ถึงคำถามจะเหมือนเดิม  แต่ก็ยังยินดีจะตอบแบบเดิมๆ   ไปยาวๆๆ จนคนเผลอเปิดมาสไลด์ผ่านจนเมื่อยมือ 😆😆😆😆😆


ถ้าวงนั้นคือ ดงบัง เพลงดงบังอะแคปเปล่าไม่เคยเก่าอ้ะค่ะ เพราะไม่ได้ยึดติดกับเทรนด์  เปิดตอนไหน  ให้คนนอกฟังเค้าก็ฟังได้   ไม่ต้องมานั่งลุ้นว่าเอสเอ็มจะเอาเพลงแปลก ซาวด์แผลงๆ มาแค่ไหนเสียง 5 คนก็เอาอยู่  เนื้อเสียงมันกลบได้ส่วนนึง จะยืนเฉยๆ ทั้งเพลง แล้วไม่ต้องฝึกในการแสดงอารมณ์  จิกตาก็ได้ เพราะที่คอ เส้นเอ็นปูด หน้า เน้อ ไปหมด ไม่หล่อด้วยนะ 55555

เคยฟังเพลงสมัยก่อนมั้ยค่ะ เคยรู้สึกว่าเพลงสมัยก่อนทั้งเนื้อหาและทำนองมันดูละเมียดละไม และลึกซึ้งกว่าบ้างมั้ย สมัยนั้นตัวช่วย ซาวด์ไม่เยอะ ก็ต้องพึ่งเสียงของนักร้องเป็นหลักนั่นแหละ  อย่างที่เคยบอกว่าดงบังไม่มีเพลงฮิตที่ทำให้ทุกคนรู้จักไปทั่วเหมือนอย่างวงอื่น ไปเกาหลี, เอเชียก็ดังเพลงนึง  เพลงญี่ปุ่นก็ดังอีกเพลงหนึ่ง  


เรา ไม่คิดว่า sm จะทำวงแบบดงบังด้วยเพราะใช้ทรัพยากรมนุษย์ สิ้นเปลือง

การลงทุนแบบนี้ไม่ใช่ว่าค่ายคิดจะทุ่มเงิน ทุ่มการตลาดอย่างเดียว แล้วจะเป็นไปได้อย่างที่ตั้งใจ  และตัวระบบวงมันก็มีข้อเสียอยู่ในการรับงานเดี่ยว และช้าในการขยายตลาดกว้างๆ  แบบดงบังเหมาะจะเจาะแบบ in  dept มากกว่า  ซึ่งยุคปัจจุบันที่เน้นเร็วและเครือข่ายเน้นความกว้าง ไม่ตอบโจทย์   เดี๋ยวนี้เดแป๊ปเดียวจับส่งออกทัวร์หาตังค์กับแฟนคลับเคป็อปทั่วโลกแล้ว


  1  ประเด็นแรก   50% ขึ้นอยู่กับตัวเด็ก พื้นฐานความทะเยอทะยาน อดทนมากด้วย  ดงบังห้าคนมีตรงนี้เยอะเป็นพิเศษ  อาจเพราะมีแรงกดดันมากตั้งแต่เดบิว
คนคาดหวังเยอะ ทั้งรุ่นพี่ รุ่นน้องและค่ายเอง  ไม่ต้องออกเรียลลิตี้โชว์ แต่ลงสนามแข่งของจริง โหดจริง  ทั้งยังไม่นับระยะเวลาฝึกมา 6-7 ปีที่คงหนักไม่แพ้กัน แต่แปลกนะ ดงบังกลับไม่ค่อยแสดงอารมณ์เยอะ  เซอร์วิซแฟนเพลงก็นานๆ ที อะไรที่วงอื่นได้โมเม้นต์ง่ายๆ แต่แคสก็ไม่เคยได้

  ประเด็นที่ 2   คือ พื้นฐานทางครอบครัวไม่ได้ร่ำรวยเท่าวงอื่น  รวยสุดคือจุนซูที่ตอนนั้นพ่อเปิดร้านพิซซ่า และสนับสนุนอาชีพไอดอล

ถ้าเทียบกับ โซชี เอสเจ ชายนี่  exo nct f(x)  rvv
หลังดงบังชนฝานะกว่าจะมีวันนี้
ถ้าไม่เก่ง  ไม่ดัง  กลับไปก็ไม่มีอะไรเลย  ชื่อเสียงไม่ได้ เงินไม่มี  ครอบครัวก็ไม่ซัพพอร์ท

สมัยนั้น หลายคนมี ซาวดเบ้าท์ไว้ใช้ซ้อม ยุนโฮอยากมีมั่ง แต่อาจจะเพราะแพงหรืออะไร ฮีแบกมาทั้งวิทยุกับลำโพงมาสู้เลย   ว่าแบบนี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน  เคยเล่าออกรายการอยู่ แต่ไม่ได้หมายความว่า คนรวยจะไม่พยายามนะ  เพียงแต่คนฐานะไม่ดี  จะมีแรงผลักดัน  ที่มากกว่าคนฐานะดี  จากการวิจัยของทั่วโลก ซึ่งมีการเก็บเป็นสถิติชัดเจน


ขออวยดังๆ  ว่าภูมิใจมากค่ะ จากวงที่เรียกได้ว่ามีเมมเบอร์ที่มีฐานะรวมๆ น้อยที่สุดในค่าย   แต่สามารถทำรายได้สูงสุดในค่ายจากปีที่เดบิว - ปัจจุบัน  ด้วยจำนวนสมาชิกที่น้อยสุด   (หลงมาอ่านแล้วอย่าเพิ่งกลอกตาบนนะคะ อิอิ )

แม้จะมีข้อทักท้วงว่า    ดงบังอยู่ในจุดที่เหมือนจะขึ้นมาง่ายที่เกาหลี เอเชีย  ตามประสาวงเคป็อปทั่วไป ซึ่งไม่แปลกถ้าการตลาดดีๆ  ระดับ sm เชื่อว่าจัดให้ได้ และจัดมาได้ทุกรุ่นจริงๆ  คือ เราไม่อะไรกับความดังของดงบังที่เกาหลีหรือเอเชียเท่าไหร่   แต่นั่นล่ะถ้าออ ไม่จัดแบบพรีเมี่ยมมากจะดังเป็นพลุขนาดนี้เหรอ  
ดงบังอยู่ถูกที่ ถูกเวลาที่เกาหลี แต่ไม่ใช่ถูกที่ ถูกเวลาที่ญี่ปุ่นแน่ๆ ถึงใช้เวลาสิบกว่าซิงเกิ้ล สามสี่อัลบั้มถึงจะดังจริงๆ

แต่ที่ญี่ปุ่น  ทั้งค่ายและดงบังเริ่มจากศูนย์  ค่ายที่เก่งอย่าง sm avex 2 ค่ายยักษ์ใหญ่ใช้การตลาดทุกวิธีเพื่อให้ดงบังดัง
ล้มเหลวมาตลอด ขายแผ่นได้น้อยมาก  ใช้ทริคโอริกอนวางวันที่เบอร์ใหญ่ไม่วาง  ลงตลาดในส่วนย่อย พูดญีปุ่นได้คล่อง   ในส่วนค่ายได้ทำทุกอย่างจนจะถอดใจแล้ว ทั้งที่ดงบังคือเบอร์หนึ่งของเอเชีย และเกาหลีในช่วงนั้น แต่คงจะอยู่ไม่ถูกสถานที่ล่ะมั้ง

ช่วงนั้นก็มีหลายวงค่ายเล็ก ใหญ่ส่งมาทำตลาดเรื่อยๆ  ไม่ได้มีดงบังวงเดียวที่จะไปขุดทองที่ญี่ปุ่น ต่อจะให้มีแค่วงเดียวก็ไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร ในเมื่อเค้ามีเจ้าถิ่นที่แข็งแกร่งอย่าง จอห์นนี่ จิมุโชะอยู่แล้วซึ่งเน้นผลิตไอดอลชายล้วนอยู่แล้ว

แต่ดงบัง    ยังร้องต่อไป เทคนิคการร้อง เต้นดีขึ้นเรื่อยๆ (แหงม กลับไปตอนนี้เกาหลีก็มีวงหน้าใหม่มากมาย อย่าง big bang ดังมากกช่วงนั้น)

   จนสุดท้าย สิ่งที่ทำให้ดงบังดังจริงๆ  คือ เสียงจากเพลง  summer dream , doshite   และความอดทนอย่างหนัก + กลยุทธ์การตลาดที่ค่อยๆ ทำมายาวนาน ที่ทำให้ประสบความสำเร็จและกินยาวถึงวันเข้ากรม  

ถ้าให้เทียบกับวงที่ดังมากหลังจากช่วงนั้นสายเคป็อปอย่างคาร่าในช่วงเคป็อปบูมก็ถือว่าอยู่ถูกที่ถูกเวลา ถูกจังหวะ ถูกโอกาส  เพลงดังมาก แต่จนถึงวันนี้กระแส ก็ไม่ได้เป็นแบบตอนนั้นที่ฟีเวอร์มาก  

  แต่ในส่วนที่พีคมากไปกว่าคือ หลังจากฟ้องร้องนี่ล่ะ ที่ทำให้รู้ว่า ดงบังเป็นอะไรที่พัฒนาได้มากไปกว่าที่  sm ตั้งใจ  จะ jyj  ที่หลายคนเห็นผ่านละครเวที โปรดิวเซอร์ แสดงละคร

  หรือจะโฮมินที่ไม่ใช่ในแง่ทำยอดขายที่มากสุด ที่ใช้คนแค่สองคน จากยอดล่าสุดครึ่งปีของปี 2015 เพราะต้องเข้ากรม

ความสามารถก็เพิ่มอย่างก้าวกระโดดเช่นกันไม่ว่าจะร้องหรือเต้น

เราให้เครดิตคนบุกเบิกมากกว่าผู้สืบทอดเสมอค่ะอย่างที่ค่ายนี้ทำแต่สิ่งใหม่เป็นค่ายแรก   และวงที่มีลักษณะบุกเบิกก็มีความต่างกับวงยุคหลัง อย่างที่บอกว่าถ้าไม่ทำอะไรพิเศษมากจริงๆ ค่ายไม่เอาคนเก่งหน้าตาดี 5 คนมารวมกันเพื่อแค่ทำงานเพลงหรอก     แฟนเพลงวงรุ่นหลังอาจจะบอกว่าวงตัวเองเกิดช้าไปเลยไม่มีโอกาสบุกเบิก  ถึงเก่งแต่ทนแบบที่เอสเอ็มใช้งานแบบฮาร์ดคอร์ช่วงนั้นได้รึเปล่า อะไรที่รุ่นน้องเคยทำ ดงบังทำมาหมด  ออกเพลงภาษาจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ภาษาอังกฤษก็ร้อง ไมล์บินสะสมของดงบังสูงสุดในค่ายด้วยซ้ำตั้งแต่อายุชางมิน 15 จนจะ 30  ไป กลับแบบนกเลย
  เวลาใครพูดแบบนี้ทีไร เรางี้อยากให้ดงบังมาเกิดในวงยุคนี้ ใช้การตลาดที่เอสเอ็มพัฒนามาใหม่ แล้วให้วงที่เกิดในยุคนี้ไปเกิดช่วงปี 2004 แทนดงบังสุดๆๆๆ  แล้วให้บอกมาว่าวงเกาหลีวงไหนสามารถมารับหน้าที่ตีตลาดญี่ปุ่นแทน  แบบสมมุติก็ได้อ้ะ

Sm พัฒนาวิเคราะห์จุดดี  จุดแข็ง จุดอ่อน สไตล์สมาชิกที่จะประสบความสำเร็จ โดยใช้ต้นแบบของวงที่ดังทุกวง  

แต่ตอนดงบัง ตัวอย่าง  ประสบการณ์ค่ายสำหรับตีตลาดต่างประเทศก็ยังน้อย แล้วหนูทดลองตัวแรกที่ดังที่สุดคือใคร
ถ้าหนูทดลองตัวแรกมันไม่ทน ปรับตัวภายใต้สภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนตลอดเวลา  ระบบเปิด  
คนทดลองก็คงวิจัย อะไรออกมาเพื่อเป็นแนวทางให้หนูรุ่นหลังไม่ได้มากหรอกค่ะ    เอสเจก็ถือว่าเป็นหนูรุ่นบุกเบิกนะ ในแง่วาไรตี้ การทำวงที่เน้นความหลากหลายของเมมเบอร์  เยินมากนะ สองวงนี้ แต่แค่คนละด้าน

7 ปีในฐานะ ดงบัง 5 คน sm ได้อะไรจากดงบังไปเยอะ  ที่มากกว่าตัวเงิน และ ดงบัง 5 คนก็ได้ไปจาก sm  เช่นกัน  อย่างน้อยคือประสบการณ์ชีวิต มุมมองความคิดตั้งแต่วันที่โด่งดังสุดๆ ในตอน 5 คนจนถึงวันที่แยกวงและเดินต่อคนละทาง  

  หนูกลุ่มนี้เราเชื่อว่า  sm ใช้เป็นมาตรฐานความสำเร็จส่วนนึงของค่าย แม้ไม่ใช่ทั้งหมด แต่น่าจะเป็นหนูตัวสำคัญมากทีเดียว  

ในเรื่องปรับตัวตามเทรนด์   sm ทำดีมาตลอดตั้งแต่สมัยโซชี - nct แล้ว     แค่ต่างกันตรงเจาะสเกลเล็ก สเกลใหญ่  

แต่ถ้าสเกลใหญ่ sm จะใช้เมมเบอร์ที่มีจำนวนมากกับคาแรคเตอร์หลากหลายเข้าสู้   เช่น  sj snsd exo  nct

แต่มีดงบังวงเดียวที่จำนวนเมมเบอร์น้อยแบบ  shinee f(x)  rvv  แต่เล่นสเกลใหญ่  

ประเด็นที่สาม    ถ้าค่ายไหนหรือตัว sm เองอยากทำก็ลองไปคิดดูว่าคุ้มมั้ยกับการที่ต้องหาเมนโวคอล ห้าคน ตัวติดกันไปไหนไปกัน  งานนอกรับน้อย ทำแต่งานวง   วันๆ วนเวียนกับบ้าน สนามบิน ที่ซ้อม  
ฮารโมนี่แบบนี้มันต้องซ้อมหนักนะ   ไม่ใช่ขึ้นเวทีปุ๊ปร้องได้ทันที   แล้วแต่ละคนก็มีความสามารถที่ทำอย่างอื่นได้  
All for one  เพื่อชื่อแบรนด์  tvxq  อย่างแท้จริง และสม่ำเสมอจนถึงวันแยกวง  ลองนึกว่าตัวเองเป็นยูชอนแล้ว น้อยใจ คนไม่รู้จักว่าอยู่ดงบัง  พอเล่นหนังคนทั่วไป ถึงรู้  นี่คือตัวท็อปที่เล่นละครได้หลายบทบาท   ทั้งที่ตัววงดงบังดังมากๆๆๆ ซะงั้น มีแต่แฟนเคป็อปเท่านั้นล่ะที่จำเมมเบอร์ได้หมด
คนทั่วไปจำได้คือชื่อวงกับบางสมาชิก



เราไม่ค่อยแปลกใจนะ ที่คุณคิมยองมิน จะไม่อยากปั้นวงแนวนี้แบบคุณลีซูมานอีก    เพราะถ้าจะปั้นวงลักษณะนี้ เปลือง ถ้าแตกที พังทั้งวง เพราะจุดเด่นที่สุดคือประสานเสียง จะกลายเป็นจุดอ่อนที่สุดทันที โดยเฉพาะคนที่ติดภาพ 5 คน  ลักษณะวงคือดังได้นะ เก็บของดีมารวมกัน แต่ความยืดหยุ่นในการทำงานด้านอื่นน้อยมาก    

  เสี่ยงเยอะได้มาก  ลองเสี่ยงลดลง แต่ได้ผลลัพธ์ที่ไม่เท่าแต่ก็ยังมากอยู่ไม่ดีกว่าเหรอ ถ้ามองจากสายตาของนักธุรกิจ ไม่ใช่โปรดิวเซอร์    


ไม่รู้ว่าเราคิดไปเองปะนะ ว่ากระทู้นี้ นอกจากคิดถึงแล้ว  อาจมีส่วนจากกระแส nct  ช่วงนี้ที่หลายต่อหลายคนบอกว่า เป็นวงที่มีความคล้ายกับดงบัง ในแง่เพิร์ฟที่มีออร่าโดดเด่นแม้จะเป็นสเตจแรก โดยส่วนตัว ไม่ค่อยชอบเปรียบเทียบชัดๆ นะ แต่คิดว่าในอนาคตก็ต้องมีถามระหว่างดงบังกับ nct นี่แหละ เลยยกมาก่อน

    nct  ได้ชื่อว่าเป็นเด็กฝึกที่เก่งสุดของ sm ตอนนี้เดบิวแล้ว  นี่เป็นวงที่คล้ายดงบังหลายส่วนในแง่สมาชิกนะ   ขนาดหน้าตาบางคนยังเหมือนกันจนน่าตกใจ
ออกตัวก่อนว่าวงนี้ทำให้กลับมาสนใจอีกครั้งหลังจากดงบังเดบิวมาแล้ว 12 ปี    (บอกอายุการติ่งที่ยาวนาน 5555) แต่เราว่าพอมองลงดีเทล   แต่ละคนเก่งและดึงดูดแฟนคลับด้วยเสน่ห์และความสามารถของตัวเองมากกว่า  ไม่มีใครอยากเป็นเงาของใครหรอกค่ะ

แต่ดูสิ sm ใช้สมาชิกแบบนี้กระจายตัวไปหลายยูนิต ภูมิภาค โดยยึดแบรนด์ NCT   แต่เมนหลักอาจจะใช้ 6 คน  ที่อาจมีสมาชิกรวมโยกไปมาถึง 40 คน  ไม่ได้กระจุกแค่วงเดียว  กับเปลี่ยนจากฟังค์ชั่น อะแคปเปล่า  เป็นแร็ป ฮิปฮอปแทน เพื่อตอบสนองการทำตลาดที่รวดเร็วและยุคสมัยที่เปลี่ยนไป
และ Social network  ผ่านแอปในรูปแบบต่างๆ

  จะบอกว่าเอสเอ็มเพิ่งมาเห็นปัญหาของ Exo แล้วถึงคิดแผนแยกกันเราอยู่ รวมหมู่เราตาย จนออกมาเป็นยูนิตย่อยๆ เข้าออกไม่จำกัด  นี่ไม่ใช่แน่ๆ  
มันมีตั้งแต่สมัยดงบังหรืออาจจะย้อนไปตั้งแต่ H.O.T. ตัวระบบแบบนี้มันมีปัญหาโดยตัวเอง และขัดกับการพัฒนาความสามารถของเด็ก รวมถึงยุคหลังค่ายเน้นการโชว์ของในค่ายของแต่ละคน ไม่ใช่แต่ละวง  เออ ออ ก็ได้เงินเยอะกว่าเดิมด้วยนะ แบบนี้ 555555


อีกอย่างคือ สมัยนี้  sm เตรียมทุกอย่างพร้อมเกินไป  ปั้นแบบระบบปิด ได้เจอแฟนคลับก่อนก็จริง  แต่แฟนคลับก็คือคนใน แล้วแฟนคลับสไตล์เอสเอ็มก็นะ รู้กันอยู่ 555
สะสมกระแสก่อนเดบิว 2 ปีเต็ม  ด้วยกำลังเงิน เพลงที่ฮิตมาแล้วของรุ่นพี่  เพิ่มออฟชั่นสกิลวาไรตี้ที่เราว่าวงนี้ใช้ได้ทีเดียว

  คอนเนคชั่น  nct นี่ถือว่าพร้อมมากนะ  คอนเนคชั่นที่  sm ไปเซ็นตอนนี้แข็งมากที่จีน  แล้วตลาดจีนก็เปิดรับไอดอล ดาราเกาหลีพอสมควร

  อีกอย่าง sj   exo ก็ได้ปูทางไว้บ้างแล้ว  ในฐานะบอยแบนด์   ซึ่งสเกลใหญ่แบบที่ออ คาดหวังความสำเร็จไว้สูงลิบในปัจจุบัน  คือ exo , nct  ที่คนหวีดกระแสค่อนข้างแรงคือ nct ที่มีกระทู้ผุดขึ้นรายวัน   ในแง่การตลาดหรือความสามารถ  และมั่นใจมากว่า  nct ต้องไปได้ไกลเช่นกัน

แต่นั่นล่ะจากเหตุผลที่ยกมา   รุ่นหลังจะไม่เจอสิ่งนั้นเต็มๆ เท่าไหร่  นี่คือสิ่งที่ต่างสุด  เราเชื่อว่าหาเด็กเก่งมากๆ น่ะได้ แต่จะทนยอม sm ขนาดนั้นได้ยังไง  เออ สมัยก่อนมันไม่มีทางเลือกมากนี่นะ   ค่ายไม่สร้างทางเดินดีๆ เด็กมันก็ต้องช่วยตัวเองเยอะเพื่อจะได้ถึงเป้าหมายพร้อมกัน

ปล  ทู้อวย  ตอบของวงอื่นยังไงก็ไม่เท่าเมนบนหิ้งวงตัวเองหรอก   มาหมดน่ะ ไบแอสมาเต็ม 55555

Nct ที่เพิ่งเริ่มชอบหรือต่อจะให้ชอบมาก ในอนาคตก็ไม่มีทางผูกพันเท่าดงบังอยู่ดี  เพราะ sm ในวันที่วงอื่นเดบิวกับวันที่ดงบังเดบิวแตกต่างกันมากเกินไป    อดีตไม่ใช่ตัวกำหนดปัจจุบันแบบ 100 % แต่อดีตจะเป็นฐานหรือแรงซัพพอร์ตที่มั่นคงได้ในปัจจุบันหรือเลยไปถึงอนาคต เหมือนอย่างที่เอสเอ็มมีดงบังเป็นส่วนนึงของฐานมาตลอด