[CR] [ประสบการณ์จริง] เรื่องเล่าจากไบโพล่าร์ หรือ โรคอารมณ์สองขั้ว



หลายๆคนอาจเคยเป็น เคยสัมผัส หรืออาจจะไม่รู้ตัวว่ามันคืออะไร  หากเพื่อนๆเคยทราบอยู่แล้วข้ามลงไปอ่านเรื่องราวจริงที่เกิดขึ้นกับเราได้เลย

ขอแนะนำตัวก่อนนะคะ เราชื่อว่าลี่ชิง นะ เคยรีวิวกระทู้ไปเที่ยวฮาร์บิ้น ที่ http://ppantip.com/topic/34710934  นั้นหละค่ะ ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

เรามีเพจด้วยนะคะ หากต้องการพูดคุยกันทักทายกัน ก็ยินดีต้อนรับเพื่อนๆนะ รวมถึงปรึกษาถึงอาการไบโพล่าร์ กันได้จ้า
https://www.facebook.com/liqingdiary

เราคิดนานมากว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม เพราะค่อนข้างเป็นเรื่องที่ส่วนตัวและมีเนื้อหาที่น่ากลัว แต่ก็คิดว่าหากเรื่องราวของเราสามารถช่วยเหลือเพื่อนๆที่มีอาการแบบเดียวกับเรา หรือช่วยให้เป็นข้อสังเกตได้ เราก็คิดว่าเราได้ช่วยเหลือเพื่อนๆผ่านเรื่องราว การแบ่งปันประสบการณ์ของเรา

ตอนนี้เรากลับมาอยู่แล้ว กลับมาพักรักษาตัว เพราะเราป่วยเป็นโรคไบโพล่าร์

จริงๆโรคนี้ก็คล้ายๆกับโรคประจำตัว คุ้มดีคุ้มร้าย ตัวเราเองกว่าจะรู้ตัว ก็เกือบตายมาแล้ว โชคดีที่เพื่อนของเรามาช่วยไว้ทัน ตอนนี้เราก็ยังไม่หายดีนะคะ ต้องหาหมอทุกๆสองสัปดาห์

อันดับแรก เราควรมาทำความรู้จักกับโรคนี้ก่อนดีกว่าค่ะว่าเป็นยังไงบ้าง เพราะบางทีคนใกล้ตัวเราเองอาจจะเป็นก็ได้  เราได้ไปหาข้อมูลเบื้องต้นมาให้นะคะ ข้อมูลจาก http://goo.gl/cP0UXE  ได้ระบุเกี่ยวกับโรคนี้ ดังนี้

** หากเพื่อนๆเคยศึกษามาบ้างแล้ว ข้ามไปอ่านเรื่องราวของเราได้เลยคะ



ขอบคุณที่มาจาก : โรงพยาบาลมนารมย์
http://health.mthai.com/knowledge/2987.html

อารมณ์ดีในลักษณะที่ผิดปกติ เรียกว่า mania หมายถึงอารมณ์ดีมากเกินกว่าปกติที่ควรจะ เป็น และมักจะไม่มีเหตุผลหรือไม่สมเหตุสมผล อาจจะมีปัญหากระทบกระเทือนต่อหน้าที่การงาน อารมณ์ดีจนกระทั่งตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ช่วงที่มีอารมณ์ดีจะช่างพูดช่างคุย คุยได้ไม่หยุด และ ไม่ชอบให้ใครมาขัดจะเกิดอารมณ์หงุดหงิด แล้วถึงขั้นใช้อารมณ์ก้าวร้าวได้

โรคนี้ช่วงซึมเศร้าจะเหมือนกับโรคซึมเศร้า อัตราการฆ่าตัวตายคือ 15-20% เพราะฉะนั้น หนึ่งในห้ามีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเบื่อเศร้าและฆ่าตัวตาย ช่วงที่รื่นเริงมากๆ ก็จะมีประเด็นการฆ่าตัว ตายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตอนซึมเศร้า คนไข้ที่จะป่วยเป็นโรคนี้ จากการวิจัยพบว่า จะเริ่ม เกิดอาการของโรคนี้ในช่วงวัยรุ่น แต่อาการจะไม่ปรากฏชัด ซึ่งบางทีวัยรุ่นเป็นโรคนี้อยู่แต่ไม่ปรากฏ อาการที่รุนแรง คนรอบข้างจะไม่สามารถสังเกตได้ อาจเริ่มมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง เช่น อาจจะ เที่ยวกลางคืน อยากไปเตร็ดเตร่ ไม่มีสมาธิในการเรียนทำให้ผลการเรียนตกลง

==== ต่อจากนี้ เราจะเล่าเรื่องที่เกิดจากโรคนี้นะคะ =====
    เรานอนเปิดตาขึ้นมา ภาพค่อยๆปรากฏว่าตัวเองนอนเอาหน้าแนบพื้นห้องน้ำ แขนขาไม่มีแรง รู้สึกเหมือนเรากำลังจะตาย
            
            เราจำได้ปวดท้องมาก แต่เหงื่อท่วมตัว ท่ามกลางอากาศ -20 ของฮาร์บิน เมืองทางตอนเหนือของจีน เข้าใจว่าคงจะท้องเสียเลยไปเข้าห้องน้ำ แต่สิ่งที่ได้กลับมาไม่ใช่การที่อาการปวดท้องดีขึ้น แต่เป็น มือ เท้า หัว เย็นวาบไปหมด

            กำลังจะไปเรียกเพื่อนให้ช่วย แล้วภาพก็ตัดไป

            ใช่แล้วเรานอนสลบอยู่ในห้องน้ำโดยไม่รู้ตัวเลย นานเท่าไรก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าเป็นเวลาตอนเช้ามืด

            พอรู้สึกตัวก็รวบรวมเรี่ยวแรงที่เหลือยู่ ไปเรียกเพื่อน ในสภาพที่การเดินออกไปแต่ละก้าวนั้นทรมานมาก พอถึงห้องของเพื่อนก็ล้มตัวลงนอนกับเตียงแล้วบอกเพื่อให้ช่วยด้วย

            “ขิง ช่วยเราด้วย เราไม่ไหวแล้ว หายใจไม่ออก”

            ขิงเพื่อนรูมเมท ตกใจตื่นมาด้วยความมึนงง ว่าเราเล่นอำอะไร (ปกติชอบแกล้งเพื่อนมาก) เพราะเมื่อตอนกลางวันยังเห็นไม่มีอาการป่วยหนักขนาดนี้

            “พาเราไปโรงพยาบาลด้วยเราไม่ไหวแล้ว” เรายังคงเรียกขิงให้ช่วย นี้คงเป็นเสียงสุดท้ายแล้ว เราก็สลบไปเลย

            ขิงและเพื่อนๆรีบติดต่อให้เจ้าหน้าที่มาช่วยเหลือ เราต้องเสียบสายออกซิเจนทางจมูก และต้องเอาผ้านวมห่อตัวไว้ อากาศ -20 นั้นทำให้นอกจากต้องต่อสู้กับความทรมาณของการที่เกิด ต้องสู้กับความหนาวที่ทะลุเข้ามาในร่ายกายจนทำให้เราหน้าซีด ขาว ราวกับระบบเลือดมันหยุดทำงานไปอย่างนั้น
            
    เมื่อถึงโรงพยาบาล

            “พวกเธอต้องจ่ายเงินก่อน เราจึงจะเริ่มทำการรักษา” นี้คือสิ่งที่หมอและพยาบาลพูดกับพวกเราเมื่อถึงห้องฉุกเฉิน เราคิดในใจว่าทำไมถึงใจร้ายกับพวกเรามากเลย เขาต้องให้ไปจ่ายเงินและรอจนกว่าการจ่ายเงินจะเสร็จ หมอ ถึงจะเริ่มลงมือช่วยเหลือฉุกเฉินได้ เราเจ็บที่หน้าอก และเริ่มปวดตามตัวมาก แต่กว่าจะจ่ายเงินเสร็จ ก็ใช้เวลาไปไม่น้อยเลย หมอก็เพียงแต่ให้น้ำเกลือเรา 2 ถุง แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรต่อเลย ถามอะไรก็ตอบไม่ได้ ไม่ได้ตรวจอะไรเลย จะเอาชีวิตมาฝากไว้ที่จีนนี้หรือ ?

            ตอนให้น้ำเกลือ หน้าตายังดูสดใส แต่ว่าเพลียมาก



ส่วนเพื่อนขิงมานั้งเฝ้าอาการก็หลับไปเลย



            ระหว่ารอให้น้ำเกลือ เราย้อนคิดถึงตัวเองในวัยเด็ก สมัยมัธยม ทุกๆเดือนที่มีการปิดเทอม เราก็ต้องอยู่บ้าน เราจะบอกกับป้า(ที่เลี้ยงเรามา) อยู่เสมอ ว่าเราชอบเบื่อ ไม่อยากทำอะไรเลย ไม่กิน ไม่นอน แต่ไม่รู้ว่านี่ คือ สัญญาณบ่งบอกถึงโรคไบโพล่าร์

            จนเราน้อยใจอะไรสักอย่างเราจำไม่ได้ แต่คนที่บ้านบอกว่า

            เราฆ่าตัวตาย

            ตอนนั้นเราจำได้ว่า มีเสียงคนมาเรียก ได้ยินเสียงคนที่เราไม่รู้จัก ผู้ใหญ่ที่บ้านเห็นอาการไม่ดีเลยเรียกให้รถโรงพบาบาลมารับถึงบ้าน เราอยู่ที่โรงพยาบาลหลายวันมาก เราดิ้นและสบัดทุกอย่างออกจากตัว จนหมอต้องให้ยานอนหลับอย่างแรง เป็นขนาดที่ผู้ใหญ่ตัวโตๆ กินไปยังล้มได้เลย แต่เราลุก และ จะวิ่งหนีออกไปจากโรงพยาบาล จนหมอต้องมาช่วยกันจับไว้

    อาการเรากลับมาดีขึ้นเพราะทางบ้านมีความเชื่อเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พาไปนั้งสมาธิและสวดมนต์เลยอาการดีขึ้น และคิดว่า “ผีเข้า”

    ชีวิตก็เป็นแบบนี้ จนมาถึงประมาณ ป.ตรี พอเรียนจบ เราก็ขอทุนไปเรียนโทต่อที่ประเทศจีน(ฮาร์บิ้น) ตอนแรกเราเครียดมากๆ เพราะที่บ้านไม่ยอมให้ไปเรียนเมืองนอก แต่เรากลับคิดว่า อยากได้ลูกเสือก็ต้องเข้าถ้ำเสือเลยกัดฟันอดทนต่อความกดดันต่างๆนานา

    ก็อาศัยเรียนพิเศษหอการค้าไทย จีน หน้าปากซอยบ้าน สุดท้ายเราได้ทุนที่  harbin institute of technology ที่จีนเรียกว่าฮาร์กงต้า

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

            เราตื่น 6 โมงเช้า นอนเที่ยงคืนเกือบตีหนึ่ง บางที ก็ตื่นตี3 หรือตี4 ตื่นมานั่งอ่านหนังสือ คัดคำศัพท์ เพราะแค่คำง่ายๆ เรายังฟังไม่ออกเลย เวลาเรียนก็ฟังไม่รู้เรื่องวันนึงได้นอนก็ 3-4 ชั่วโมง ไม่ใช่ไม่อยากนอนนะ แต่นอนไม่หลับ เลยตื่นมาทำนั่นทำนี้

            ยิ่งทำก็ยิ่งนอนไม่หลับ พอพักผ่อนน้อย ความเครียดเริ่มสะสม และร่างกายเริ่มรับไม่ไหว

            เริ่มแรกไม่รู้ตัวเลยว่าเป็นอะไร รู้สึกจิตตกและเหงา ประกอบกับเริ่มมีคนเข้ามาคุยกับเราผ่านทาง wechat เราแค่อยากหาเพื่อนคุยด้วย แต่คนที่เข้ามาคุยกับเราส่วนใหญ่แล้วชอบมาแนวชู้สาว
    บางคนนี้ขอให้เราเลิกกับแฟนไปคบกับเขา หรือ ยอมเป็นมือที่สามเลยก็มี (เอาจริงๆนะไม่ใช่เราสวยเด่นอะไรหรอก พวกนั้นมันเลว ฮ่าๆ )  เราก็เริ่มมีปัญหากับแฟนบ้างหละ แต่แฟนเราพยายามเข้าใจว่าอยู่ไกลบ้าน เหงา แค่อยากหาเพื่อนคุย ก็ด้วยความไว้ใจกันตลอดมา เพราะทุกครั้งที่มีคนมาคุยกับเรา จะบอกเสมอว่าเรามีแฟนแล้ว และไม่ได้ต้องการคบใครนอกจากแฟนที่ไทย

    เราไม่รู้จริงๆว่านี้คือ 1 ในอาการของไบโพล่าร์ ที่ชอบทำอะไรเสี่ยงๆ เสี่ยงต่อความสัมพันธ์ อยากรู้สึกว่าได้รับการชดเชยจากอาการหดหู่

            ช่วงนั้นเรามีปัญหากับแฟนบ่อยมาก เหมือนจะเลิกกับแฟนเลย ไม่รู้ว่าเราเป็นอะไร กลับต่อว่าแฟนกลับว่าไม่เข้าใจเรา เราแค่พยายามควบคุมตัวเองไม่ให้เกิดเรื่องไม่ดี โชคดีที่ยังประคับประคองได้ดี แฟนเราบินกลับมาหาอีกครั้ง เคลียร์เรื่องทุกอย่าง สัญญาว่าว่าจะดูแลกัน ความสัมพันธ์เรากลับมาดีอีกครั้ง
            
            แต่แล้วเราก็ยังผิดคำสัญญา เพราะอยู่ที่นั้น ก็มีคนเข้ามาคุยกับเรานะ ถ้าคนที่เรียนนอกจะรู้ว่าสังคมเด็กต่างชาติ เขาจะค่อนข้างมีการไปมาพบหากันเยอะ หลายๆคู่ที่มีปัญหากันก็จากตรงนี้ด้วยส่วนนึง แต่ก็ยอมรับนะว่าบางครั้งเราเองอาจจะไม่สนใจแฟนเรามากเกินไป เพราะจริงๆแล้ว เราแค่ไม่อยากอยู่คนเดียว อยากให้มีใครเข้าใจเราบ้าง

    ทำไมต้องทำถึงขนาดนี้ จนแฟน เรามาเห็นข้อความระหว่างที่นั้งทานข้าวกับเพื่อนซึ่งจริงๆแล้วก็เป็นการพูดคุยกันธรรมดา เขาไม่พอใจมาก เดินออกจากร้านกลับโรงแรมไปเลยเราพยายามไปง้อแฟน และเพื่อนพยายามบอกให้แฟนสงบ ใจเย็นลง แต่เราโดนแฟนสบัดล้มลงไป ทุกอย่างเริ่มสับสนว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่แฟนเราเดินหนีเราไป เราสิ้นหวังมาก ความคิดในในจิตใจตอนนั้น คือ

    อยากตาย อยากตาย อยากตาย เราต้องตาย ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว !!!!!!

             เราเดินขึ้นไปชั้น 6 ของโรงแรม เปิดประตูที่เป็นทางออกฉุกเฉิน ยืนอยู่ริมขอบระเบียงโรงแรม ทางข้างหน้านั้นว่างเปล่า ในใจเราคิดว่า ไม่อยากจะอยู่บนโลกใบนี้ ขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่าง  เราโทษตัวเองและคิดว่าชีวิตมันไร้ค่า อยากอยากจะกระโดดออกไป ไม่สนใจว่า พื้นที่มีหิมะที่ดูเบานุ่มอยู่ข้างล่างนั้นหากตกตัวลงไป ก็คงกระแทกกับพื้นกลายเป็นร่างไร้วิญญาณได้ทันที

            เราได้ยินเสียงคนบอกให้เรา กระโดดลงไป! บอกให้เราบิน เราต้องบินได้ แล้วเราจะรอดพ้นจากสิ่งต่างๆ ที่ต้องอดทน ไม่ต้องทนแล้ว เราแค่หายไป ทุกอย่างจะจบลง เราก้าวข้าวขาออกไป ....


ต่อตอนที่สองนะคะ
ชื่อสินค้า:   โรคไบโพล่าร์
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่