=====จอห์น เดอร์เดน วิเคราะห์คู่แข่งไทย : แบบไหนยาก...แบบไหนง่ายสำหรับ "ช้างศึก"=====

ทีมชาติไทยจะได้รู้ว่าใครคือคู่ต่อสู้ของเขาในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายในวันอังคาร แต่ก่อนหน้านั้น จอห์น เดอร์เดน จะมาอธิบายว่าเพื่อนร่วมสายแบบไหนที่น่าจะเกิดขึ้นกับขุนพล "ช้างศึก" บ้าง...

การจับสลากรอบคัดเลือกรอบสุดท้ายของศึกฟุตบอลโลก 2018 จะมีขึ้นในวันอังคารที่กัวลา ลัมเปอร์

มีชาติเอเชีย 12 ชาติที่รอคอยโชคชะตาของตัวเองอยู่ เมื่อพวกเขาจะถูกแบ่งเป็น 2 กลุ่มๆ ละ 6 ทีม ซึ่ง 2 อันดับแรกของกลุ่มจะได้โควตาไปเล่นในรัสเซีย

และทีมชาติไทยก็เป็นผู้รอดชีวิตเพียงหนึ่งเดียวจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งถือเป็นการทะลุเข้าถึงรอบนี้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2002

โดยลูกทีมของ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ไม่ได้ผ่านเข้าสู่รอบ 12 ทีมสุดท้ายในฐานะรองแชมป์กลุ่มที่มีผลงานดีที่สุด หากแต่ผงาดเป็นอันดับ 1 เหนืออิรัก และนั่นน่าจะทำให้พวกเขามีความมั่นใจไม่น้อยในรอบถัดไป

ซึ่งได้มีการจัดลำดับทีมวางโดยแบ่งเป็น 6 โถๆ ละ 2 ทีมตามอันดับของฟีฟ่า

ทีมชาติไทยอยู่ในโถ 6 ซึ่งเป็นโถต่ำสุดร่วมกับซีเรีย ซึ่งเป็นทีมเดียวที่ลูกทีมของซิโก้รู้ว่าพวกเขาจะไม่ต้องเจอกับทีมนี้

และจากการที่เกมพวกนี้มีเดิมพันสูงถึงการไปเล่นรอบสุดท้าย ก็ยิ่งทำให้มีความน่าตื่นเต้นตามไปด้วย และโฟร์โฟร์ทูก็ได้มองถึงความเป็นไปได้ที่ทัพ "ช้างศึก" จะเจอกับเพื่อนร่วมสายแบบนี้

สายแข็งรวมทีมแม่เหล็ก

(มีออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น,​ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์,​ ซาอุดีอาระเบีย, อิรัก เป็นเพื่อนร่วมสาย)

นี่น่าจะเป็นสายที่รวมดาราทั่วฟ้าเอเชียเลยก็ว่าได้ หากทีมขาติไทยจับให้มาเจอกับทีมบิ๊กเนมเหล่านี้

โดยออสเตรเลียคือแชมป์ทวีปรายล่าสุดและแน่นอนว่าแฟนๆ จะต้องตั้งตารอเกมนี้ ด้วยความแข็งแกร่งของ ทิม เคฮิลล์ และคณะ ทำให้ขุนพล "ซอคเก้อร์รูส์" คือสิ่งที่ทีมชาติไทยแทบจะไม่เคยเจอในระดับอาเซียน จึงน่าสนใจว่าพวกเขาจะจัดการอย่างไร

แม้เกาหลีใต้กับญี่ปุ่นจะเป็นตัวเลือกที่รักพี่เสียดายน้องสักหน่อย แต่การเจอกับ ชินจิ โอคาซากิ น่าจะสร้างความฮือฮาได้ดีทีเดียว เพราะศูนย์หน้าเลือดบูชิโดรายนี้เพิ่งจะลงเล่นเป็นนัดที่ 100 ให้กับ "ซามูไรบลู" และเป็นตัวหลักของเลสเตอร์ ซิตี้ ที่มีเจ้าของเป็นคนไทยด้วย จึงน่าจะทำให้สื่อในเมืองไทยให้ความสนใจไม่น้อย

ขณะที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นี่คือชุดที่รุ่งเรืองของพวกเขา จึงหมายมั่นปั้นมือเป็นอย่างยิ่งว่าจะต้องผ่านเข้ารอบสุดท้ายเวิลด์คัพให้ได้ก่อนจะสายเกินไป โดย โอมาร์ ดับดุลระห์มาน คือหนึ่งนักเตะชื่อดังในวงการฟุตบอลเอเชีย และหวังว่าเพลย์เมคเกอร์หัวฟูรายนี้จะแสดงให้ทุกคนในเมืองไทยได้เห็นถึงชั้นเชิงของเขาบ้าง

ส่วนซาอุดีอาระเบียนั้นอาจไม่ได้เป็นมหาอำนาจลูกหนังของเอเชียเหมือนแต่ก่อน แต่ก็มีโค้ชชื่อดังอย่าง เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจค์ ซึ่งแน่นอนว่า เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือหนุ่มน่าจะอยากประลองกึ๋นกับชายที่เคยพาทีมเข้าถึงนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกมาแล้ว และสื่อในเมืองไทยก็น่าจะนำไปเล่นประเด็นด้วยเช่นกัน

จากนั้นก็เป็นการรีแมตช์กับอิรัก ซึ่งดูเหมือนว่าทัพ "สิงโตแห่งเมโสโปเตเมีย" จะประมาททีมชาติไทยไปหน่อยในรอบที่แล้ว จนทำให้ชวดโอกาสคว้าแชมป์กลุ่มไปในที่สุดหลังจากที่เสมอ 2-2 ทั้ง 2 นัด

โดยคู่นี้ได้มีแบ็คกราวด์ในการเจอกันมาพอสมควร ดังนั้นถ้าจะเจอกันอีกก็คงเป็นเรื่องน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว

สายเบาเน้นสูสี

(มี อิหร่าน, เกาหลีใต้, ซาอุดีอาระเบีย, จีน, อิรัก เป็นเพื่อนร่วมสาย)

ถึงจะเป็นความเห็นส่วนตัวเสียมาก แต่ผลการจับสลากแบบนี้ก็ได้ทำให้ขุนพล "ช้างศึก" มีโอกาสได้เก็บเกี่ยวประสบการณ์ไปพร้อมกับมีลุ้นด้วยกลายๆ

ซึ่งในโถแรกนั้น อิหร่านดูจะเป็นตัวเลือกที่เบากว่า

เนื่องจากกุนซือ คาร์ลอส เคยรอซ มีอนาคตที่ไม่แน่นอน และถ้าปราศจากโค้ชจอมแทคติกมากประสบการณ์รายนี้ไป พวกเขาอาจต้องดิ้นรนกับการเก็บแต้มนอกบ้าน

และอย่างน้อยที่สุดการไปเยือนเตหะรานก็ไม่น่าจะทำให้ทีมชาติไทยต้องเสียขวัญเมื่อพวกเขาผ่านมาแล้วในรอบ 2

โดยเป็นที่เลือกยากอยู่นิดหน่อยระหว่างเกาหลีใต้กับญี่ปุ่น

ทั้ง 2 ทีมน่าจะอยู่โถแรกด้วยซ้ำ โดยเมื่อเร็วๆนี้ทีมชาติไทยเพิ่งอุ่นเครื่องกับเกาหลีและแพ้ไปอย่างฉิวเฉียด 1-0 ขณะที่ความปราชัย 4-0 ต่อญี่ปุ่นในศึกเอเอฟซี ยู-23 เมื่อเดือนมกราคมยังเป็นความทรงจำที่สดๆร้อนๆ อยู่เลย

ขณะเดียวกันซาอุดีอาระเบียก็ไม่ได้แข็งเหมือนแต่ก่อน แม้ว่าจะมี โมฮัมเหม็ด อัล ชาห์ลาวี่ ดาวซัลโวในรอบ 2 อยู่ก็ตาม

ส่วนจีนกระยิ้มกระสนอย่างหนักกว่าจะเข้ารอบมาได้ (และเชื่อว่าคงยังไม่มีใครลืมนัดที่ไทยถล่มจีนถึงถิ่น 5-1 เมื่อปี 2013 แน่นอน) ขณะที่อิรักก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป

สายแกร่งเน้นท้าทาย

(มี ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, อุซเบกิสถาน, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, กาตาร์ เป็นเพื่อนร่วมสาย)

มีการครุ่นคิดกันอย่างหนักว่านี่อาจเป็นสายที่แข็งที่สุดสำหรับทีมชาติไทยเลยก็ว่าได้

และนี่น่าจะเป็นบททดสอบที่จำเป็นหากทีมต้องการที่จะก้าวขึ้นไปอีกระดับ

แต่มันก็มีแนวโน้มว่าจะทำให้ทีมไม่สามารถผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในฐานะ 2 อันดับแรกของกลุ่ม หรือแม้กระทั่งอันดับ 3 ไปเล่นเพลย์ออฟเลยด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ดีถ้ามองในแง่ที่ว่าทีมชาติไทยชุดนี้ยังต้องเจอกับพวกแข็งๆไปอีกหลายปี มันก็น่าจะเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมและไม่น่าจะต้องเป็นกังวลกับผลงานในระยะสั้น เพราะถือเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าในระยะยาวมากกว่า

สายใกล้เน้นสะดวก

(มีออสเตรเลีย, เกาหลีใต้, อุซเบกิสถาน, จีน, กาตาร์ เป็นเพื่อนร่วมสาย)

เมืองไทยโชคดีที่กรุงเทพฯถือเป็นจุดศูนย์กลางของทวีปและสามารถบินตรงได้ในหลายๆประเทศ

บางครั้งมันก็เป็นเรื่องสะดวกกว่าที่ได้อยู่ใกล้ๆบ้าน แม้จะไม่มีชาติจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทีมอื่นอยู่ในการจับสลากให้ตื่นเต้นกับดาร์บี้แมตช์ในภูมิภาคอาเซียนก็ตาม

แต่ก็ยังมียอดทีมของทวีปที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนักรอคอยอยู่อย่างเช่นซิดนีย์,​โซล, ทาชเคนต์, โดฮา และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งสามารถบินตรงได้อย่างง่ายดายและไม่มีปัญหาจุกจิกกวนใจ

Read more at http://www.fourfourtwo.com/th/features/cchhn-edredn-wiekhraaahkhuuaekhngaithy-aebbaihnyaakaebbaihnngaaysamhrab-chaangsuek?page=0%2C1#cRMpfvlrSos3TheK.99
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่