นับแล้วก็ร่วม 20 ปีเต็ม ที่โคบี้ ไบรอัน ยืนอยู่บนสังเวียนยัดห่วงในฐานะนักกีฬาอาชีพ
ไม่ใช่ชื่อที่หอมหวาน ไม่ใช่นักกีฬาที่อารีอารอบต่อคนอื่น รับมาแล้วทั้งดอกไม้และก้อนหิน นับๆ ดูแล้วจำนวนคนเกลียดเขาอาจมีมากพอกันกับคนที่รัก-ก็คงอันเนื่องมาจากบุคลิกเอาแต่ใจ อวดดี และบ่อยครั้งก็เห็นแก่ตัวอย่างที่อาจเผลอไผลลืมไปว่าบาสเกตบอลเป็นกีฬาแบบทีม ไม่ใช่ประเภทเดี่ยว
"ก็-ม่งเล่นแบบเห็นแก่ตัวไง"
"กูขอให้ยิงลูกโทษพลาดตลอดไป ไอ้เ-ร"
นี่ย่อมไม่ใช่คำเกินเลยที่แฟนบาสเกตบอลมอบให้เขา เพราะหลายต่อหลายครั้ง โคบี้ก็เป็นเช่นนั้น หรือบางทีอาจมากกว่า
หรือถ้าใครยังจำได้ นัดสำคัญระหว่างเลเกอร์สกับแมฟเวอริกส์ เมื่อไทสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จากอีกฝั่งยิงจุดโทษลง แฟนทีมแมฟเวอริกส์ถือโอกาสนี้ในการยั่วยุโคบี้ ที่ไม่ได้ลงเล่นและนั่งอยู่ข้างสนาม การ์ดตัวเอ้ตอบกลับอย่างเรียบง่ายและกวนตีนด้วยการยกนิ้วขึ้นมา 5 นิ้ว-อันหมายถึงจำนวนครั้งที่เขาพาทีมคว้าแชมป์
ไม่ต้องขยายความเพิ่มเติมก็รู้-นั่นแปลว่า อย่ามาแหยมกับกู ไอ้อ่อน
ไม่แปลกใจที่ตลอดระยะเวลาของการยืนหยัดในฐานะนักกีฬาอาชีพนั้น จำนวนคนสาปแช่งโคบี้คงมีไล่เลี่ยกันกับเสียงชื่นชม เพราะพ้นจากเกมส์ ลีลาการตอบสัมภาษณ์การ์ดดังก็อ้อนหน้าแข้งแฟนคลับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเวลาอยู่ในสนาม
ครั้งหนึ่ง เมื่อเลเกอร์สเปิดฤดูกาลอย่างสุดระทมด้วยการตามอยู่ 0-2 เกม การ์ดดังออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ แค่ว่า
"ทุกคนเงียบปากไป ปล่อยพวกเราทำงานซะ"
ยังไม่นับรวมการโต้กลับคำวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนหลายต่อหลายครั้ง
"ใครก็บอกว่าผมเป็นพวกวันแมนโชว์ แต่นั่นก็เป็นเพียงไม่กี่กรณีนะ ยังไงเราก็ชนะอยู่ดีไม่ว่าผมจะยัดไป 40 แต้ม หรือทำได้แค่ 10 แต้ม"
เป็นการ์ดคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับคัดเลือกเข้าลีก NBA ตั้งแต่มัธยมปลาย ในปี 1996 เด็กหนุ่มรูปร่างผอมเก้งก้างในสูทดำ สวมหมวกขาวของชาล็อต ฮอร์เนตส์ ก่อนจะถูกเทรดมาทีมที่กลายมาเป็นสถานที่สุดท้ายของอาชีพนักกีฬาอย่างลอส แอนเจลิส เลเกอร์ส
ชั่วระยะเปลี่ยนผ่านจากหมายเลข 8 สู่หมายเลข 24 ในเสื้อทีมสีม่วงทอง โคบี้ยังคงมาตรฐานนักบาสเกตบอลในแบบของเขาไม่เปลี่ยน ทะเยอทะยาน กระหายชัยชนะ ไม่เชื่อใจคนอื่นนอกจากตัวเอง และบนเส้นทางนักกีฬานั้น เขาแตกหักกับคนมากต่อมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากอัตตาของเขาเอง
ไม่ใกล้เคียงกับฮีโร่ ภาพลักษณ์ของโคบี้อาจเหมือนวายร้ายมากกว่า จริงจังกับทุกเกมส์ อารมณ์เสียเมื่อเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ดั่งใจ ตรงเข้าปะทะมากกว่าจะนิ่ง และแน่นอนที่สุด หยิ่งผยอง-จองหอง คือนิยามที่ใครหลายคนมอบให้เขา
พ้นไปจากท่าทีเหล่านั้น เบื้องหลังของโคบี้หนักหน่วง เขาขึ้นชื่อเรื่องความมีวินัย ฝึกฝนตัวเองหนักหนา จริงจัง และเกือบๆ จะดันทุรังเมื่อมองย้อนไปยังต้นสายของอาชีพ สมัยเมื่อเขายังเป็นหน่ออ่อนเล็กๆ และต้องปะทะกับผู้เล่นมหากาฬของยุคหลายต่อหลายคน กลายเป็นนักกีฬาที่พร้อมไปด้วยความเป็นผู้นำ แข็งแกร่ง รวดเร็วและแม่นยำ
"ผมไล่ตามความสมบูรณ์แบบอยู่"
"ผมจะทำมันทุกทางที่ทำให้เราชนะ จะแค่นั่งบนม้านั่งข้างสนาม โบกผ้าขนหนูเพื่อเชียร์ ส่งน้ำให้เพื่อนร่วมทีม หรือยิงลูกปิดเกมชนะ"
และด้วยสถิติ ตำแหน่งที่เล่น รูปร่าง เขาถูกเปรียบเทียบกับนักบาสเกตบอลแห่งยุคสมัยอย่างไมเคิล จอร์แดน
"ในบรรดานักบาสเกตบอลไม่ว่าจะ คาร์เมโล่ แอนโธนี่, ดเวน เหวด, เลบรอน เจมส์ ผมไม่คิดว่าผมจะเล่นแพ้พวกเขานะ ยกเว้นก็แต่โคบี้"
"ก็หมอนั่น-ม่งเล่นขโมยท่าผมไปทุกท่าเลยนี่หว่า"
ราคาของความอวดดีที่โคบี้ต้องจ่ายนั้นไม่ใช่น้อย เขากลายเป็นนักกีฬาที่ผู้คนทั้งรักทั้งชัง และเขาก็ตอบรับเสียงวิจารณ์เหล่านั้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระเสมอมา แต่ก็อีกนั่นแหละ-ไม่มีใครล้วงลึกลงไปในหัวใจวายร้ายอย่างเขาได้มากไปกว่าที่เขาแสดงออกว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกเช่นไร
โคบี้คือชายที่ทำแต้มมาแล้ว 81 แต้มใจเกมเดียว (ที่ก็อาจมาจากการไม่ยอมจ่าย, บุกลุยเดี่ยวทำแต้มคนเดียวบ้าง) จนกลายเป็นอีกตำนานของ NBA, บี้มาแล้วทั้งนักบาสหน้าเก่าหน้าใหม่, ลงเล่นออล-สตาร์ 18 ครั้ง ทั้งหมดนี้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งชั่วทั้งชีวิตนักบาสเกตบอลของเขา
ดังนั้น ในวันที่เรี่ยวแรงเขาลดน้อยถอยลงจนเลเกอร์สแพ้ติดต่อกันหลายนัดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่นับที่ระยะหลังๆ ทุกครั้งที่เขาลงเล่น เขาช้าลง ถูกสั่งให้ลงไปพักอยู่ข้างสนามมากขึ้น กระทั่งพันร่างกายตัวเองด้วยแถบผ้าพร้อมถุงน้ำแข็งจนดูพิกลในสายตาแฟนๆ
ทั้งหมดนี้ เจ้าตัวย่อมรู้ดีที่สุด และคายมันออกมาเป็นแถลงการณ์รีไทร์ตัวเองก่อนหน้านัดสุดท้ายนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2015
"...สิ้นฤดูกาลนี้ผมคงต้องไป ทั้งที่หัวใจยังเต้นเร่าและพร้อมจะฝ่าฟันทุกอุปสรรค แต่ร่างกายผมรู้ดี-รู้ว่าถึงเวลาต้องบอกลาแล้ว"
"และอีกเช่นกันที่เราต่างรู้ว่า นับจากนี้ไป ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมยังคงเป็นเด็กคนนั้นกับม้วนถุงเท้าที่ถูกโยนลงตะกร้าถังขยะเสมอ"
นั่นย่อมเป็นคำร่ำลา-ถูกแล้ว สำหรับโคบี้ นี่อาจไม่ใช่เพียงการบอกลาอาชีพ แต่มันอาจหมายถึงการบอกลาส่วนเสี้ยวสำคัญของชีวิต จดหมายอำลาวงการของเขานั้นจึงเปี่ยมไปด้วยความหมายในทุกบรรทัด
ในปี 1996 ไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มที่ยิ้มยิงฟันใส่กล้อง กับเสื้อสีม่วงทองเบอร์ 8 นั้นมองอนาคตของเขาไว้แบบไหนและอย่างไร อาจจะวาดภาพตัวเองโดดเด่นและเป็นดาวค้างฟ้าอีกดวงของวงการ NBA เห็นชื่อเสียงและอำนาจที่จะได้รับในอีก 10 ปีต่อมา
แต่เขาคงคาดไม่ถึง ว่าในวันที่เขาบอกลาพื้นที่ที่เขาใช้ชีวิตมาตลอดนั้น ผู้คนจะรักและอาลัยเขามากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ชื่อ "โคบี้ ไบรอัน" ดังสนั่นทั่วสเตเปิลส์เซ็นเตอร์ พร้อมการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟพิโค่สเตชั่น เป็นโคบี้สเตชั่นเพื่อเป็นเกียรติ รวมถึงข้อความมากมายจากเพื่อนนักกีฬาและคนดัง
และในเกมสุดท้ายระหว่างเลเกอร์สกับแจ๊ส เขาทำไป 60 แต้มเต็มๆ และพาทีมชนะไปอย่างสวยงาม
60 แต้มสุดท้ายสำหรับอาชีพนักกีฬา
พูดยากว่าโคบี้คือฮีโร่ ในเมื่อทางเดินที่ผ่านมา เขาคือภาพแทนของคนอัตตาสูง อวดดี หัวแข็งและดื้อรั้นที่สุดคนหนึ่ง ไม่มีฮีโร่ที่ไหนคล้ายคลึงวายร้ายได้เท่านี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ-วายร้ายที่ไหนจะครองหัวใจคนได้มากขนาดนี้
ในเกมสุดท้ายของวันนี้ เขายืนยิ้มอยู่กลางสนามบาสเกตบอลที่ปูพื้นเป็นหมายเลข 8 และ 24 ต่อหน้าผู้ชมนับพันและสื่อมวลชนอีก 15 ประเทศ เขากล่าวขอบคุณผู้คนมากมาย และปิดท้ายมันด้วยฉายาของเขาเองอย่างภาคภูมิใจ
"Mamba Out"
บทสุดท้าย "โคบี้ ไบรอันท์" ปิดตำนานสตาร์จอมอหังการ์
ไม่ใช่ชื่อที่หอมหวาน ไม่ใช่นักกีฬาที่อารีอารอบต่อคนอื่น รับมาแล้วทั้งดอกไม้และก้อนหิน นับๆ ดูแล้วจำนวนคนเกลียดเขาอาจมีมากพอกันกับคนที่รัก-ก็คงอันเนื่องมาจากบุคลิกเอาแต่ใจ อวดดี และบ่อยครั้งก็เห็นแก่ตัวอย่างที่อาจเผลอไผลลืมไปว่าบาสเกตบอลเป็นกีฬาแบบทีม ไม่ใช่ประเภทเดี่ยว
"ก็-ม่งเล่นแบบเห็นแก่ตัวไง"
"กูขอให้ยิงลูกโทษพลาดตลอดไป ไอ้เ-ร"
นี่ย่อมไม่ใช่คำเกินเลยที่แฟนบาสเกตบอลมอบให้เขา เพราะหลายต่อหลายครั้ง โคบี้ก็เป็นเช่นนั้น หรือบางทีอาจมากกว่า
หรือถ้าใครยังจำได้ นัดสำคัญระหว่างเลเกอร์สกับแมฟเวอริกส์ เมื่อไทสัน แชนด์เลอร์ เซ็นเตอร์จากอีกฝั่งยิงจุดโทษลง แฟนทีมแมฟเวอริกส์ถือโอกาสนี้ในการยั่วยุโคบี้ ที่ไม่ได้ลงเล่นและนั่งอยู่ข้างสนาม การ์ดตัวเอ้ตอบกลับอย่างเรียบง่ายและกวนตีนด้วยการยกนิ้วขึ้นมา 5 นิ้ว-อันหมายถึงจำนวนครั้งที่เขาพาทีมคว้าแชมป์
ไม่ต้องขยายความเพิ่มเติมก็รู้-นั่นแปลว่า อย่ามาแหยมกับกู ไอ้อ่อน
ไม่แปลกใจที่ตลอดระยะเวลาของการยืนหยัดในฐานะนักกีฬาอาชีพนั้น จำนวนคนสาปแช่งโคบี้คงมีไล่เลี่ยกันกับเสียงชื่นชม เพราะพ้นจากเกมส์ ลีลาการตอบสัมภาษณ์การ์ดดังก็อ้อนหน้าแข้งแฟนคลับไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเวลาอยู่ในสนาม
ครั้งหนึ่ง เมื่อเลเกอร์สเปิดฤดูกาลอย่างสุดระทมด้วยการตามอยู่ 0-2 เกม การ์ดดังออกมาให้สัมภาษณ์สั้นๆ แค่ว่า "ทุกคนเงียบปากไป ปล่อยพวกเราทำงานซะ"
ยังไม่นับรวมการโต้กลับคำวิจารณ์อย่างเผ็ดร้อนหลายต่อหลายครั้ง "ใครก็บอกว่าผมเป็นพวกวันแมนโชว์ แต่นั่นก็เป็นเพียงไม่กี่กรณีนะ ยังไงเราก็ชนะอยู่ดีไม่ว่าผมจะยัดไป 40 แต้ม หรือทำได้แค่ 10 แต้ม"
เป็นการ์ดคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้รับคัดเลือกเข้าลีก NBA ตั้งแต่มัธยมปลาย ในปี 1996 เด็กหนุ่มรูปร่างผอมเก้งก้างในสูทดำ สวมหมวกขาวของชาล็อต ฮอร์เนตส์ ก่อนจะถูกเทรดมาทีมที่กลายมาเป็นสถานที่สุดท้ายของอาชีพนักกีฬาอย่างลอส แอนเจลิส เลเกอร์ส
ชั่วระยะเปลี่ยนผ่านจากหมายเลข 8 สู่หมายเลข 24 ในเสื้อทีมสีม่วงทอง โคบี้ยังคงมาตรฐานนักบาสเกตบอลในแบบของเขาไม่เปลี่ยน ทะเยอทะยาน กระหายชัยชนะ ไม่เชื่อใจคนอื่นนอกจากตัวเอง และบนเส้นทางนักกีฬานั้น เขาแตกหักกับคนมากต่อมาก ส่วนใหญ่ก็เป็นผลมาจากอัตตาของเขาเอง
ไม่ใกล้เคียงกับฮีโร่ ภาพลักษณ์ของโคบี้อาจเหมือนวายร้ายมากกว่า จริงจังกับทุกเกมส์ อารมณ์เสียเมื่อเพื่อนร่วมทีมไม่ได้ดั่งใจ ตรงเข้าปะทะมากกว่าจะนิ่ง และแน่นอนที่สุด หยิ่งผยอง-จองหอง คือนิยามที่ใครหลายคนมอบให้เขา
พ้นไปจากท่าทีเหล่านั้น เบื้องหลังของโคบี้หนักหน่วง เขาขึ้นชื่อเรื่องความมีวินัย ฝึกฝนตัวเองหนักหนา จริงจัง และเกือบๆ จะดันทุรังเมื่อมองย้อนไปยังต้นสายของอาชีพ สมัยเมื่อเขายังเป็นหน่ออ่อนเล็กๆ และต้องปะทะกับผู้เล่นมหากาฬของยุคหลายต่อหลายคน กลายเป็นนักกีฬาที่พร้อมไปด้วยความเป็นผู้นำ แข็งแกร่ง รวดเร็วและแม่นยำ
"ผมไล่ตามความสมบูรณ์แบบอยู่"
"ผมจะทำมันทุกทางที่ทำให้เราชนะ จะแค่นั่งบนม้านั่งข้างสนาม โบกผ้าขนหนูเพื่อเชียร์ ส่งน้ำให้เพื่อนร่วมทีม หรือยิงลูกปิดเกมชนะ"
และด้วยสถิติ ตำแหน่งที่เล่น รูปร่าง เขาถูกเปรียบเทียบกับนักบาสเกตบอลแห่งยุคสมัยอย่างไมเคิล จอร์แดน
"ในบรรดานักบาสเกตบอลไม่ว่าจะ คาร์เมโล่ แอนโธนี่, ดเวน เหวด, เลบรอน เจมส์ ผมไม่คิดว่าผมจะเล่นแพ้พวกเขานะ ยกเว้นก็แต่โคบี้"
"ก็หมอนั่น-ม่งเล่นขโมยท่าผมไปทุกท่าเลยนี่หว่า"
ราคาของความอวดดีที่โคบี้ต้องจ่ายนั้นไม่ใช่น้อย เขากลายเป็นนักกีฬาที่ผู้คนทั้งรักทั้งชัง และเขาก็ตอบรับเสียงวิจารณ์เหล่านั้นด้วยท่าทีไม่ยี่หระเสมอมา แต่ก็อีกนั่นแหละ-ไม่มีใครล้วงลึกลงไปในหัวใจวายร้ายอย่างเขาได้มากไปกว่าที่เขาแสดงออกว่าแท้จริงแล้วเขารู้สึกเช่นไร
โคบี้คือชายที่ทำแต้มมาแล้ว 81 แต้มใจเกมเดียว (ที่ก็อาจมาจากการไม่ยอมจ่าย, บุกลุยเดี่ยวทำแต้มคนเดียวบ้าง) จนกลายเป็นอีกตำนานของ NBA, บี้มาแล้วทั้งนักบาสหน้าเก่าหน้าใหม่, ลงเล่นออล-สตาร์ 18 ครั้ง ทั้งหมดนี้ยืนยันถึงความแข็งแกร่งชั่วทั้งชีวิตนักบาสเกตบอลของเขา
ดังนั้น ในวันที่เรี่ยวแรงเขาลดน้อยถอยลงจนเลเกอร์สแพ้ติดต่อกันหลายนัดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา ไม่นับที่ระยะหลังๆ ทุกครั้งที่เขาลงเล่น เขาช้าลง ถูกสั่งให้ลงไปพักอยู่ข้างสนามมากขึ้น กระทั่งพันร่างกายตัวเองด้วยแถบผ้าพร้อมถุงน้ำแข็งจนดูพิกลในสายตาแฟนๆ
ทั้งหมดนี้ เจ้าตัวย่อมรู้ดีที่สุด และคายมันออกมาเป็นแถลงการณ์รีไทร์ตัวเองก่อนหน้านัดสุดท้ายนี้ในเดือนพฤศจิกายน 2015
"...สิ้นฤดูกาลนี้ผมคงต้องไป ทั้งที่หัวใจยังเต้นเร่าและพร้อมจะฝ่าฟันทุกอุปสรรค แต่ร่างกายผมรู้ดี-รู้ว่าถึงเวลาต้องบอกลาแล้ว"
"และอีกเช่นกันที่เราต่างรู้ว่า นับจากนี้ไป ไม่ว่าผมจะทำอะไร ผมยังคงเป็นเด็กคนนั้นกับม้วนถุงเท้าที่ถูกโยนลงตะกร้าถังขยะเสมอ"
นั่นย่อมเป็นคำร่ำลา-ถูกแล้ว สำหรับโคบี้ นี่อาจไม่ใช่เพียงการบอกลาอาชีพ แต่มันอาจหมายถึงการบอกลาส่วนเสี้ยวสำคัญของชีวิต จดหมายอำลาวงการของเขานั้นจึงเปี่ยมไปด้วยความหมายในทุกบรรทัด
ในปี 1996 ไม่แน่ใจว่าเด็กหนุ่มที่ยิ้มยิงฟันใส่กล้อง กับเสื้อสีม่วงทองเบอร์ 8 นั้นมองอนาคตของเขาไว้แบบไหนและอย่างไร อาจจะวาดภาพตัวเองโดดเด่นและเป็นดาวค้างฟ้าอีกดวงของวงการ NBA เห็นชื่อเสียงและอำนาจที่จะได้รับในอีก 10 ปีต่อมา
แต่เขาคงคาดไม่ถึง ว่าในวันที่เขาบอกลาพื้นที่ที่เขาใช้ชีวิตมาตลอดนั้น ผู้คนจะรักและอาลัยเขามากขนาดนี้ ถึงขนาดที่ชื่อ "โคบี้ ไบรอัน" ดังสนั่นทั่วสเตเปิลส์เซ็นเตอร์ พร้อมการเปลี่ยนชื่อสถานีรถไฟพิโค่สเตชั่น เป็นโคบี้สเตชั่นเพื่อเป็นเกียรติ รวมถึงข้อความมากมายจากเพื่อนนักกีฬาและคนดัง
และในเกมสุดท้ายระหว่างเลเกอร์สกับแจ๊ส เขาทำไป 60 แต้มเต็มๆ และพาทีมชนะไปอย่างสวยงาม
60 แต้มสุดท้ายสำหรับอาชีพนักกีฬา
พูดยากว่าโคบี้คือฮีโร่ ในเมื่อทางเดินที่ผ่านมา เขาคือภาพแทนของคนอัตตาสูง อวดดี หัวแข็งและดื้อรั้นที่สุดคนหนึ่ง ไม่มีฮีโร่ที่ไหนคล้ายคลึงวายร้ายได้เท่านี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ-วายร้ายที่ไหนจะครองหัวใจคนได้มากขนาดนี้
ในเกมสุดท้ายของวันนี้ เขายืนยิ้มอยู่กลางสนามบาสเกตบอลที่ปูพื้นเป็นหมายเลข 8 และ 24 ต่อหน้าผู้ชมนับพันและสื่อมวลชนอีก 15 ประเทศ เขากล่าวขอบคุณผู้คนมากมาย และปิดท้ายมันด้วยฉายาของเขาเองอย่างภาคภูมิใจ
"Mamba Out"