มีเหตุการณ์จะมาเล่าให้ผู้ใช้รถจักรยานยนต์บ้านๆ ให้ทุกท่านทราบครับ
ผมซื้อรถฮอนด้าเวฟ รุ่น 110i หัวฉีด มา เป็นรุ่นล้อแม็กสตาร์ทมือ ออกรถที่ศูนย์ฮอนด้า ร้านแถวๆ ซอยเปรม ถนนเทพารักษ์
ซื้อรถมา เดือน พฤศจิกายน 2555 ผมใช้รถน้อยครับ ขี่ไปทำงานแถวในนิคมบางปู วันนึง ไม่กี่กิโล
เรื่องมีอยู่ว่าวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2556 (ที่ผ่านมา) ผมขี่รถไปทำธุระแถวๆ บางพลี อยู่ๆ รถก็เกิดดับครับ
สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด มันดังเหมือนจะติด แต่ไม่ติด ในใจคิด ซวยแล้วดิ เริ่มมืดแล้ว ทางก็เปลี่ยวมากๆ เริ่มคิดในใจ
เอาไงดีวะคราวนี้ จึงรองเปืดเบาะหลังขึ้นมา เนื่องจากจำได้ ตอนรับรถ คู่มือจะอยู่ใต้เบาะ จึงเปิดออกมาดู ดีใจมาก
เจอคู่มือ เขียนว่า รับประกันระบบ หัวฉีด 3 ปี หรือ 50000 กิโลเมตร รีบมาดูไมล์รถเรา วิ่งมาแค่ 1400 กิโลเมตร โล่ใจ
รถเราอยู่ในประกัน รีบโทรหา เบอร์โทร Call Center ตามที่ลงในใบรับประกัน 02-725-4000
โทรไป ติดครับ ดีใจมาก แล้วก็มีเสียงตอบรับกลับมาว่า อยู่นอกเวลาทำการ .......... เวรแล้วไง แล้วจะกลับบ้านยังไง
ในใจเริ่มกลัวครับ คือมันเปลี่ยวมาก ถึงเราจะมีหน้าตาเป็นอาวุธก็เถอะ
จึงรีบโทรหาที่บ้าน ว่ารถกระบะที่บ้านว่างไหม จะให้ขับออกมารับ ซึ่งโชคดีมาก รถกระบะว่างพอดี รอสักพักรถที่บ้านก็มา ช่วยกันยกรถขึ้น
รถเสร็จสัพ กลับบ้านรีบเปิดในเน็ตดูว่าอาจจะเป็นเพราะอะไรได้บ้าง เปิดเจอ ปั้มติ๊ก ราคา 1750 - ไม่รวม Vat- (แม่เจ้าทำไมมันแพงแบบนี้)
ตอนขับอีคาร์ ราคายังไม่ขนาดนี้เลย ถึงกับซีด ถ้ามันมาเจ๊งหลังระยะประกันขึ้นมานี่
รอเช้าวันจันทร์ที่ 11 เมษา ตอนเช้ารีบไปเคลียงาน เคลียเสร็จประมาณ 9.00 โดดงานไปศูนบริการที่เราซื้อรถมาอย่างไว
ถึงศูนบริการประมาณ 10.00 น. เราจอดรถกระบะ(ที่ยืมเขามา)หน้าร้านเดินเข้ามาในร้าน ช่างเดินออกมาต้อนรับ
ช่าง: พี่รถเป็นอะไร
ผม: รู้สึกดีใจมาก ต้อนรับเราอย่างดี พร้อมทั้งตอบว่า รถเป็นอะไรไม่รู้สตาร์ทไม่ติด
ช่าง: วันนี้ร้านเราไม่รับซ่อมครับ (พร้อมทั้งชี้ป้ายให้ดู ที่ป้ายเขียนว่า"ไม่รับงานซ่อม")
ผม: ซวยแล้วหง่ะแล้วจะเอารถที่ไหนใช้หล่ะ ผมจึงตอบไปว่า รถผมซื้อที่นี่ไป 5 เดือน วิ่ง 1400 กิโล แล้วนี่อยู่มันก็พัง แล้วผมจะทำยังไง
ช่าง : พี่ก็จอดรถไว้ หลังสงกรานค่อยมารับ
ผม : ผมมีความจำเป็นต้องใช้รถครับ
ช่าง : ไม่ได้ครับ
ผมทนไม่ไหว เริ่มมีน้ำโห จึงเดินเข้าไปหา เจ๊ที่ขายรถให้ (เข้าใจว่าเป็นเจ้าของ) แต่เจ๊ไม่ว่าง ส่งลูกมาแทน
ลูกสาวเจ๊ : มีอะไรให้ช่วยค่ะ
ผม : รถผมสตาร์ทไม่ติด รถผมซื้อที่นี่ไป 5 เดือน วิ่งไป 1400 กิโล ช่วยดูให้หน่อย ผมมีความจำเป็นต้องใช้รถวันสงกราน
ลูกสาวเจ๊ : แต่เราปิดแผนกซ่อมแล้ว พร้อมทั้งหันไปถามลูกน้อง
ผม : ผมไม่ได้เป็นคนเลือกว่ามันจะเสียเมื่อไหร่ นี่ผมก็เดือดร้อนมาก รถกระบะก็ต้องยืมเค้ามา เสียเวลาเสียทั้งเงิน (พร้อมทำเสียงอ้อนวอน)
ลูกสาวเจ๊ : โอเค ตะโกนบอกช่าง ดูรถให้พี่เค้าหน่อย
ช่างจึงมายกรถผมลงจากหลังรถกระบะ
ช่างดูเบื้องต้น บอกว่าปั้มติ๊กไม่ทำงาน พร้อมกับขู่เบาๆว่า หนูกัดสายไฟแน่เลย ไม่อยู่ในเงื่อนไขประกันนะ
ในใจคิดซวยละ
ช่างเอากล่องอะไรไม่รู้มาเสียบกับปั๊กในรถ พร้อมทั้งบอกว่า สายไม่ขาด ปั้มติ๊ก พังจริงๆ (ในใจคิด รอดแล้วกู)
ผมเดินมารอข้างใน แต่ความซวยเริ่มมาเยือน อะไหล่ไม่มี
แต่สุดท้ายเค้าก็หามาจนได้ และก็ใส่กลับเข้าไปเรียบร้อย ที่สำคัญ ฟรี
แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจผมคือ เอพี ฮอนด้า ไม่มีการช่วยเหลือฉุกเฉินเหมือนรถยนต์ ถ้าวันนั้นที่รถผมเสีย แล้วเกิดโดนปล้นขึ้นมา ใครจะมารับ
ผิดชอบ
วันนี้ วันจันทร์ที่ 18 ผมจึงโทรไปสอบถามกับ เอพี ฮอนด้าที่เบอร์ 02-725-4000 อีกครั้ง
สอบถามถึง การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน ตอบว่าไม่มี ผมถามต่อถ้าผมเกิดโดนปล้นใครรับผิดชอบ คำตอบคือไม่มี
ในใจมันเงิบเลยครับ คือใครจะขี่รถใหม่ๆแบบนี้ไปไหนก็ขอให้เผื่อตรงนี้ไว้ด้วยครับ อย่างน้อยๆ แบตโทรศัพต้องมีพอที่จะโทรออกได้
แล้ว มันถึงเวลาแล้วรึเปล่าที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องออกมาเรียกร้องให้มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบนี้ เพราะน้ำเสียงเจ้าหน้าที่ เอพีฮอนด้า
ตอบผมมาแบบว่าไม่มีความสนใจอะไรในตัวลูกค้าเลย (อย่างว่า รถเค้าขายดีนี่เนอะจะมาสนใจอะไร)
ฮอนด้าเวฟ 110i รถ 5 เดือน ปั้มติ๊กพัง
ผมซื้อรถฮอนด้าเวฟ รุ่น 110i หัวฉีด มา เป็นรุ่นล้อแม็กสตาร์ทมือ ออกรถที่ศูนย์ฮอนด้า ร้านแถวๆ ซอยเปรม ถนนเทพารักษ์
ซื้อรถมา เดือน พฤศจิกายน 2555 ผมใช้รถน้อยครับ ขี่ไปทำงานแถวในนิคมบางปู วันนึง ไม่กี่กิโล
เรื่องมีอยู่ว่าวันอาทิตย์ที่ 10 เมษายน 2556 (ที่ผ่านมา) ผมขี่รถไปทำธุระแถวๆ บางพลี อยู่ๆ รถก็เกิดดับครับ
สตาร์ทยังไงก็ไม่ติด มันดังเหมือนจะติด แต่ไม่ติด ในใจคิด ซวยแล้วดิ เริ่มมืดแล้ว ทางก็เปลี่ยวมากๆ เริ่มคิดในใจ
เอาไงดีวะคราวนี้ จึงรองเปืดเบาะหลังขึ้นมา เนื่องจากจำได้ ตอนรับรถ คู่มือจะอยู่ใต้เบาะ จึงเปิดออกมาดู ดีใจมาก
เจอคู่มือ เขียนว่า รับประกันระบบ หัวฉีด 3 ปี หรือ 50000 กิโลเมตร รีบมาดูไมล์รถเรา วิ่งมาแค่ 1400 กิโลเมตร โล่ใจ
รถเราอยู่ในประกัน รีบโทรหา เบอร์โทร Call Center ตามที่ลงในใบรับประกัน 02-725-4000
โทรไป ติดครับ ดีใจมาก แล้วก็มีเสียงตอบรับกลับมาว่า อยู่นอกเวลาทำการ .......... เวรแล้วไง แล้วจะกลับบ้านยังไง
ในใจเริ่มกลัวครับ คือมันเปลี่ยวมาก ถึงเราจะมีหน้าตาเป็นอาวุธก็เถอะ
จึงรีบโทรหาที่บ้าน ว่ารถกระบะที่บ้านว่างไหม จะให้ขับออกมารับ ซึ่งโชคดีมาก รถกระบะว่างพอดี รอสักพักรถที่บ้านก็มา ช่วยกันยกรถขึ้น
รถเสร็จสัพ กลับบ้านรีบเปิดในเน็ตดูว่าอาจจะเป็นเพราะอะไรได้บ้าง เปิดเจอ ปั้มติ๊ก ราคา 1750 - ไม่รวม Vat- (แม่เจ้าทำไมมันแพงแบบนี้)
ตอนขับอีคาร์ ราคายังไม่ขนาดนี้เลย ถึงกับซีด ถ้ามันมาเจ๊งหลังระยะประกันขึ้นมานี่
รอเช้าวันจันทร์ที่ 11 เมษา ตอนเช้ารีบไปเคลียงาน เคลียเสร็จประมาณ 9.00 โดดงานไปศูนบริการที่เราซื้อรถมาอย่างไว
ถึงศูนบริการประมาณ 10.00 น. เราจอดรถกระบะ(ที่ยืมเขามา)หน้าร้านเดินเข้ามาในร้าน ช่างเดินออกมาต้อนรับ
ช่าง: พี่รถเป็นอะไร
ผม: รู้สึกดีใจมาก ต้อนรับเราอย่างดี พร้อมทั้งตอบว่า รถเป็นอะไรไม่รู้สตาร์ทไม่ติด
ช่าง: วันนี้ร้านเราไม่รับซ่อมครับ (พร้อมทั้งชี้ป้ายให้ดู ที่ป้ายเขียนว่า"ไม่รับงานซ่อม")
ผม: ซวยแล้วหง่ะแล้วจะเอารถที่ไหนใช้หล่ะ ผมจึงตอบไปว่า รถผมซื้อที่นี่ไป 5 เดือน วิ่ง 1400 กิโล แล้วนี่อยู่มันก็พัง แล้วผมจะทำยังไง
ช่าง : พี่ก็จอดรถไว้ หลังสงกรานค่อยมารับ
ผม : ผมมีความจำเป็นต้องใช้รถครับ
ช่าง : ไม่ได้ครับ
ผมทนไม่ไหว เริ่มมีน้ำโห จึงเดินเข้าไปหา เจ๊ที่ขายรถให้ (เข้าใจว่าเป็นเจ้าของ) แต่เจ๊ไม่ว่าง ส่งลูกมาแทน
ลูกสาวเจ๊ : มีอะไรให้ช่วยค่ะ
ผม : รถผมสตาร์ทไม่ติด รถผมซื้อที่นี่ไป 5 เดือน วิ่งไป 1400 กิโล ช่วยดูให้หน่อย ผมมีความจำเป็นต้องใช้รถวันสงกราน
ลูกสาวเจ๊ : แต่เราปิดแผนกซ่อมแล้ว พร้อมทั้งหันไปถามลูกน้อง
ผม : ผมไม่ได้เป็นคนเลือกว่ามันจะเสียเมื่อไหร่ นี่ผมก็เดือดร้อนมาก รถกระบะก็ต้องยืมเค้ามา เสียเวลาเสียทั้งเงิน (พร้อมทำเสียงอ้อนวอน)
ลูกสาวเจ๊ : โอเค ตะโกนบอกช่าง ดูรถให้พี่เค้าหน่อย
ช่างจึงมายกรถผมลงจากหลังรถกระบะ
ช่างดูเบื้องต้น บอกว่าปั้มติ๊กไม่ทำงาน พร้อมกับขู่เบาๆว่า หนูกัดสายไฟแน่เลย ไม่อยู่ในเงื่อนไขประกันนะ
ในใจคิดซวยละ
ช่างเอากล่องอะไรไม่รู้มาเสียบกับปั๊กในรถ พร้อมทั้งบอกว่า สายไม่ขาด ปั้มติ๊ก พังจริงๆ (ในใจคิด รอดแล้วกู)
ผมเดินมารอข้างใน แต่ความซวยเริ่มมาเยือน อะไหล่ไม่มี
แต่สุดท้ายเค้าก็หามาจนได้ และก็ใส่กลับเข้าไปเรียบร้อย ที่สำคัญ ฟรี
แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจผมคือ เอพี ฮอนด้า ไม่มีการช่วยเหลือฉุกเฉินเหมือนรถยนต์ ถ้าวันนั้นที่รถผมเสีย แล้วเกิดโดนปล้นขึ้นมา ใครจะมารับ
ผิดชอบ
วันนี้ วันจันทร์ที่ 18 ผมจึงโทรไปสอบถามกับ เอพี ฮอนด้าที่เบอร์ 02-725-4000 อีกครั้ง
สอบถามถึง การช่วยเหลือในกรณีฉุกเฉิน ตอบว่าไม่มี ผมถามต่อถ้าผมเกิดโดนปล้นใครรับผิดชอบ คำตอบคือไม่มี
ในใจมันเงิบเลยครับ คือใครจะขี่รถใหม่ๆแบบนี้ไปไหนก็ขอให้เผื่อตรงนี้ไว้ด้วยครับ อย่างน้อยๆ แบตโทรศัพต้องมีพอที่จะโทรออกได้
แล้ว มันถึงเวลาแล้วรึเปล่าที่ผู้บริโภคอย่างเราต้องออกมาเรียกร้องให้มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบนี้ เพราะน้ำเสียงเจ้าหน้าที่ เอพีฮอนด้า
ตอบผมมาแบบว่าไม่มีความสนใจอะไรในตัวลูกค้าเลย (อย่างว่า รถเค้าขายดีนี่เนอะจะมาสนใจอะไร)