The Man Who Stopped The Desert - Trailer
ใน Burkina Faso บนพื้นที่ราบสูง
ที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ได้ถูกทะเลทรายคุกคามอย่างรวดเร็ว
เพราะใกล้แนวเขต Sahel ที่มีความแห้งแล้งที่มาจากทะเลทราย Sahara
ได้ก่อให้เกิดภัยแล้งและการเก็บเกี่ยวผลผลิตเสียหาย
ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพไปทำงานในต่างเมือง
และมีส่วนในการลดจำนวนประชากรในหมู่บ้านลง
ภัยพิบัติดังกล่าวเริ่มส่อเค้าตั้งแต่ปี 1950
เพราะส่วนหนึ่งของการมีประชากรมากเกินไป
การเกษตรที่มีการแผ้วถางมากเกินไป
ผลกระทบดังกล่าวทำให้เกิดการคืบคลานของทะเลทราย
มีผลกระทบหลายประเทศ เช่น เซเนกัล มาลี ไนเจอร์ และชาด
ในช่วงวัยรุ่น Yacouba Sawadogo
เป็นนักเรียนศาสนาที่ได้ออกเดินทางจากบ้านเกิด
เพื่อไปศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่าน
หลายครั้งที่ เขาและเพื่อนร่วมชั้นต่างพากันหิวโหย
เด็กหนุ่มเหล่านี้ต้องเดินทางข้ามถิ่นทุรกันดารหลายไมล์
เพื่อขอปันอาหารจากบ้านกระท่อมฟางถึงหลายหลังคาเรือน
“ บางครั้งพวกเราได้ของกินต่าง ๆ มากมาย
แต่บางครั้งพวกเราก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย “
Yacouba Sawadogo ได้เล่ารำลึกถึงความหลัง
วิธีการทำการเกษตรที่แยบยลของเขา
ได้พิสูจน์แล้วว่ากุญแจสำคัญอย่างหนึ่ง
ในการบรรลุเป้าหมายหยุดยั้งทะเลทราย
ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายนายต่างพากันล้มเหลว
เรื่องนี้มีเบื้องหลังมาจากแรงผลักดัน
จากความตั้งใจอย่างแรงกล้า
ของชาวนาวัยรุ่น Yacouba Sawadogo
ที่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคนิควิถีเกษตรแบบโบราณ
ที่ได้รับการบอกเล่าจากรุ่นทวดสู่ทวดสู่พ่อ
ที่จะใช้ประโยชน์จากดินทั้งหมด
ในการปลูกพืชเพื่อให้มีผลผลิตอย่างยั่งยืน
ความพยายามของชาวนาผู้นี้ได้ผลสำเร็จอย่างยิ่ง
เหนือกว่าผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก
และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ที่ต้องลงทุนหลายล้านปอนด์
ในการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่เกษตรที่ทะเลทรายคุกคาม
ผลสำเร็จครั้งนี้ได้พิสูจน์ว่ามีสำคัญอย่างยิ่ง
ต่ออนาคตของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และความต้องการอาหารของชาวโลก
“ ผลงานของ Yacouba เพียงลำพัง
มีผลกระทบอย่างมากกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
มากกว่านักวิจัยระดับชาติและนานาชาติทั้งหมดมารวมกัน ”
ผู้เชี่ยวชาญทะเลทราย ชาวดัตช์ Chris Reij กล่าวสรุป
“ เราจะต้องไม่เป็นศัตรูกับธรรมชาติ "
Yacouba กล่าวขึ้นในขณะที่ทำงาน
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบนแผ่นดินที่แห้งแล้ง
แต่การต่อสู้ที่ยากที่สุดของ Yacouba
ไม่ได้ที่จะอยู่ที่พลังของธรรมชาติ
แต่เพราะเทคนิควิถีเกษตรโบราณ
ในการปลูกพืชของ Yacouba
ไม่เป็นที่ยอมรับของเจ้าของที่ดินแบบดั้งเดิม
เพราะขัดกับภูมิปัญญา/ประสบการณ์เดิมที่เรียนรู้สืบต่อกันมา
เรื่องนี้จึงสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านจำนวนมาก
" เมื่อคุณเริ่มต้นการทำงานที่คนอื่นไม่เข้าใจแล้ว
พวกชาวบ้านจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณเป็นคนบ้า
ในระหว่างที่ผมเดินทางไปพบกับผู้ปกครองท้องที่
เพื่อบอกเล่าประสบการณ์การทำงานวิถีเกษตรแบบนี้
ความรุนแรงที่คุกกรุ่นอยู่แล้วก็เตรียมพร้อมลงมือทำ
ผมสามารถมองเห็นเปลวไฟได้จากในเมือง
เพราะป่าไม้ที่หนาแน่นและท้องนาเต็มไปด้วยพืช “
เปลวไฟกองนี้ถูกจุดขึ้นโดยชาวบ้าน
ได้ทำลายพืชผลทั้งหมดของ Yacouba
แต่มันคือความปราชัยในการทำลายล้างด้วยเช่นกัน
เพราะยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่น
ที่จะเอาชนะความอัปยศของชาวบ้าน
เมื่อ Yacouba ประสบความสำเร็จ
กับการสร้างป่าไม้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พวกชาวบ้านต่างต้องนั่งลงแล้วเฝ้าสังเกต
Yacouba ได้ฟื้นฟูวิถีการเกษตรแบบแอฟริกัน
แบบสมัยโบราณ
ที่เรียกว่า Zai
ที่ Yacouba นำมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในปี 1980
ได้สร้างความเจริญเติบโตของพืช/ป่าไม้
และเพิ่มคุณภาพของดินในพื้นที่ใกล้เคียง
Zai เป็นเทคนิควิถีเกษตรในการปลูกพืชที่ง่ายมากและมีต้นทุนต่ำ
ด้วยการใช้จอบ/ขวานขุดในช่วงฤดูแล้ง
ขุดหลุมขนาดเล็กลงไปในพื้นดินที่แห้งแล้ง
แล้วเติมปุ๋ยหมักที่มีกิ่งไม้เศษไม้จำนวนมาก
ลงไปในหลุมที่ขุดขึ้นมาก่อนเบื้องต้น
ปลวกในบริเวณนั้นจะเข้ามากัดกินปุ๋ยหมักในหลุม
พร้อมกับสร้างธาตุอาหารจำนวนมากในหลุมนั้น
พอ ๆ กับทางเดินของปลวกใต้ดินจำนวนหลายเส้นทาง
ที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดย่อม ๆ หลายสายธารใต้ดิน
เวลาฝนตกลงมาบนพื้นที่แห่งนั้น
เมื่อฝนมาเยือนแล้ว เมล็ดต้นไม้ ลูกเดือย ข้าวฟ่าง
จะถูกปลูกลงบนหลุมของปุ๋ยหมักที่ขุดไว้
หลุมจะสะสม/เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน
ตามรอยทางเดินจำนวนมากของปลวกใต้ดิน
ทำให้ดินสามารถที่จะรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้
และให้ธาตุอาหารพืชที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูแล้ง
ส่วนพืชช่วงสั้นก็เก็บเกี่ยวได้ก่อนฤดูแล้ง
ส่วนพืชไม้ผลหรือพืชยืนต้น
มักจะรอดตายจนกว่าจะเติบโตต่อไป
ตามวิถีเกษตรโบราณแบบ Zai ของ Yacouba
จะเตรียมความพร้อมของดินในฤดูแล้ง
ตรงกันข้ามกับวิธีปฏิบัติในท้องถิ่น
ด้วยเวลาเพียง 20 ปีที่ผ่านมา
Yacouba ได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่แห้งแล้ง
กลายเป็นป่าไม้ชุมชนขนาด 30 เอเคอร์(70 ไร่)
ที่มีต้นไม้มากกว่า 60 ชนิด/สายพันธุ์
ที่ทำให้เป็นผืนป่าท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้ง
“ ที่ดินนับหมื่นเฮ็คตาร์ที่ไร้ผลผลิตอย่างสิ้นเชิง
ได้รับการฟื้นฟูให้มีผลผลิตขึ้นมาอีกครั้ง
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับวิถีเกษตรโบราณของ Yacouba
เขาไม่เคยหยุดยั้งความพยายาม
ทุกปีที่ผ่านไปยิ่งจะเพิ่มประสบการณ์ของเขา "
Chris Reji ได้กล่าวในฐานะที่เป็น
นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชี้ให้เห็น
สิ่งที่ Yacouba ทำได้สร้างแรงบันดาลใจ
สถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่
หม้อหุงต้มอาหารขนาดใหญ่
ในเขตพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์
ได้เปิดเผยถึงผลงานความสำเร็จ
จากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง
ของชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Yacouba
ผู้มีภริยา 3 คนและลูก ๆ 31 คน
แต่ความตั้งใจของ Yacouba
ไปไกลเกินกว่าการหาอาหาร
ให้กับครอบครัวของเขาเอง
เพราะผลดีของวิถีเกษตรแบบโบราณนี้
มีผลสัมฤทธิ์กับเขตพื้นที่ภูมิภาคขนาดใหญ่
ทำให้ผู้คนที่อพยพออกจากพื้นที่
ไปนานกว่าสามสิบปีแล้ว
ได้เริ่มต้นกลับคืนบ้านเกิดอีกครั้ง
Yacauba ยืนยันในเรื่องนี้ว่า
“ เราจำเป็นต้องกินดีเพื่อจะทำงานได้ดี
ไม่มีป่าไม้ ไม่มีดิน
ถ้าคุณตัดต้นไม้สิบต้นทุกวัน
แล้วไม่ยอมปลูกทดแทนหนึ่งต้นในหนึ่งปี
พวกเรากำลังเดินหน้าไปสู่หายนะ “
ศรัทธาและความเชื่อมั่นที่ใช้เวลากว่ายี่สิบปีนี้
จนสามารถทำได้สำเร็จได้เปลี่ยนแปลงชีวิต
ของผู้คนหลายหมื่นในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก
ต้องขอบคุณ Yacauba อีกครั้งในเรื่องนี้
ในปี 2010 Mark Dodd จาก 1080 Films
ได้รับรางวัลชนะเลิศหลายรางวับ
ในการกำกับ/สร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้
ที่สร้างขึ้นจากเรื่องราวประสบการณ์ของ Yacouba
ตั้งชื่อว่า
ชายผู้หยุดยั้งทะเลทราย
มันเป็นเรื่องราววิถีเกษตรโบราณของชายคนหนึ่ง
ที่มีความพยายามเพียงคนเดียวตามลำพัง
ที่ช่วยชาวนานับหมื่นทั่วทั้งภูมิภาค Sahel ของแอฟริกา
พื้นที่นับว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่เลวร้ายที่สุด
จากภัยคุกคามของทะเลทรายบนพื้นโลก
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยต่อต้านความคิดที่ว่า
แอฟริกาต้องการความช่วยเหลือ
จากโลกภายนอกในการแก้ปัญหา
ในเดือนตุลาคม 2012 มีการจัดประชุมขึ้นในเกาหลีใต้ โดย
United Nations Convention to Combat Desertification (UNCCD)
1080 Films ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับชีวิตของ Yacouba
ชื่อเรื่องว่า “What Yacouba Did Next…”
เล่าเรื่องราวของ Yacouba ที่ได้ทำไปแล้ว
ทำให้แนวคิดของเขาได้รับการยอมรับจากชุมชนนานาชาติ
What Yacouba did next...
ในการติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้
UNCCD Executive Secretary Luc Gnacadja
ได้สรุปถึงผลกระทบที่ทรงพลังเกี่ยวกับ
วิถีเกษตรแบบโบราณเรียบง่ายของ Yacouba
“ เกือบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว
เขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เราต้องการ
ถ้าเราสามารถที่จะเผยแพร่
และยกระดับตัวอย่างผลงานของเขา
แน่นอนเราสามารถที่จะทำได้อย่างมากมายเลย
กับความก้าวหน้าในการหยุดยั้งทะเลทรายได้ ”
หนึ่งในผลลัพธ์ทางตรงเกี่ยวกับเรื่องราวนี้
ทำให้ Yacouba ได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือ
ในเรื่องความการพยายามฟื้นฟูป่าไม้ให้กลับคืนมา
ทำให้เขาสามารถมีกองทุนเพื่ออบรมเทคนิคนี้
เพื่อขยายแนวคิดวิธีการแบบ Zai
ด้วยการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ถึง 13 แห่ง
Yacouba หวังอย่างมากที่จะเผยแพร่ความรู้นี้ไปทั่วภูมิภาค
และศูนย์กลางทำงานเผยแพร่เทคนิคนี้ที่ไร่ของเขาเอง
ด้วยการสอนผู้มาเยือน ตามที่ Yacouba กล่าวว่า
“ นำคนมาร่วมกันด้วยจิตวิญญาณของมิตรภาพ
ผมต้องการอบรมเรื่องนี้ เพื่อให้แพร่หลาย
กระจายผลการเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งภูมิภาค ”
ผลงานฟื้นฟูป่าไม้ของ Yacouba
ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือชาวนา
จากการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพของพืชท้องถิ่น
แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของดิน
เพื่อพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
Chris Reij จาก World Resources Institute
และนักเขียนของ Worldwatch Institute’s State of the World 2011: Innovations that Nourish the Planet
เชื่อมั่นและเข้าใจความสำคัญผลงานของ Yacouba
และได้ไปเยี่ยมไร่นากับพื้นที่รอบ ๆ Yacouba มาหลายครั้งแล้ว
“ อะไรที่ Yacouba ได้ทำ
ชาวนาทั่วทั้ง Sahel ก็สามารถทำได้
ความท้าทายอย่างใหญ่หลวงคือ
ในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า
เราต้องพยายามขับเคลื่อนชาวนาอีกหลายล้านคน
ให้ลงทุนกับต้นไม้เพราะพวกมันสามารถช่วยพวกเขา
เกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร
และในเวลาเดียวกันช่วยให้พวกเขา
ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ(โลกร้อน)
เราจะต้องหยุดการสอนและการเล่าเรื่อง
แล้วแทนที่ด้วยการเริ่มต้นเรียนรู้
และฟังสิ่งที่ชาวนาได้บอกเรา "
ผลตอบรับจากวิถีเกษตรในเรื่องนี้
Yacouba เข้าใจดีถึงความสำคัญของงานของเขา
และความพยายามในการทำงานอย่างหนักมาก
ที่จะขยายการเพาะปลูกเข้าไปในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
เพื่อปรับปรุงคุณภาพดินและพลิกฟื้นอนาคตของ Sahel
แม้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับ Yacouba
แต่ได้เป็นทางออกสำหรับชุมชนทั่วแอฟริกา
ในการหยุดยั้งทะเลทรายและเตรียมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ตั้งแต่มีการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนี้แล้ว
ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ Yacouba อีกต่อไป
โครงการชุมชนที่จะขยายเขตป่าไม้
ที่เขาต้องใช้เวลายาวนานหลายปีในการปลูกขึ้นมา
โดยไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ เลย
บริเวณบ้านส่วนหนึ่งและป่าไม้
ของ Yacouba ตกอยู่ในเขตปฏิรุปที่ดิน
ยกเว้นที่ดินแปลงเล็ก ๆ สำหรับครอบครัว Yacouba
ทำให้ Yacouba ต้องการเงิน 20,000 เหรียญสหรัฐ
เพื่อซื้อผืนป่าไม้ที่ปลูกขึ้นมากลับคืน
เพราะเริ่มมีคนเข้าไปแผ้วถางใช้ประโยชน์จากต้นไม้แล้ว
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/JcPpDe
http://goo.gl/IOM0xh
https://goo.gl/zk8s5m
https://goo.gl/Jo96p7
http://goo.gl/MQPSYz
ชายผู้หยุดยั้งทะเลทราย
The Man Who Stopped The Desert - Trailer
ที่มา https://goo.gl/zk8s5m
ใน Burkina Faso บนพื้นที่ราบสูง
ที่ครั้งหนึ่งเคยอุดมสมบูรณ์ได้ถูกทะเลทรายคุกคามอย่างรวดเร็ว
เพราะใกล้แนวเขต Sahel ที่มีความแห้งแล้งที่มาจากทะเลทราย Sahara
ได้ก่อให้เกิดภัยแล้งและการเก็บเกี่ยวผลผลิตเสียหาย
ทำให้ชาวบ้านจำนวนมากต้องอพยพไปทำงานในต่างเมือง
และมีส่วนในการลดจำนวนประชากรในหมู่บ้านลง
ภัยพิบัติดังกล่าวเริ่มส่อเค้าตั้งแต่ปี 1950
เพราะส่วนหนึ่งของการมีประชากรมากเกินไป
การเกษตรที่มีการแผ้วถางมากเกินไป
ผลกระทบดังกล่าวทำให้เกิดการคืบคลานของทะเลทราย
มีผลกระทบหลายประเทศ เช่น เซเนกัล มาลี ไนเจอร์ และชาด
ที่มาของภาพและข้อมูลเพิ่มเติม https://goo.gl/F3Qa1j
ในช่วงวัยรุ่น Yacouba Sawadogo
เป็นนักเรียนศาสนาที่ได้ออกเดินทางจากบ้านเกิด
เพื่อไปศึกษาคัมภีร์อัลกุรอ่าน
หลายครั้งที่ เขาและเพื่อนร่วมชั้นต่างพากันหิวโหย
เด็กหนุ่มเหล่านี้ต้องเดินทางข้ามถิ่นทุรกันดารหลายไมล์
เพื่อขอปันอาหารจากบ้านกระท่อมฟางถึงหลายหลังคาเรือน
“ บางครั้งพวกเราได้ของกินต่าง ๆ มากมาย
แต่บางครั้งพวกเราก็ไม่ได้อะไรติดมือกลับมาเลย “
Yacouba Sawadogo ได้เล่ารำลึกถึงความหลัง
วิธีการทำการเกษตรที่แยบยลของเขา
ได้พิสูจน์แล้วว่ากุญแจสำคัญอย่างหนึ่ง
ในการบรรลุเป้าหมายหยุดยั้งทะเลทราย
ที่ผู้เชี่ยวชาญหลายนายต่างพากันล้มเหลว
เรื่องนี้มีเบื้องหลังมาจากแรงผลักดัน
จากความตั้งใจอย่างแรงกล้า
ของชาวนาวัยรุ่น Yacouba Sawadogo
ที่มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเทคนิควิถีเกษตรแบบโบราณ
ที่ได้รับการบอกเล่าจากรุ่นทวดสู่ทวดสู่พ่อ
ที่จะใช้ประโยชน์จากดินทั้งหมด
ในการปลูกพืชเพื่อให้มีผลผลิตอย่างยั่งยืน
ความพยายามของชาวนาผู้นี้ได้ผลสำเร็จอย่างยิ่ง
เหนือกว่าผลงานของนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลก
และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี
ที่ต้องลงทุนหลายล้านปอนด์
ในการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่เกษตรที่ทะเลทรายคุกคาม
ผลสำเร็จครั้งนี้ได้พิสูจน์ว่ามีสำคัญอย่างยิ่ง
ต่ออนาคตของประชากรที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
และความต้องการอาหารของชาวโลก
ที่มา https://goo.gl/zk8s5m
“ ผลงานของ Yacouba เพียงลำพัง
มีผลกระทบอย่างมากกับการอนุรักษ์ธรรมชาติ
มากกว่านักวิจัยระดับชาติและนานาชาติทั้งหมดมารวมกัน ”
ผู้เชี่ยวชาญทะเลทราย ชาวดัตช์ Chris Reij กล่าวสรุป
“ เราจะต้องไม่เป็นศัตรูกับธรรมชาติ "
Yacouba กล่าวขึ้นในขณะที่ทำงาน
อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยบนแผ่นดินที่แห้งแล้ง
แต่การต่อสู้ที่ยากที่สุดของ Yacouba
ไม่ได้ที่จะอยู่ที่พลังของธรรมชาติ
แต่เพราะเทคนิควิถีเกษตรโบราณ
ในการปลูกพืชของ Yacouba
ไม่เป็นที่ยอมรับของเจ้าของที่ดินแบบดั้งเดิม
เพราะขัดกับภูมิปัญญา/ประสบการณ์เดิมที่เรียนรู้สืบต่อกันมา
เรื่องนี้จึงสร้างความโกรธแค้นให้กับชาวบ้านจำนวนมาก
" เมื่อคุณเริ่มต้นการทำงานที่คนอื่นไม่เข้าใจแล้ว
พวกชาวบ้านจะปฏิบัติต่อคุณเหมือนคุณเป็นคนบ้า
ในระหว่างที่ผมเดินทางไปพบกับผู้ปกครองท้องที่
เพื่อบอกเล่าประสบการณ์การทำงานวิถีเกษตรแบบนี้
ความรุนแรงที่คุกกรุ่นอยู่แล้วก็เตรียมพร้อมลงมือทำ
ผมสามารถมองเห็นเปลวไฟได้จากในเมือง
เพราะป่าไม้ที่หนาแน่นและท้องนาเต็มไปด้วยพืช “
เปลวไฟกองนี้ถูกจุดขึ้นโดยชาวบ้าน
ได้ทำลายพืชผลทั้งหมดของ Yacouba
แต่มันคือความปราชัยในการทำลายล้างด้วยเช่นกัน
เพราะยิ่งตอกย้ำความมุ่งมั่น
ที่จะเอาชนะความอัปยศของชาวบ้าน
เมื่อ Yacouba ประสบความสำเร็จ
กับการสร้างป่าไม้ขึ้นมาใหม่อีกครั้ง
พวกชาวบ้านต่างต้องนั่งลงแล้วเฝ้าสังเกต
Yacouba ได้ฟื้นฟูวิถีการเกษตรแบบแอฟริกัน
แบบสมัยโบราณ ที่เรียกว่า Zai
ที่ Yacouba นำมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งในปี 1980
ได้สร้างความเจริญเติบโตของพืช/ป่าไม้
และเพิ่มคุณภาพของดินในพื้นที่ใกล้เคียง
ที่มา https://goo.gl/zk8s5m
Zai เป็นเทคนิควิถีเกษตรในการปลูกพืชที่ง่ายมากและมีต้นทุนต่ำ
ด้วยการใช้จอบ/ขวานขุดในช่วงฤดูแล้ง
ขุดหลุมขนาดเล็กลงไปในพื้นดินที่แห้งแล้ง
แล้วเติมปุ๋ยหมักที่มีกิ่งไม้เศษไม้จำนวนมาก
ลงไปในหลุมที่ขุดขึ้นมาก่อนเบื้องต้น
ปลวกในบริเวณนั้นจะเข้ามากัดกินปุ๋ยหมักในหลุม
พร้อมกับสร้างธาตุอาหารจำนวนมากในหลุมนั้น
พอ ๆ กับทางเดินของปลวกใต้ดินจำนวนหลายเส้นทาง
ที่จะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำขนาดย่อม ๆ หลายสายธารใต้ดิน
เวลาฝนตกลงมาบนพื้นที่แห่งนั้น
เมื่อฝนมาเยือนแล้ว เมล็ดต้นไม้ ลูกเดือย ข้าวฟ่าง
จะถูกปลูกลงบนหลุมของปุ๋ยหมักที่ขุดไว้
หลุมจะสะสม/เก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝน
ตามรอยทางเดินจำนวนมากของปลวกใต้ดิน
ทำให้ดินสามารถที่จะรักษาความชุ่มชื้นไว้ได้
และให้ธาตุอาหารพืชที่ได้เตรียมไว้ตั้งแต่ช่วงฤดูแล้ง
ส่วนพืชช่วงสั้นก็เก็บเกี่ยวได้ก่อนฤดูแล้ง
ส่วนพืชไม้ผลหรือพืชยืนต้น
มักจะรอดตายจนกว่าจะเติบโตต่อไป
ตามวิถีเกษตรโบราณแบบ Zai ของ Yacouba
จะเตรียมความพร้อมของดินในฤดูแล้ง
ตรงกันข้ามกับวิธีปฏิบัติในท้องถิ่น
ด้วยเวลาเพียง 20 ปีที่ผ่านมา
Yacouba ได้เปลี่ยนแปลงพื้นที่แห้งแล้ง
กลายเป็นป่าไม้ชุมชนขนาด 30 เอเคอร์(70 ไร่)
ที่มีต้นไม้มากกว่า 60 ชนิด/สายพันธุ์
ที่ทำให้เป็นผืนป่าท่ามกลางพื้นที่แห้งแล้ง
ที่มา https://goo.gl/zk8s5m
“ ที่ดินนับหมื่นเฮ็คตาร์ที่ไร้ผลผลิตอย่างสิ้นเชิง
ได้รับการฟื้นฟูให้มีผลผลิตขึ้นมาอีกครั้ง
ขอบคุณอีกครั้งสำหรับวิถีเกษตรโบราณของ Yacouba
เขาไม่เคยหยุดยั้งความพยายาม
ทุกปีที่ผ่านไปยิ่งจะเพิ่มประสบการณ์ของเขา "
Chris Reji ได้กล่าวในฐานะที่เป็น
นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งชี้ให้เห็น
สิ่งที่ Yacouba ทำได้สร้างแรงบันดาลใจ
สถานที่เก็บเมล็ดพันธุ์ขนาดใหญ่
หม้อหุงต้มอาหารขนาดใหญ่
ในเขตพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์
ได้เปิดเผยถึงผลงานความสำเร็จ
จากความพยายามอย่างไม่หยุดยั้ง
ของชายคนหนึ่งที่ชื่อว่า Yacouba
ผู้มีภริยา 3 คนและลูก ๆ 31 คน
แต่ความตั้งใจของ Yacouba
ไปไกลเกินกว่าการหาอาหาร
ให้กับครอบครัวของเขาเอง
เพราะผลดีของวิถีเกษตรแบบโบราณนี้
มีผลสัมฤทธิ์กับเขตพื้นที่ภูมิภาคขนาดใหญ่
ทำให้ผู้คนที่อพยพออกจากพื้นที่
ไปนานกว่าสามสิบปีแล้ว
ได้เริ่มต้นกลับคืนบ้านเกิดอีกครั้ง
Yacauba ยืนยันในเรื่องนี้ว่า
“ เราจำเป็นต้องกินดีเพื่อจะทำงานได้ดี
ไม่มีป่าไม้ ไม่มีดิน
ถ้าคุณตัดต้นไม้สิบต้นทุกวัน
แล้วไม่ยอมปลูกทดแทนหนึ่งต้นในหนึ่งปี
พวกเรากำลังเดินหน้าไปสู่หายนะ “
ศรัทธาและความเชื่อมั่นที่ใช้เวลากว่ายี่สิบปีนี้
จนสามารถทำได้สำเร็จได้เปลี่ยนแปลงชีวิต
ของผู้คนหลายหมื่นในประเทศที่ยากจนที่สุดในโลก
ต้องขอบคุณ Yacauba อีกครั้งในเรื่องนี้
ในปี 2010 Mark Dodd จาก 1080 Films
ได้รับรางวัลชนะเลิศหลายรางวับ
ในการกำกับ/สร้างภาพยนตร์สารคดีเรื่องนี้
ที่สร้างขึ้นจากเรื่องราวประสบการณ์ของ Yacouba
ตั้งชื่อว่า ชายผู้หยุดยั้งทะเลทราย
มันเป็นเรื่องราววิถีเกษตรโบราณของชายคนหนึ่ง
ที่มีความพยายามเพียงคนเดียวตามลำพัง
ที่ช่วยชาวนานับหมื่นทั่วทั้งภูมิภาค Sahel ของแอฟริกา
พื้นที่นับว่าเป็นหนึ่งในพื้นที่เลวร้ายที่สุด
จากภัยคุกคามของทะเลทรายบนพื้นโลก
ภาพยนตร์เรื่องนี้จะช่วยต่อต้านความคิดที่ว่า
แอฟริกาต้องการความช่วยเหลือ
จากโลกภายนอกในการแก้ปัญหา
ในเดือนตุลาคม 2012 มีการจัดประชุมขึ้นในเกาหลีใต้ โดย
United Nations Convention to Combat Desertification (UNCCD)
1080 Films ได้สร้างภาพยนตร์เรื่องสั้นเกี่ยวกับชีวิตของ Yacouba
ชื่อเรื่องว่า “What Yacouba Did Next…”
เล่าเรื่องราวของ Yacouba ที่ได้ทำไปแล้ว
ทำให้แนวคิดของเขาได้รับการยอมรับจากชุมชนนานาชาติ
What Yacouba did next...
ในการติดตามภาพยนตร์เรื่องนี้
UNCCD Executive Secretary Luc Gnacadja
ได้สรุปถึงผลกระทบที่ทรงพลังเกี่ยวกับ
วิถีเกษตรแบบโบราณเรียบง่ายของ Yacouba
“ เกือบไม่เหลืออะไรให้ทำอีกแล้ว
เขาได้สร้างการเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่เราต้องการ
ถ้าเราสามารถที่จะเผยแพร่
และยกระดับตัวอย่างผลงานของเขา
แน่นอนเราสามารถที่จะทำได้อย่างมากมายเลย
กับความก้าวหน้าในการหยุดยั้งทะเลทรายได้ ”
หนึ่งในผลลัพธ์ทางตรงเกี่ยวกับเรื่องราวนี้
ทำให้ Yacouba ได้รับเงินบริจาคช่วยเหลือ
ในเรื่องความการพยายามฟื้นฟูป่าไม้ให้กลับคืนมา
ทำให้เขาสามารถมีกองทุนเพื่ออบรมเทคนิคนี้
เพื่อขยายแนวคิดวิธีการแบบ Zai
ด้วยการเดินทางไปยังหมู่บ้านต่าง ๆ ถึง 13 แห่ง
Yacouba หวังอย่างมากที่จะเผยแพร่ความรู้นี้ไปทั่วภูมิภาค
และศูนย์กลางทำงานเผยแพร่เทคนิคนี้ที่ไร่ของเขาเอง
ด้วยการสอนผู้มาเยือน ตามที่ Yacouba กล่าวว่า
“ นำคนมาร่วมกันด้วยจิตวิญญาณของมิตรภาพ
ผมต้องการอบรมเรื่องนี้ เพื่อให้แพร่หลาย
กระจายผลการเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งภูมิภาค ”
ผลงานฟื้นฟูป่าไม้ของ Yacouba
ไม่เพียงแต่ช่วยเหลือชาวนา
จากการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพของพืชท้องถิ่น
แต่ยังช่วยปรับปรุงคุณภาพของดิน
เพื่อพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนในอนาคต
Chris Reij จาก World Resources Institute
และนักเขียนของ Worldwatch Institute’s State of the World 2011: Innovations that Nourish the Planet
เชื่อมั่นและเข้าใจความสำคัญผลงานของ Yacouba
และได้ไปเยี่ยมไร่นากับพื้นที่รอบ ๆ Yacouba มาหลายครั้งแล้ว
ที่มา http://goo.gl/MQPSYz
“ อะไรที่ Yacouba ได้ทำ
ชาวนาทั่วทั้ง Sahel ก็สามารถทำได้
ความท้าทายอย่างใหญ่หลวงคือ
ในอีก 5 ถึง 10 ปีข้างหน้า
เราต้องพยายามขับเคลื่อนชาวนาอีกหลายล้านคน
ให้ลงทุนกับต้นไม้เพราะพวกมันสามารถช่วยพวกเขา
เกี่ยวกับความมั่นคงทางอาหาร
และในเวลาเดียวกันช่วยให้พวกเขา
ปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศ(โลกร้อน)
เราจะต้องหยุดการสอนและการเล่าเรื่อง
แล้วแทนที่ด้วยการเริ่มต้นเรียนรู้
และฟังสิ่งที่ชาวนาได้บอกเรา "
ผลตอบรับจากวิถีเกษตรในเรื่องนี้
Yacouba เข้าใจดีถึงความสำคัญของงานของเขา
และความพยายามในการทำงานอย่างหนักมาก
ที่จะขยายการเพาะปลูกเข้าไปในพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม
เพื่อปรับปรุงคุณภาพดินและพลิกฟื้นอนาคตของ Sahel
แม้ว่าไม่ใช่เป็นเรื่องง่ายสำหรับ Yacouba
แต่ได้เป็นทางออกสำหรับชุมชนทั่วแอฟริกา
ในการหยุดยั้งทะเลทรายและเตรียมรับมือกับอนาคตที่ไม่แน่นอน
ตั้งแต่มีการสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนี้แล้ว
ชีวิตไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับ Yacouba อีกต่อไป
โครงการชุมชนที่จะขยายเขตป่าไม้
ที่เขาต้องใช้เวลายาวนานหลายปีในการปลูกขึ้นมา
โดยไม่มีค่าตอบแทนใด ๆ เลย
บริเวณบ้านส่วนหนึ่งและป่าไม้
ของ Yacouba ตกอยู่ในเขตปฏิรุปที่ดิน
ยกเว้นที่ดินแปลงเล็ก ๆ สำหรับครอบครัว Yacouba
ทำให้ Yacouba ต้องการเงิน 20,000 เหรียญสหรัฐ
เพื่อซื้อผืนป่าไม้ที่ปลูกขึ้นมากลับคืน
เพราะเริ่มมีคนเข้าไปแผ้วถางใช้ประโยชน์จากต้นไม้แล้ว
Yacouba กับ Chris Reij ที่มา https://goo.gl/zk8s5m
เรียบเรียง/ที่มา
http://goo.gl/JcPpDe
http://goo.gl/IOM0xh
https://goo.gl/zk8s5m
https://goo.gl/Jo96p7
http://goo.gl/MQPSYz