Ghost in the Shell มังงะไซไฟชื่อดังจากญี่ปุ่นโดยมาซามูเนะ ชิโร เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเครือข่ายถูกเชื่อมโยงไปทั่วทั้งโลก มนุษย์สามารถแปลงจิตวิญญาณเป็นรหัสดิจิตอลเข้าไปอยู่ในร่างหุ่นยนต์และคุมด้วยคอมพิวเตอร์-เป็นมังงะที่โด่งดังมากๆ ด้วยเนื้อหาที่ล้ำยุค พูดถึงจิตวิญญาณและปรัชญาอย่างลึกซึ้ง
ล่าสุดค่ายหนังยักษ์ใหญ่-พาราเมาต์ พิกเจอส์ ซื้อไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และเป็นที่ฮือฮาทันทีเมื่อนักแสดงหลักของเรื่องคือสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ในบทตำรวจหญิงไซบอร์กคุซานางิ
และนั่นเองคือสาเหตุของข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา
แน่นอนว่าตามเนื้อเรื่องคุซานางินั้นเป็นชาวเอเชียน แต่การที่แคสท์นักแสดงเป็นชาวตะวันตกเช่นนี้ทำให้ถูกมองว่าจะต้องมีการ "เปลี่ยน" รูปลักษณ์นักแสดงให้กลายเป็นชาวเอเชียอย่างเลี่ยงไม่ได้
หมิงนา เวน นักแสดงเอเชียออกมาทวิตว่า "ไม่ได้มีปัญหากับสการ์เลตต์ โจแฮนน์สันนะคะ อันที่จริง ฉันเป็นแฟนของเธอเลยล่ะ แต่ฉันต่อต้านการเปลี่ยนโฉมเป็นชาวเอเชียนล่ะ"
จอน ทสึอิ นักเขียนจากแคลิฟอร์เนียให้ความเห็นว่า ฮอลลีวู้ดล้มเหลวในการทำความเข้าใจความแตกต่างตามธรรมชาติของมนุษย์แต่ละกลุ่มใน Ghost in the Shell ซึ่งแน่นอนว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเอเชียด้วย
"Ghost in the Shell เป็นเสาหลักของสื่อเอเชียเลยนะ ไม่ใช่แค่เป็นหนังไซไฟทริลเลอร์ทั่วไป"
"แคสติ้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่จะลบภาพลักษณ์เอเชียนออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการลบแก่นกลางและธีมของเรื่องด้วย"
ทั้งนี้ หลายคนให้ความเห็นว่ายังมีนักแสดงเอเชียนอีกมากมายที่เหมาะจะรับบทนี้ โดยเฉพาะริงโกะ คิกุชิ นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่ผ่านงานแสดงฮอลลีวู้ดมาแล้วอย่าง Babel (2006), Pacific Rim (2013) และ 47 Ronin (2013) รวมถึงได้เข้าชิงออสการ์มาแล้วในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Babel
อย่างไรก็ดี ทีมงานที่ทำด้านกราฟฟิกให้หนังเรื่องนี้คือ Lola VFX ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกับที่เคยลดๆ เพิ่มๆ อายุแบรด พิทท์ ใน The Curious Case of Benjamin Button (2008) ซึ่งพาราเม้าต์ออกมายืนยันว่า มีการใช้เอฟเฟกจริง แต่ก็ไม่ได้ใช้กับนักแสดง
"เราใช้เอฟเฟกกับฉากหลังอะไรพวกนั้น ไม่ได้ใช้กับนักแสดงเลย โดยเฉพาะกับตัวละครของสการ์เลตต์ และเราก็ไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้นในอนาคตด้วย"
ทั้งนี้ กระบวนการ "กลาย" นักแสดงให้เป็นต่างเชื้อชาตินั้นไม่ได้มีแค่ในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เพราะลำพังแค่ปีที่แล้ว มีทั้งเอ็มม่า สโตน ก็ถูกย้อมให้เห็นครึ่งจีนครึ่งฮาวายใน Aloha, รูนี่ย์ มาร่า เป็นชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันใน Pan และนักแสดงยกทีมใน Gods of Egypt ให้กลายเป็นชาวอียิปต์-และนี่คือสามเรื่องที่ "กลาย" เชื้อชาติของนักแสดง ซึ่งยังไม่รวมของปีอื่นๆ ที่เคยผ่านหูผ่านตาและผ่านเสียงวิจารณ์คนดูมาแล้วนับไม่ถ้วน อันว่าด้วยการเปลี่ยนหน้าตารูปลักษณ์ของนักแสดงให้กลายเป็นอื่นไป
อย่างไรก็ดี หนังจ่อคิวเข้าฉาย 31 มีนาคม ปีหน้า-รอดูกันได้เลย
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันนะคะ
Page:
https://www.facebook.com/llkhimll
Blog:
http://llkhimll.wordpress.com/
"Ghost in the Shell" ทำไมต้องคนขาว-ข้อถกเถียงซ้ำไปซ้ำมาในวงการฮอลลีวู้ด
Ghost in the Shell มังงะไซไฟชื่อดังจากญี่ปุ่นโดยมาซามูเนะ ชิโร เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตเมื่อเครือข่ายถูกเชื่อมโยงไปทั่วทั้งโลก มนุษย์สามารถแปลงจิตวิญญาณเป็นรหัสดิจิตอลเข้าไปอยู่ในร่างหุ่นยนต์และคุมด้วยคอมพิวเตอร์-เป็นมังงะที่โด่งดังมากๆ ด้วยเนื้อหาที่ล้ำยุค พูดถึงจิตวิญญาณและปรัชญาอย่างลึกซึ้ง
ล่าสุดค่ายหนังยักษ์ใหญ่-พาราเมาต์ พิกเจอส์ ซื้อไปสร้างเป็นภาพยนตร์ และเป็นที่ฮือฮาทันทีเมื่อนักแสดงหลักของเรื่องคือสการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน ในบทตำรวจหญิงไซบอร์กคุซานางิ
และนั่นเองคือสาเหตุของข้อวิพากษ์วิจารณ์ที่ตามมา
แน่นอนว่าตามเนื้อเรื่องคุซานางินั้นเป็นชาวเอเชียน แต่การที่แคสท์นักแสดงเป็นชาวตะวันตกเช่นนี้ทำให้ถูกมองว่าจะต้องมีการ "เปลี่ยน" รูปลักษณ์นักแสดงให้กลายเป็นชาวเอเชียอย่างเลี่ยงไม่ได้
หมิงนา เวน นักแสดงเอเชียออกมาทวิตว่า "ไม่ได้มีปัญหากับสการ์เลตต์ โจแฮนน์สันนะคะ อันที่จริง ฉันเป็นแฟนของเธอเลยล่ะ แต่ฉันต่อต้านการเปลี่ยนโฉมเป็นชาวเอเชียนล่ะ"
จอน ทสึอิ นักเขียนจากแคลิฟอร์เนียให้ความเห็นว่า ฮอลลีวู้ดล้มเหลวในการทำความเข้าใจความแตกต่างตามธรรมชาติของมนุษย์แต่ละกลุ่มใน Ghost in the Shell ซึ่งแน่นอนว่ามีส่วนที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมเอเชียด้วย
"Ghost in the Shell เป็นเสาหลักของสื่อเอเชียเลยนะ ไม่ใช่แค่เป็นหนังไซไฟทริลเลอร์ทั่วไป"
"แคสติ้งครั้งนี้ไม่ใช่แค่จะลบภาพลักษณ์เอเชียนออกไปเท่านั้น แต่ยังเป็นการลบแก่นกลางและธีมของเรื่องด้วย"
ทั้งนี้ หลายคนให้ความเห็นว่ายังมีนักแสดงเอเชียนอีกมากมายที่เหมาะจะรับบทนี้ โดยเฉพาะริงโกะ คิกุชิ นักแสดงชาวญี่ปุ่นที่ผ่านงานแสดงฮอลลีวู้ดมาแล้วอย่าง Babel (2006), Pacific Rim (2013) และ 47 Ronin (2013) รวมถึงได้เข้าชิงออสการ์มาแล้วในสาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมจาก Babel
อย่างไรก็ดี ทีมงานที่ทำด้านกราฟฟิกให้หนังเรื่องนี้คือ Lola VFX ซึ่งเป็นเจ้าเดียวกับที่เคยลดๆ เพิ่มๆ อายุแบรด พิทท์ ใน The Curious Case of Benjamin Button (2008) ซึ่งพาราเม้าต์ออกมายืนยันว่า มีการใช้เอฟเฟกจริง แต่ก็ไม่ได้ใช้กับนักแสดง
"เราใช้เอฟเฟกกับฉากหลังอะไรพวกนั้น ไม่ได้ใช้กับนักแสดงเลย โดยเฉพาะกับตัวละครของสการ์เลตต์ และเราก็ไม่มีแผนที่จะทำแบบนั้นในอนาคตด้วย"
ทั้งนี้ กระบวนการ "กลาย" นักแสดงให้เป็นต่างเชื้อชาตินั้นไม่ได้มีแค่ในเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก เพราะลำพังแค่ปีที่แล้ว มีทั้งเอ็มม่า สโตน ก็ถูกย้อมให้เห็นครึ่งจีนครึ่งฮาวายใน Aloha, รูนี่ย์ มาร่า เป็นชนเผ่าพื้นเมืองอเมริกันใน Pan และนักแสดงยกทีมใน Gods of Egypt ให้กลายเป็นชาวอียิปต์-และนี่คือสามเรื่องที่ "กลาย" เชื้อชาติของนักแสดง ซึ่งยังไม่รวมของปีอื่นๆ ที่เคยผ่านหูผ่านตาและผ่านเสียงวิจารณ์คนดูมาแล้วนับไม่ถ้วน อันว่าด้วยการเปลี่ยนหน้าตารูปลักษณ์ของนักแสดงให้กลายเป็นอื่นไป
อย่างไรก็ดี หนังจ่อคิวเข้าฉาย 31 มีนาคม ปีหน้า-รอดูกันได้เลย
ฝากบล็อก-เพจ สำหรับติดตามข่าวสาร-แลกเปลี่ยนกันนะคะ
Page: https://www.facebook.com/llkhimll
Blog: http://llkhimll.wordpress.com/