สวัสดีค่ะ ได้ฤกษ์เขียนกระทู้รีวิวทริปครั้งแรกในชีวิต รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย
ปกติใช้บริการ Pantip ในการรีวิวหาทริปไปเที่ยวเป็นปกติอยู่แล้ว เคยแต่อ่านหาข้อมูลจากของคนอื่นแล้ว มาปรับเขียนทริปของตัวเอง
คราวนี้หลังจากใช้บริการจากเพื่อนๆไปหลายครั้ง เลยคิดว่าเราควรจะคืนกำไรให้สังคมกันบ้าง
เนื่องจากครั้งนี้ได้มีโอกาสจับพลัดจับผลูไปตะลุยแดนญี่ปุ่น คนเดียวยาว 14 วัน ในช่วงเทศกาลที่ทุกคนใฝ่ฝัน ช่วงซากุระบานนั่นเอง
เลยอยากจะเอาความฟรินมาฝากเพื่อนกันบ้าง และข้อมูลท่องเที่ยวบางที่ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของเพื่อนๆในภายภาคหน้า
เขียนครั้งแรกเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหน ก็ขออภัยด้วยนะคะ ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยคร่า ติชมกันได้ ไม่ว่ากัน
S A K U R A & M E Part 2 จ้า
http://ppantip.com/topic/35327298
เพจเราเอง
https://www.facebook.com/chimolol/
ตอนที่ 1 เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อน นี่คือทริปการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเราซึ่งไปซ้ำที่เดิมกับครั้งแรก
คำถาม จะไปเพื่ออออ ^^ ทุกการเดินทางไม่เคยมีอะไรเหมือนเดิมหรอกน่า
ข้อแรกคือ ครั้งนี้ไปคนเดียว
ข้อสองคือ ไปนานมาก 14 วัน รอบแรกไปประมาณ 6 วัน
จริงแล้วตอนแรกตั้งใจว่าจะไปกับพี่สาวเจ้าเก่าคนเดิม เพิ่มเติมคือแก่ขึ้น อิอิ แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจเพราะพี่จะไปช่วงเดือนพฤษภาคม แต่วันลาที่เรามีอยู่นั้นจะโดนตัดตอนสิ้นเดือนเมษายนเลยเกิดความเสียดายวันลา 4 วันที่ต้องโดนตัดทิ้งไปเฉยๆ สุดท้ายเลยตัดสินใจขอแยกตัว เหตุเกิดตอนช่วงเดือนธันวาคม ปี 2558 แล้วเราก็ไปชักชวนพี่ในทีมมีนามว่ากาตูน
ชิมม่อล : เทอๆ อยากไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นใช่ปะ เนี่ยๆ ตอนนี้มันยังมีโปรการบินไทยอยู่นะ บินได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม อะ ไปปะ แต่ว่าถ้าจะไปต้องจองก่อนสิ้นปีนี้นะ ต้องรีบแล้วล่ะ
กาตูน : เห้ย จิงดิ ไปๆ งั้นไปช่วงไหนดีอะ
ชิมม่อล : มีนามะ เทอไปกับสามีใช่มะ เราขอเกาะพ่วงตั๋วไปด้วยได้ปะ คือมันต้อง 2 คนขึ้นไปถึงจะไปราคาโปรอะ
กาตูน : ได้เลย งั้นเดี๋ยวเรานัดทำทริปกัน
ชิมม่อล : โอเค ดีลลล
เวลาผ่านไปไม่กี่วัน เพื่อนของพี่สาวก็มาทักบอกว่าไปเดือนมีนาไปทำไม มันยังไม่มีอะไร ไปเมษาสิซากุระบานแล้ว
อืมมม พอโดนทักเท่านั้นล่ะ เกิดอารมณ์หวั่นไหวเล็กน้อย เปิดดูพยากรณ์ซากุระบานซึ่งมันก็ยังไม่ตรงหรอก แต่ก็พอเป็นแนวทางได้ จากประวัติจะเริ่มบานช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา
เอาไงดีเนี่ย ถ้าเลื่อนบินเป็นเมษาก็จะไม่ได้ตั๋วโปร ไปปลายมีนาก็ไม่ได้เพราะต้องปิดคิว มีทางเลือกแค่ต้นมีนาได้ตั๋วโปรการบินไทย แต่ไม่เห็นซากุระ มีคนไปด้วย แต่ถ้ายอมเสี่ยงดวงไปหาตั๋วเอาข้างหน้าไปช่วงเมษา ก็อาจจะได้เห็นซากุระ(อาจจะนะ) แต่ต้องไปคนเดียวแน่ๆ ตั๋วถูกก็ต้องลุ้นเอาว่าจะมีออกมามั้ย
โอ้พระเจ้าจอร์จ มันยากจริง นอนคิด นั่งคิด ตีลังกาคิด เอาวะ เสี่ยงดวง
ชิมม่อล : กาตวน เค้าว่า เค้าจะเลื่อนไปช่วงเมษาล่ะ เผื่อได้เห็นซากุระ แล้วก็คงจะไปคนเดียว
กาตวน : หา!!! ไปคนเดียว แล้วจะคุยกะใคร
ชิมม่อล : เอาน่าเดี๋ยวก็หาคนคุยด้วยได้ เธอไปกะสามีสองคนละกันนะ
มกราคม 2559
เริ่มเขียนทริป ตอนแรกจะไป โตเกียว แล้วก็ข้ามไปโอซาก้า จองโรงแรมเรียบร้อย เขียนทริปครึ่งโตเกียวเสร็จเรียบร้อย
หาตั๋วเครื่องบิน มีแต่ตั๋วแพงทั้งนั้นเลย ยิ่งต้องซื้อแยกขาไป ขากลับก็ยิ่งแพง ไหนจะต้องเสียค่าชินกันเซ็นอีก เอาไงดีวัยรุ่น
ใจเย็นค่อยๆหาตั๋วไป เดี๋ยวก็ได้ ....
กุมภาพันธ์ 2559
นั่งทำงบ โอ้วว มายยย ก๊อดดด ข้ามไปโอซาก้านี่ค่าตั๋วชินกันเซนนี่ทำงบบานปลายมากจริงๆ แถมต้องรีบๆเที่ยวอีก มันไม่ใช่วิถีวัยรุ่นอย่างเราเล้ย เอาวะ เปลี่ยนแผน อยู่โตเกียว 14 วันเลยละกัน (เนื่องจากโรงแรมที่โตเกียวถ้ายกเลิกจะเสียตัง เลยเลือกอยู่โตเกียว) เขียนทริปใหม่ หาตั๋วใหม่
สุดท้ายเราก็ได้ตั๋วไป กลับ ในราคา 16000 บาท ถือว่าแพงเพราะว่าต้องไปต่อเครื่องด้วย แต่ก็ถูกสุด ณ ขณะนั้นแล้ว
ตอนแรกจะจองการบินไทย 23000 บาทแต่เกิดอาการงกขึ้นมา เลยยอมต่อเครื่อง เลือกสายการบิน China eastern ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เลือกสายการบินจีน มีความสยดสยองกับชาวจีนพอสมควร เป็นพวกหวาดวิตกล่วงหน้า โดนเป่าหูมาเยอะุ แต่เลือกไปแล้วราคาถูกบังตา ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ เอาวะ เป็นไง เป็นกัน ลำบากบ้างไม่ตายหรอกน่า
มีนาคม 2559
เขียนทริปเสร็จเรียบร้อย ละเอียดยิบ ไปที่ไหนบ้างค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ งบทั้งหมดเท่าไหร่ ค่ากินต่อวันเท่าไหร่ โรงแรมทุกที่พร้อม เดินทางวันที่ 1 เมษายน 2559 กลับวันที่ 14 เมษายน 2559 ขั้นตอนต่อไป เป็นขั้นตอนสำคัญมาก นั่นก็คือ บอกพ่อไงล่ะ ^^ ย้ำว่าบอกไม่ได้ขอเพราะทุกอย่างจองไปหมดแล้ว จังหวะที่บอกนั้นพ่อมีความตกใจสูงมาก ว่าจะไปคนเดียว และจองตั๋วเครื่องบินไปแล้วด้วย พ่อคงนึกในใจว่าคงห้ามอะไรไม่ได้แล้วสินะ สุดท้ายก็ได้แต่บอกว่าให้พกพระไปด้วยนะลูก (ปกติเป็นคนไม่ห้อยพระ ด้วยความเป็นคนแพ้ง่ายต่อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ถ้าห้อยเหงื่อออกซักพักผื่นก็ขึ้น) ก็เลยเพื่อความสบายใจของพ่อ เอาติดกระเป๋าไปด้วยละกัน
กลางเดือนมีนาคม 2559
เริ่มปักหมุดในกูเกิ้ลแมพ ความจริงอันแสนปวดร้าว ทำไมเพิ่งมาปักหมุดตอนนี้
แพลนทริปนี้คือ โตเกียว => นิกโก้ => โตเกียว => ฮาโกเนะ => คาวากุชิโกะ => โตเกียว => กรุงเทพ
ประเด็นคือ มีรูป รูปนึงที่อยากได้มากคือ ทางช้างเผือกวิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งที่พักที่จองไปนั้น ไม่ติดทะเลสาบ เลยนั่งเปิดกูเกิ้ลแมพ ไล่หาที่พักริมขอบทะเลสาบที่ต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย แล้วก็มาเจอ Cottage tozawa hotel เปิดเข้าไปดูเวปเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ กด translate กันไปตามระเบียบ ลองเข้าไปคลิกจองดู เหยมันยังว่างเว้ยเห้ย แต่..ถูกสุดคือคืนล่ะประมาณ 4000 กว่าบาท เพราะมีแต่แบบเป็นบ้านหลัง หลังนึงนอนได้สี่คนอย่างต่ำ เป็นบ้านสองชั้น เริ่มชั่งใจ แต่ว่าโลเคชั่นนางดีมาก เดินไปทะเลสาบยามค่ำคืนได้ เช็คจากแอพดูดาวช้างเริ่มขึ้นประมาณตีสี่ หมายความว่าเราต้องออกไปตั้งกล้องริมทะเลสาบประมาณตีสามกว่าแล้วยิงยาวจนเช้า ปรึกษาพี่สาว คนนี้ก็สายยุพี่ว่าเอาเลย น้องก็เป็นพวกยุขึ้น จองสิคะ รออะไร คืนเดียวพอ เดี๋ยวล้มละลาย นี่นอนคืนเดียวเท่ากับค่าที่พักครึ่งทริปเลยนะเนี่ย และแล้วเราก็จองเรียบร้อยเพื่อรูป รูปเดียวต้องยอมเสียเงินขนาดนี้เลยหรอ จะได้รูปนั้นมารึป่าวก็ยังไม่รู้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ
จองที่พักเรียบร้อย ซื้อบัตรพาสต่างๆ ที่สามารถซื้อได้ที่ไทย มี Nikko all pass, Disney 1 day pass, Edo wonderland
หลังจากซื้อ Pass จองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ก็ได้เวลามาถึงอุปกรณ์ฟุ่มเฟือยทั้งหลายแหล่ ที่ทำเอาแทบล้มละลายตั้งแต่ก่อนไปเลย เริ่มจากกระเป๋าเป๋ deva 60L ของ Gregory ยังไม่พอซื้อ Day pack มาอีกใบจริงๆ Day pack ที่บ้านนี่มีอย่างเยอะ กิเลสล้วนๆ ยังไม่พอ ไปเดินแพลตตินั่ง ได้โค้ชยาวมาสองตัว ดำ 1 แดง 1 ที่บ้านมียูนิโคล่อยู่แล้วตัวนึง บอกแล้วว่ากิเลสล้วนๆ ยังไม่พอค่ะ บู๊ทยาวสีดำ อีกหนึ่ง คือดูแล้วก็ไม่น่าจะเดินสบายนะ แต่กิเลสเข้าครอบงำไง
คิดว่าคงหมดแล้ว แต่ไม่ยิ่งใกล้วันยิ่งหวั่นไหว ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว กระเป๋าใส่อุปกรณ์อาบน้ำ กระเป๋าใส่เงิน กระเป๋าแบ่งของ สป๊อก rain cover sleep liner หมอนรองคอ อุปกรณ์กล้องอีกมากมาย
แค่ก่อนไปก็แทบล้มละลายแล้ว คืนก่อนไปก็ถอยรองเท้าวิ่ง Nike มาอีกคู่
ล้มละลายมั้ย พูด !!!!!
31 มีนาคม 2559
ช่วงเวลาแห่งการจัดกระเป๋าก็มาถึง
เมื่อพยายามยัดทุกอย่างลงกระเป๋า ก็พบว่ามันไม่สามารถจริงๆ เราคงต้องสละบางอย่างไปบ้าง
อย่างแรก รองเท้าบู๊ทที่เพิ่งซื้อมานั้น อยู่บ้านค่ะ เอาไปคู่เดียวคือ Nike
เสื้อผ้าสารพัดที่คิดว่าจะเอาไปก็ลดทุกอย่างลงครึ่งนึง เสื้อโค้ชที่ซื้อมายังคงเอาไปทั้งสองตัว และยูนิโคล่ตัวเก่าก็เอาไปด้วย มันกินพื้นที่มหาศาลมากจริงๆ
คืนนั้นจัดกระเป๋าไปประมาณ 5 รอบได้ รื้อแล้วรื้ออีก เอานู่นออก นี่ออก คือมันจนปัญญาจะยัด ถ้าขาไปขนาดนี้ ขากลับไม่ต้องพูดถึง สุดท้ายก็จัดเป้ backpack เสร็จมาถึง เป้เล็กที่ไม่น้อยหน้า เพราะต้องใส่อุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งหลายแหล่ ประกอบไปด้วย DSLR 5D mark II 1 ตัว เลนส์ 28-200 mm 1 ตัว และ เลนส์ 17-40 mm อีกหนึ่งตัว เท่านั้นยังไม่พอ แฟลชเราก็เอาไป เหลือดีกว่าขาด ขาตั้งกล้องใหญ่หนึ่ง ขาตั้งกล้องเล็กหนึ่ง ยังๆ ยังไม่หมด mirrorless Olympus EM5 อีก 1 ตัว ยังไม่พอ Gopro กับไม้เซลฟี่ก็มา หมดยัง ยังค่ะ โน้ตบุ๊คก็ต้องเอาไป เพราะเมมโมรี่ไม่พอ ต้องโหลดรูปลงคอมทุกวัน สาบานว่านี้กระเป๋าเล็ก ดูจากน้ำหนักและมูลค่าแล้ว หึหึ ไม่อยากจะพูด และแล้วเราก็ยัดทุกอย่างลงไปได้อย่างไม่สวยงามเท่าไหร่นัก เวลาล่วงเลยมามากแล้ว สมควรแก่การนอนพักผ่อนก่อนการเดินทางอันแสนยาวนาน
กู๊ดไนท์ คืนสุดท้ายในสยามประเทศ อีกครึ่งเดือนเจอกันฮะ
[CR] S A K U R A & M E in J A P A N 14 วันที่ฉันหมุนรอบตัวเอง
ปกติใช้บริการ Pantip ในการรีวิวหาทริปไปเที่ยวเป็นปกติอยู่แล้ว เคยแต่อ่านหาข้อมูลจากของคนอื่นแล้ว มาปรับเขียนทริปของตัวเอง
คราวนี้หลังจากใช้บริการจากเพื่อนๆไปหลายครั้ง เลยคิดว่าเราควรจะคืนกำไรให้สังคมกันบ้าง
เนื่องจากครั้งนี้ได้มีโอกาสจับพลัดจับผลูไปตะลุยแดนญี่ปุ่น คนเดียวยาว 14 วัน ในช่วงเทศกาลที่ทุกคนใฝ่ฝัน ช่วงซากุระบานนั่นเอง
เลยอยากจะเอาความฟรินมาฝากเพื่อนกันบ้าง และข้อมูลท่องเที่ยวบางที่ เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อการเดินทางของเพื่อนๆในภายภาคหน้า
เขียนครั้งแรกเลย ถ้าผิดพลาดตรงไหน ก็ขออภัยด้วยนะคะ ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยคร่า ติชมกันได้ ไม่ว่ากัน
S A K U R A & M E Part 2 จ้า
http://ppantip.com/topic/35327298
เพจเราเอง
https://www.facebook.com/chimolol/
ตอนที่ 1 เตรียมความพร้อมก่อนการเดินทาง
ก่อนอื่นขอเกริ่นก่อน นี่คือทริปการไปญี่ปุ่นครั้งที่ 2 ของเราซึ่งไปซ้ำที่เดิมกับครั้งแรก
คำถาม จะไปเพื่ออออ ^^ ทุกการเดินทางไม่เคยมีอะไรเหมือนเดิมหรอกน่า
ข้อแรกคือ ครั้งนี้ไปคนเดียว
ข้อสองคือ ไปนานมาก 14 วัน รอบแรกไปประมาณ 6 วัน
จริงแล้วตอนแรกตั้งใจว่าจะไปกับพี่สาวเจ้าเก่าคนเดิม เพิ่มเติมคือแก่ขึ้น อิอิ แต่ก็เกิดเปลี่ยนใจเพราะพี่จะไปช่วงเดือนพฤษภาคม แต่วันลาที่เรามีอยู่นั้นจะโดนตัดตอนสิ้นเดือนเมษายนเลยเกิดความเสียดายวันลา 4 วันที่ต้องโดนตัดทิ้งไปเฉยๆ สุดท้ายเลยตัดสินใจขอแยกตัว เหตุเกิดตอนช่วงเดือนธันวาคม ปี 2558 แล้วเราก็ไปชักชวนพี่ในทีมมีนามว่ากาตูน
ชิมม่อล : เทอๆ อยากไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นใช่ปะ เนี่ยๆ ตอนนี้มันยังมีโปรการบินไทยอยู่นะ บินได้ตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มีนาคม อะ ไปปะ แต่ว่าถ้าจะไปต้องจองก่อนสิ้นปีนี้นะ ต้องรีบแล้วล่ะ
กาตูน : เห้ย จิงดิ ไปๆ งั้นไปช่วงไหนดีอะ
ชิมม่อล : มีนามะ เทอไปกับสามีใช่มะ เราขอเกาะพ่วงตั๋วไปด้วยได้ปะ คือมันต้อง 2 คนขึ้นไปถึงจะไปราคาโปรอะ
กาตูน : ได้เลย งั้นเดี๋ยวเรานัดทำทริปกัน
ชิมม่อล : โอเค ดีลลล
เวลาผ่านไปไม่กี่วัน เพื่อนของพี่สาวก็มาทักบอกว่าไปเดือนมีนาไปทำไม มันยังไม่มีอะไร ไปเมษาสิซากุระบานแล้ว
อืมมม พอโดนทักเท่านั้นล่ะ เกิดอารมณ์หวั่นไหวเล็กน้อย เปิดดูพยากรณ์ซากุระบานซึ่งมันก็ยังไม่ตรงหรอก แต่ก็พอเป็นแนวทางได้ จากประวัติจะเริ่มบานช่วงปลายมีนาถึงต้นเมษา
เอาไงดีเนี่ย ถ้าเลื่อนบินเป็นเมษาก็จะไม่ได้ตั๋วโปร ไปปลายมีนาก็ไม่ได้เพราะต้องปิดคิว มีทางเลือกแค่ต้นมีนาได้ตั๋วโปรการบินไทย แต่ไม่เห็นซากุระ มีคนไปด้วย แต่ถ้ายอมเสี่ยงดวงไปหาตั๋วเอาข้างหน้าไปช่วงเมษา ก็อาจจะได้เห็นซากุระ(อาจจะนะ) แต่ต้องไปคนเดียวแน่ๆ ตั๋วถูกก็ต้องลุ้นเอาว่าจะมีออกมามั้ย
โอ้พระเจ้าจอร์จ มันยากจริง นอนคิด นั่งคิด ตีลังกาคิด เอาวะ เสี่ยงดวง
ชิมม่อล : กาตวน เค้าว่า เค้าจะเลื่อนไปช่วงเมษาล่ะ เผื่อได้เห็นซากุระ แล้วก็คงจะไปคนเดียว
กาตวน : หา!!! ไปคนเดียว แล้วจะคุยกะใคร
ชิมม่อล : เอาน่าเดี๋ยวก็หาคนคุยด้วยได้ เธอไปกะสามีสองคนละกันนะ
มกราคม 2559
เริ่มเขียนทริป ตอนแรกจะไป โตเกียว แล้วก็ข้ามไปโอซาก้า จองโรงแรมเรียบร้อย เขียนทริปครึ่งโตเกียวเสร็จเรียบร้อย
หาตั๋วเครื่องบิน มีแต่ตั๋วแพงทั้งนั้นเลย ยิ่งต้องซื้อแยกขาไป ขากลับก็ยิ่งแพง ไหนจะต้องเสียค่าชินกันเซ็นอีก เอาไงดีวัยรุ่น
ใจเย็นค่อยๆหาตั๋วไป เดี๋ยวก็ได้ ....
กุมภาพันธ์ 2559
นั่งทำงบ โอ้วว มายยย ก๊อดดด ข้ามไปโอซาก้านี่ค่าตั๋วชินกันเซนนี่ทำงบบานปลายมากจริงๆ แถมต้องรีบๆเที่ยวอีก มันไม่ใช่วิถีวัยรุ่นอย่างเราเล้ย เอาวะ เปลี่ยนแผน อยู่โตเกียว 14 วันเลยละกัน (เนื่องจากโรงแรมที่โตเกียวถ้ายกเลิกจะเสียตัง เลยเลือกอยู่โตเกียว) เขียนทริปใหม่ หาตั๋วใหม่
สุดท้ายเราก็ได้ตั๋วไป กลับ ในราคา 16000 บาท ถือว่าแพงเพราะว่าต้องไปต่อเครื่องด้วย แต่ก็ถูกสุด ณ ขณะนั้นแล้ว
ตอนแรกจะจองการบินไทย 23000 บาทแต่เกิดอาการงกขึ้นมา เลยยอมต่อเครื่อง เลือกสายการบิน China eastern ก็ไม่รู้อะไรดลใจให้เลือกสายการบินจีน มีความสยดสยองกับชาวจีนพอสมควร เป็นพวกหวาดวิตกล่วงหน้า โดนเป่าหูมาเยอะุ แต่เลือกไปแล้วราคาถูกบังตา ต้องไปเปลี่ยนเครื่องที่เซี่ยงไฮ้ เอาวะ เป็นไง เป็นกัน ลำบากบ้างไม่ตายหรอกน่า
มีนาคม 2559
เขียนทริปเสร็จเรียบร้อย ละเอียดยิบ ไปที่ไหนบ้างค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ งบทั้งหมดเท่าไหร่ ค่ากินต่อวันเท่าไหร่ โรงแรมทุกที่พร้อม เดินทางวันที่ 1 เมษายน 2559 กลับวันที่ 14 เมษายน 2559 ขั้นตอนต่อไป เป็นขั้นตอนสำคัญมาก นั่นก็คือ บอกพ่อไงล่ะ ^^ ย้ำว่าบอกไม่ได้ขอเพราะทุกอย่างจองไปหมดแล้ว จังหวะที่บอกนั้นพ่อมีความตกใจสูงมาก ว่าจะไปคนเดียว และจองตั๋วเครื่องบินไปแล้วด้วย พ่อคงนึกในใจว่าคงห้ามอะไรไม่ได้แล้วสินะ สุดท้ายก็ได้แต่บอกว่าให้พกพระไปด้วยนะลูก (ปกติเป็นคนไม่ห้อยพระ ด้วยความเป็นคนแพ้ง่ายต่อทุกสิ่งบนโลกใบนี้ ถ้าห้อยเหงื่อออกซักพักผื่นก็ขึ้น) ก็เลยเพื่อความสบายใจของพ่อ เอาติดกระเป๋าไปด้วยละกัน
กลางเดือนมีนาคม 2559
เริ่มปักหมุดในกูเกิ้ลแมพ ความจริงอันแสนปวดร้าว ทำไมเพิ่งมาปักหมุดตอนนี้
แพลนทริปนี้คือ โตเกียว => นิกโก้ => โตเกียว => ฮาโกเนะ => คาวากุชิโกะ => โตเกียว => กรุงเทพ
ประเด็นคือ มีรูป รูปนึงที่อยากได้มากคือ ทางช้างเผือกวิวทะเลสาบและภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งที่พักที่จองไปนั้น ไม่ติดทะเลสาบ เลยนั่งเปิดกูเกิ้ลแมพ ไล่หาที่พักริมขอบทะเลสาบที่ต้องเห็นภูเขาไฟฟูจิด้วย แล้วก็มาเจอ Cottage tozawa hotel เปิดเข้าไปดูเวปเป็นภาษาญี่ปุ่นค่ะ กด translate กันไปตามระเบียบ ลองเข้าไปคลิกจองดู เหยมันยังว่างเว้ยเห้ย แต่..ถูกสุดคือคืนล่ะประมาณ 4000 กว่าบาท เพราะมีแต่แบบเป็นบ้านหลัง หลังนึงนอนได้สี่คนอย่างต่ำ เป็นบ้านสองชั้น เริ่มชั่งใจ แต่ว่าโลเคชั่นนางดีมาก เดินไปทะเลสาบยามค่ำคืนได้ เช็คจากแอพดูดาวช้างเริ่มขึ้นประมาณตีสี่ หมายความว่าเราต้องออกไปตั้งกล้องริมทะเลสาบประมาณตีสามกว่าแล้วยิงยาวจนเช้า ปรึกษาพี่สาว คนนี้ก็สายยุพี่ว่าเอาเลย น้องก็เป็นพวกยุขึ้น จองสิคะ รออะไร คืนเดียวพอ เดี๋ยวล้มละลาย นี่นอนคืนเดียวเท่ากับค่าที่พักครึ่งทริปเลยนะเนี่ย และแล้วเราก็จองเรียบร้อยเพื่อรูป รูปเดียวต้องยอมเสียเงินขนาดนี้เลยหรอ จะได้รูปนั้นมารึป่าวก็ยังไม่รู้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับธรรมชาติล้วนๆ
จองที่พักเรียบร้อย ซื้อบัตรพาสต่างๆ ที่สามารถซื้อได้ที่ไทย มี Nikko all pass, Disney 1 day pass, Edo wonderland
หลังจากซื้อ Pass จองที่พัก ตั๋วเครื่องบิน ก็ได้เวลามาถึงอุปกรณ์ฟุ่มเฟือยทั้งหลายแหล่ ที่ทำเอาแทบล้มละลายตั้งแต่ก่อนไปเลย เริ่มจากกระเป๋าเป๋ deva 60L ของ Gregory ยังไม่พอซื้อ Day pack มาอีกใบจริงๆ Day pack ที่บ้านนี่มีอย่างเยอะ กิเลสล้วนๆ ยังไม่พอ ไปเดินแพลตตินั่ง ได้โค้ชยาวมาสองตัว ดำ 1 แดง 1 ที่บ้านมียูนิโคล่อยู่แล้วตัวนึง บอกแล้วว่ากิเลสล้วนๆ ยังไม่พอค่ะ บู๊ทยาวสีดำ อีกหนึ่ง คือดูแล้วก็ไม่น่าจะเดินสบายนะ แต่กิเลสเข้าครอบงำไง
คิดว่าคงหมดแล้ว แต่ไม่ยิ่งใกล้วันยิ่งหวั่นไหว ผ้าเช็ดตัวแห้งเร็ว กระเป๋าใส่อุปกรณ์อาบน้ำ กระเป๋าใส่เงิน กระเป๋าแบ่งของ สป๊อก rain cover sleep liner หมอนรองคอ อุปกรณ์กล้องอีกมากมาย
แค่ก่อนไปก็แทบล้มละลายแล้ว คืนก่อนไปก็ถอยรองเท้าวิ่ง Nike มาอีกคู่
ล้มละลายมั้ย พูด !!!!!
31 มีนาคม 2559
ช่วงเวลาแห่งการจัดกระเป๋าก็มาถึง
เมื่อพยายามยัดทุกอย่างลงกระเป๋า ก็พบว่ามันไม่สามารถจริงๆ เราคงต้องสละบางอย่างไปบ้าง
อย่างแรก รองเท้าบู๊ทที่เพิ่งซื้อมานั้น อยู่บ้านค่ะ เอาไปคู่เดียวคือ Nike
เสื้อผ้าสารพัดที่คิดว่าจะเอาไปก็ลดทุกอย่างลงครึ่งนึง เสื้อโค้ชที่ซื้อมายังคงเอาไปทั้งสองตัว และยูนิโคล่ตัวเก่าก็เอาไปด้วย มันกินพื้นที่มหาศาลมากจริงๆ
คืนนั้นจัดกระเป๋าไปประมาณ 5 รอบได้ รื้อแล้วรื้ออีก เอานู่นออก นี่ออก คือมันจนปัญญาจะยัด ถ้าขาไปขนาดนี้ ขากลับไม่ต้องพูดถึง สุดท้ายก็จัดเป้ backpack เสร็จมาถึง เป้เล็กที่ไม่น้อยหน้า เพราะต้องใส่อุปกรณ์ถ่ายรูปทั้งหลายแหล่ ประกอบไปด้วย DSLR 5D mark II 1 ตัว เลนส์ 28-200 mm 1 ตัว และ เลนส์ 17-40 mm อีกหนึ่งตัว เท่านั้นยังไม่พอ แฟลชเราก็เอาไป เหลือดีกว่าขาด ขาตั้งกล้องใหญ่หนึ่ง ขาตั้งกล้องเล็กหนึ่ง ยังๆ ยังไม่หมด mirrorless Olympus EM5 อีก 1 ตัว ยังไม่พอ Gopro กับไม้เซลฟี่ก็มา หมดยัง ยังค่ะ โน้ตบุ๊คก็ต้องเอาไป เพราะเมมโมรี่ไม่พอ ต้องโหลดรูปลงคอมทุกวัน สาบานว่านี้กระเป๋าเล็ก ดูจากน้ำหนักและมูลค่าแล้ว หึหึ ไม่อยากจะพูด และแล้วเราก็ยัดทุกอย่างลงไปได้อย่างไม่สวยงามเท่าไหร่นัก เวลาล่วงเลยมามากแล้ว สมควรแก่การนอนพักผ่อนก่อนการเดินทางอันแสนยาวนาน
กู๊ดไนท์ คืนสุดท้ายในสยามประเทศ อีกครึ่งเดือนเจอกันฮะ