท์นอน
[CR] ☆*:.。.ตะลุยถ้ำ "ลำคลองงู" ปีนเขา มุดรู ลอยคอ.。.:*☆
สวัสดี พวกเราคือ Gowithgu กลุ่มเพื่อนผู้เสพติดการผจญภัย และ ความงามของธรรมชาติ พวกเราทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และ กำลังทรัพย์ไปกับการนอนกางเต๊นในป่า แบกเป้ขึ้นเขา ดำดิ่งสู่ท้องทะเล
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทริปนี้ค่อนข้างตื่นเต้น เพราะเวลาเตรียมตัวกระชั้นมา ไม่ถึงอาทิตย์ สถานที่ น่าตื่นเต้นมาก บุกป่าฝ่าลง ลงน้ำลอยคอ เปียกเน็ดๆ และที่ตื่นเต้นสุด คือทริปนี้เป็นการซื้อทัวร์เข้าป่าครั้งแรกของเรา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ใครว่าเข้าป่าจะลำบาก เราขอบอกเลยทริปนี้สะดวกสบายมากกกกกกกกกกก สบายจนน้ำหนักเราขึ้นมา 2 ก.ก.
เรื่องของเรื่องเริ่มจาก เพื่อนเราทักเรามากลางดึกว่า พุธหน้าไปลำคลองงูกันไหม เห็นเขาประกาศหาคนอยู่ในเฟส 2 คืน 2 วัน 2,800 เอง ด้วยความใจง่ายของเรา และ ช่วงวันนั้นเรายังไม่มีแพลนทำอะไร ทริปก็ไม่ได้แพงมาก ไปเลยจ้าาาา
อุทยานแห่งชาติลำคลองงู อยู่ อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี ลำคลองงูต้องมีเส้นทาง 2 เส้น คือเส้นถ้ำเสาหิน และ เส้นถ้ำนกแอ่น ต้องเดินอย่างละวัน เพราะฉะนั้น ควรนั่งรถไปให้ถึงก่อนเช้าวันที่ 1 เพื่อที่จะได้มีเวลานอนพักเก็บแรงไว้ลุย
แพลนโดยคร่าว
Day 0: 21.00 นัดเจอชาวแก๊ง ที่ Big C สะพานควาย และนั่งรถตู้ไปลำคลองงู
Day 1: เดินเส้นทางถ้ำเสาหิน
Day 2: เดินเส้นทางถ้ำนกนางแอ่น - เดินทางกลับ กทม.
ค่าใช้จ่าย
เหมาจ่าย 2,800 บาท ต่อคน
อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
-ชุดลุยน้ำ (เราใส่ชุดว่ายน้ำเลยจ้า)
-ถุงนอน (ใครไม่มีเช่าที่อุทยานได้)
-เต๊นท์ (ใครไม่มีเช่าที่อุทยานได้)
-กระเป๋ากันน้ำ เราแนะนำ Ocean Pack
-ไฟฉายคาดหัว
-ถุงมือ สำหรับจับเชือก และ จับหิน (แล้วแต่)
การจองทริปลำคลองงูด้วยตัวเอง
อุทยานลำคลองงูจะเปิดให้จองทริป ช่วงเดือนก.พ.สำหรับออกทริบเดือน มี.ค. ถึง เม.ย.
แต่เนื่องจากพวกเราจองไม่ได้จอง เราจึงต้องซื้อทัวร์ไปค่ะ ก็ดีเหมือนกัน เพราะมีคนจัดการให้เราทุกอย่างเลย
-วันเดินทาง-
3 ทุ่มตรง ทุกคนก็มารวมตัวที่ Big C ตามนัดหมาย
พี่ป้าน้าอา แปลกหน้าแปลกตา เรากับเพื่อนก็เกร็งๆ อยู่นะ แต่พอล้อหมุนเท่านั้นแหละ หลับเป็นตาย
ตีสามก็ถึงอุทยานลำคลองงู หลังจากงัวเงียๆ สักพัก ลืมตามาก็เห็นพี่ๆ กำลังกางเต๊นท์ให้พวกเรา เราก็รีบไปช่วยพี่ๆ กางอีกแรง กางเสร็จก็สอดตัวเข้าไปในถุงนอน อากาศเย็นกำลังดี ประมาณ 9 องศา นอนหลับสบาย
-วันแรก-
กลิ่นทอดไก่ เตะจมูกชวนให้ตื่นนอน พี่ๆ ทำอาหารให้เราเกือบจะพร้อมแล้วจ้าา พวกเราออกมาจากเต๊นท์ ล้างหน้าแปรงฟัน และมาช่วยพี่ๆ อีกแรง เราต้องเตรียมข้าวเช้า และ ข้าวกลางวันสำหรับวันนี้
ข้าวเช้าวันนี้ เรากินผัดกระเพราไข่เจียวและแกงจืดเต้าหู้หมูสับ
ข้าวกลางวันเราเตรียมไก่ทอดกับข้าวเหนียวใส่ถุงไปกินกันระหว่างทาง
กินข้าวกันเสร็จ เปลี่ยนชุดลุย หยิบเสื้อชูชีพแล้วกระโดดขึ้นรถกระบะ ไปลุยกันเลยย
เรานั่งรถไปกัน ประมาณ 10 นาที ก็ถึงจุดเริ่มเดิน
วันนี้เราเดินประมาณ 4 ก.ม. ถึงน้ำตกที่ 1 ระหว่างทางก็ต้องผ่านป่าไผ่ จุดนี้ขาไปเป็นทางลง เดินง่ายมาก แทบจะวิ่งได้ หลอกๆๆๆๆ เดินสบายไม่นาน ก็ต้องเจอทางลงสุดชัน ทางนี้ต้องปีนป่ายเบาๆ ใช้มือใช้ไม้คอยประคองตัวเอง มันส์ดีเหมือนกันนะ
เติมพลังกับน้ำเถาวัลย์ข้างทาง ไม่มีสี ไม่มีกลิ่น มีแต่รสหวานอ่อนๆ กินแล้วชื่นใจ
พักเหนื่อยกันสักแป้บ (พักนานไม่ได้ ผึ้งตอม)
ถึงแล้ว เข้าสู่เขตทางชัน
เมื่อผ่านทางลงมหาโหด เราจะได้ยินเสียงน้ำตก นั่นแหละ เราใกล้น้ำตกแล้ว วิวสวยมากกก พี่เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า อ้าววว จุดโดดน้ำจุดที่ 1 โดดสิจ๊ะ รออะไร น้ำตกสูงประมาณ 2 เมตร แต่สำหรับคนกลัวความสูง นี่ก็น่ากลัวไม่เบาเหมือนกันน้าาาา เเต่เราแนะนำค่ะ ในฐานะ ผู้ที่เคยกลัวความสูงมาเหมือนกัน กระโดดเลย แค่เราก้าวผ่านวินาทีวินั้นไปได้ ความภูมิใจ และความมันส์จะบังเกิด
น้ำใส เห็นปลาเต็มเลย
โดดน้ำ ถ่ายรูปกันสักพัก ก็เดินต่อไปถ้ำเสาหิน เราต้องปีนป่าย ผ่านน้ำตกไป แล้วเราจะเห็นปากถ้ำ เตรียมไฟฉายติดหัวให้พร้อม ได้เวลาลุยแล้ว เราสามารถเดินเข้าไปในถ้ำได้ประมาณ 10 เมตร ก็ต้องเปิดไฟ เพราะแสงอาทิตย์เข้าไม่ถึงแล้ว แล้วต่อจากนี้ เราก็ต้องลงน้ำ ลอยตัวเข้าไป และเดินไต่หินสลับกันไป
ช่วงนี้ยังมีแสงอยู่ ต้องรีบเก็บภาพหินๆ
ในถ้ำสวยมากกกก หินย้อยแบบรูปทรงต่างๆนานา ตอนเดินไต่หิน ก้องหินที่เราจับก็มีลายสวยๆ เหมือนหินมงคลที่เขาขายกันเลย แต่นี่ก้อนใหญ่มากกกก เอาไปขายไม่ได้แน่นอน แล้วเวลาจับมันก็ลื่นนนนน สบายมือมาก
ช่วงที่ต้องว่ายน้ำลอยคอก็เจ๋งเหมือนกันนะ เพราะบางช่วงมีกระแสน้ำ เราต้องห้ามว่ายไปใกล้กระแสเลย ไม่งั้นโดนน้ำพัดไปไกลแน่ แต่ไม่ต้องห่วง เจ้าหน้าที่ดูแลอย่างทั่วถึง เรามัวแต่ว่ายลอยคอชมวิว โดนเจ้าหน้าที่ลากไปนู่นไปนี่ สบายเลย ไม่ต้องเตะขาเอง
เมื่อเดินๆ ไต่ๆ ว่ายๆ ไปไม่นาน ก็ถึงจุดที่ต้องเดินอย่างเดียวแล้ว จุดนี้บอกเลย กินขี้ค้างคาว และ สารพัดแมลงคืออุปสรรค จุดนี้อยู่ค่อนข้างลึกสงสัยว่าพวกแมลงแถวนี้ ชีวิตมันไม่เคยเจอแสงไฟ ตอมมมมม อยู่นั่นแหละ เข้าตา เข้าปาก เข้าจมูกกัน สนุกเลยจ้าาา เราขอแนะนำให้ รีบเดินรีบถ่ายรูป รีบกลับ แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ให้ปิดไฟฉายแป้บนึง ให้แมลงมันงง แล้วค่อยเปิดอีกที
พอถึงจุดสิ้นสุดของถ้ำ เราก็จะพบเสาหินมหึมา เป็นหินย้อย ที่ย้อยลงมาบรรจบกันระหว่างเพดานถ้ำกับพื้นถ้ำ อลังการงานสร้างมากจ่ะ
เมื่อถ่ายรูปเสร็จ (ต้องใช้กล้องที่มี เซนเซอร์ใหญ่หน่อยนะ แล้วต้องเปิดไฟฉายช่วงส่องอีกแรง)
แล้วเราก็เดินกลับ และ ว่ายน้ำกลับทางเดิม แต่พออกจากถ้ำแล้ว เจ้าหน้าที่พาเดินไปทางใหม่ เพื่อเจอน้ำตกอีกที่หนึ่ง สูงกว่าเดิม ประมาณ 2-3 เมตร เทคนิคเดิมค่ะ วิ่งแล้วโดดเลย ตู้มมม ไม่ต้องคิดมาก
กระโดดแล้วก็ว่ายน้ำต่อ ไปน้ำตกแรกเลย ขึ้นฝั่งตรงน้ำตกแรก เล่นน้ำ กินข้าว พักเหนื่อย แล้วเดินต่อ
เราก็งงนะคะว่าข้าวกลางวันมาจากไหน อ้อ ที่แท้พี่ๆเค้าแบกมาให้เราจ้าาา เราแค่แบกกล้องแล้วน้ำขวดเดียว เดินชิวๆ มาตลอดทาง เหนื่อยๆ ก็ได้กินข้าว สบายจุม อิอิ
กินข้าวเสร็จก็เดินกลับทางเดิม แหมะ ขาเดินทางลงเดินมาสบายๆ ใช่ม้าาา ขากลับสิ ทางขึ้นล้วนๆเลยค่าาา ชันก็ชัน มือไม้มาหมด พอปีนมาถึงป่าไผ่ที่เคยเดินสบายๆ ชิวๆ เกือบจะวิ่งมา พอกลับมาเป็นทางขึ้นแล้วมันช่างยาววววนานนนนน แต่เอ๊ะ เราจะรีบไปทำไมละคะ มาป่าทั้งที เรามาถ่ายรูปริมทางกันชิวๆ ดีกว่า และยิ่งไปกว่านั้น เอาเวลานี้มาทำความรู้จัก พี่ๆ ร่วมทริปด้วยหลายชีวิตก็มีหลายเรื่องราว น่าค้นหาไม่แพ้กัน เม้ากันไป ถ่ายรูปกันไป เพลินๆ ก็มาถึงรถกระบะคันดีคันเดิม เพิ่มเติมคือมีโค้ก! เย่! เดินมาร้อนๆ เหนื่อยๆ เจอน้ำหวานไปนี่ สบายยยยยยยย อีกแล้วค่า
รถมาส่งที่อุทยาน พวกเราอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ออกมาจากเต๊นท์ก็เห็นพี่ๆ เตรียมเครื่องหมูกระทะ เอ๊ะ เข้าป่ามีหมูกระทะได้ไงงงง พี่ๆ เค้าเตรียมเตาเตรียมหม้อเตรียมหมูมาให้หมดแล้ว งานของเราคือนั่งกิน โอววว อยู่กรุงเทพยังไม่สบายเท่านี้เลยค่า
หมูกระทะเต็มพุง เม้ามอย พอให้หายอืดแล้วเข้าเต๊นท์นอน