เมื่อต้นปีพ.ศ. 2556 เราได้งานที่ใหม่ เนื่องจากอยากไปให้ไกลจากสามีเก่ามากๆ เราก็ทำงานปกติ ไม่มีใครรู้จักเรา
ไม่มีใครรู้ว่าเรามีครอบครัวมาแล้ว โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยวุ่นวายหรือสุงสิงกับใครมาก เพราะเราตั้งใจมาทำงานหาเงินมากกว่า
ณ ตอนนั้นเราฮอตมาก มีผู้ชายมากหน้าหลายตาทั้งที่โสดและไม่โสด เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวแล้ว เราก็คุยกับทุกคนแหละ
คุยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเรามั่วนะ แล้วเราก็พาลูกเรามาที่ทำงาน ทุกคนก็เลยรู้ความจริง ซึ่งเราไม่ได้อายหรือปิดบังใดๆ
และที่มาจีบก็จะบอกว่า เลิกกับเมียแล้วนะ ไรงี้ แต่.....มีอยู่ 1 คนที่ทำท่าเหมือนจะจีบแต่ไม่กล้า
แต่เค้าก็มีภรรยาแล้วนะ เรารู้แค่นี้ เค้าก็มาคุย มารับส่ง มาชวนกินข้าวไรเงี้ย ทำแบบเหมือนเป็นพี่น้อง จนกระทั่งผู้ชายเค้ามาบอกกับเราว่าเค้าชอบเรา
เราก็ อืม...เหรอ...ก็คุยนะ แต่ก็บอกเสมอว่าพี่มีเมียแล้วนะ ก็หลีกเลี่ยงที่จะคุยบ้าง เวลาโทมาก็ไม่รับ แต่ก็ต้องเจอกันทุกวัน
เค้าก็พยายาม ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่า ภรรยาเค้ากำลังตั้งท้อง และเค้าก็จะพากันไปทำแท้ง เราไม่รู้ปัญหาภายในของเค้าทั้ง 2 คนที่แท้จริง
ผู้หญิงไม่อยากเอาเด็กไว้ เราลืมบอกว่าผู้หญิงอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำงาน เช่าบ้านอยู่หลังใหญ่ เงินเดือนผู้ชาย หมื่นต้นๆ
ต่อค่ะ เค้าทะเลาะกัน ผู้ชายไม่ค่อยมาทำงาน ไม่กลับบ้าน กินเหล้ากะเพื่อน ติดเพื่อน ปัญหาเค้าหนักขึ้นๆ ภรรยาเค้าโทมาด่าเราว่าเราแย่งสามีเค้า
เราก็บอกว่าเราไม่ได้แย่งสามีคุณ ก็พูดให้เค้าเข้าใจ แต่ก็เปล่าเลย ยังคงกราดด่าในโทรศัพท์ เราก็ฟัง และบอกให้เค้าตั้งสติ
ซึ่งเราก็ทำงานของเราปกติ เสาอาทิดเราก็กลับบ้านมาหาลูก ในส่วนงานแล้ว เราคือหัวหน้าของสามีเค้า เวลาหาพนักงานคนไหนไม่เจอคนที่บ้านก็จะโทรเข้าออฟฟิศและเราก็จะถามหาให้ปกติ แม่และญาติพี่น้องของผู้ชายโทรมาหาเรา
สอบถามเราเรื่องลูกชายของเค้า และบอกเราเสมอ ฝากให้เราดูแลลูกชายเค้า แม่ผู้ชายบอกว่าไม่ขอรับเลี้ยงหลานที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่เดือน
เราคุยกับแม่เค้าบ่อยนะ ผู้ชายโทรหาเรา ปรึกษาเรา และเล่าให้เราฟังทุกเรื่อง เราก็ให้กำลังใจเค้า ผู้ชายบอกว่าเค้ากำลังจะเลิกกัน เราก็บอกให้เค้าทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าถึงขั้นทนกันไม่ได้แล้ว เราขอให้เค้าเอาลูกไว้เลี้ยงเอง เค้ารอเวลาให้คลอดลูกก่อน
ภรรยาไม่ไปพบแพทย์ตามที่หมอนัด สุดท้ายคลอดเองไม่ได้ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้ากัน แม่สามีก็ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ไม่ไปที่โรงพยาบาล ปล่อยให้ลูกชายและลูกสะใภ้จัดการเอง สุดท้ายคลอดแล้วก็เอาไปให้แม่สามีเลี้ยงดู ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ฝ่ายหญิงก็ให้รถยนต์มารับที่บ้าน แล้วไม่กลับมาดูลูกอีกเลย เค้าแยกทางกันโดยที่ลุกอยู่กับแม่ของผู้ชาย เราไปเยี่ยมลูกเค้าที่บ้าน เราสงสาร และเรากับผู้ชายก็คุยและตกลงคบกัน เราย้ายออกมาอยู่ด้วยกันและเราก็เอาลูกของเราเองมาอยู่ด้วย โดยที่ลูกของฝ่ายชายก็ให้แม่เลี้ยงปกติ เราส่งเงินให้ลูกใช้ ทุกเดือนไม่เคยขาด เรารักลูกเค้า แต่เรายังคงคิดเสมอว่าเราไปพรากครอบครัวของคนอื่นมา เรายังไม่เลิกคิด ทุกวันนี้ครอบครัวเรามีความสุขมากพ่อแม่และญาติพี่น้องของสามีต้อนรับเราเป็นอย่างดีและรักเรา แต่เมื่อใดที่เรานึกถึงเราก็รู้สึกบาปอยู่ในหัวใจ เราคนนึงแหละที่ต้องการให้ครอบครัวอบอุ่น และมีความสุขมากที่สุด เราทำผิด เรารู้แค่นี้ ...
ขอบคุณที่ให้พื้นที่ได้ระบายความในใจออกมาค่ะ
ฉันเป็นแฟนใหม่ของพ่อมีลูกติด
ไม่มีใครรู้ว่าเรามีครอบครัวมาแล้ว โดยส่วนตัวแล้วเราไม่ค่อยวุ่นวายหรือสุงสิงกับใครมาก เพราะเราตั้งใจมาทำงานหาเงินมากกว่า
ณ ตอนนั้นเราฮอตมาก มีผู้ชายมากหน้าหลายตาทั้งที่โสดและไม่โสด เข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่ก็มีครอบครัวแล้ว เราก็คุยกับทุกคนแหละ
คุยในที่นี้ไม่ได้หมายถึงว่าเรามั่วนะ แล้วเราก็พาลูกเรามาที่ทำงาน ทุกคนก็เลยรู้ความจริง ซึ่งเราไม่ได้อายหรือปิดบังใดๆ
และที่มาจีบก็จะบอกว่า เลิกกับเมียแล้วนะ ไรงี้ แต่.....มีอยู่ 1 คนที่ทำท่าเหมือนจะจีบแต่ไม่กล้า
แต่เค้าก็มีภรรยาแล้วนะ เรารู้แค่นี้ เค้าก็มาคุย มารับส่ง มาชวนกินข้าวไรเงี้ย ทำแบบเหมือนเป็นพี่น้อง จนกระทั่งผู้ชายเค้ามาบอกกับเราว่าเค้าชอบเรา
เราก็ อืม...เหรอ...ก็คุยนะ แต่ก็บอกเสมอว่าพี่มีเมียแล้วนะ ก็หลีกเลี่ยงที่จะคุยบ้าง เวลาโทมาก็ไม่รับ แต่ก็ต้องเจอกันทุกวัน
เค้าก็พยายาม ซึ่งเรามารู้ทีหลังว่า ภรรยาเค้ากำลังตั้งท้อง และเค้าก็จะพากันไปทำแท้ง เราไม่รู้ปัญหาภายในของเค้าทั้ง 2 คนที่แท้จริง
ผู้หญิงไม่อยากเอาเด็กไว้ เราลืมบอกว่าผู้หญิงอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ทำงาน เช่าบ้านอยู่หลังใหญ่ เงินเดือนผู้ชาย หมื่นต้นๆ
ต่อค่ะ เค้าทะเลาะกัน ผู้ชายไม่ค่อยมาทำงาน ไม่กลับบ้าน กินเหล้ากะเพื่อน ติดเพื่อน ปัญหาเค้าหนักขึ้นๆ ภรรยาเค้าโทมาด่าเราว่าเราแย่งสามีเค้า
เราก็บอกว่าเราไม่ได้แย่งสามีคุณ ก็พูดให้เค้าเข้าใจ แต่ก็เปล่าเลย ยังคงกราดด่าในโทรศัพท์ เราก็ฟัง และบอกให้เค้าตั้งสติ
ซึ่งเราก็ทำงานของเราปกติ เสาอาทิดเราก็กลับบ้านมาหาลูก ในส่วนงานแล้ว เราคือหัวหน้าของสามีเค้า เวลาหาพนักงานคนไหนไม่เจอคนที่บ้านก็จะโทรเข้าออฟฟิศและเราก็จะถามหาให้ปกติ แม่และญาติพี่น้องของผู้ชายโทรมาหาเรา
สอบถามเราเรื่องลูกชายของเค้า และบอกเราเสมอ ฝากให้เราดูแลลูกชายเค้า แม่ผู้ชายบอกว่าไม่ขอรับเลี้ยงหลานที่กำลังจะเกิดในอีกไม่กี่เดือน
เราคุยกับแม่เค้าบ่อยนะ ผู้ชายโทรหาเรา ปรึกษาเรา และเล่าให้เราฟังทุกเรื่อง เราก็ให้กำลังใจเค้า ผู้ชายบอกว่าเค้ากำลังจะเลิกกัน เราก็บอกให้เค้าทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ถ้าถึงขั้นทนกันไม่ได้แล้ว เราขอให้เค้าเอาลูกไว้เลี้ยงเอง เค้ารอเวลาให้คลอดลูกก่อน
ภรรยาไม่ไปพบแพทย์ตามที่หมอนัด สุดท้ายคลอดเองไม่ได้ ไม่มีการวางแผนล่วงหน้ากัน แม่สามีก็ไม่ใส่ใจ ไม่สนใจ ไม่ไปที่โรงพยาบาล ปล่อยให้ลูกชายและลูกสะใภ้จัดการเอง สุดท้ายคลอดแล้วก็เอาไปให้แม่สามีเลี้ยงดู ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ฝ่ายหญิงก็ให้รถยนต์มารับที่บ้าน แล้วไม่กลับมาดูลูกอีกเลย เค้าแยกทางกันโดยที่ลุกอยู่กับแม่ของผู้ชาย เราไปเยี่ยมลูกเค้าที่บ้าน เราสงสาร และเรากับผู้ชายก็คุยและตกลงคบกัน เราย้ายออกมาอยู่ด้วยกันและเราก็เอาลูกของเราเองมาอยู่ด้วย โดยที่ลูกของฝ่ายชายก็ให้แม่เลี้ยงปกติ เราส่งเงินให้ลูกใช้ ทุกเดือนไม่เคยขาด เรารักลูกเค้า แต่เรายังคงคิดเสมอว่าเราไปพรากครอบครัวของคนอื่นมา เรายังไม่เลิกคิด ทุกวันนี้ครอบครัวเรามีความสุขมากพ่อแม่และญาติพี่น้องของสามีต้อนรับเราเป็นอย่างดีและรักเรา แต่เมื่อใดที่เรานึกถึงเราก็รู้สึกบาปอยู่ในหัวใจ เราคนนึงแหละที่ต้องการให้ครอบครัวอบอุ่น และมีความสุขมากที่สุด เราทำผิด เรารู้แค่นี้ ...
ขอบคุณที่ให้พื้นที่ได้ระบายความในใจออกมาค่ะ