ได้มีโอกาสไปดูหนังเรื่องนี้มาเมื่อวาน (วันจักรี) ความรู้สึกตอนดูจบ ก็รู้สึกว่าก็โอเคงั้นๆ น่ะ ไม่ได้โดนใจอะไรมากมาย
แต่พอวันนี้รู้ข่าวว่าได้ 50 ล้าน!! ในวันแรกที่ฉาย ก็มานึกย้อนกลับไป ว่าทำไมนะ มันถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้
ผมบอกตรงๆในความเห็นส่วนตัวว่า "หนังเรื่องนี้รายได้ควรอยู่ประมาณที่ 30-50 ล้าน" (นี่บอกแบบเว่อร์สุดๆ ที่จะเป็นไปได้)
และเป็นรายได้ตลอดที่ฉายในโรง ไม่ใช่แค่ 1-2 วัน
ก็เพราะว่าตัวหนังมันไม่ได้สนุกที่จะไปเฉียดร้อยล้านได้
จัดว่าเป็นหนังระดับเดียวกับหนังไทยตลาดทั่วไป "พระ ผี ตลก ความเชื่อ เพศ" ซึ่งเข้าถึงคนระดับกลางถึงล่างได้ง่าย
ดูแล้วก็เหมือนหนังไทยทั่วไป แล้ว 50 ล้านนี้ ท่านได้แต่ใดมา??? (เรียงลำดับจากเหตุผลสำคัญที่สุด ถัดลงไปเรื่อยๆ)
1.แจ๊ส เท่านั้น...ชั่วโมงนี้ ถ้าพูดถึงดาราตลกที่มีงานเยอะ และแน่นที่สุดคนนึงของเมืองไทยคือ แจ๊ส นี่แหละ
จึงไม่แปลกที่คนจะอยากดูเขา ทำเพลงก็ดัง เล่นตลกก็ฮา ซึ่งเป็นการฮาในแบบ "ตลกธรรมชาติ" ไม่ใช่ล็อกเหมือนเมื่อก่อน
มองย้อนกลับไปช่วง 5 ปีที่ผ่านมา "ตุ๊กกี้ ชิงร้อย" เคยสร้างปรากฏการณ์คล้ายๆแบบนี้ไว้แล้ว
ดังจนมีหนังของตัวเอง กวาดรายได้มากมาย แต่อะไรที่มาแรง ก็มักจะไปเร็ว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับแจ๊สก็ได้
2.ตัวอย่างสร้างความหวัง...ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ทำตัวอย่างได้ดี ทำให้อยากเข้าไปดูเลยล่ะ
อยากฮาไปกับมุขต่างๆ ที่คงจะมีตลอดเรื่อง (มุขเยอะจริง แต่จะขำหรือไม่ขำก็แล้วแต่คนนะ)
3.ไทยนี้รักสนุก... ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่อยากดูหนังที่ "บันเทิง" ยิ่งเฉพาะสายตลก
เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเครียดจากการงาน การเงิน การเรียน การเมือง สังคม ที่ผ่านมาทางโซเชียล
ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนไม่เครียดนะ แต่คงไม่ทุกเรื่องใช่มั้ย ... เดี๋ยวนี้
เครียดทุกเรื่องเลย (รับรู้ทุกเรื่องง่ายขึ้น)
เลยรู้สึกว่าอยากหาอะไรบันเทิงๆ เสพบ้าง (ปกติหนังไทยที่ขายได้ดีก็เป็นหนังตลกอยู่แล้ว) ทำให้ความอยากดูเรื่องนี้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
4.เพราะมันเป็นวันหยุด...วันหยุดไม่ได้แปลว่าหนังจะขายได้ดี แต่ดันเป็นวันหยุดที่หนังเข้าวันแรก (ซึ่งมี Huntsman อีกเรื่อง)
การตัดสินใจดูแบบ 50:50 จึงออกมาที่ "ดูเรื่องนี้แล้วกัน" ... ทำไมต้องเรื่องนี้ล่ะ???
5.เพราะโรงมันเยอะไง...เป็นหนังไทยที่โรงเยอะมากนะ เยอะกว่า Huntsman ด้วย (จึงไม่แปลกที่จะเกิดเหตุผลข้อ 4)
แล้วเรื่องอื่นก็มี ทำไมไม่ดู??? ... "ก็กูดูแล้วง่ะ" BVS ก็เข้าไปก่อนหน้าตั้ง 2 วีคแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็กระแสแผ่วแล้ว
เอ่ออออ...แล้วทำไมมันได้โรงเยอะล่ะ???
6.เพราะเป็นหนังของเมเจอร์ไง ... เค้าร่วมลงทุนด้วย มันก็ย่อมได้โรงเยอะกว่าชาวบ้านเค้า (ถ้าโรง SF ไม่เป็นอย่างนี้หรอก)
แต่ก็อย่างว่าแหละ เมเจอร์มีเยอะกว่า
7.200 ไม่ใช่ 100 นะจ๊ะ...เมื่อวานเป็นวันที่คนเยอะมากหน้าโรง เพราะคิดว่า "วันพุธ ดูหนังถูก" แต่เปล่าจ้าา
คิดราคาวันหยุดนักขัตฤกษ์ซึ่งเท่ากับวันอาทิตย์และแพงกว่าวันธรรมดาเสียอีกนะ (วันธรรมดาจะอยู่ที่ 160)
แต่มาถึงโรงแล้ว ไม่ได้วางแผนจะไปทำอย่างอื่นด้วย ... เอ้าๆๆ ดูก็ดู
ใครมีบัตรสมาชิก มีโปรฯ ก็ลดไปได้นิดหน่อย แต่ใครไม่มีก็หนักอยู่ บางที่โดนไป 220
8.ไม่ดูคนเดียวอยู่แล้ว...สืบเนื่องจากข้อเมื่อกี้ "ค่าตั๋วแพง (กว่าวันธรรมดา)" ยังไม่พอ
ส่วนใหญ่มีใครมั่งไปดูคนเดียวฮะ...รอบที่ผมดูมีตั้งแต่ มาเป็นคู่ (2) มาเป็นทีม (3-4) มาเป็นครอบครัว (5) ไปจนถึงมาเป็นแก๊งค์ (7-8)
คูณค่าตั๋วเข้าไปสิ...โอ่ววว แค่รอบเดียวก็หลายแสนล่ะ
พอนั่งวิเคราะห์ทั้งหมดที่ว่ามา ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ฟลุ้คนะครับ ทุกอย่างมันลงตัวจริงๆ
ถ้าเจ้าของหนังเป็นคนคิดแผนนี้มาแล้ว ก็ถือว่าพวกคุณเก่งมาก อ่านเกมขาด
แต่...
ในแง่ของ "ตัวหนังจริงๆ" มันไม่ควรไปไกลกว่านี้หรอกนะ...ก็หนังมันไม่ได้สนุกขนาดนั้น
ที่พูดเพราะหลังจากนี้ คนจะแห่กันเข้าไปดู เพราะเห็นว่า
"หูยยย...50 ล้าน แสดงว่ามันต้องสนุกแน่เลย" ดึงสติสักนิด
แต่ถ้าอ่านจบแล้ว ยังรู้สึกว่าไม่เชื่อ หรือ ไม่ได้คิดอะไรเยอะกับการดูหนังอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้น ไม่มีปัญหาครับ คุณได้ตามนั้น
แต่เมื่อไร ที่จะดูเพราะคิดว่ามันสนุก เพราะคนอื่นเค้าดูเยอะ...ผมว่าไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องนัก
แล้วจะมาบ่นทีหลังว่า "เสียดายตัง"
By เป็นต่อ ศิษย์อาหลง
อ่านก่อนไปดู "หลวงพี่แจ๊ส 4G"...50 ล้านนี้ ท่านได้แต่ใดมา??
แต่พอวันนี้รู้ข่าวว่าได้ 50 ล้าน!! ในวันแรกที่ฉาย ก็มานึกย้อนกลับไป ว่าทำไมนะ มันถึงเกิดเหตุการณ์นี้ได้
ผมบอกตรงๆในความเห็นส่วนตัวว่า "หนังเรื่องนี้รายได้ควรอยู่ประมาณที่ 30-50 ล้าน" (นี่บอกแบบเว่อร์สุดๆ ที่จะเป็นไปได้)
และเป็นรายได้ตลอดที่ฉายในโรง ไม่ใช่แค่ 1-2 วัน ก็เพราะว่าตัวหนังมันไม่ได้สนุกที่จะไปเฉียดร้อยล้านได้
จัดว่าเป็นหนังระดับเดียวกับหนังไทยตลาดทั่วไป "พระ ผี ตลก ความเชื่อ เพศ" ซึ่งเข้าถึงคนระดับกลางถึงล่างได้ง่าย
ดูแล้วก็เหมือนหนังไทยทั่วไป แล้ว 50 ล้านนี้ ท่านได้แต่ใดมา??? (เรียงลำดับจากเหตุผลสำคัญที่สุด ถัดลงไปเรื่อยๆ)
1.แจ๊ส เท่านั้น...ชั่วโมงนี้ ถ้าพูดถึงดาราตลกที่มีงานเยอะ และแน่นที่สุดคนนึงของเมืองไทยคือ แจ๊ส นี่แหละ
จึงไม่แปลกที่คนจะอยากดูเขา ทำเพลงก็ดัง เล่นตลกก็ฮา ซึ่งเป็นการฮาในแบบ "ตลกธรรมชาติ" ไม่ใช่ล็อกเหมือนเมื่อก่อน
มองย้อนกลับไปช่วง 5 ปีที่ผ่านมา "ตุ๊กกี้ ชิงร้อย" เคยสร้างปรากฏการณ์คล้ายๆแบบนี้ไว้แล้ว
ดังจนมีหนังของตัวเอง กวาดรายได้มากมาย แต่อะไรที่มาแรง ก็มักจะไปเร็ว ซึ่งอาจจะเกิดขึ้นกับแจ๊สก็ได้
2.ตัวอย่างสร้างความหวัง...ยอมรับว่าหนังเรื่องนี้ทำตัวอย่างได้ดี ทำให้อยากเข้าไปดูเลยล่ะ
อยากฮาไปกับมุขต่างๆ ที่คงจะมีตลอดเรื่อง (มุขเยอะจริง แต่จะขำหรือไม่ขำก็แล้วแต่คนนะ)
3.ไทยนี้รักสนุก... ปฏิเสธไม่ได้ว่า ทุกวันนี้คนไทยส่วนใหญ่อยากดูหนังที่ "บันเทิง" ยิ่งเฉพาะสายตลก
เพราะเป็นผลสืบเนื่องมาจากความเครียดจากการงาน การเงิน การเรียน การเมือง สังคม ที่ผ่านมาทางโซเชียล
ซึ่งไม่ใช่ว่าเมื่อก่อนไม่เครียดนะ แต่คงไม่ทุกเรื่องใช่มั้ย ... เดี๋ยวนี้เครียดทุกเรื่องเลย (รับรู้ทุกเรื่องง่ายขึ้น)
เลยรู้สึกว่าอยากหาอะไรบันเทิงๆ เสพบ้าง (ปกติหนังไทยที่ขายได้ดีก็เป็นหนังตลกอยู่แล้ว) ทำให้ความอยากดูเรื่องนี้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
4.เพราะมันเป็นวันหยุด...วันหยุดไม่ได้แปลว่าหนังจะขายได้ดี แต่ดันเป็นวันหยุดที่หนังเข้าวันแรก (ซึ่งมี Huntsman อีกเรื่อง)
การตัดสินใจดูแบบ 50:50 จึงออกมาที่ "ดูเรื่องนี้แล้วกัน" ... ทำไมต้องเรื่องนี้ล่ะ???
5.เพราะโรงมันเยอะไง...เป็นหนังไทยที่โรงเยอะมากนะ เยอะกว่า Huntsman ด้วย (จึงไม่แปลกที่จะเกิดเหตุผลข้อ 4)
แล้วเรื่องอื่นก็มี ทำไมไม่ดู??? ... "ก็กูดูแล้วง่ะ" BVS ก็เข้าไปก่อนหน้าตั้ง 2 วีคแล้ว เรื่องอื่นๆ ก็กระแสแผ่วแล้ว
เอ่ออออ...แล้วทำไมมันได้โรงเยอะล่ะ???
6.เพราะเป็นหนังของเมเจอร์ไง ... เค้าร่วมลงทุนด้วย มันก็ย่อมได้โรงเยอะกว่าชาวบ้านเค้า (ถ้าโรง SF ไม่เป็นอย่างนี้หรอก)
แต่ก็อย่างว่าแหละ เมเจอร์มีเยอะกว่า
7.200 ไม่ใช่ 100 นะจ๊ะ...เมื่อวานเป็นวันที่คนเยอะมากหน้าโรง เพราะคิดว่า "วันพุธ ดูหนังถูก" แต่เปล่าจ้าา
คิดราคาวันหยุดนักขัตฤกษ์ซึ่งเท่ากับวันอาทิตย์และแพงกว่าวันธรรมดาเสียอีกนะ (วันธรรมดาจะอยู่ที่ 160)
แต่มาถึงโรงแล้ว ไม่ได้วางแผนจะไปทำอย่างอื่นด้วย ... เอ้าๆๆ ดูก็ดู
ใครมีบัตรสมาชิก มีโปรฯ ก็ลดไปได้นิดหน่อย แต่ใครไม่มีก็หนักอยู่ บางที่โดนไป 220
8.ไม่ดูคนเดียวอยู่แล้ว...สืบเนื่องจากข้อเมื่อกี้ "ค่าตั๋วแพง (กว่าวันธรรมดา)" ยังไม่พอ
ส่วนใหญ่มีใครมั่งไปดูคนเดียวฮะ...รอบที่ผมดูมีตั้งแต่ มาเป็นคู่ (2) มาเป็นทีม (3-4) มาเป็นครอบครัว (5) ไปจนถึงมาเป็นแก๊งค์ (7-8)
คูณค่าตั๋วเข้าไปสิ...โอ่ววว แค่รอบเดียวก็หลายแสนล่ะ
พอนั่งวิเคราะห์ทั้งหมดที่ว่ามา ก็รู้สึกว่ามันไม่ได้ฟลุ้คนะครับ ทุกอย่างมันลงตัวจริงๆ
ถ้าเจ้าของหนังเป็นคนคิดแผนนี้มาแล้ว ก็ถือว่าพวกคุณเก่งมาก อ่านเกมขาด
แต่...
ในแง่ของ "ตัวหนังจริงๆ" มันไม่ควรไปไกลกว่านี้หรอกนะ...ก็หนังมันไม่ได้สนุกขนาดนั้น
ที่พูดเพราะหลังจากนี้ คนจะแห่กันเข้าไปดู เพราะเห็นว่า
"หูยยย...50 ล้าน แสดงว่ามันต้องสนุกแน่เลย" ดึงสติสักนิด
แต่ถ้าอ่านจบแล้ว ยังรู้สึกว่าไม่เชื่อ หรือ ไม่ได้คิดอะไรเยอะกับการดูหนังอยู่แล้ว
ถ้าอย่างนั้น ไม่มีปัญหาครับ คุณได้ตามนั้น
แต่เมื่อไร ที่จะดูเพราะคิดว่ามันสนุก เพราะคนอื่นเค้าดูเยอะ...ผมว่าไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องนัก
แล้วจะมาบ่นทีหลังว่า "เสียดายตัง"
By เป็นต่อ ศิษย์อาหลง