จบลงไปแล้วอย่างน่าประทับใจที่สุดกับซี่รี่ส์ "Descendants of the sun" ซีรี่ส์ที่ว่าด้วยสองอาชีพ (ทหารและหมอ) ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันในการเสียสละเพื่อส่วนรวม ประเทศชาติรวมทั้งโลกที่น่าอยู่ใบนี้
โดยก่อนหน้านี้จขกท.ได้วิเคราะห์ในส่วนของ "ความหมายที่แท้จริงของคำว่า Descendants of the sun"
http://ppantip.com/topic/35020370 ซึ่งระหว่างที่วิเคราะห์ในประเด็นที่เหลือ จขกท.รู้สึกได้ว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นเกี่ยวกับ "ความรัก" ได้ดีมากๆ
ดังนั้น จขกท.จึงขออนุญาตหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับ "ความรัก" ที่ซีรี่ส์เรื่องนี้ทำการนำเสนอพร้อมสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับ "ความรัก"ได้อย่างน่าประทับใจในมุมมองของจขกท. ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคนรักที่เคยทำหน้าที่คล้ายกับกัปตัน และมีนิสัยคล้ายกัปตัน แตกต่างกันเพียงแค่คนรักของจขกท.ไม่ได้กลับมาหาจขกท.แบบกัปตันกลับมาหาหมอคังด้วยเหตุผลบางประการ ขึ้นมาเป็นประเด็นสำหรับพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆสมาชิกค่ะ พูดไปแล้วก็เศร้า เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 55555
1. การผูกเชือกรองเท้าและการผูกผม
ซีนที่เราคงจะจำกันได้ดี นั่นคือ ซีนที่กัปตันบรรจงผูกเชือกรองเท้าให้แก่หมอคัง ขณะช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศอุรุค ซีนนี้ถ้ามองในแง่ของอาชีพทั้งสองอาชีพ จะแสดงให้เห็นถึง การที่ทั้งสองอาชีพที่มีความสำคัญนี้ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องและรักษาเยียวยาชีวิตของเพื่อนมนุษย์อันนำมาซึ่ง “ความสันติสุขหรือความสงบสุข” ในดินแดนทุกหนแห่งที่มีพวกเขาเหล่านั้นอยู่นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้การผูกเชือกรองเท้าให้แน่น ยังเปรียบเสมือน การมอบความมั่นคง ความกล้าหาญที่จะเผชิญกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายนั้นเองค่ะ
ถ้ามองในแง่ของ "ความรัก" การผูกเชือกรองเท้าของกัปตันนั้นเป็นตัวแทนของ ความห่วงใย ความใส่ใจ และเป็นการมอบกำลังใจให้อีกฝ่ายให้มีความกล้าและความมั่นใจในการก้าวเดินไปข้างหน้า ที่แม้หนทางข้างหน้าที่จะก้าวเดินไปนั้นจะราบเรียบหรือขรุขระ เชือกรองเท้าที่ได้รับการผูกไว้จนแน่นนี้จะไม่มีวันหลุดค่ะ รวมถึงเป็นการฝากความหวังให้หมอคังซึ่งเป็นคนได้รับการผูกเชือกรองเท้าได้รับกำลังใจและความห่วงใยนี้ ให้ดูแล (ชีวิต) ตัวเองให้ดีที่สุดแม้ว่าตัวกัปตันเองจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกด้วยค่ะ
การที่หมอคังผูกเชือกรองเท้าตัวเองจนแน่นและนึกถึงตอนที่กัปตันบรรจงผูกเชือกรองเท้าให้ตนเอง ขณะที่เวลานั้นยังไม่รู้ชะตากรรมของกัปตันว่ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่นั้น จขกท.คิดว่านอกจากจะเป็นการเตรียมตัวพร้อมของหมอคังที่จะเผชิญหนทางข้างหน้า นั่นคือ นอกจากการเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือในทันทีทันใดที่ต้องการความสามารถทางการแพทย์ในตัวของหมอคังแล้ว หมอคังยังเตรียมพร้อมที่จะยอมรับในชะตากรรมของกัปตันในอนาคต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกัปตันหมอคังจะไม่กลัวมันอีกต่อไป และในเวลานั้นตัวหมอคังเองก็คงอยากที่จะผูกเชือกรองเท้าของกัปตันให้แน่นด้วยตัวของหมอคังเองเช่นกัน นั่นคือ หมอคังกำลังบอกกัปตันผ่านการผูกเชือกรองเท้านี้ว่า "คุณจะต้องไม่เป็นอะไรและคุณจะต้องปลอดภัย" ซึ่งแสดงถึงความหวังให้กัปตันมีชีวิตรอดและความห่วงใยที่หมอคังมีให้กัปตันค่ะ
นอกจากนี้ภาพการผูกเชือกรองเท้านี้ ทำให้จขกท.นึกย้อนไปยังวัยเด็กขณะที่เราพยายามเริ่มหัดเดินหรือเริ่มหัดวิ่ง คนที่เป็นคนแรกๆที่คอยผูกเชือกรองเท้าให้เราเสมอๆ นั่นคือ พ่อกับแม่ “ความรักของพ่อและแม่” ที่แสดงออกผ่านการผูกเชือกรองเท้าในครานั้น แสดงถึง การมอบความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจ และมอบกำลังใจให้เรามีความกล้าที่จะเริ่มเดินหรือวิ่งด้วยตัวของเราเอง โดยที่เราไม่ต้องมีความกังวลใดๆทั้งสิ้นเพราะเมื่อใดก็ตามที่เชือกรองเท้าหลุดหรือเราสะดุดหกล้มลง เราก็จะยังมีพ่อและแม่รีบวิ่งเข้ามาประคองให้เรายืนขึ้นและผูกเชือกรองเท้าให้เราให้เริ่มเดินใหม่อีกครั้งค่ะ และซีนที่ทำให้จขกท.นึกย้อนไปถึงการที่พ่อและแม่รีบวิ่งมาประคองเราขณะล้มลง ก็คือ ซีนที่กัปตันซึ่งรอดตายราวปาฏิหารย์ได้กลับมาทำหน้าที่ช่วยประคองและพยุงหมอคังให้ยืนขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หกล้มลงไป ณ ทะเลทรายแห่งนั้นนั่นเองค่ะ
"ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่มั่นคง แม้จะเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงไหน แต่ความรักที่แท้จริงนั้นก็จะยังคงอยู่และพร้อมจะช่วยประคองและพยุงเราในยามที่เราล้มลงเสมอๆค่ะ"
อีกหนึ่งซีนที่เกี่ยวกับ "การผูก" คือซีนที่กัปตัน "ผูกผม" ให้แก่หมอคังค่ะ
การที่กัปตัน “ผูกผม” ให้แก่หมอคัง แม้กัปตันจะผูกผมได้ไม่สวยเท่ากับที่หมอคังผูกเอง แต่นั่นเป็นการแสดง “ความรัก” ผ่านความเอาใจใส่ ความทะนุถนอม ความอ่อนโยนที่กัปตันมีให้หมอคังแม้แต่เรื่องที่ง่ายๆ ที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับคนที่รักกันมากๆแล้ว สิ่งเล็กๆเหล่านี้คือสิ่งที่มีค่ามากๆและจะไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำเลยค่ะ
และการที่กัปตันผูกผมให้แก่หมอคัง ก็ทำให้ จขกท.คิดถึงตอนที่คุณแม่ผูกผมหรือถักเปียให้เราตอนเด็กๆ และในบางครั้งคุณพ่อซึ่งแน่นอนว่าผูกผมไม่ค่อยจะสวยเลย พยายามที่จะผูกผมให้เราเสมอๆ สิ่งเล็กๆเช่นการผูกผม ที่เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาของทุกๆครอบครัวนี่ล่ะค่ะ กลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน เราก็ยังคงจำได้และยิ่งจะจดจำเพิ่มมากขึ้นในวันที่ต้องอยู่ห่างไกลท่านทั้งสองค่ะ
ซึ่งก็คงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับหมอคังแม้จะรับรู้ว่าตนได้สูญเสียกัปตันไปแล้ว กัปตันจะไม่มีวันกลับมาผูกผมให้ตนอีกแล้ว แต่หมอคังก็ยังคงจดจำวันที่กัปตัน "ผูกผม" ให้ได้อย่างไม่มีวันลืมเลือนค่ะ
หมายเหตุ : เพื่อนๆสามารถอ่านภาคต่อได้ที่กระทู้
"Descendants of the sun : ความรักของกัปตันยูชีจินและหมอคัง"
http://ppantip.com/topic/35068153 ค่ะ
"Descendants of the sun" กับมุมมองด้าน "ความรัก"
โดยก่อนหน้านี้จขกท.ได้วิเคราะห์ในส่วนของ "ความหมายที่แท้จริงของคำว่า Descendants of the sun" http://ppantip.com/topic/35020370 ซึ่งระหว่างที่วิเคราะห์ในประเด็นที่เหลือ จขกท.รู้สึกได้ว่าซีรี่ส์เรื่องนี้ถ่ายทอดประเด็นเกี่ยวกับ "ความรัก" ได้ดีมากๆ
ดังนั้น จขกท.จึงขออนุญาตหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับ "ความรัก" ที่ซีรี่ส์เรื่องนี้ทำการนำเสนอพร้อมสอดแทรกข้อคิดเกี่ยวกับ "ความรัก"ได้อย่างน่าประทับใจในมุมมองของจขกท. ซึ่งครั้งหนึ่งเคยมีคนรักที่เคยทำหน้าที่คล้ายกับกัปตัน และมีนิสัยคล้ายกัปตัน แตกต่างกันเพียงแค่คนรักของจขกท.ไม่ได้กลับมาหาจขกท.แบบกัปตันกลับมาหาหมอคังด้วยเหตุผลบางประการ ขึ้นมาเป็นประเด็นสำหรับพูดคุยและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อนๆสมาชิกค่ะ พูดไปแล้วก็เศร้า เข้าเรื่องกันดีกว่าค่ะ 55555
1. การผูกเชือกรองเท้าและการผูกผม
ซีนที่เราคงจะจำกันได้ดี นั่นคือ ซีนที่กัปตันบรรจงผูกเชือกรองเท้าให้แก่หมอคัง ขณะช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแผ่นดินไหวในประเทศอุรุค ซีนนี้ถ้ามองในแง่ของอาชีพทั้งสองอาชีพ จะแสดงให้เห็นถึง การที่ทั้งสองอาชีพที่มีความสำคัญนี้ได้ร่วมมือร่วมใจกันทำหน้าที่เป็นผู้ปกป้องและรักษาเยียวยาชีวิตของเพื่อนมนุษย์อันนำมาซึ่ง “ความสันติสุขหรือความสงบสุข” ในดินแดนทุกหนแห่งที่มีพวกเขาเหล่านั้นอยู่นั่นเองค่ะ
นอกจากนี้การผูกเชือกรองเท้าให้แน่น ยังเปรียบเสมือน การมอบความมั่นคง ความกล้าหาญที่จะเผชิญกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่ดีหรือร้ายนั้นเองค่ะ
ถ้ามองในแง่ของ "ความรัก" การผูกเชือกรองเท้าของกัปตันนั้นเป็นตัวแทนของ ความห่วงใย ความใส่ใจ และเป็นการมอบกำลังใจให้อีกฝ่ายให้มีความกล้าและความมั่นใจในการก้าวเดินไปข้างหน้า ที่แม้หนทางข้างหน้าที่จะก้าวเดินไปนั้นจะราบเรียบหรือขรุขระ เชือกรองเท้าที่ได้รับการผูกไว้จนแน่นนี้จะไม่มีวันหลุดค่ะ รวมถึงเป็นการฝากความหวังให้หมอคังซึ่งเป็นคนได้รับการผูกเชือกรองเท้าได้รับกำลังใจและความห่วงใยนี้ ให้ดูแล (ชีวิต) ตัวเองให้ดีที่สุดแม้ว่าตัวกัปตันเองจะไม่ได้อยู่เคียงข้างอีกด้วยค่ะ
การที่หมอคังผูกเชือกรองเท้าตัวเองจนแน่นและนึกถึงตอนที่กัปตันบรรจงผูกเชือกรองเท้าให้ตนเอง ขณะที่เวลานั้นยังไม่รู้ชะตากรรมของกัปตันว่ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือไม่นั้น จขกท.คิดว่านอกจากจะเป็นการเตรียมตัวพร้อมของหมอคังที่จะเผชิญหนทางข้างหน้า นั่นคือ นอกจากการเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือในทันทีทันใดที่ต้องการความสามารถทางการแพทย์ในตัวของหมอคังแล้ว หมอคังยังเตรียมพร้อมที่จะยอมรับในชะตากรรมของกัปตันในอนาคต ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับกัปตันหมอคังจะไม่กลัวมันอีกต่อไป และในเวลานั้นตัวหมอคังเองก็คงอยากที่จะผูกเชือกรองเท้าของกัปตันให้แน่นด้วยตัวของหมอคังเองเช่นกัน นั่นคือ หมอคังกำลังบอกกัปตันผ่านการผูกเชือกรองเท้านี้ว่า "คุณจะต้องไม่เป็นอะไรและคุณจะต้องปลอดภัย" ซึ่งแสดงถึงความหวังให้กัปตันมีชีวิตรอดและความห่วงใยที่หมอคังมีให้กัปตันค่ะ
นอกจากนี้ภาพการผูกเชือกรองเท้านี้ ทำให้จขกท.นึกย้อนไปยังวัยเด็กขณะที่เราพยายามเริ่มหัดเดินหรือเริ่มหัดวิ่ง คนที่เป็นคนแรกๆที่คอยผูกเชือกรองเท้าให้เราเสมอๆ นั่นคือ พ่อกับแม่ “ความรักของพ่อและแม่” ที่แสดงออกผ่านการผูกเชือกรองเท้าในครานั้น แสดงถึง การมอบความรัก ความห่วงใย ความใส่ใจ และมอบกำลังใจให้เรามีความกล้าที่จะเริ่มเดินหรือวิ่งด้วยตัวของเราเอง โดยที่เราไม่ต้องมีความกังวลใดๆทั้งสิ้นเพราะเมื่อใดก็ตามที่เชือกรองเท้าหลุดหรือเราสะดุดหกล้มลง เราก็จะยังมีพ่อและแม่รีบวิ่งเข้ามาประคองให้เรายืนขึ้นและผูกเชือกรองเท้าให้เราให้เริ่มเดินใหม่อีกครั้งค่ะ และซีนที่ทำให้จขกท.นึกย้อนไปถึงการที่พ่อและแม่รีบวิ่งมาประคองเราขณะล้มลง ก็คือ ซีนที่กัปตันซึ่งรอดตายราวปาฏิหารย์ได้กลับมาทำหน้าที่ช่วยประคองและพยุงหมอคังให้ยืนขึ้นอีกครั้งหลังจากที่หกล้มลงไป ณ ทะเลทรายแห่งนั้นนั่นเองค่ะ
"ความรักที่ไม่มีเงื่อนไข ความรักที่มั่นคง แม้จะเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานสักเพียงไหน แต่ความรักที่แท้จริงนั้นก็จะยังคงอยู่และพร้อมจะช่วยประคองและพยุงเราในยามที่เราล้มลงเสมอๆค่ะ"
อีกหนึ่งซีนที่เกี่ยวกับ "การผูก" คือซีนที่กัปตัน "ผูกผม" ให้แก่หมอคังค่ะ
การที่กัปตัน “ผูกผม” ให้แก่หมอคัง แม้กัปตันจะผูกผมได้ไม่สวยเท่ากับที่หมอคังผูกเอง แต่นั่นเป็นการแสดง “ความรัก” ผ่านความเอาใจใส่ ความทะนุถนอม ความอ่อนโยนที่กัปตันมีให้หมอคังแม้แต่เรื่องที่ง่ายๆ ที่แสนจะธรรมดา แต่สำหรับคนที่รักกันมากๆแล้ว สิ่งเล็กๆเหล่านี้คือสิ่งที่มีค่ามากๆและจะไม่มีวันลืมเลือนไปจากความทรงจำเลยค่ะ
และการที่กัปตันผูกผมให้แก่หมอคัง ก็ทำให้ จขกท.คิดถึงตอนที่คุณแม่ผูกผมหรือถักเปียให้เราตอนเด็กๆ และในบางครั้งคุณพ่อซึ่งแน่นอนว่าผูกผมไม่ค่อยจะสวยเลย พยายามที่จะผูกผมให้เราเสมอๆ สิ่งเล็กๆเช่นการผูกผม ที่เป็นเรื่องที่แสนจะธรรมดาของทุกๆครอบครัวนี่ล่ะค่ะ กลับเป็นเรื่องที่ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปเนิ่นนานแค่ไหน เราก็ยังคงจำได้และยิ่งจะจดจำเพิ่มมากขึ้นในวันที่ต้องอยู่ห่างไกลท่านทั้งสองค่ะ
ซึ่งก็คงเป็นความรู้สึกเดียวกันกับหมอคังแม้จะรับรู้ว่าตนได้สูญเสียกัปตันไปแล้ว กัปตันจะไม่มีวันกลับมาผูกผมให้ตนอีกแล้ว แต่หมอคังก็ยังคงจดจำวันที่กัปตัน "ผูกผม" ให้ได้อย่างไม่มีวันลืมเลือนค่ะ
หมายเหตุ : เพื่อนๆสามารถอ่านภาคต่อได้ที่กระทู้
"Descendants of the sun : ความรักของกัปตันยูชีจินและหมอคัง"
http://ppantip.com/topic/35068153 ค่ะ