(ร่วมลุ้น) กว่าจะเป็น นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี.....เจมี่ วาร์ดี้ ... สุดยอดจริงๆ



เรามาลองทำความรู้จัก วาร์ดี้  ว่าที่ นักเตะยอดเยี่ยมแห่งปี PFA  กันซักหน่อยว่ากว่าจะมาเป็น เดอะสตาร์ ของวงการลูกหนังอังกฤษ ในวันนี้ที่ผ่านมาชีวิตต้องพบอะไรมาบ้าง


เจมี่ วาร์ดี้ หรือชื่อเต็มคือ เจมี่ ริชาร์ด วาร์ดี้  มีบ้านเกิดอยู่ที่เมือง เชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ  อย่างที่ทราบคือเขาไม่ใช่กองหน้าพิมพ์นิยม ตัวค่อนข้างเล็กสูงเพียงแค่ 5 ฟุต 10 นิ้ว (ประมาน178 ซม.) โดยในปี 2002 เมื่อตอนอายุ 16 ที่อยู่ใน อคาเดมี ของ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ เขาถูกปล่อยตัวจากออกจากทีม สาเหตุก็เพราะตัวเล็กเกินไปนั่นแหละ  ทำให้ต้องระเห็จไปเล่นนอกลีก กับสโมสร สต๊อกบริดจ์ พาร์ก สตีลส์  ซึ่งเป็นทีมในระดับ นอร์ทเทิร์น พรีเมียร์ลีก เซาธ์ หรือดิวิชั่น 8  โดยเขาเริ่มต้นจากการอยู่ในทีมชุดสำรอง ในปี 2003 ซึ่งปรากฏว่าเจ้าตัวนั้นเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม จนได้ถูกย้ายเข้าไปเล่นในทีมชุดใหญ่  และได้รับค่าเหนื่อยอย่างเป็นทางการครั้งแรก โดยได้รับในเวลานั้น แมตช์ละ 30 ปอนด์ (ตกราว1,650 บาท)


 

ซึ่งในเวลานั้นด้วยความที่ วาร์ดี้  กำลังเป็นวัยรุ่นห้าวเป้งและรักเพื่อนอย่างมาก ในวัย 20 ปี เจ้าตัวจึงโดนดำเนินคดีทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกาย  สาเหตุมากจากปกป้องเพื่อนหูหนวกที่ถูกรังแก  ทำให้เวลาลงสนามฟาดแข้ง  เขาจะมีแท็ก ติดตามตัวติดที่ข้อเท้า รวมไปถึงยังโดนเคอร์ฟิว ต้องกลับบ้านก่อน 6 โมงเย็น และบางนัดลงแข่งต้องขอให้โค้ชเปลี่ยนตัวออกเพื่อรีบบึ่งกลับบ้านให้ทันเวลา



แต่แม้จะห้าวขนาดไหน ผลงานในสนามยังบ่งบอกถึงความสามารถของเขา โดยการเล่นให้ สต๊อกบริดจ์ 107 นัด ตลอดระยะเวลา 4 ฤดูกาล (ตั้งแต่ 2003-2007)  ดาวยิงจิ๋วแต่แจ๋วรายนี้ทำไปถึง 66 ประตู จนในปี 2010 ได้ย้ายไปค้าแข้งกับ สโมสร ฮาลิแฟกซ์ ทีมในนอร์ทเทิร์น พรีเมียร์ลีก หรือดิวิชั่น 7 ก็ซัดได้ 27 ประตู ก่อนจะถูกฟลีตวูด ทาวน์ ทีมในคอนเฟอร์เรนซ์ พรีเมียร์ หรือดิวิชั่น 5 คว้าตัวไป

 


ซึ่งช่วงนั้น วาร์ดี้ เป็นนักเตะกึ่งอาชีพ เล่นบอลด้วยทำงานโรงงานไปด้วย  โดยเจ้าตัวนั้น ต้องทำงานพาร์ตไทม ในโรงงานซึ่งมีหน้าที่เป็น ช่างเทคนิคเกี่ยวกับ แผ่นคาร์บอนไฟเบอร์ และ ประกอบอุปกรณ์ช่วยเดินสำหรับผู้พิการ ซี่งต้องทำงานเป็นเวลาหลายชั่วโมง ก่อนที่จะได้ไปซ้อมฟุตบอลและลงสนามแข่งขัน

 

 
วาร์ดี้ เคยกล่าวว่าในเวลานั้น การเจียดเงิน 120-130 ปอนด์ เพื่อซื้อรองเท้าสตั๊ดคู่ใหม่ คือสิ่งสุดท้ายที่คุณต้องการจะทำ การเป็นวัยรุ่นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย คุณต้องทำงานแบบเต็มเวลา และเฝ้ามองผู้เล่นดาวดังผ่านรายการแมตช์ ออฟ เดอะ เดย์ และต้องการรองเท้าแบบเดียวกันกับที่พวกเขาสวมใส่  (ปัจุบันเขามีไนกี้เป็นสปอนเซอร์ และมอบรองเท้ารุ่นไฮเปอร์ เวนอมส์ สีทอง ลงไปยิงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมล่าสุด)

 

แม้ว่าชีวิตจะปากกัดตีนถีบต้องต่อสู้ดิ้นรน แต่ วาร์ดี้ ก็ไม่เคยท้อ และยิงให้ฟลีตวูดไปถึง 31 ประตู พาทีมเลื่อนชั้นเข้าไปเล่นในลีกทู (ดิวิชั่น4) เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ   ซึ่งจากผลงานดังกล่าว ฟอร์มไปกระทบตาแมวมองของ เลสเตอร์ ซิตี้ จนทำให้ “จิ้งจอกสีน้ำเงิน” คว้าตัวไปร่วมทัพ ในปี 2012 พร้อมเซ็นสัญญา 3 ปีด้วยค่าตัว 1.7 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติค่าตัวสูงสุดของนักเตะนอกลีก มาจนถึงปัจจุบัน

 

 

แต่ต้องบอกว่าชีวิตคนเราไม่เคยมีอะไรง่าย ปีแรกในชุดจิ้งจอก วาร์ดี้ เล่นไม่ออกนะครับ เล่นห่วย ถึงขนาดที่แฟนบอลตามด่า จนทำให้เจ้าตัวนั้นน้อยใจจนเกือบจะเลิกเล่นไปแล้ว  โชคดีที่กุนซือ ไนเจล เพียร์สัน กับทีมงานช่วยกล่อมให้สู้ต่อ และเขาก็ไม่ทำในแฟนๆผิดหวัง เมื่อมาประเดิมประตูแรกของตัวเอง ในเกมที่เอาชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ในศึกแชมเปี้ยนชิพ ในวันที่ 25 ส.ค. 2012 ก่อนที่จะเรียกความมั่นใจและซัดแหลกไปถึง 16 ประตู ก่อนจะพาทีมคว้าแชมป์ แชมเปี้ยนชิพ เลื่อนชั้นขึ้นมาโลดแล่นใน พรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2013-14

 

จากนั้นเมื่อฤดูกาลที่แล้วเขาก็พาทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ  พร้อมคว้ารางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของสโมสรด้วย  จนกระทั่งฤดูกาลนี้อย่างที่ทราบกันคือ ซัดไปแล้วถึง 14 ประตู  นำเป็นดาวซัลโว พรีเมียร์ลีก พร้อมกับ  ทุบสถิติยิงประตูติดต่อกันตลอดกาลในพรีเมียร์ลีก ของ รุด ฟานนิสเตอรอย ทำไว้ 10 ประตูติดต่อกัน ในปี 2003 ลงได้สำเร็จ

 

ทั้งนี้หากเกมหน้าดาวยิง 28 ทำประตูได้อีก จะทาบสถิติยิงประตูติดต่อกันสูงสุดตลอดกาลที่ฟุตบอลลีกของอังกฤษเคยมีมา ที่ จิมมี่ ดันน์ ของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด เคยทำเอาไว้ 12 นัดติดต่อกัน เมื่อฤดูกาล 1931-32 หรือเมื่อ 83 ปีที่แล้วเลยทีเดียว

 

สุดท้ายไม่ว่าความร้อนแรงของเขาจะไปสิ้นสุดตรงไหน แต่เวลานี้ชื่อของ เจมี่ วาร์ดี้ ได้ถูกสลักเข้าไปในประวัติศาตร์ลูกหนังเมืองผู้ดีเรียบร้อยแล้ว

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่