จากผลงานของบุรีรัมย์ เมืองทอง และชลบุรี ใน ACL 2016 ทำให้หลายคนอาจกังวลถึงโควต้าใน ACL ของสโมสรไทยในอนาคต ก่อนอื่นต้องปูพื้นนิดหน่อยเกี่ยวกับโควต้า ACL ปัจจุบันจากตารางข้างล่าง
โควต้านั้นถูกแบ่งสันปันส่วนตาม MA Ranking ขณะนั้น อย่างโควต้า ACL 2015 และ 2016 ใช้ MA Ranking 3 Nov’14
ในโซนเอเซียตะวันออก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสซี่ จอง 4 อันดับแรกแบบไม่ต้องคิดแย่ง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ อันดับ 5 ของเรานั้น เวียดนาม ฮ่องกง มาเลเซีย มีโอกาสแซงเราภายใน 1-2 ปี หากสโมสรไทยยังทำผลงานได้แย่เหมือนปีนี้ไปเรื่อยๆ ทำไมฮ่องกงกับมาเลเซียถึงมีโอกาสแซงไทยได้ ทั้งที่สโมสรไม่ได้เล่น ACL?
AFC ปรับเรื่องโควต้า ACL มาตลอดโดยเพิ่งจะมานิ่งในช่วง 2-3 ปี หลังโดยใช้ MA Ranking ในการแบ่งจากตารางข้างบน เจ้า MA Ranking นั้นทาง AFC ดูเหมือนจะประกาศปีละครั้งช่วงเดือน พ.ย. อย่างล่าสุด 26 Nov 15
จะเห็นว่าคะแนนและอันดับของไทยยังดูดีอยู่เพราะผลงานของ บรร และทีมชาติไทยนั้นถือว่าดี ในปี 2015
คะแนน MA Ranking มาจาก 2 ส่วนคือ
1) Club Point 70% มาจากผลงานของสโมสรของประเทศนั้น ในเวที ACL และ AFC Cup
2) National Point 30% จากผลงานทีมชาติโดยคิดจากอันดับฟีฟ่าของชาตินั้นๆ (เฉพาะ AFC) ล่าสุดก่อนวันประกาศ MA Ranking
ขออธิบายในส่วนของ National Point 30% ก่อน, ถ้าดูจากคะแนนฟีฟ่าล่าสุดก่อนวันประกาศ MA Ranking 26/11/15 ซึงจะเป็นคะแนนฟีฟ่าที่ประกาศวันที่ 5/11/15 ดังนี้
คะแนน FIFA 05-Nov-15
อิหร่าน 651 คะแนน
ไทย 202 คะแนน
ฮ่องกง 199 คะแนน
เวียดนาม 193 คะแนน
มาเลย์ 127 คะแนน
คำนวนคะแนน National Point (NT)
อิหร่าน 30 แต้มเต็ม (651/651 x 30)
ไทย 9.309 แต้ม (202/651 x 30)
ฮ่องกง 9.171 แต้ม (199/651 x 30)
เวียดนาม 8.894 แต้ม (193/651 x 30)
มาเลย์ 5.853 แต้ม ( 127/651 x 30)
จะเห็นว่าล่าสุด ไทยมีคะแนนส่วนนี้มากกว่าชาติอื่นไม่มากเท่าไร แต่ถ้าดูโปรแกรมทีมชาติในปี 2016-2017 แล้วฮ่องกงกับเวียดนาม มีโอกาสทำคะแนนฟีฟ่าได้มากกว่าไทย เพราะ
ไทย => มีโปรแกรมคัดบอลโลก 10 นัดแต่โอกาสที่จะชนะมีไม่มาก
ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์ => มาเลย์มีโปรแกรมเพลย์ออฟ 2 แมตซ์ในปี 2016 แต่พอคัดเลือกเอเชี่ยนคัพรอบสามในปี 2017 ก็มีโอกาสเก็บชัยชนะสูงและได้คะแนนฟีฟ่าเยอะ เพราะถึงแม้อันดับทีมที่แข่งด้วยจะต่ำแต่ตัวคูณการคิดคะแนนของทัวร์นาเม้นท์เท่ากับบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสามและสูงกว่าแมตซ์อุนเครื่อง 2.5 เท่า
สรุปได้ว่าสิ้นปี 2017 คะแนน NT ของไทยน่าจะไม่ต่างจาก ฮ่องกง เวียดนาม มาเลย์ เท่าไรนัก
ต่อไปดูคะแนนส่วน Club Point
ลองดูคะแนน Club Point สิ้นปี 2015 ตามลิงค์ข้างล่างครับ
http://www.the-afc.com/uploads/afc/files/afc_club_rankings_26112015.pdf
ผมดึงคะแนนออกมาเฉพาะ ไทย/ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์
การได้คะแนนของแต่ละสโมสรในแต่ละปีที่เล่นใน ACL และ AFC Cup เป็นดังนี้
> ร่วมแข่งในรอบเพลย์ออฟได้ 1.5 คะแนน, ชนะได้ 1.5 คะแนน, เสมอยิงลูกโทษได้ 0.5 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบแบ่งกลุ่มได้ 3 คะแนน, ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบ QF ได้ 1 คะแนน,ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบ SF และFinal ได้ 1 คะแนน, ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
คะแนนของ AFC Cup เท่ากับ 1/3 ของ ACL
http://www.the-afc.com/afc-champions-league-2015/al-hilal-lead-the-way-as-afc-announces-club-ranking-system
เราจะเห็นว่าคะแนนแต่ละสโมสรจะคิดมาจากผลงาน 4 ปีหลังสุด ซึ่ง บรร นั้นมีคะแนนสูงในปี 2013 ดังนั้นทั้ง ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์ มีโอกาสทำคะแนนในส่วนนี้แซงสโมสรไทยได้เพราะ
ในการคิดคะแนนสิ้นปี 2017 ซึ่งจะใช้คะแนนปี 2014-2017 แล้วสโมสรของไทยยังมีผลงานเหมือนปีนี้ สโมสรไทยจะได้คะแนนเฉลี่ยในแต่ละปีไม่เกิน 3-6 คะแนน
บินห์ เดือง ของเวียดนามผลงานดีขึ้นเรื่อย คะแนนรวม 4 ปี (2014-2017) มีโอกาสแซง บรร
ทั้งคิชฉี และยะโฮร์ ถึงแม้จะเล่นใน AFC Cup แต่คู่แข่งเป็นระดับเดียวกันอย่าง พม่า,ปินส์,สิงคโปร์ โอกาสที่จะชนะ 3 นัดยังมีมากกว่าสโมสรไทยจะเก็บชัยชนะ 1 นัดใน ACL
หนำซ้ำ AFC Cup รอบสองทาง AFC ยังให้จับฉลากเจอกันเฉพาะโซนตะวันออก กว่าจะได้เจอทีมสโมสรอาหรับก็ต้องรอบ 8 ทีม ดังนั้นโอกาสที่ทีมอย่าง ยะโฮร์ หรือ คิชฉี จะผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมทุกปีเป็นไปได้สูง
คะแนนปี 2016 ทีผมลองคำนวนเองล่าสุดเป็นดังนี้ครับ
ชลบุรี => 3 คะแนน (ตกรอบแล้ว)
เมืองทอง => 2 คะแนน (ตกรอบแล้ว)
บรร => 3 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม)
บินห์ เดือง => 7 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม)
คิชฉี => 3.83 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม AFC Cup)
ยะโฮร์ => 6 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม AFC Cup)
บทสรุป
โควต้าสโมสรของไทยใน ACL มาจากทั้งผลงานทีมชาติ 30% ผลงานสโมสร 70% ดังนั้น ถ้าทั้งสโมสรและทีมชาติ เกื้อหนุนกันทั้งในส่วนของการพักลีก การปล่อยนักเตะเก็บตัว รวมไปถึง การเลื่อนโปรแกรมของ สมค ช่วย บรร ก่อนไปแข่ง ACL เหมือนที่ เจลีก ช่วยเลื่อนโปรแกรมให้ ซานเฟรส ฮิโรชิม่า ก่อนมาไทย จะทำให้โควต้าสโมสรของไทยใน ACL ไม่สั่นคลอน
credit
http://www.teamthailand.in.th/2016/04/09/acl-2017-2018-quota/
กคุณ chalee สมาชิกเว็บไซต์ www.thailandsusu.com
ACL 2017-2018 : โควต้าของสโมสรไทยกำลังสั่นคลอน
โควต้านั้นถูกแบ่งสันปันส่วนตาม MA Ranking ขณะนั้น อย่างโควต้า ACL 2015 และ 2016 ใช้ MA Ranking 3 Nov’14
ในโซนเอเซียตะวันออก ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีน ออสซี่ จอง 4 อันดับแรกแบบไม่ต้องคิดแย่ง แต่สิ่งที่น่ากังวลคือ อันดับ 5 ของเรานั้น เวียดนาม ฮ่องกง มาเลเซีย มีโอกาสแซงเราภายใน 1-2 ปี หากสโมสรไทยยังทำผลงานได้แย่เหมือนปีนี้ไปเรื่อยๆ ทำไมฮ่องกงกับมาเลเซียถึงมีโอกาสแซงไทยได้ ทั้งที่สโมสรไม่ได้เล่น ACL?
AFC ปรับเรื่องโควต้า ACL มาตลอดโดยเพิ่งจะมานิ่งในช่วง 2-3 ปี หลังโดยใช้ MA Ranking ในการแบ่งจากตารางข้างบน เจ้า MA Ranking นั้นทาง AFC ดูเหมือนจะประกาศปีละครั้งช่วงเดือน พ.ย. อย่างล่าสุด 26 Nov 15
จะเห็นว่าคะแนนและอันดับของไทยยังดูดีอยู่เพราะผลงานของ บรร และทีมชาติไทยนั้นถือว่าดี ในปี 2015
คะแนน MA Ranking มาจาก 2 ส่วนคือ
1) Club Point 70% มาจากผลงานของสโมสรของประเทศนั้น ในเวที ACL และ AFC Cup
2) National Point 30% จากผลงานทีมชาติโดยคิดจากอันดับฟีฟ่าของชาตินั้นๆ (เฉพาะ AFC) ล่าสุดก่อนวันประกาศ MA Ranking
ขออธิบายในส่วนของ National Point 30% ก่อน, ถ้าดูจากคะแนนฟีฟ่าล่าสุดก่อนวันประกาศ MA Ranking 26/11/15 ซึงจะเป็นคะแนนฟีฟ่าที่ประกาศวันที่ 5/11/15 ดังนี้
คะแนน FIFA 05-Nov-15
อิหร่าน 651 คะแนน
ไทย 202 คะแนน
ฮ่องกง 199 คะแนน
เวียดนาม 193 คะแนน
มาเลย์ 127 คะแนน
คำนวนคะแนน National Point (NT)
อิหร่าน 30 แต้มเต็ม (651/651 x 30)
ไทย 9.309 แต้ม (202/651 x 30)
ฮ่องกง 9.171 แต้ม (199/651 x 30)
เวียดนาม 8.894 แต้ม (193/651 x 30)
มาเลย์ 5.853 แต้ม ( 127/651 x 30)
จะเห็นว่าล่าสุด ไทยมีคะแนนส่วนนี้มากกว่าชาติอื่นไม่มากเท่าไร แต่ถ้าดูโปรแกรมทีมชาติในปี 2016-2017 แล้วฮ่องกงกับเวียดนาม มีโอกาสทำคะแนนฟีฟ่าได้มากกว่าไทย เพราะ
ไทย => มีโปรแกรมคัดบอลโลก 10 นัดแต่โอกาสที่จะชนะมีไม่มาก
ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์ => มาเลย์มีโปรแกรมเพลย์ออฟ 2 แมตซ์ในปี 2016 แต่พอคัดเลือกเอเชี่ยนคัพรอบสามในปี 2017 ก็มีโอกาสเก็บชัยชนะสูงและได้คะแนนฟีฟ่าเยอะ เพราะถึงแม้อันดับทีมที่แข่งด้วยจะต่ำแต่ตัวคูณการคิดคะแนนของทัวร์นาเม้นท์เท่ากับบอลโลกรอบคัดเลือกรอบสามและสูงกว่าแมตซ์อุนเครื่อง 2.5 เท่า
สรุปได้ว่าสิ้นปี 2017 คะแนน NT ของไทยน่าจะไม่ต่างจาก ฮ่องกง เวียดนาม มาเลย์ เท่าไรนัก
ต่อไปดูคะแนนส่วน Club Point
ลองดูคะแนน Club Point สิ้นปี 2015 ตามลิงค์ข้างล่างครับ
http://www.the-afc.com/uploads/afc/files/afc_club_rankings_26112015.pdf
ผมดึงคะแนนออกมาเฉพาะ ไทย/ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์
การได้คะแนนของแต่ละสโมสรในแต่ละปีที่เล่นใน ACL และ AFC Cup เป็นดังนี้
> ร่วมแข่งในรอบเพลย์ออฟได้ 1.5 คะแนน, ชนะได้ 1.5 คะแนน, เสมอยิงลูกโทษได้ 0.5 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบแบ่งกลุ่มได้ 3 คะแนน, ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบ QF ได้ 1 คะแนน,ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
> ร่วมแข่งในรอบ SF และFinal ได้ 1 คะแนน, ชนะได้ 3 คะแนน, เสมอ 1 คะแนน
คะแนนของ AFC Cup เท่ากับ 1/3 ของ ACL
http://www.the-afc.com/afc-champions-league-2015/al-hilal-lead-the-way-as-afc-announces-club-ranking-system
เราจะเห็นว่าคะแนนแต่ละสโมสรจะคิดมาจากผลงาน 4 ปีหลังสุด ซึ่ง บรร นั้นมีคะแนนสูงในปี 2013 ดังนั้นทั้ง ฮ่องกง/เวียดนาม/มาเลย์ มีโอกาสทำคะแนนในส่วนนี้แซงสโมสรไทยได้เพราะ
ในการคิดคะแนนสิ้นปี 2017 ซึ่งจะใช้คะแนนปี 2014-2017 แล้วสโมสรของไทยยังมีผลงานเหมือนปีนี้ สโมสรไทยจะได้คะแนนเฉลี่ยในแต่ละปีไม่เกิน 3-6 คะแนน
บินห์ เดือง ของเวียดนามผลงานดีขึ้นเรื่อย คะแนนรวม 4 ปี (2014-2017) มีโอกาสแซง บรร
ทั้งคิชฉี และยะโฮร์ ถึงแม้จะเล่นใน AFC Cup แต่คู่แข่งเป็นระดับเดียวกันอย่าง พม่า,ปินส์,สิงคโปร์ โอกาสที่จะชนะ 3 นัดยังมีมากกว่าสโมสรไทยจะเก็บชัยชนะ 1 นัดใน ACL
หนำซ้ำ AFC Cup รอบสองทาง AFC ยังให้จับฉลากเจอกันเฉพาะโซนตะวันออก กว่าจะได้เจอทีมสโมสรอาหรับก็ต้องรอบ 8 ทีม ดังนั้นโอกาสที่ทีมอย่าง ยะโฮร์ หรือ คิชฉี จะผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมทุกปีเป็นไปได้สูง
คะแนนปี 2016 ทีผมลองคำนวนเองล่าสุดเป็นดังนี้ครับ
ชลบุรี => 3 คะแนน (ตกรอบแล้ว)
เมืองทอง => 2 คะแนน (ตกรอบแล้ว)
บรร => 3 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม)
บินห์ เดือง => 7 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม)
คิชฉี => 3.83 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม AFC Cup)
ยะโฮร์ => 6 คะแนน (กำลังเล่นรอบแบ่งกลุ่ม AFC Cup)
บทสรุป
โควต้าสโมสรของไทยใน ACL มาจากทั้งผลงานทีมชาติ 30% ผลงานสโมสร 70% ดังนั้น ถ้าทั้งสโมสรและทีมชาติ เกื้อหนุนกันทั้งในส่วนของการพักลีก การปล่อยนักเตะเก็บตัว รวมไปถึง การเลื่อนโปรแกรมของ สมค ช่วย บรร ก่อนไปแข่ง ACL เหมือนที่ เจลีก ช่วยเลื่อนโปรแกรมให้ ซานเฟรส ฮิโรชิม่า ก่อนมาไทย จะทำให้โควต้าสโมสรของไทยใน ACL ไม่สั่นคลอน
credit
http://www.teamthailand.in.th/2016/04/09/acl-2017-2018-quota/
กคุณ chalee สมาชิกเว็บไซต์ www.thailandsusu.com