หลังจากที่ได้เป็นมนุษย์อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การฝากท้อง และการคลอด
ที่คลีนิคพิเศษ รพ ศิริราช
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ กับมนุษย์แม่ ท่านอื่น ๆ นะคะ
เราเริ่มรู้สึกตัวว่าท้อง ตอนประมาณ สัปดาห์ที่ 7 เลยซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์มาตรวจดู
พอรู้ตัวว่าท้องแน่แล้ว ก็คิดถึงเรื่องการฝากครรภ์ (อันนี้สำคัญมาก ควรรีบฝากตั้งแต่ตอนที่รู้ตัวว่าท้อง)
ตอนแรกเราจะไปฝากที่ รพ พญาไท ก็เข้าไปพบคุณหมอแล้ว และคุณหมอ ก็ให้ ซาว์ด (ทางช่องคลอด)
อันนี้นึกยังไงไม่รู้ถึง ซาว์ด ปรากฎว่า ท้องแราเป็นท้องแฝดค่ะ
ก็เลยเกิดลังเล เพราะคุณหมอเองก็ออกตัวว่า ถ้าเป็นท้องแฝด หากเด็กออกมาไม่แข็งแรง จะมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเพียบ
เพราะส่วนใหญ่เด็กแฝด ที่ออกมาจะต้องอยู่ตู้อบ และเรื่องอุปกรณ์ และความพร้อมทางการแพทย์ ด้วย
เราเลยตัดสินใจไปฝากที่ รพ ศิริราช แทน หลายคนก็แนะนำให้ฝากคลีนิคพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นอาจารย์หมอ
ปล. คลีนิคพิเศษ คือ คลีนิคนอกเวลาราชการ จันทร์ - ศุกร์ และ เสาร์ - อาทิตย์
ขึ้นชื่อว่า ศิริราช ก็ต้องมีขั้นตอนเยอะเป็นธรรมดา เราต้องมาทำบัตรประจำตัวผู้ป่วย ของ รพ ก่อน ถึงจะสามารถทำนัด
กับคุณหมอ ซึ่งหากเราทราบชื่อคุณหมอ ก็สามารถระบุแพทย์ ได้ แต่ก็ไม่รับปากนะคะ ว่าจะได้คิว เมื่อไหร่
เมื่อได้วันนัด เราก็มาตามวัน และเวลา ที่กำหนด
ทุกครั้งที่มาตรวจที่นี้ ก็ให้ยื่นบัตรนัด ที่ คลีนิค สูติ ชั้น 3 ตึกผู้ป่วยนอก
พยาบาล จะเขียนใบลำดับของเราให้ พร้อมกับแผ่นตรวจปัสสาวะ
หลังจากนั้น เราก็จะเข้าไปตรวจปัสสาวะ และถือแผ่นออกมาให้พยาบาลที่ ประจำอยู่ที่เครื่องวัดความดัน ดู
ว่าปัสสาวะผิดปกติหรือไม่ (ถ้าผิดปกติ จะขึ้นเป็นสีเขียว)
และเราก็ไปชั่งน้ำหนัก กับ วัดความดัน จากนั้นก็ไปรอที่ห้องตรวจ
นั่งรอไปประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง แฟ้มประวัติของเราก็จะถูกนำมาวางที่ห้องตรวจ
จากนั้น ขึ้นอยู่กับว่า คนไข้ของคุณหมอท่านนั้น มีเยอะไหม ถ้ามีเยอะ ก็รอนานค่ะ บอกเลย
เราเคยนั่งรอ เกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะได้เข้าห้องตรวจ
ค่าใช้จ่าย ต่อครั้ง ประมาณ 700-800 บาท (อันนี้ถ้ามียา เพิ่ม ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่ม)
ซึ่งการมาตรวจที่สูติ นี้ จะไม่มีการอัลตราซาวด์
หากต้องอัลตราซาวด์ คุณหมอ จะนัดมาอีกวัน (และอีกที่ ซึ่งเป็นแผนก อัลตราซาวด์โดยเฉพาะ)
การซาวด์ แบบปกติ ค่าใช้จ่ายประมาณ 1200-1500
อันนี้ความเห็นส่วนตัว เราคำนวณดูแล้ว ค่าใช้จ่าย (ค่าตรวจ + ซาวด์ 1 ครั้ง) พอ ๆ กับการไปตรวจที่ รพ เอกชนเลย
(คำนวณจากที่เคยไปที่พญาไท ก่อนที่จะมาศิริราช ครั้งนั้นจ่ายไป 2 พันกว่า ๆ)
แถมไม่เสียเวลาที่ต้องไป มา รพ หลายรอบ
แต่เราติดที่เป็นลูกแฝด กลัว ค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยของลูก หลังคลอด จึงต้องยอม
ปกติคุณหมอ จะนัดมาตรวจ แม่ ประมาณ เดือนละ 1 ครั้ง และซาวด์ เดือนละ 1 ครั้ง เช่นกัน
เราก็มาตรวจตามนัดทุกครั้ง ก็ปกติดี แต่เราอายุ เกิน 35 คุณหมอเลยแนะนำให้ เจาะน้ำคร่ำ
เพื่อตรวจคัดกรอง ดาวน์ซินโครม เราเจาะที่อายุครรภ์เกือบ 20 สัปดาห์
ก็เจ็บค่ะ ตอนเจาะ เพราะว่าต้องเจาะเข้าไป 3 ชั้น กว่าจะถึง ถุง น้ำคร่ำ
แถมเราลูกแฝด ต้องเจาะ 2 เข็ม (ลืมบอก ของเราเป็นแฝด แบบไข่ คนละใบ จึงมีถุงน้ำคร่ำ 2 ถุง)
คุณหมอจะนัดมาฟังผล อีก 4 สัปดาห์
โล่งอกไปค่ะ น้องปกติดีทั้ง 2 คน
ศิริราช เข้าจะมีให้คุณแม่ ฉีดวัคซีน บาคทะยัก ต้องฉีดถึง 3 เข็ม (จะอยู่ได้ 10 ปี)
อันนี้เค้าจะนัดห่างกันค่ะ
พอถึงไตรมาสสุดท้าย ช่วงสัปดาห์ที่ 26 เราก็เริ่มมีถามคุณหมอ เรื่องการคลอดค่ะ
คุณหมอที่นี้ จะไม่มีการนัดผ่าคลอดให้เด็ดขาด ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะต้องผ่า
เลิกคิดถึงการผ่าตามฤกษ์ ไปได้เลยค่ะ
ขนาดเราท้องแฝด คุณหมอยังไม่ยอมนัดผ่า ให้เลย
จนมาถึงสัปดาห์ที่ 35 มาพบคุณหมอ บอกคุณหมอว่าไม่ไหวแล้วค่ะ ท้องจะแตกแล้ว
และเดินไม่ไหวแล้วค่ะ กลัวลูกจะหลุด
คุณหมอเลยประเมินสภาพคุณแม่ และความสมบูรณ์ของน้อง เลยนัดผ่าคลอดให้
ในสัปดาห์ที่ 36 ซึ่งถือว่าเราโชคดีมาก ที่คุณหมอยอมนัดผ่าให้
อ่อ เกือบลืม แม้ว่าคุณฝากท้องกับอาจารย์หมอ ที่คลีนิคพิเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่า
อาจารย์หมดท่านนั้นจะเป็นคนทำคลอดให้นะคะ
เราต้องถามอาจารย์ท่านนั้น ๆ ว่ารับทำคลอดเคส เราหรือป่าว
ซึ่งหากอาจารย์ท่านรับ เค้าจะเซ็นต์ชื่อกำกับไว้ที่ประวัติของเรา
หากอาจารย์หมอไม่รับ คุณก็จะได้ทำคลอดกับหมอเวร ประจำวัน นั้น ๆ ที่คุณมาคลอด
ว่าด้วยเรื่องห้องคลอด
ห้องคลอดที่ศิริราช จะมี 2 แบบ คือ ห้องคลอดสามัญ กับห้องคลอดพิเศษ
ก็ตามชื่อค่ะ ห้องสามัญ แอบตกใจ คือจะเป็นห้องคลอดแบบรวม ที่กั้นไว้เป็นบล็อค ๆ
ส่วนห้องคลอดพิเศษ ก็จะ VIP ขึ้นมาหน่อย เป็นส่วนตัวขึ้น
เราผ่าคลอด ได้แค่ไปนอนตรวจเตรียมตัวที่ห้องคลอดพิเศษเท่านั้น
มาถึงวันนัด คุณหมอจะนัดล่วงหน้า 1 วัน เพื่อมาตรวจเตรียมความพร้อม
วันนี้เราเลยขอจองห้องพักหลังคลอดเลย ซึ่งก็มีหลายแบบ ตัวแต่ ห้องรวม 27 เตียง
2 เตียง / 4 เตียง / เดี่ยว ธรรมดา / เดี่ยว VIP
เราจองแบบเดียว VIP ไป เพราะเดี่ยวธรรมดาไม่ว่าง ค่าห้องคืนละ 3000 ไม่รวมค่าอาหาร อีก 300
ห้องว่างพอดี เราเลยได้ไปนอนรอเพื่อผ่าคลอดที่ห้องพัก
เรามาตามนัด ยื่นบัตร ที่ตึกผู้ป่วยนอก (เค้าจะถามว่า คลอดสามัญ หรือคลอดพิเศษ)
พอไปถึงเค้าจะให้เรานอนรอ เพื่อตรวจสุขภาพ คุณแม่ และเด็ก จะมีการติดเครื่องวัดหัวใจของเด็ก
เพื่อดูว่ามีอัตราการเต้นเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ เกือบ 1 ชั่วโมง
และก็ทำความสะอาดคุณแม่
วันนัดผ่า ทาง รพ จะไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนให้ ว่าจะมารับตอนกี่โมง
ขึ้นอยู่กับคิวทางห้องผ่าตัด ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
เราก็เลยต้องนอนรอไปเรื่อย ๆ พอใกล้ ๆ ที่เราจะได้คิว จะมีพยาบาลมาเสียบสายปัสสาวะให้
พอเสียบเสร็จ เค้าก็จะเข็นเราไปที่ห้องผ่าตัดเลย
ขั้นตอนต่อไปคือ การบล็อคหลัง (ฉีดยาชาที่ไขสันหลัง)
คุณหมอ จะให้เรางอตัวมาก ๆ เพื่อฉีดยาเข้าไป และจะทดสอบว่าเรายังรู้สึกอยู่หรือป่าว
ก็จะมีพยาบาลมาชวนคุยไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงลูกร้อง
อ้าว นี้เสร็จแล้วหรอ เร็วจริง
พยาบาลก็จะพาลูกมาให้เราจุ๊ฟ และก็จะพาลูกไปตรวจสุขภาพต่อไป
คือเราไม่รู้สึกเลยว่าคุณหมอ กรีดท้องแล้ว คุณหมอควักลูกออกมาแล้ว (ยาชาเค้าดีจริง ๆ)
คุณหมอก็จะพาเรามาที่ห้องสังเกตุอาการ เพื่อประเมิน หากไม่มีอะไรก็จะเข้าห้องพักได้
แต่เรามีอาการตกเลือด จึงต้องรักษากันต่อไป (ใช้เวลาอีก 1 วัน) เลยไม่ได้เจอลูกเลย
พอขึ้นมาห้องพัก พยาบาล เค้าก็จะพาลูกมาหาเรา โชคดีที่ลูกเราไม่มีภาวะตัวเหลือง
ที่นี้ เค้าสนับสนุนการให้นมแม่ เราผ่าคลอด พยาบาลก็จะพาลูกมาหาเราเป็นเวลา เพื่อมาให้นม
แต่ว่าน้ำนมเรายังไม่ (คงเป็นเพราะอดข้าว อดน้ำ จากการผ่าตัด แถมมีภาวะตกเลือดอีก)
นอนพักอยู่ 1 คืน น้ำนมถึงจะเริ่มมา
ถ้าใครมีเครื่องปั้ม ก็สามารถปั้มนม เพื่อเก็บไว้ให้ลูกได้เลย
หรือถ้าใครไม่มี ทาง รพ เค้าก็มีเครื่องให้ยืมด้วย ดีจัง (ที่นี้ใช้ของ Medela)
สรุปค่าใช้จ่ายในการคลอด เราจ่ายไป 6 หมื่นกว่าบาท (รวมค่าห้อง และค่ารักษาภาวะตกเลือด)
แต่ยังไม่ร่วม ที่ใส่ซองพิเศษให้กับอาจารย์หมอนะคะ
หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับคุณแม่ ที่กำลังหาข้อมูลอยู่
หากอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ปรึกษากันได้นะคะ เข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่ ^^
แชร์ ประสบการณ์ การฝากท้อง + คลอด คลีนิคพิเศษศิริราช
เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ การฝากท้อง และการคลอด
ที่คลีนิคพิเศษ รพ ศิริราช
หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์ กับมนุษย์แม่ ท่านอื่น ๆ นะคะ
เราเริ่มรู้สึกตัวว่าท้อง ตอนประมาณ สัปดาห์ที่ 7 เลยซื้อที่ตรวจตั้งครรภ์มาตรวจดู
พอรู้ตัวว่าท้องแน่แล้ว ก็คิดถึงเรื่องการฝากครรภ์ (อันนี้สำคัญมาก ควรรีบฝากตั้งแต่ตอนที่รู้ตัวว่าท้อง)
ตอนแรกเราจะไปฝากที่ รพ พญาไท ก็เข้าไปพบคุณหมอแล้ว และคุณหมอ ก็ให้ ซาว์ด (ทางช่องคลอด)
อันนี้นึกยังไงไม่รู้ถึง ซาว์ด ปรากฎว่า ท้องแราเป็นท้องแฝดค่ะ
ก็เลยเกิดลังเล เพราะคุณหมอเองก็ออกตัวว่า ถ้าเป็นท้องแฝด หากเด็กออกมาไม่แข็งแรง จะมีค่าใช้จ่ายตามมาอีกเพียบ
เพราะส่วนใหญ่เด็กแฝด ที่ออกมาจะต้องอยู่ตู้อบ และเรื่องอุปกรณ์ และความพร้อมทางการแพทย์ ด้วย
เราเลยตัดสินใจไปฝากที่ รพ ศิริราช แทน หลายคนก็แนะนำให้ฝากคลีนิคพิเศษ เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นอาจารย์หมอ
ปล. คลีนิคพิเศษ คือ คลีนิคนอกเวลาราชการ จันทร์ - ศุกร์ และ เสาร์ - อาทิตย์
ขึ้นชื่อว่า ศิริราช ก็ต้องมีขั้นตอนเยอะเป็นธรรมดา เราต้องมาทำบัตรประจำตัวผู้ป่วย ของ รพ ก่อน ถึงจะสามารถทำนัด
กับคุณหมอ ซึ่งหากเราทราบชื่อคุณหมอ ก็สามารถระบุแพทย์ ได้ แต่ก็ไม่รับปากนะคะ ว่าจะได้คิว เมื่อไหร่
เมื่อได้วันนัด เราก็มาตามวัน และเวลา ที่กำหนด
ทุกครั้งที่มาตรวจที่นี้ ก็ให้ยื่นบัตรนัด ที่ คลีนิค สูติ ชั้น 3 ตึกผู้ป่วยนอก
พยาบาล จะเขียนใบลำดับของเราให้ พร้อมกับแผ่นตรวจปัสสาวะ
หลังจากนั้น เราก็จะเข้าไปตรวจปัสสาวะ และถือแผ่นออกมาให้พยาบาลที่ ประจำอยู่ที่เครื่องวัดความดัน ดู
ว่าปัสสาวะผิดปกติหรือไม่ (ถ้าผิดปกติ จะขึ้นเป็นสีเขียว)
และเราก็ไปชั่งน้ำหนัก กับ วัดความดัน จากนั้นก็ไปรอที่ห้องตรวจ
นั่งรอไปประมาณ ครึ่ง ชั่วโมง แฟ้มประวัติของเราก็จะถูกนำมาวางที่ห้องตรวจ
จากนั้น ขึ้นอยู่กับว่า คนไข้ของคุณหมอท่านนั้น มีเยอะไหม ถ้ามีเยอะ ก็รอนานค่ะ บอกเลย
เราเคยนั่งรอ เกือบ 2 ชั่วโมง กว่าจะได้เข้าห้องตรวจ
ค่าใช้จ่าย ต่อครั้ง ประมาณ 700-800 บาท (อันนี้ถ้ามียา เพิ่ม ค่าใช้จ่ายก็จะเพิ่ม)
ซึ่งการมาตรวจที่สูติ นี้ จะไม่มีการอัลตราซาวด์
หากต้องอัลตราซาวด์ คุณหมอ จะนัดมาอีกวัน (และอีกที่ ซึ่งเป็นแผนก อัลตราซาวด์โดยเฉพาะ)
การซาวด์ แบบปกติ ค่าใช้จ่ายประมาณ 1200-1500
อันนี้ความเห็นส่วนตัว เราคำนวณดูแล้ว ค่าใช้จ่าย (ค่าตรวจ + ซาวด์ 1 ครั้ง) พอ ๆ กับการไปตรวจที่ รพ เอกชนเลย
(คำนวณจากที่เคยไปที่พญาไท ก่อนที่จะมาศิริราช ครั้งนั้นจ่ายไป 2 พันกว่า ๆ)
แถมไม่เสียเวลาที่ต้องไป มา รพ หลายรอบ
แต่เราติดที่เป็นลูกแฝด กลัว ค่าใช้จ่าย และความปลอดภัยของลูก หลังคลอด จึงต้องยอม
ปกติคุณหมอ จะนัดมาตรวจ แม่ ประมาณ เดือนละ 1 ครั้ง และซาวด์ เดือนละ 1 ครั้ง เช่นกัน
เราก็มาตรวจตามนัดทุกครั้ง ก็ปกติดี แต่เราอายุ เกิน 35 คุณหมอเลยแนะนำให้ เจาะน้ำคร่ำ
เพื่อตรวจคัดกรอง ดาวน์ซินโครม เราเจาะที่อายุครรภ์เกือบ 20 สัปดาห์
ก็เจ็บค่ะ ตอนเจาะ เพราะว่าต้องเจาะเข้าไป 3 ชั้น กว่าจะถึง ถุง น้ำคร่ำ
แถมเราลูกแฝด ต้องเจาะ 2 เข็ม (ลืมบอก ของเราเป็นแฝด แบบไข่ คนละใบ จึงมีถุงน้ำคร่ำ 2 ถุง)
คุณหมอจะนัดมาฟังผล อีก 4 สัปดาห์
โล่งอกไปค่ะ น้องปกติดีทั้ง 2 คน
ศิริราช เข้าจะมีให้คุณแม่ ฉีดวัคซีน บาคทะยัก ต้องฉีดถึง 3 เข็ม (จะอยู่ได้ 10 ปี)
อันนี้เค้าจะนัดห่างกันค่ะ
พอถึงไตรมาสสุดท้าย ช่วงสัปดาห์ที่ 26 เราก็เริ่มมีถามคุณหมอ เรื่องการคลอดค่ะ
คุณหมอที่นี้ จะไม่มีการนัดผ่าคลอดให้เด็ดขาด ถ้าไม่มีข้อบ่งชี้ว่าจะต้องผ่า
เลิกคิดถึงการผ่าตามฤกษ์ ไปได้เลยค่ะ
ขนาดเราท้องแฝด คุณหมอยังไม่ยอมนัดผ่า ให้เลย
จนมาถึงสัปดาห์ที่ 35 มาพบคุณหมอ บอกคุณหมอว่าไม่ไหวแล้วค่ะ ท้องจะแตกแล้ว
และเดินไม่ไหวแล้วค่ะ กลัวลูกจะหลุด
คุณหมอเลยประเมินสภาพคุณแม่ และความสมบูรณ์ของน้อง เลยนัดผ่าคลอดให้
ในสัปดาห์ที่ 36 ซึ่งถือว่าเราโชคดีมาก ที่คุณหมอยอมนัดผ่าให้
อ่อ เกือบลืม แม้ว่าคุณฝากท้องกับอาจารย์หมอ ที่คลีนิคพิเศษ แต่ไม่ได้หมายความว่า
อาจารย์หมดท่านนั้นจะเป็นคนทำคลอดให้นะคะ
เราต้องถามอาจารย์ท่านนั้น ๆ ว่ารับทำคลอดเคส เราหรือป่าว
ซึ่งหากอาจารย์ท่านรับ เค้าจะเซ็นต์ชื่อกำกับไว้ที่ประวัติของเรา
หากอาจารย์หมอไม่รับ คุณก็จะได้ทำคลอดกับหมอเวร ประจำวัน นั้น ๆ ที่คุณมาคลอด
ว่าด้วยเรื่องห้องคลอด
ห้องคลอดที่ศิริราช จะมี 2 แบบ คือ ห้องคลอดสามัญ กับห้องคลอดพิเศษ
ก็ตามชื่อค่ะ ห้องสามัญ แอบตกใจ คือจะเป็นห้องคลอดแบบรวม ที่กั้นไว้เป็นบล็อค ๆ
ส่วนห้องคลอดพิเศษ ก็จะ VIP ขึ้นมาหน่อย เป็นส่วนตัวขึ้น
เราผ่าคลอด ได้แค่ไปนอนตรวจเตรียมตัวที่ห้องคลอดพิเศษเท่านั้น
มาถึงวันนัด คุณหมอจะนัดล่วงหน้า 1 วัน เพื่อมาตรวจเตรียมความพร้อม
วันนี้เราเลยขอจองห้องพักหลังคลอดเลย ซึ่งก็มีหลายแบบ ตัวแต่ ห้องรวม 27 เตียง
2 เตียง / 4 เตียง / เดี่ยว ธรรมดา / เดี่ยว VIP
เราจองแบบเดียว VIP ไป เพราะเดี่ยวธรรมดาไม่ว่าง ค่าห้องคืนละ 3000 ไม่รวมค่าอาหาร อีก 300
ห้องว่างพอดี เราเลยได้ไปนอนรอเพื่อผ่าคลอดที่ห้องพัก
เรามาตามนัด ยื่นบัตร ที่ตึกผู้ป่วยนอก (เค้าจะถามว่า คลอดสามัญ หรือคลอดพิเศษ)
พอไปถึงเค้าจะให้เรานอนรอ เพื่อตรวจสุขภาพ คุณแม่ และเด็ก จะมีการติดเครื่องวัดหัวใจของเด็ก
เพื่อดูว่ามีอัตราการเต้นเท่าไหร่ ใช้เวลาประมาณ เกือบ 1 ชั่วโมง
และก็ทำความสะอาดคุณแม่
วันนัดผ่า ทาง รพ จะไม่มีกำหนดเวลาที่แน่นอนให้ ว่าจะมารับตอนกี่โมง
ขึ้นอยู่กับคิวทางห้องผ่าตัด ว่ามีมากน้อยแค่ไหน
เราก็เลยต้องนอนรอไปเรื่อย ๆ พอใกล้ ๆ ที่เราจะได้คิว จะมีพยาบาลมาเสียบสายปัสสาวะให้
พอเสียบเสร็จ เค้าก็จะเข็นเราไปที่ห้องผ่าตัดเลย
ขั้นตอนต่อไปคือ การบล็อคหลัง (ฉีดยาชาที่ไขสันหลัง)
คุณหมอ จะให้เรางอตัวมาก ๆ เพื่อฉีดยาเข้าไป และจะทดสอบว่าเรายังรู้สึกอยู่หรือป่าว
ก็จะมีพยาบาลมาชวนคุยไปเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกที ก็ได้ยินเสียงลูกร้อง
อ้าว นี้เสร็จแล้วหรอ เร็วจริง
พยาบาลก็จะพาลูกมาให้เราจุ๊ฟ และก็จะพาลูกไปตรวจสุขภาพต่อไป
คือเราไม่รู้สึกเลยว่าคุณหมอ กรีดท้องแล้ว คุณหมอควักลูกออกมาแล้ว (ยาชาเค้าดีจริง ๆ)
คุณหมอก็จะพาเรามาที่ห้องสังเกตุอาการ เพื่อประเมิน หากไม่มีอะไรก็จะเข้าห้องพักได้
แต่เรามีอาการตกเลือด จึงต้องรักษากันต่อไป (ใช้เวลาอีก 1 วัน) เลยไม่ได้เจอลูกเลย
พอขึ้นมาห้องพัก พยาบาล เค้าก็จะพาลูกมาหาเรา โชคดีที่ลูกเราไม่มีภาวะตัวเหลือง
ที่นี้ เค้าสนับสนุนการให้นมแม่ เราผ่าคลอด พยาบาลก็จะพาลูกมาหาเราเป็นเวลา เพื่อมาให้นม
แต่ว่าน้ำนมเรายังไม่ (คงเป็นเพราะอดข้าว อดน้ำ จากการผ่าตัด แถมมีภาวะตกเลือดอีก)
นอนพักอยู่ 1 คืน น้ำนมถึงจะเริ่มมา
ถ้าใครมีเครื่องปั้ม ก็สามารถปั้มนม เพื่อเก็บไว้ให้ลูกได้เลย
หรือถ้าใครไม่มี ทาง รพ เค้าก็มีเครื่องให้ยืมด้วย ดีจัง (ที่นี้ใช้ของ Medela)
สรุปค่าใช้จ่ายในการคลอด เราจ่ายไป 6 หมื่นกว่าบาท (รวมค่าห้อง และค่ารักษาภาวะตกเลือด)
แต่ยังไม่ร่วม ที่ใส่ซองพิเศษให้กับอาจารย์หมอนะคะ
หวังว่าคงจะมีประโยชน์กับคุณแม่ ที่กำลังหาข้อมูลอยู่
หากอยากรู้อะไรเพิ่มเติม ปรึกษากันได้นะคะ เข้าใจ หัวอกคนเป็นแม่ ^^