ลูกคนเดียวดูแลพ่อกับแม่กันยังไงบ้างคะ

เราอยากรู้ว่าคนที่เป็นลูกคนเดียวคนอื่นๆนี่ดูแลพ่อกับแม่กันยังไงบ้างคะ การงาน ความรัก ไปด้วยกันราบรื่นมั้ยคะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 13
พี่เป็นลูกคนเดียวค่ะ มีอะไรจะเล่าอาจเป็นแนวทางนะคะ บางครั้งคนเราต้องละทิ้งความฝันบ้าง เพื่ออยู่กับความจริง ความจริงที่เรายังมีท่านอยู่ ความก้าวหน้าในชีวิตมีอย่างอื่นให้ทำได้หลายอย่าง ที่ไม่ต้องปล่อยให้ท่านเคว้งคว้าง พี่เรียนโรงเรียนวัดมาตลอดแม้พ่อจะเป็นราชการเบิกได้ ช่วงเรียนมหาลัยแม่กับพ่อมีเงินให้พี่ไปสมัครเรียนที่ ม.เอกชนค่ะเพราะพี่เอนฯไม่ติดแต่พี่เอาเงินไปใช้สมัครรามคำแหงแทนแค่ 600 กว่าบาทในสมัยนั้นแล้วเอาเงินที่เหลือทั้งหมดกลับไปคืนแม่ ท่านงงกันมาก ทำไมไม่เรียนเอกชนชื่อดังที่ใกล้บ้าน รามคำแหงไกลบ้านพี่มาก แต่พี่ก็จบค่ะ จบเร็วที่สุดในกลุ่ม พี่ซื้อบ้านหลังแรกให้ท่านอยู่ตอนพี่อายุ 28 พี่ไม่ซื้อรถนะคะ พี่นั่งรถเมล์ไปทำงาน "บ้าน" เรามีความสุขร่วมกันได้ทั้งครอบครัวทุกวัน แต่"รถ" คือความสุขส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม พี่ไม่สามารถเอาความสุขส่วนตัวมาก่อนพวกท่านได้ค่ะ ตอนนี้พี่อายุ 43 แล้วค่ะ เหลืออต่แม่แล้วด้วย ยิ่งต้องดูแลอย่างดี เพราะท่านมีเราเพียงคนเดียวในโลกแล้ว ปัจจุบันพี่ทำธุรกิจส่วนตัว ซึ่งสะสมเรียนรู้มาจากการเป็นลูกจ้างของบริษัทช่วงวัยรุ่น แต่ตอนนี้ อยู่กับท่านมีเวลาให้ท่าน และยังมีเงินดูแลท่านอย่างดี ความกตัญญูทำให้เราเจอคนรักที่ดีตาม ตอนนี้ก็เจอคนที่เขารักเราที่เราเป็นลูกกตัญญูแหละค่ะ แม่เราก็ให้พรให้เรามีชีวิตที่ดีเสมอๆ สวรรค์มันจับต้องได้ชาตินี้ไม่ต้องรอชาติหน้า ไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรกในชีวิตพี่ไม่ขอไปกับแฟนหรือเพื่อนนะคะ พี่เก็บเงิน2 เท่า เพื่อพาท่านไปพร้อมพี่ค่ะ
ถามว่าเหนื่อยไหมพี่ไม่เหนื่อยนะคะ อย่าเปรียบกับชีวิตเพื่อนวัยเดียวกันเลย ครอบครัวไม่เหมือนกัน แต่สิ่งที่มีทำพี่มีความสุขนะคะ เวลาเห็นแม่ยิ้ม อวดเพื่อนๆว่า เราน่ารักขนาดไหน ^^ สู้ๆค่ะ
ความคิดเห็นที่ 47
จขกท. เองนะคะ

ขอขอบคุณสำหรับทุกๆความคิดเห็น คำแนะนำ ประสบการณ์ และกำลังใจที่มอบให้นะคะ
ขอบคุณมากจริงๆ มันทำให้เราได้มุมมอง แง่คิด และตัดสินใจได้แล้วค่ะว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ช่วงวันหยุดยาวมานี้ เราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน เลยมีเวลาที่จะอยู่บ้านกับพ่อแม่
เพิ่งจะได้ลองนั่งมองและสังเกตพ่อกับแม่นานๆ แล้วพบว่าท่านดูซึมๆ ไม่ค่อยสดชื่น
การอยู่แต่ในบ้าน ไม่ได้ออกไปไหนหรือมีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนัก
ทำให้ท่านดูเครียดๆ คิดมาก และดูไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่
เราเลยตัดสินใจว่าเราคงต้องมีเวลาให้ท่านมากกว่านี้ พาท่านออกไปเที่ยวบ้าง
เพราะที่ผ่านมาที่ท่านไม่ยอมไปเที่ยว หรือไปไหนมากนัก เพราะคงไม่อยากรบกวนเรามากเกินไป

ความฝันของเราทิ้งมันไปบ้างก็ได้ค่ะ อาจจะทำในสิ่งที่พ่อกับแม่อยากให้ทำได้ไม่ครบ
ยังไม่ได้เรียนต่อป.เอกให้ท่าน เพราะมันต้องใช้ทั้งเงินและเวลา
สู้เอาเวลานั้นมาดูแลท่านก่อน ถ้ามีโอกาสค่อยทำก็ยังไม่สาย
อยากสะพายเป้ออกเที่ยว ก็คงทำไม่ได้อย่างที่ผ่านมา
เปลี่ยนเป็นพาพ่อกับแม่ไปเที่ยวแทนละกัน
ถือซะว่าได้มีเพื่อนเที่ยว ถึงต้องไปกะทัวร์แต่ก็ได้ไปเที่ยวเหมือนกันแหละนะ

ส่วนเรื่องความรัก ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามทางของมันแล้วกันค่ะ
เรื่องในอนาคตเราไม่อาจจะรู้ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้พ่อกับแม่ยังไม่อยากได้ลูกเขย อมยิ้ม16อมยิ้ม16
เราเชื่อว่าซักวันเราจะได้เจอคนที่สามารถเข้าใจเรา และพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างเราด้วยความเต็มใจ
โดยไม่มองว่าสิ่งที่เราทำมันคือภาระ เหมือนคนที่เคยเดินเข้ามาแล้วสุดท้ายก็เดินจากไป
แค่นี้คงพอแล้วมั้งคะ สำหรับ "ความสุข" ในชีวิต

"พ่อกับแม่อาจจะอยู่กับเราได้ไม่นาน อยู่ดูแลท่านให้ดีที่สุด ก่อนที่จะไม่มีโอกาสได้ทำอีก"

นี่คือสิ่งที่เราเลือกแล้วค่ะ.....
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ปัญหาครอบครัว ครอบครัว ปัญหาชีวิต วางแผนครอบครัว
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่