ไปดูมาแล้ว...
เสียดายความเป็นแฟนตาซีและจริตราชินีมากๆ The Huntsman: Winter’s War พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง (ให้ 6/10)
*****ไม่สปอยล์*****
ย้อนกลับไปในปี 2012 หนังเทพนิยายกึ่งแอคชั่นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงไม่พ้น Snow White and the Huntsman ซึ่งตอนนั้นข่าวอื้อฉาวระหว่างนางเอก “คริสเตียน สจ๊วต (Kristen Stewart)” กับผู้กำกับดูจะเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงมากกว่าตัวหนังจนทำให้ความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มอย่าง “โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson)” หักสะบั้นไป
.
มาปีนี้ The Huntsman: Winter’s War ดำเนินเรื่องราวก่อนและหลังจาก Snow White and the Huntsman หลังจาก “ราชินีราเวนา” ถูกทำลายลงโดยฝีมือของสโนว์ไวท์ ข่าวการตายของเธอได้ถูกส่งไปถึง “เฟรยา” น้องสาวผู้มีพลังน้ำแข็งของเธอ ซึ่งหนีออกอาณาจักรเมื่อนานมาแล้ว หลังจากใจสลายเพราะถูกความรักหักหลัง ด้วยอคติที่เกิดขึ้น ทำให้เธอสร้างกองทัพนายพรานผู้ชั่วร้าย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีจิตใจเย็นชาต่อความรัก “เอริก” และ “ซาร่า” ก็เป็นหนึ่งในนายพรานเหล่านั้น แต่ทั้งสองกลับปฏิบัติตัวและมีจิตใจที่ขัดต่อคำบัญชาของเฟรยา จึงทำให้ถูกขับไล่ออกมา จากข่าวการตายของพี่สาวนี้เอง ทำให้เฟรยาออกคำสั่งให้เหล่านายพรานไปนำกระจกวิเศษกลับมา เพื่อชุบชีวิตพี่สาวของเธอให้ฟื้นคืนอีกครั้ง นายพรานสองชีวิตจะสามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายนี้ได้หรือไม่ ต้องติดตาม
.
เสียดายความเป็นแฟนตาซีและจริตราชินีมากๆ ซึ่งเข้าใจว่าส่วนนี้แหละจะทำให้หนังมันสนุก (ตัวอย่างหนังก็ตัดส่วนนี้ออกมาให้ดู ส่วนตัวก็ว่าหนังมันน่าดูนะ) เพราะเกินครึ่งของหนังมัวแต่เล่าความรักระหว่างนายพรานมากเกินไป เดาทางได้ไม่ยาก ทำให้กลางๆ เรื่องค่อนข้างน่าเบื่อและพยายามเอาความตลกจากคนแคระเข้ามาแทรก ตรงนี้ก็ได้แต่หัวเราะหึหึ แล้วใส่เครื่องหมายคำถามในใจใหญ่ๆ ว่าจำเป็นต้องมีไหมนี่?
.
ส่วนที่ชอบและขอชื่นชมคือการใช้โทนสีของตัวละครที่สื่อได้ตรงตามบุคลิกลักษณะนิสัย ซึ่งตัว Ice Queen (Emily Blunt) จะมีโทนสีขาว เงิน และฟ้าอ่อนเป็นหลักให้ความรู้สึกเย็นชาและไร้เดียงสา ตัดกับตัว Queen Ravenna (Charlize Theron) ที่มีโทนสีดำทองเป็นหลักให้ความรู้สึกร้ายและลึกลับ ดังนั้นฉากที่ทั้งสองราชินีปะทะกันโทนสีจึงสวยเด่นเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว
.
นอกจากนี้งานคอสตูมเก็บรายละเอียดชุดได้งามหรูดูแพง ตอกย้ำความเป็นราชินีได้ชัดเจน เสมือนดูแฟชั่นโชว์วิคตอเรียซีเคร็ทกลายๆ ก็ว่าได้ งาน CG ถือว่าดีตามมาตรฐาน แต่ถ้าเทียบกับคอสตูมขอเทคะแนนไปเสื้อผ้ามากกว่าละกัน
.
บาดแผลจากความรักเป็นปมประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้ จึงทำให้ Ice Queen สั่งพรานของตนห้ามมีความรักให้มีแต่ความจงรักภักดีต่อตนเท่านั้น แต่ก็แอบงงนิดหน่อยว่าความจงรักภักดีมันไม่ใช่ความรักงั้นหรือ? ได้แต่เก็บเป็นคำถามที่สงสัยในความย้อนแยงในส่วนนี้ลึกๆ เท่านั้น
.
ทั้งนี้แอบเสียดายนักแสดงในเรื่องที่ไม่ค่อยได้โชว์ความสามารถทางการแสดงสักเท่าไหร่ โดยรวมหากไม่คาดหวังมากจากตัวอย่างก็พอดูได้เพลินๆ อยู่ แต่ถ้าใครหวังจะดูจริตราชินีร่ายมนต์ซัดกันมันส์แล้วละก็ อาจจะต้องผิดหวัง The Huntsman: Winter’s War พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง วันนี้ในโรงภาพยนตร์
https://goo.gl/cnCKrN
[CR] เสียดายความเป็นแฟนตาซีและจริตราชินีมากๆ The Huntsman: Winter’s War พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง
ไปดูมาแล้ว...
เสียดายความเป็นแฟนตาซีและจริตราชินีมากๆ The Huntsman: Winter’s War พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง (ให้ 6/10)
*****ไม่สปอยล์*****
ย้อนกลับไปในปี 2012 หนังเทพนิยายกึ่งแอคชั่นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคงไม่พ้น Snow White and the Huntsman ซึ่งตอนนั้นข่าวอื้อฉาวระหว่างนางเอก “คริสเตียน สจ๊วต (Kristen Stewart)” กับผู้กำกับดูจะเป็นที่สนใจและถูกพูดถึงมากกว่าตัวหนังจนทำให้ความสัมพันธ์กับแฟนหนุ่มอย่าง “โรเบิร์ต แพททินสัน (Robert Pattinson)” หักสะบั้นไป
.
มาปีนี้ The Huntsman: Winter’s War ดำเนินเรื่องราวก่อนและหลังจาก Snow White and the Huntsman หลังจาก “ราชินีราเวนา” ถูกทำลายลงโดยฝีมือของสโนว์ไวท์ ข่าวการตายของเธอได้ถูกส่งไปถึง “เฟรยา” น้องสาวผู้มีพลังน้ำแข็งของเธอ ซึ่งหนีออกอาณาจักรเมื่อนานมาแล้ว หลังจากใจสลายเพราะถูกความรักหักหลัง ด้วยอคติที่เกิดขึ้น ทำให้เธอสร้างกองทัพนายพรานผู้ชั่วร้าย ซึ่งล้วนแล้วแต่มีจิตใจเย็นชาต่อความรัก “เอริก” และ “ซาร่า” ก็เป็นหนึ่งในนายพรานเหล่านั้น แต่ทั้งสองกลับปฏิบัติตัวและมีจิตใจที่ขัดต่อคำบัญชาของเฟรยา จึงทำให้ถูกขับไล่ออกมา จากข่าวการตายของพี่สาวนี้เอง ทำให้เฟรยาออกคำสั่งให้เหล่านายพรานไปนำกระจกวิเศษกลับมา เพื่อชุบชีวิตพี่สาวของเธอให้ฟื้นคืนอีกครั้ง นายพรานสองชีวิตจะสามารถหยุดยั้งความชั่วร้ายนี้ได้หรือไม่ ต้องติดตาม
.
เสียดายความเป็นแฟนตาซีและจริตราชินีมากๆ ซึ่งเข้าใจว่าส่วนนี้แหละจะทำให้หนังมันสนุก (ตัวอย่างหนังก็ตัดส่วนนี้ออกมาให้ดู ส่วนตัวก็ว่าหนังมันน่าดูนะ) เพราะเกินครึ่งของหนังมัวแต่เล่าความรักระหว่างนายพรานมากเกินไป เดาทางได้ไม่ยาก ทำให้กลางๆ เรื่องค่อนข้างน่าเบื่อและพยายามเอาความตลกจากคนแคระเข้ามาแทรก ตรงนี้ก็ได้แต่หัวเราะหึหึ แล้วใส่เครื่องหมายคำถามในใจใหญ่ๆ ว่าจำเป็นต้องมีไหมนี่?
.
ส่วนที่ชอบและขอชื่นชมคือการใช้โทนสีของตัวละครที่สื่อได้ตรงตามบุคลิกลักษณะนิสัย ซึ่งตัว Ice Queen (Emily Blunt) จะมีโทนสีขาว เงิน และฟ้าอ่อนเป็นหลักให้ความรู้สึกเย็นชาและไร้เดียงสา ตัดกับตัว Queen Ravenna (Charlize Theron) ที่มีโทนสีดำทองเป็นหลักให้ความรู้สึกร้ายและลึกลับ ดังนั้นฉากที่ทั้งสองราชินีปะทะกันโทนสีจึงสวยเด่นเป็นเอกลักษณ์ดีทีเดียว
.
นอกจากนี้งานคอสตูมเก็บรายละเอียดชุดได้งามหรูดูแพง ตอกย้ำความเป็นราชินีได้ชัดเจน เสมือนดูแฟชั่นโชว์วิคตอเรียซีเคร็ทกลายๆ ก็ว่าได้ งาน CG ถือว่าดีตามมาตรฐาน แต่ถ้าเทียบกับคอสตูมขอเทคะแนนไปเสื้อผ้ามากกว่าละกัน
.
บาดแผลจากความรักเป็นปมประเด็นหลักของหนังเรื่องนี้ จึงทำให้ Ice Queen สั่งพรานของตนห้ามมีความรักให้มีแต่ความจงรักภักดีต่อตนเท่านั้น แต่ก็แอบงงนิดหน่อยว่าความจงรักภักดีมันไม่ใช่ความรักงั้นหรือ? ได้แต่เก็บเป็นคำถามที่สงสัยในความย้อนแยงในส่วนนี้ลึกๆ เท่านั้น
.
ทั้งนี้แอบเสียดายนักแสดงในเรื่องที่ไม่ค่อยได้โชว์ความสามารถทางการแสดงสักเท่าไหร่ โดยรวมหากไม่คาดหวังมากจากตัวอย่างก็พอดูได้เพลินๆ อยู่ แต่ถ้าใครหวังจะดูจริตราชินีร่ายมนต์ซัดกันมันส์แล้วละก็ อาจจะต้องผิดหวัง The Huntsman: Winter’s War พรานป่าและราชินีน้ำแข็ง วันนี้ในโรงภาพยนตร์
https://goo.gl/cnCKrN