สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 29
"เมื่ออิสลามไม่มีสัตย์ กฎของอิสลามควรจะใช้กับเฉพาะมุสลิม แต่บัดนี้ลามปามไปถึงศาสนาอื่น"
ตามหัวข้อกระทู้......และจากการโต้ตอบกันในกระทู้...เราในฐานะคนไทยที่ติดตามการเสนอข้อกฎหมายในประเทศไทย
ขอบอกให้ทราบว่า...มุสลิมกลุ่มหนึ่งพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะนำหลักอิสลามมาใช้ในประเทศไทย
จึงหวังว่าสื่งนี้..อย่า.มาเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยเลย..เพราะบุคคลที่ไม่มีความสัตย์..
ก็อ้างว่าในวาระแรกเริ่มนี้ว่า..เป็นการใช้บังคับเฉพาะมุสลิมด้วยกันเท่านั้น....เพื่อให้มีโอกาส...เริ่มต้น...
อิสลาม..มีคำสอนที่สร้างปัญหา......มองมนุษย์ไม่เท่าเทียม....รัฐอิสลามไม่ให้สิทธิศาสนาอื่น..
.อิสลามก็ไม่ควรได้รับสิทธิพิเศษใดๆ....ในแผ่นดินที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา...
ตามหัวข้อกระทู้......และจากการโต้ตอบกันในกระทู้...เราในฐานะคนไทยที่ติดตามการเสนอข้อกฎหมายในประเทศไทย
ขอบอกให้ทราบว่า...มุสลิมกลุ่มหนึ่งพยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะนำหลักอิสลามมาใช้ในประเทศไทย
จึงหวังว่าสื่งนี้..อย่า.มาเกิดขึ้นในแผ่นดินไทยเลย..เพราะบุคคลที่ไม่มีความสัตย์..
ก็อ้างว่าในวาระแรกเริ่มนี้ว่า..เป็นการใช้บังคับเฉพาะมุสลิมด้วยกันเท่านั้น....เพื่อให้มีโอกาส...เริ่มต้น...
อิสลาม..มีคำสอนที่สร้างปัญหา......มองมนุษย์ไม่เท่าเทียม....รัฐอิสลามไม่ให้สิทธิศาสนาอื่น..
.อิสลามก็ไม่ควรได้รับสิทธิพิเศษใดๆ....ในแผ่นดินที่มีเสรีภาพในการนับถือศาสนา...
ความคิดเห็นที่ 19
นี่แหละครับ ตรรกะมุสลิมครับ
ตรรกะมุสลิมถือว่ากฎหมายประเทศใดขัดหลักอิสลามคือไม่ยุติธรรม
แต่ถ้ากฎหมายอิสลามไปขัดต่อศาสนาอื่นแล้วไปบังคับพวกเขาคือความยุติธรรม
ไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศส เอาแค่เคสโรงเรียนวัดหนองจอกมสลิมดิ้นจัดม๊อบมาให้โรงเรียนวัด(พุทธ) ต้องทำตามข้อเรียกร้องมุสลิม
น่าสมเพช
มุดรูจริงๆ(ชอบคำนี้มาก)
ตรรกะมุสลิมถือว่ากฎหมายประเทศใดขัดหลักอิสลามคือไม่ยุติธรรม
แต่ถ้ากฎหมายอิสลามไปขัดต่อศาสนาอื่นแล้วไปบังคับพวกเขาคือความยุติธรรม
ไม่ต้องไปไกลถึงฝรั่งเศส เอาแค่เคสโรงเรียนวัดหนองจอกมสลิมดิ้นจัดม๊อบมาให้โรงเรียนวัด(พุทธ) ต้องทำตามข้อเรียกร้องมุสลิม
น่าสมเพช
มุดรูจริงๆ(ชอบคำนี้มาก)
ความคิดเห็นที่ 36
เป็นมุสลิมแต่ไม่เห็นด้วยกับกฎหมายแบบนี้ แม้แต่จะบังคับคนในศาสนาก็เถอะ ยิ่งไปใช้กับคนต่างศาสนายิ่งบ้าไปใหญ่ กฎของอิสลามควรอยู่ในใจของผู้นับถือเอง ถ้าเขาเป็นผู้ศรัทธาจริงๆเขารู้เองว่าอะไรห้าม อะไรควรทำไม่ทำ การที่ไปบังคับคนอื่นมันบังคับได้แค่ภายนอก ในใจเขาไม่มีใครหยั่งรู้นอกจากพระเจ้า ไม่แน่ยิ่งบังคับเขายิ่งต่อต้าน ผลเสียก็เกิดกับมุสลิมเอง ทางที่ดีที่สุดถ้าเห็นอะไรที่ดูไม่ดี เพียงพูดคุยตักเตือนกันก็พอแล้ว อิสลามไม่ได้กำหนดรูปแบบการปกครองไว้ จะปกครองแบบประชาธิปไตย หรือ จะคอมมิวนิสต์ก็ไม่มีใครว่า มีแต่มนุษย์นี่แหละ พยายามจะเอาการเมืองเข้ามาเป็นเรื่องศาสนา เรียกร้องชารีอะห์กัน ชารีอะห์สมัยนี้ก็รุนแรงเวอร์ไร้มนุษยธรรมมากๆ ถ้ามีจิตใจเป็นกลางพอก็จะดูออกเอง
แสดงความคิดเห็น
เมื่ออิสลามไม่มีสัตย์ กฎของอิสลามควรจะใช้กับเฉพาะมุสลิม แต่บัดนี้ลามปามไปถึงศาสนาอื่น
เอเอฟพี - หญิงสูงวัยชาวคริสต์ถูกลงโทษโบยเกือบ 30 ครั้งในความผิดฐานจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในจังหวัดอาเจะห์ของอินโดนีเซีย ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใช้กฎหมายอิสลามลงโทษคนนอกศาสนา
หญิงวัย 60 ปี ถูกเฆี่ยนด้วยหวายต่อหน้าผู้คนนับร้อยเมื่อวันอังคาร (12 เม.ย.) โดยยังมีชายหญิงมุสลิมอีกคู่หนึ่งที่ถูกนำตัวออกมาโบย 100 ครั้ง โทษฐานคบชู้นอกสมรส
อาเจะห์เป็นจังหวัดเดียวของอินโดนีเซียที่มีการนำกฎหมายอิสลาม หรือ “ชารีอะห์” มาบังคับใช้อย่างจริงจัง ซึ่งการสั่งโบยผู้ที่กระทำผิดหลักศาสนาอิสลามก็เกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ และได้รับความสนใจจากคนในชุมชน
ผู้ที่ถูกจับได้ว่ามีความสัมพันธ์นอกสมรส รักร่วมเพศ ดื่มเหล้า หรือแม้กระทั่งเข้าไปสนิทสนมกับคนเพศตรงข้ามที่ยังไม่แต่งงานก็อาจจะถูกลงโทษด้วยวิธีนี้
ลิลี สุปาร์ลี เจ้าหน้าที่อาวุโสจากสำนักงานอัยการจังหวัดอาเจะห์ บอกกับเอเอฟพีว่า เดิมทีบทลงโทษตามกฎหมายอิสลามจะใช้เฉพาะกับพลเมืองมุสลิมเท่านั้น แต่เมื่อปีที่แล้วมีการออกเทศบัญญัติ ซึ่งอนุญาตให้นำบทลงโทษตามชารีอะห์มาใช้กับคนที่ไม่ใช่มุสลิมได้ในบางกรณี
“นี่เป็นครั้งแรกที่คนซึ่งไม่ใช่มุสลิมถูกลงโทษด้วยกฎหมายอาญาของอิสลาม” เขากล่าว
จังหวัดอาเจะห์นำเอากฎหมายอิสลามมาบังคับใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป หลังได้รับอำนาจปกครองตนเองเพิ่มขึ้นในปี 2001 โดยก่อนหน้านั้นก็ได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ห้ามเล่นการพนัน ห้ามการปฏิสัมพันธ์ระหว่างชายและหญิงที่ยังไม่ได้แต่งงาน รวมไปถึงการแสดงความรัก เช่น การสัมผัสหรือจุมพิต ระหว่างบุคคลที่ไม่ใช่สามีภรรยากัน
กฎหมายชารีอะห์เริ่มถูกบังคับใช้อย่างเข้มข้นหลังจากที่อาเจะห์มีการทำสัญญาสันติภาพกับรัฐบาลกลางอินโดนีเซีย เพื่อยุติความรุนแรงจากกลุ่มก่อความไม่สงบ เมื่อปี 2005
ทั้งนี้ การเฆี่ยนในอาเจะห์มักจะใช้ไม้ที่ยาวและเรียวบาง โดยมีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้กระทำผิดรู้สึกอับอายมากกว่าความเจ็บปวดทางกาย และหากไม่ต้องการถูกโบยก็จะต้องเสียค่าปรับเป็นทองคำ หรือรับโทษจำคุกแทน
แม้ประชากรกว่า 90% ของอินโดนีเซียจะนับถือศาสนาอิสลาม แต่ส่วนใหญ่ยึดถือหลักปฏิบัติแบบสายกลาง
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000037961