คัดมาจากคอลัมน์ เล่นหูเล่นตา ตอน 2 ในคมชัดลึก โดย เจนนิเฟอร์ คิ้ม ค่ะ
http://www.komchadluek.net/detail/20160404/225229.html
ขอเล่าต่อจากสัปดาห์ที่แล้วค่ะ
พอละครเริ่ม...ความเงียบก็เข้ามาแทนเสียงเซ็งแซ่เมื่อครู่.....ลุ้นทั้งภาพและเสียงจนแทบจะหยุดหายใจ คนที่ออกอาการมากที่สุดคือ “พี่นก ฉัตร” ที่คอยมองหาข้อบกพร่องของละครแต่ฉากแต่ละตอน ในขณะที่ฉันมองด้วยสายตาของคนดูทั่วไป ฉันเห็นสิ่งต่างๆ ที่ประกอบฉาก สี แสงเงาและการแสดงที่เป็นธรรมชาติของตัวละครทุกตัว สวยงามและประณีตเหมือนดูหนังเข้าชิงปาล์มทองคำในเทศกาลหนังเมืองคาน สำหรับฉันมันไม่ใช่ละครแต่มันคือภาพยนตร์ละเมียดที่สุดอีกเรื่องของคนไทย จู่ๆความรู้สึกภูมิใจก็ผุดขึ้นในใจของฉันอย่างเงียบๆ "คนไทยเรามีฝีมือ" และ "คนทำละครก็ให้เกียรติคนดูอย่างที่สุด”
“พี่คะ....ทำแบบนี้ลงทุนเยอะขนาดนี้จะเหลือกำไรเหรอคะ?” ฉันถามพี่เกม ศานติ
“นก(สินจัย)บอกว่า.....ไม่ต้องถึงขนาดขายบ้านก็พอใจแล้ว”
เป็นที่รู้กันดีว่า "พี่นก” ฉัตรชัย ทำอะไรก็แล้วแต่จะทำแบบสุดๆ....แค่ดีไม่พอสำหรับพี่นก ฉันได้ยินทีมงานเขาคุยกันว่าพี่นกจะควบคุมทุกเรื่องยกเว้น "ต้นทุน" ที่จะบานเป็นสมการผกผันกับความประณีตในชิ้นงาน นักแสดงต้องย้อมสีผิวทุกคน(ไม่นับรวมซิกซ์แพ็กซ์และกล้ามหน้าอก) หน้า-ผม(พี่ปั้น)และชุด(ผักกาด)ต้องอิงกับยุคปลายรัชสมัยร.5 โทนสีของภาพก็ต้องใช้นักออกแบบแสงมาจัดแสงในตอนถ่ายทำทีละฉากทีละตอนไหนจะต้องย้อมสีปรับแสงจนกว่าจะถูกใจพี่นกอีก....แค่เล่าให้ฟังยังเหนื่อยแทนเลย!
“ทำไมฉากนี้แสงมันจ้าแบบนี้ มันเป็นที่ทีวีหรือใครไปปรับมัน?” เสียงพี่นกชายขุ่นๆ ฟังดูไม่ได้ดั่งใจแต่ฉันกลับไม่เห็นรู้สึกอะไรนอกจาก...แสงสวยมาก!
เปิดมาฉากแรกๆ เห็นพี่นก สิจัยเล่นเป็นแม่ไอ้กล้ากอดลูกร้องไห้น้ำตาหยดเป็นเม็ดเป้งๆ....เอ่อ...แล้วที่เหลือจะเล่นอะไรต่อดีคะพี่ คุณสินจัยกดสุดตั้งแต่เปิดมาแบบนี้แล้ว....หนักใจมั๊ยพวกกรูอ่ะ?!!
พอพักโฆษณานักแสดงบางคนก็เช็คเรตติ้งทางโซเชียลทุกช่องทาง ทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค ไอจียันพันทิปแล้วหันมาเล่าสู่กันฟังถึงกระแสตอบรอบตอนแรกที่ออกไป...บางข้อความก็ทำให้อมยิ้ม บางความเห็นก็ขำกลิ้ง!...เป็นสังคมก้มหน้ากันในช่วงพักโฆษณาแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมาดูเบรกต่อไป
“หือ....กางเกงถกสั้นได้อีกนะพี่...สาวๆทางบ้านดูไปเช็ดน้ำลายไปมั้ยคะคุณ?”
“โจงพระเอกสั้นเสมอหูยิ่งกว่าใบเตย ดึงเรตติ้งมากๆ” พี่ปั้นผู้ดูแลหน้าผมละครเรื่องนี้ให้ความเห็น....อือ...เห็นด้วย!
“จะเห็นตาโปดอยู่แล้วเวลาวิ่ง ขนกูยิ่งเยอะๆอยู่” พี่แทน(คนที่เล่นคู่กับไอ้มิ่ง)พูดพร้อมกับทำหน้าเขินๆ
“ฉากกินมะยมเชื่อม ผมกินไปตั้ง10 กว่าไม้...อร่อยดี”
ท็อป จรณยิ้มตาหยีเหมือนเด็กๆเวลาที่นางเล่า
“ไอ้ท็อป...ฟันขาวมาก ยิ่งทาตัวสีดำๆ ยิ่งเห็นชัด...ปากห้อยไปนิดนะ กูว่าเดี๋ยวต้องได้โฆษณายาสีฟันแน่!” ใครสักคนในกลุ่มอำนาง อือ...ในตัวนางมีอวัยวะที่ห้อยมากกว่าผู้ชายคนอื่นอีกหนึ่งอย่าง....ปาก!
"อาย...ตัวด๊ามดำ.....หัวก็โต...เล่นละครกี่เรื่องก็ไม่เคยได้ปล่อยผมยกเว้นเรื่องแรกๆ "ซิกเซ้นส์"
ฉันหันไปบอกน้อง “อาย กมลเนตร”ที่นั่งหน้าเรียวเล็กเท่าฝ่ามือดูจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยมัดจุกยุ่งๆเหมือนหลุดมาจากการ์ตูน ผิวขาวเนียนอมชมพูของนางผิดกับที่เห็นในละครซึ่งผ่านการย้อมผิวโดยครีมทาตัวเพราะบทที่ได้เล่นมักเป็นสาวชาวบ้าน
“แต่หนูได้โฆษณาครีมทาผิวนะพี่....ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นผิวหนูจริงๆ ”นางยิ้มน่าเอ็นดู นางเป็นนักแสดงที่มีฝีมือมีวินัยและมีสัมมาคารวะ ไม่หลงไปกับชื่อเสียง มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่ นางชอบอ่านหนังสือและดูหนังทุกแนวเพื่อให้อาหารสมอง ฉันดีใจที่ได้อยู่ท่ามกลางเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งๆและรู้จักคิดรู้จักทำ คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้ง่ายทั้งๆ ที่พูดไม่กี่คำ....โดยส่วนใหญ่ฉันมักจะเจอกับเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ วันๆ เอาแต่เล่นไลน์เล่นเกมหรือไม่ก็เขี่ยดูคลิปไร้สาระ จ้องแต่จะดังตามไอดอลที่ผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด อยากเลียนแบบอยากดีอยากเด่นแต่ไม่มีความเข้าใจในคำว่า“ฝีมือ”นอกจากคำว่า...กระแส!....เฮ้อ....เหนื่อยใจเยาวชนไทยยุค4G
“ดูสิ....นมอีบัวกับคุณพลอยเล็กกว่าไอ้กล้ากับไอ้มิ่งซะอีก” คนในกลุ่มอำกันเอง
มีฉากที่ไอ้กล้าโดนเฆี่ยน ฉันขอสารภาพว่า...ฉันไม่สงสารไอ้กล้าเลยเพราะมัวแต่จ้องโจงไอ้มิ่ง(บอย ภาสกร)ที่เป็นคนลงหวาย ยิ่งกว่าภาพ3 มิติอีกค่าคุณ ได้แต่เก็บไว้เงียบๆในใจคนเดียวเพราะพี่บอยเขาเป็นนักบอลตั้งแต่เด็กดูลำหักลำโค่นแล้วท่าทางจะตรีนหนัก....เดี๋ยวเขาเตะเอา!
เหมือนกำลังเรียนกายวิภาค(Anatomy)ในชาติพยัคฆ์ คนในเน็ตเขาว่ากันว่าเป็นละครรักชาติและรักสุขภาพเพราะมีแต่กล้ามหน้าท้องและกล้ามหน้าอก ฉากไหนๆก็ดึงดูดใจ ไม่มีใครสนใจนักแสดงหญิงกันสักเท่าไหร่....ต้องเข้าใจนะคะคุณน้อง...ของเขาดีมีคุณภาพ!...ว่างเว้นจากเมนต์ละครเราก็มาเมนต์กันเอง คู่ที่คุยกันได้ฮาที่สุดคือ“ทุเรียน”กับ“หญิง สุกัญญา ไรวิน”
หญิง: “
อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย?”
ทุเรียน:“ตบปากเท่าอายุ
เลย!”
หญิง:“กรูน้อง
นะ”
ทุเรียน:“งั้นตบปากเท่าน้ำหนัก
เอาหน่วยเป็นปอนด์(1ก.ก=2.2ปอนด์)”
หญิง:“ว่าแค่นี้
จะโมโหทำไม?”
ทุเรียน:“กรูไปขับรถทับเงาหัว
รึไง?”
กำลังเถียงกันอย่างเมามัน ฉันนั่งอยู่ข้างๆหัวเราะจนจะตกเก้าอี้พอดี “อาตู่ นพพล”มาถึงได้จังหวะพักรบพอดี
หญิง:“สวัสดีค่ะอาตู่”น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสุภาพสุดๆ
ทุเรียน:“ฮึ!....อีเอาหน้า!”
อีกสิ่งที่ฉันชอบนอกเหนือจากการตัดต่อดำเนินเรื่องอย่างฉับไวเข้าใจง่ายก็คือ “มุมกล้อง” เขาจะไม่ถ่ายตรงๆอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ แต่จะถ่ายผ่านวัตถุบางอย่างเช่นในตอนที่กล้าแอบดูอะไรสักอย่างในป่า เขาถ่ายผ่านต้นกล้วย2ต้นโดยมีหน้าของไอ้กล้าอยู่ตรงกลาง มันเป็นมุมที่ฉันชอบที่สุด.....
“ดูสิ!ไอ้กล้ามาแอบดูผู้ชายอีกละ” ใครสักคนพูดขำทำเอาอารมณ์สุนทรีย์ของฉันหายไปทันที!...แต่ก็นะ...ไอ้กล้ามันชอบมาแอบดูผู้ชายจริงๆน่ะแหละ...กล้ามใหญ่ๆทั้งนั้น!
การดูละครร่วมกับผู้จัดและทีมงานนับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจสำหรับฉัน ต่างคนต่างนั่งคุยกันอย่างเป็นกันเองเป็นพี่เป็นน้องที่ทำงานร่วมกันมา ความตั้งใจความผูกพันและความคุ้นเคยแฝงตัวอยู่ในบรรยากาศของการดูละครตอนแรก...ฉันมองในทีวีสลับกับมองตัวจริงของนักแสดงที่สวมบทบาทนั้นๆ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน....และที่ยังคงเป็นคำถามในใจตั้งแต่เวลานั้นมาถึงเวลานี้ก็คือ.....อะไรทำให้ฉันมานั่งอยู่ท่ามกลางทีม “ชาติพยัคฆ์”?......คำตอบคือ "โชคชะตาและวาสนา"....แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่มีจริงคนที่ฉันอยากขอบคุณที่สุดที่ทำให้ฉันได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่มีเกียรตินี้ก็คือ “พี่นก ฉัตรชัย”
ขอบคุณจริงๆ ค่ะพี่....และขอบคุณทีมงานทุกคนที่โอบอ้อมอารีย์รับเข้าฉันไว้เป็นพรรคพวกพี่น้องอีกคน.......เราคนพวกเดียวกัน...คน “ชาติพยัคฆ์”!!
คลิปประกอบจากทวีตเตอร์กมลเนตร
เผื่อใครอยากอ่านตอน 1 อยู่นี่ค่ะ
http://www.komchadluek.net/detail/20160328/224823.html
เรื่องเล่าจากคนในกอง "ชาติพยัคฆ์" โดยเจนนิเฟอร์ คิ้ม ตอน 2 ยิ่งอ่านยิ่งสนุก
http://www.komchadluek.net/detail/20160404/225229.html
ขอเล่าต่อจากสัปดาห์ที่แล้วค่ะ
พอละครเริ่ม...ความเงียบก็เข้ามาแทนเสียงเซ็งแซ่เมื่อครู่.....ลุ้นทั้งภาพและเสียงจนแทบจะหยุดหายใจ คนที่ออกอาการมากที่สุดคือ “พี่นก ฉัตร” ที่คอยมองหาข้อบกพร่องของละครแต่ฉากแต่ละตอน ในขณะที่ฉันมองด้วยสายตาของคนดูทั่วไป ฉันเห็นสิ่งต่างๆ ที่ประกอบฉาก สี แสงเงาและการแสดงที่เป็นธรรมชาติของตัวละครทุกตัว สวยงามและประณีตเหมือนดูหนังเข้าชิงปาล์มทองคำในเทศกาลหนังเมืองคาน สำหรับฉันมันไม่ใช่ละครแต่มันคือภาพยนตร์ละเมียดที่สุดอีกเรื่องของคนไทย จู่ๆความรู้สึกภูมิใจก็ผุดขึ้นในใจของฉันอย่างเงียบๆ "คนไทยเรามีฝีมือ" และ "คนทำละครก็ให้เกียรติคนดูอย่างที่สุด”
“พี่คะ....ทำแบบนี้ลงทุนเยอะขนาดนี้จะเหลือกำไรเหรอคะ?” ฉันถามพี่เกม ศานติ
“นก(สินจัย)บอกว่า.....ไม่ต้องถึงขนาดขายบ้านก็พอใจแล้ว”
เป็นที่รู้กันดีว่า "พี่นก” ฉัตรชัย ทำอะไรก็แล้วแต่จะทำแบบสุดๆ....แค่ดีไม่พอสำหรับพี่นก ฉันได้ยินทีมงานเขาคุยกันว่าพี่นกจะควบคุมทุกเรื่องยกเว้น "ต้นทุน" ที่จะบานเป็นสมการผกผันกับความประณีตในชิ้นงาน นักแสดงต้องย้อมสีผิวทุกคน(ไม่นับรวมซิกซ์แพ็กซ์และกล้ามหน้าอก) หน้า-ผม(พี่ปั้น)และชุด(ผักกาด)ต้องอิงกับยุคปลายรัชสมัยร.5 โทนสีของภาพก็ต้องใช้นักออกแบบแสงมาจัดแสงในตอนถ่ายทำทีละฉากทีละตอนไหนจะต้องย้อมสีปรับแสงจนกว่าจะถูกใจพี่นกอีก....แค่เล่าให้ฟังยังเหนื่อยแทนเลย!
“ทำไมฉากนี้แสงมันจ้าแบบนี้ มันเป็นที่ทีวีหรือใครไปปรับมัน?” เสียงพี่นกชายขุ่นๆ ฟังดูไม่ได้ดั่งใจแต่ฉันกลับไม่เห็นรู้สึกอะไรนอกจาก...แสงสวยมาก!
เปิดมาฉากแรกๆ เห็นพี่นก สิจัยเล่นเป็นแม่ไอ้กล้ากอดลูกร้องไห้น้ำตาหยดเป็นเม็ดเป้งๆ....เอ่อ...แล้วที่เหลือจะเล่นอะไรต่อดีคะพี่ คุณสินจัยกดสุดตั้งแต่เปิดมาแบบนี้แล้ว....หนักใจมั๊ยพวกกรูอ่ะ?!!
พอพักโฆษณานักแสดงบางคนก็เช็คเรตติ้งทางโซเชียลทุกช่องทาง ทั้งทวิตเตอร์ เฟสบุ๊ค ไอจียันพันทิปแล้วหันมาเล่าสู่กันฟังถึงกระแสตอบรอบตอนแรกที่ออกไป...บางข้อความก็ทำให้อมยิ้ม บางความเห็นก็ขำกลิ้ง!...เป็นสังคมก้มหน้ากันในช่วงพักโฆษณาแล้วค่อยเงยหน้าขึ้นมาดูเบรกต่อไป
“หือ....กางเกงถกสั้นได้อีกนะพี่...สาวๆทางบ้านดูไปเช็ดน้ำลายไปมั้ยคะคุณ?”
“โจงพระเอกสั้นเสมอหูยิ่งกว่าใบเตย ดึงเรตติ้งมากๆ” พี่ปั้นผู้ดูแลหน้าผมละครเรื่องนี้ให้ความเห็น....อือ...เห็นด้วย!
“จะเห็นตาโปดอยู่แล้วเวลาวิ่ง ขนกูยิ่งเยอะๆอยู่” พี่แทน(คนที่เล่นคู่กับไอ้มิ่ง)พูดพร้อมกับทำหน้าเขินๆ
“ฉากกินมะยมเชื่อม ผมกินไปตั้ง10 กว่าไม้...อร่อยดี”
ท็อป จรณยิ้มตาหยีเหมือนเด็กๆเวลาที่นางเล่า
“ไอ้ท็อป...ฟันขาวมาก ยิ่งทาตัวสีดำๆ ยิ่งเห็นชัด...ปากห้อยไปนิดนะ กูว่าเดี๋ยวต้องได้โฆษณายาสีฟันแน่!” ใครสักคนในกลุ่มอำนาง อือ...ในตัวนางมีอวัยวะที่ห้อยมากกว่าผู้ชายคนอื่นอีกหนึ่งอย่าง....ปาก!
"อาย...ตัวด๊ามดำ.....หัวก็โต...เล่นละครกี่เรื่องก็ไม่เคยได้ปล่อยผมยกเว้นเรื่องแรกๆ "ซิกเซ้นส์"
ฉันหันไปบอกน้อง “อาย กมลเนตร”ที่นั่งหน้าเรียวเล็กเท่าฝ่ามือดูจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยมัดจุกยุ่งๆเหมือนหลุดมาจากการ์ตูน ผิวขาวเนียนอมชมพูของนางผิดกับที่เห็นในละครซึ่งผ่านการย้อมผิวโดยครีมทาตัวเพราะบทที่ได้เล่นมักเป็นสาวชาวบ้าน
“แต่หนูได้โฆษณาครีมทาผิวนะพี่....ทั้งๆ ที่ไม่ค่อยมีใครได้เห็นผิวหนูจริงๆ ”นางยิ้มน่าเอ็นดู นางเป็นนักแสดงที่มีฝีมือมีวินัยและมีสัมมาคารวะ ไม่หลงไปกับชื่อเสียง มีความคิดโตเป็นผู้ใหญ่ นางชอบอ่านหนังสือและดูหนังทุกแนวเพื่อให้อาหารสมอง ฉันดีใจที่ได้อยู่ท่ามกลางเด็กรุ่นใหม่ที่เก่งๆและรู้จักคิดรู้จักทำ คุยกันรู้เรื่องและเข้าใจกันได้ง่ายทั้งๆ ที่พูดไม่กี่คำ....โดยส่วนใหญ่ฉันมักจะเจอกับเด็กรุ่นใหม่ที่ไม่ชอบอ่านหนังสือ วันๆ เอาแต่เล่นไลน์เล่นเกมหรือไม่ก็เขี่ยดูคลิปไร้สาระ จ้องแต่จะดังตามไอดอลที่ผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด อยากเลียนแบบอยากดีอยากเด่นแต่ไม่มีความเข้าใจในคำว่า“ฝีมือ”นอกจากคำว่า...กระแส!....เฮ้อ....เหนื่อยใจเยาวชนไทยยุค4G
“ดูสิ....นมอีบัวกับคุณพลอยเล็กกว่าไอ้กล้ากับไอ้มิ่งซะอีก” คนในกลุ่มอำกันเอง
มีฉากที่ไอ้กล้าโดนเฆี่ยน ฉันขอสารภาพว่า...ฉันไม่สงสารไอ้กล้าเลยเพราะมัวแต่จ้องโจงไอ้มิ่ง(บอย ภาสกร)ที่เป็นคนลงหวาย ยิ่งกว่าภาพ3 มิติอีกค่าคุณ ได้แต่เก็บไว้เงียบๆในใจคนเดียวเพราะพี่บอยเขาเป็นนักบอลตั้งแต่เด็กดูลำหักลำโค่นแล้วท่าทางจะตรีนหนัก....เดี๋ยวเขาเตะเอา!
เหมือนกำลังเรียนกายวิภาค(Anatomy)ในชาติพยัคฆ์ คนในเน็ตเขาว่ากันว่าเป็นละครรักชาติและรักสุขภาพเพราะมีแต่กล้ามหน้าท้องและกล้ามหน้าอก ฉากไหนๆก็ดึงดูดใจ ไม่มีใครสนใจนักแสดงหญิงกันสักเท่าไหร่....ต้องเข้าใจนะคะคุณน้อง...ของเขาดีมีคุณภาพ!...ว่างเว้นจากเมนต์ละครเราก็มาเมนต์กันเอง คู่ที่คุยกันได้ฮาที่สุดคือ“ทุเรียน”กับ“หญิง สุกัญญา ไรวิน”
หญิง: “อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย?”
ทุเรียน:“ตบปากเท่าอายุเลย!”
หญิง:“กรูน้องนะ”
ทุเรียน:“งั้นตบปากเท่าน้ำหนัก เอาหน่วยเป็นปอนด์(1ก.ก=2.2ปอนด์)”
หญิง:“ว่าแค่นี้จะโมโหทำไม?”
ทุเรียน:“กรูไปขับรถทับเงาหัวรึไง?”
กำลังเถียงกันอย่างเมามัน ฉันนั่งอยู่ข้างๆหัวเราะจนจะตกเก้าอี้พอดี “อาตู่ นพพล”มาถึงได้จังหวะพักรบพอดี
หญิง:“สวัสดีค่ะอาตู่”น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนและสุภาพสุดๆ
ทุเรียน:“ฮึ!....อีเอาหน้า!”
อีกสิ่งที่ฉันชอบนอกเหนือจากการตัดต่อดำเนินเรื่องอย่างฉับไวเข้าใจง่ายก็คือ “มุมกล้อง” เขาจะไม่ถ่ายตรงๆอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ แต่จะถ่ายผ่านวัตถุบางอย่างเช่นในตอนที่กล้าแอบดูอะไรสักอย่างในป่า เขาถ่ายผ่านต้นกล้วย2ต้นโดยมีหน้าของไอ้กล้าอยู่ตรงกลาง มันเป็นมุมที่ฉันชอบที่สุด.....
“ดูสิ!ไอ้กล้ามาแอบดูผู้ชายอีกละ” ใครสักคนพูดขำทำเอาอารมณ์สุนทรีย์ของฉันหายไปทันที!...แต่ก็นะ...ไอ้กล้ามันชอบมาแอบดูผู้ชายจริงๆน่ะแหละ...กล้ามใหญ่ๆทั้งนั้น!
การดูละครร่วมกับผู้จัดและทีมงานนับเป็นประสบการณ์ที่แปลกใหม่และน่าประทับใจสำหรับฉัน ต่างคนต่างนั่งคุยกันอย่างเป็นกันเองเป็นพี่เป็นน้องที่ทำงานร่วมกันมา ความตั้งใจความผูกพันและความคุ้นเคยแฝงตัวอยู่ในบรรยากาศของการดูละครตอนแรก...ฉันมองในทีวีสลับกับมองตัวจริงของนักแสดงที่สวมบทบาทนั้นๆ มันเป็นอะไรที่น่าทึ่งที่สุดอย่างหนึ่งในชีวิตฉัน....และที่ยังคงเป็นคำถามในใจตั้งแต่เวลานั้นมาถึงเวลานี้ก็คือ.....อะไรทำให้ฉันมานั่งอยู่ท่ามกลางทีม “ชาติพยัคฆ์”?......คำตอบคือ "โชคชะตาและวาสนา"....แต่ถ้าสิ่งนั้นไม่มีจริงคนที่ฉันอยากขอบคุณที่สุดที่ทำให้ฉันได้มาสัมผัสประสบการณ์ที่มีเกียรตินี้ก็คือ “พี่นก ฉัตรชัย”
ขอบคุณจริงๆ ค่ะพี่....และขอบคุณทีมงานทุกคนที่โอบอ้อมอารีย์รับเข้าฉันไว้เป็นพรรคพวกพี่น้องอีกคน.......เราคนพวกเดียวกัน...คน “ชาติพยัคฆ์”!!
คลิปประกอบจากทวีตเตอร์กมลเนตร
เผื่อใครอยากอ่านตอน 1 อยู่นี่ค่ะ
http://www.komchadluek.net/detail/20160328/224823.html