เนื่องด้วยวันที่ 11 - 15 เมษายน เป็นวันหยุดยาว ผมจึงถือโอกาศกลับบ้านในช่วงบ่ายของวันที่ 11 โดยใช้เส้นทาง ถ.มิตรภาพ-ท่าพระ-อ.โกสุมฯ-มหาสารคาม-ร้อยเอ็ด-โพนทอง ซึ่งรวมระยะทางประมาณ 150 กิโลเมตร ซึ่งผมใช้เส้นทางดังกล่าวตอนกลางคืนเป็นประจำครับ เพราะตอนกลางคืนถนนโล่งมอไซค์วิ่งได้สบาย เคยมาตอนดึกๆ สี่ห้าทุ่ม ถึงบ้านก็เที่ยงคืนตีประจำไม่มีอะไรระหว่างทาง
บ้านผมอยู่ จ.ร้อยเอ็ดครับ(อ.โพนทอง) ห่างจากตัวเมืองไป 32 กิโลเมตร และผมมีความจำเป็นที่ต้องกลับม.(อยู่ที่จ.ขอนแก่น) ภายในคืนที่ 14 เมษาฯ และผมออกเดินทางจากบ้านประมาณห้าทุ่มถึงตัวเมืองร้อยเอ็ดห้าทุ่มครึ่งการเดินทางราบรื่นดี จากนั้นก็ออกจากร้อยเอ็ดโดยใช้เส้นทางหมาเลข 23 ไปมหาสารคามถึงประมาณตีหนึ่ง ผมแวะพักรถที่ปตท.ก่อนถึงม.ใหม่ แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางว่าจะกลับทางเดิม(ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น)หรือจะกลับเส้นทางมหาสารคาม-อ.เชียงยืน-ขอนแก่น ซึ่งค่อนข้างใกล้กว่ากัน (ตอนนั้นค่อนข้างดึกแล้วกลัวว่าตัวเองจะหลับใน) ก็เลยตัดสินใจเลือกเส้นทางใหม่ ซึ่งมันจะมีทางลัดจากสารคามไปเชียงยืนโดยแค่ต้องวิ่งตรงเข้าไปในม.ใหม่แล้วจะมีเส้นทางทะลุไปสู่เชียงยืนแต่ก่อนจะไปถึงเชียงยืนจะผ่านบ้านนาสีนวลก่อน ซึ่งผมขอเรียกเส้นทางนี้ว่า "ม.ใหม่ - นาสีนวล"
หลังจากที่พักรถผมจึงออกจากปตท.วิ่งเข้าไปในม.ใหม่(มมส.)ตรงไปจนถึงทางสามแยกซึ่งจะมีสายหนึ่งแยกไปอ.โกสุมฯ พอพ้นแยกนี้ไปก็ถือว่าออกจากม.ใหม่(อันนี้ผมคิดเอาโดยส่วนตัว) จากนั้นผมก็ขับมาเรื่อยๆ โดยพยายามสังเกตป้ายเส้นทางต่างๆ รวมไปถึงหลักกิโลฯ ระยะทางจากม.ใหม่ไปถึงนาสีนวลประมาณ 11 - 15 กิโลฯ
ตอนนั้นเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ พอเริ่มออกจากม.มาเรื่อยๆ สิ่งแวดล้อมระหว่างสองข้างทางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ความศิวิไลค่อยๆ หายไปเหลือแต่ทางสองเลนกับทุ่งนาโล่งๆ ตลอดสองข้างทาง ค่อนข้างเปลี่ยว มืด และเงียบ มองกระจกหลังไม่เห็นรถที่ตามมาซักคัน บนถนนที่ไม่มีรถอะไรผ่านไปผ่านมา มีแต่ฮอนด้าเวฟ125iของผมคันเดียว ความเร็วที่ขับตอนนั้นประมาณ 80 - 100 กม/ชม ตลอดทางผมพยายามมองหลักกิโลฯ ทุกหลักและอยากให้มันถึงเร็วๆ จนระยะทางประมาณ 6 - 8 กิโลเมตร
ผมก็เริ่มสัมผัสได้ว่ารถหนักขึ้น....และมีอะไรซักอย่างอยู่บนรถกับผมด้วย รู้สึกขนลุกที่แผ่นหลัง บรรยากาศตอนแรกที่ปลอดโปร่งก็เริ่มอึดอัด ความเร็วที่ปกติ 80 - 100 กม/ชม ที่วิ่งได้ก็ลดลงมาเหลือแค่ 80 - 90 กม/ชม สองข้างทางมืดสนิท เมื่อผมเห็นเป็นอย่างงั้นจึงหันมองกระจกหลัง ไม่เห็นมีอะไร ก็เลยขับต่อไปโดยคิดแค่ว่ารถคงจะแย่เพราะขับทางไกลบ่อย (ปกติไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ กลัวคนปาหินกับพวกถีบรถมากกว่า) แต่พอขับไปจนมองเห็นป้ายบ้านนาสีนวล ซึ่งก็มีเสาไฟฟ้า(สีส้ม)เรียงรายกันตลอดผมก็เริ่มโล่งใจที่ไม่เกิดอันตรายกับรถและผม แต่ความโล่งใจนั่นก็อยู่ได้แค่แปปเดียว เพราะถ้าเพื่อนๆ คนไหนเคยขับรถผ่านแสงไฟพวกนี้จะสังเกตเห็นว่ามันจะฉายภาพเงาของเราลงบนพื้นถนน จากด้านหลังวิ่งไปด้านหน้า แล้วผมก็เผอิญเผลอไปมองเงาของผมเอง เท่านั้นแหล่ะครับ ขนผมนี่ลุกยันหัวเลย ก็เพราะเงาที่มันควรจะมีแค่เงาของผมมันกลับมีเงาของใครอีกคนด้วย ซึ่งถ้าเป็นเพราะเงาซ้อนทับมันก็ไม่น่าจะอยู่ห่างกันขนาดนั้น อันนี้คือแบบมีเงาผมกับใครอีกคนเลย ย้ำนะครับว่าผมไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ หรือนอนไม่พอ ความรู้สึกทุกโสตประสาทตอนนั้นตื่นเต็มที่ ผมมองไปที่เงานั้นสองรอบ ระยะห่างกันไม่ถึงสิบวินาที ก็ยังเห็นเหมือนเดิม จนมาถึงสามแยกที่เลี้ยวซ้ายจะไปอ.เชียงยืน แลี้ยวขวาจะไปอ.กันทรวิชัย ผมหันไปมองเงานั้นอีกคราวนี้มีแต่เงาของผมแล้ว แต่ความรู้สึกตอนนั้นขับไปขนลุกไป ไม่รู้จะเอาคำไหนมาอธิบาย จนกระทั้งออกจากเชียงยืนและเวลาประมาณตีสอง แม่ผมโทรมา ผมจึงจอดรถแล้วรับโทรศัพท์ คุยกับแม่เสร็จ ความรู้สึกและสติสัมปชัญญะของผมก็กลับมาเหมือนเดิม จนกระทั่งกลับถึงหอพักหลังม.ประมาณตีสองเกือบตีสามด้วยความปลอดภัย (นึกถึงตอนนี้ก็ขนลุกเหมือนเดิม)
อยากจะฝากถึงใครที่ชอบเดินทางตอนกลางคืนเหมือนกันนะครับ ก็ให้ระมัดระวังตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มีสติ ผียังน่ากลัวน้อยกว่าคนนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสเวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีสอง ลองไปเส้นทางนี้ดูนะครับ "ม.ใหม่ - นาสีนวล" ผมเองก็คงจะไปอีกครั้ง แต่คงไม่ดึกขนาดนั้น ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ปล.เที่ยวสงกรานต์กันให้สนุกนะครับ เฮอๆๆ
เมื่อผมเดินทางจากบ้านกลับม.ด้วยมอเตอร์ไซค์ในคืนวันที่ 14 เมษายน 2559
บ้านผมอยู่ จ.ร้อยเอ็ดครับ(อ.โพนทอง) ห่างจากตัวเมืองไป 32 กิโลเมตร และผมมีความจำเป็นที่ต้องกลับม.(อยู่ที่จ.ขอนแก่น) ภายในคืนที่ 14 เมษาฯ และผมออกเดินทางจากบ้านประมาณห้าทุ่มถึงตัวเมืองร้อยเอ็ดห้าทุ่มครึ่งการเดินทางราบรื่นดี จากนั้นก็ออกจากร้อยเอ็ดโดยใช้เส้นทางหมาเลข 23 ไปมหาสารคามถึงประมาณตีหนึ่ง ผมแวะพักรถที่ปตท.ก่อนถึงม.ใหม่ แล้วผมก็ตัดสินใจเลือกเส้นทางว่าจะกลับทางเดิม(ที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น)หรือจะกลับเส้นทางมหาสารคาม-อ.เชียงยืน-ขอนแก่น ซึ่งค่อนข้างใกล้กว่ากัน (ตอนนั้นค่อนข้างดึกแล้วกลัวว่าตัวเองจะหลับใน) ก็เลยตัดสินใจเลือกเส้นทางใหม่ ซึ่งมันจะมีทางลัดจากสารคามไปเชียงยืนโดยแค่ต้องวิ่งตรงเข้าไปในม.ใหม่แล้วจะมีเส้นทางทะลุไปสู่เชียงยืนแต่ก่อนจะไปถึงเชียงยืนจะผ่านบ้านนาสีนวลก่อน ซึ่งผมขอเรียกเส้นทางนี้ว่า "ม.ใหม่ - นาสีนวล"
หลังจากที่พักรถผมจึงออกจากปตท.วิ่งเข้าไปในม.ใหม่(มมส.)ตรงไปจนถึงทางสามแยกซึ่งจะมีสายหนึ่งแยกไปอ.โกสุมฯ พอพ้นแยกนี้ไปก็ถือว่าออกจากม.ใหม่(อันนี้ผมคิดเอาโดยส่วนตัว) จากนั้นผมก็ขับมาเรื่อยๆ โดยพยายามสังเกตป้ายเส้นทางต่างๆ รวมไปถึงหลักกิโลฯ ระยะทางจากม.ใหม่ไปถึงนาสีนวลประมาณ 11 - 15 กิโลฯ
ตอนนั้นเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ พอเริ่มออกจากม.มาเรื่อยๆ สิ่งแวดล้อมระหว่างสองข้างทางก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป ความศิวิไลค่อยๆ หายไปเหลือแต่ทางสองเลนกับทุ่งนาโล่งๆ ตลอดสองข้างทาง ค่อนข้างเปลี่ยว มืด และเงียบ มองกระจกหลังไม่เห็นรถที่ตามมาซักคัน บนถนนที่ไม่มีรถอะไรผ่านไปผ่านมา มีแต่ฮอนด้าเวฟ125iของผมคันเดียว ความเร็วที่ขับตอนนั้นประมาณ 80 - 100 กม/ชม ตลอดทางผมพยายามมองหลักกิโลฯ ทุกหลักและอยากให้มันถึงเร็วๆ จนระยะทางประมาณ 6 - 8 กิโลเมตร
ผมก็เริ่มสัมผัสได้ว่ารถหนักขึ้น....และมีอะไรซักอย่างอยู่บนรถกับผมด้วย รู้สึกขนลุกที่แผ่นหลัง บรรยากาศตอนแรกที่ปลอดโปร่งก็เริ่มอึดอัด ความเร็วที่ปกติ 80 - 100 กม/ชม ที่วิ่งได้ก็ลดลงมาเหลือแค่ 80 - 90 กม/ชม สองข้างทางมืดสนิท เมื่อผมเห็นเป็นอย่างงั้นจึงหันมองกระจกหลัง ไม่เห็นมีอะไร ก็เลยขับต่อไปโดยคิดแค่ว่ารถคงจะแย่เพราะขับทางไกลบ่อย (ปกติไม่ใช่คนกลัวอะไรง่ายๆ กลัวคนปาหินกับพวกถีบรถมากกว่า) แต่พอขับไปจนมองเห็นป้ายบ้านนาสีนวล ซึ่งก็มีเสาไฟฟ้า(สีส้ม)เรียงรายกันตลอดผมก็เริ่มโล่งใจที่ไม่เกิดอันตรายกับรถและผม แต่ความโล่งใจนั่นก็อยู่ได้แค่แปปเดียว เพราะถ้าเพื่อนๆ คนไหนเคยขับรถผ่านแสงไฟพวกนี้จะสังเกตเห็นว่ามันจะฉายภาพเงาของเราลงบนพื้นถนน จากด้านหลังวิ่งไปด้านหน้า แล้วผมก็เผอิญเผลอไปมองเงาของผมเอง เท่านั้นแหล่ะครับ ขนผมนี่ลุกยันหัวเลย ก็เพราะเงาที่มันควรจะมีแค่เงาของผมมันกลับมีเงาของใครอีกคนด้วย ซึ่งถ้าเป็นเพราะเงาซ้อนทับมันก็ไม่น่าจะอยู่ห่างกันขนาดนั้น อันนี้คือแบบมีเงาผมกับใครอีกคนเลย ย้ำนะครับว่าผมไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ หรือนอนไม่พอ ความรู้สึกทุกโสตประสาทตอนนั้นตื่นเต็มที่ ผมมองไปที่เงานั้นสองรอบ ระยะห่างกันไม่ถึงสิบวินาที ก็ยังเห็นเหมือนเดิม จนมาถึงสามแยกที่เลี้ยวซ้ายจะไปอ.เชียงยืน แลี้ยวขวาจะไปอ.กันทรวิชัย ผมหันไปมองเงานั้นอีกคราวนี้มีแต่เงาของผมแล้ว แต่ความรู้สึกตอนนั้นขับไปขนลุกไป ไม่รู้จะเอาคำไหนมาอธิบาย จนกระทั้งออกจากเชียงยืนและเวลาประมาณตีสอง แม่ผมโทรมา ผมจึงจอดรถแล้วรับโทรศัพท์ คุยกับแม่เสร็จ ความรู้สึกและสติสัมปชัญญะของผมก็กลับมาเหมือนเดิม จนกระทั่งกลับถึงหอพักหลังม.ประมาณตีสองเกือบตีสามด้วยความปลอดภัย (นึกถึงตอนนี้ก็ขนลุกเหมือนเดิม)
อยากจะฝากถึงใครที่ชอบเดินทางตอนกลางคืนเหมือนกันนะครับ ก็ให้ระมัดระวังตัวเองด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ให้มีสติ ผียังน่ากลัวน้อยกว่าคนนะครับ แต่ถ้ามีโอกาสเวลาประมาณตีหนึ่งถึงตีสอง ลองไปเส้นทางนี้ดูนะครับ "ม.ใหม่ - นาสีนวล" ผมเองก็คงจะไปอีกครั้ง แต่คงไม่ดึกขนาดนั้น ขอบคุณที่อ่านจนจบครับ ปล.เที่ยวสงกรานต์กันให้สนุกนะครับ เฮอๆๆ