ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ผ่านการจับสลากแบ่งสาย
ไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ผมจะมาบอกว่าทุกนัดในกลุ่ม B ของทีมชาติไทย
ทุกนัดล้วนมีความหมายและต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ออสเตรเลีย
นัดนี้ในฐานะที่เราเป็นแชมป์ AFF Cup ครั้งล่าสุด เราจะได้เจอยอดทีมของอาเซี่ยนอีกทีม
ที่ไม่เคยได้เจอกันในรายการ AFF Cup มาก่อน (เพราะออสเตรเลียไม่ส่งทีมเข้าร่วม)
นัดนี้มีความสำคัญมากครับ เป็นเหมือนกับการแย่งชิงความเป็นยอดทีม
แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัวจริง ดูไปดูมาก็เหมือน "ดาร์บี้แมทซ์แห่งอาเซี่ยน" ดีๆ นี่เองครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ญี่ปุ่น
เราจะได้วัดความสามารถกับญี่ปุ่น ในทีมชุดใหญ่สักที หลังจากได้เจอกันไปแล้วใน
ชุดเล็ก ชุดปรีโอลิมปิก ในรายการ AFC U23 คัดทีมไปโอลิมปิก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
การเจอกันครั้งนี้ของชุดใหญ่ ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอนครับ
จริงอยู่ที่เราเป็นรองญี่ปุ่นอยู่มาก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของฟุตบอล
ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์ ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง" ตามชื่อของสนาม
ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ซาอุดิอาระเบีย
เราได้พบกับซาอุ อีกครั้งหลังจากเคยเจอกันมาแล้ว ในคัดบอลโลกครั้งที่แล้ว
ที่มีออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย โอมาน และไทย อยู่ร่วมกลุ่ม ซึ่งเป็นรอบก่อน
รอบ 10 ทีมสุดท้าย ความสำคัญของนัดนี้คือเราต้องปลดล็อกที่จะไม่ไปแพ้ที่บ้าน
ของซาอุให้ได้ หลังจากที่เราเคยไปชนะซาอุมาได้ 1-3 ในนัดอุ่นเครื่องที่บ้าน
ของซาอุ เมื่อปี 1984 หลายปีแล้วที่เราไม่เคยไปชนะหรือเสมอเขาได้เลย ไปเยือน
เมื่อใดแพ้กลับมาตลอด แมทซ์นี้จึงเป็นโอกาสที่เราต้องทำการปลดล็อคให้ได้แล้ว
ขอเสมอกลับมาให้ได้ก็เก่งมากแล้วครับ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์แห่งการปลดล็อก"
ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
นัดนี้มีความสำคัญตรงที่ยอดเพลย์เมกเกอร์ของทั้งสองทีมที่อยู่ในช่วงสุดยอดทั้งสองคน
ทั้ง ชนาธิป ของเรา และ โอมาร์ อับดุลเราะห์มาน ของยูเออี ได้มีโอกาสได้มาดวลฝีเท้ากัน
ผมว่านัดนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นนะ ที่สองคนนี้ได้มาเล่นอยู่ในสนามเดียวกันและเป็นความหวัง
ของคนทั้งสองชาติด้วยครับ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์ของยอดกองกลาง" ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ อิรัก
ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากมายครับ คู่นี้เจอกันให้เบื่อไปเลย เจอกันรอบที่แล้วเสมอทั้งสองนัด
สกอร์ 2-2 เหมือนกัน ทั้งสองนัดเหย้าและเยือน ทีมชาติไทยในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ และทีมชาติอิรัก
ในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอฟ นัดนี้ไม่เพียงแต่แค่พบกันของอดีตทีมร่วมกลุ่มเอฟเท่านั้น
แต่นี่คือนัดที่ต้องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่ หลังจากที่เสมอกันมาทั้งสองนัดแล้ว
ดังนั้นทีมชาติไทยเรา ในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีกับการเป็นแชมป์ของกลุ่มเอฟ
เพื่อให้ชาติอื่นๆ ได้รู้ว่าเราเข้ารอบมาได้ด้วยฝีมือของเราจริงๆ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า
"ดาร์บี้แมทซ์แห่งกลุ่มเอฟ" ก็แล้วกันนะครับ
นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญได้เลยครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบของทุกท่านครับ
กลุ่ม B ของทีมชาติไทย ทุกนัดล้วนมีความหมายและต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีครับ
ฟุตบอลโลก 2018 รอบคัดเลือก รอบ 12 ทีมสุดท้าย โซนเอเชีย ผ่านการจับสลากแบ่งสาย
ไปแล้วเมื่อวานนี้ วันนี้ผมจะมาบอกว่าทุกนัดในกลุ่ม B ของทีมชาติไทย
ทุกนัดล้วนมีความหมายและต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ออสเตรเลีย
นัดนี้ในฐานะที่เราเป็นแชมป์ AFF Cup ครั้งล่าสุด เราจะได้เจอยอดทีมของอาเซี่ยนอีกทีม
ที่ไม่เคยได้เจอกันในรายการ AFF Cup มาก่อน (เพราะออสเตรเลียไม่ส่งทีมเข้าร่วม)
นัดนี้มีความสำคัญมากครับ เป็นเหมือนกับการแย่งชิงความเป็นยอดทีม
แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตัวจริง ดูไปดูมาก็เหมือน "ดาร์บี้แมทซ์แห่งอาเซี่ยน" ดีๆ นี่เองครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ญี่ปุ่น
เราจะได้วัดความสามารถกับญี่ปุ่น ในทีมชุดใหญ่สักที หลังจากได้เจอกันไปแล้วใน
ชุดเล็ก ชุดปรีโอลิมปิก ในรายการ AFC U23 คัดทีมไปโอลิมปิก เมื่อต้นปีที่ผ่านมา
การเจอกันครั้งนี้ของชุดใหญ่ ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาอย่างแน่นอนครับ
จริงอยู่ที่เราเป็นรองญี่ปุ่นอยู่มาก แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในโลกของฟุตบอล
ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์ ไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง" ตามชื่อของสนาม
ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ ซาอุดิอาระเบีย
เราได้พบกับซาอุ อีกครั้งหลังจากเคยเจอกันมาแล้ว ในคัดบอลโลกครั้งที่แล้ว
ที่มีออสเตรเลีย ซาอุดิอาระเบีย โอมาน และไทย อยู่ร่วมกลุ่ม ซึ่งเป็นรอบก่อน
รอบ 10 ทีมสุดท้าย ความสำคัญของนัดนี้คือเราต้องปลดล็อกที่จะไม่ไปแพ้ที่บ้าน
ของซาอุให้ได้ หลังจากที่เราเคยไปชนะซาอุมาได้ 1-3 ในนัดอุ่นเครื่องที่บ้าน
ของซาอุ เมื่อปี 1984 หลายปีแล้วที่เราไม่เคยไปชนะหรือเสมอเขาได้เลย ไปเยือน
เมื่อใดแพ้กลับมาตลอด แมทซ์นี้จึงเป็นโอกาสที่เราต้องทำการปลดล็อคให้ได้แล้ว
ขอเสมอกลับมาให้ได้ก็เก่งมากแล้วครับ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์แห่งการปลดล็อก"
ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี)
นัดนี้มีความสำคัญตรงที่ยอดเพลย์เมกเกอร์ของทั้งสองทีมที่อยู่ในช่วงสุดยอดทั้งสองคน
ทั้ง ชนาธิป ของเรา และ โอมาร์ อับดุลเราะห์มาน ของยูเออี ได้มีโอกาสได้มาดวลฝีเท้ากัน
ผมว่านัดนี้เป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นนะ ที่สองคนนี้ได้มาเล่นอยู่ในสนามเดียวกันและเป็นความหวัง
ของคนทั้งสองชาติด้วยครับ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า "ดาร์บี้แมทซ์ของยอดกองกลาง" ก็แล้วกันนะครับ
ทีมชาติไทย พบกับ อิรัก
ไม่มีอะไรต้องอธิบายมากมายครับ คู่นี้เจอกันให้เบื่อไปเลย เจอกันรอบที่แล้วเสมอทั้งสองนัด
สกอร์ 2-2 เหมือนกัน ทั้งสองนัดเหย้าและเยือน ทีมชาติไทยในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ และทีมชาติอิรัก
ในฐานะรองแชมป์กลุ่มเอฟ นัดนี้ไม่เพียงแต่แค่พบกันของอดีตทีมร่วมกลุ่มเอฟเท่านั้น
แต่นี่คือนัดที่ต้องตัดสินว่าใครจะเป็นผู้ชนะกันแน่ หลังจากที่เสมอกันมาทั้งสองนัดแล้ว
ดังนั้นทีมชาติไทยเรา ในฐานะแชมป์กลุ่มเอฟ ต้องสู้เพื่อศักดิ์ศรีกับการเป็นแชมป์ของกลุ่มเอฟ
เพื่อให้ชาติอื่นๆ ได้รู้ว่าเราเข้ารอบมาได้ด้วยฝีมือของเราจริงๆ ขอเรียกแมทซ์นี้ว่า
"ดาร์บี้แมทซ์แห่งกลุ่มเอฟ" ก็แล้วกันนะครับ
นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของผมเท่านั้นครับ
ทุกท่านมีความคิดเห็นอย่างไร เชิญได้เลยครับ
ขอบคุณสำหรับคำตอบของทุกท่านครับ