เรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ และความรู้สึกผิด กลัว ไร้ค่า ถาโถมเข้ามาโจมตีจิตใจของเราอย่างหนักอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เราไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไร และไม่กล้าเล่าให้ใครฟังนอกจากเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของเรา แต่เรายังรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างติดอยู่ในใจเรา เรารู้สึกแปดเปื้อน เหมือนอาบน้ำไม่สะอาด เพราะเรื่องที่เกิดขึ้น มันเข้าข่าย "การล่วงละเมิดทางเพศ" เราพบเจอเรื่องแบบนี้ในสังคมบ่อยๆ แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยว่าจะมาเกิดกับเราได้ โดยเฉพาะจากคนใกล้ชิด ที่เราไว้ใจ เช่นรุ่นพี่ที่เราเคารพคนหนึ่ง
เรื่องมีอยู่ว่า
ที่ฝึกงานเก่ามีนัด reunion พนง. ทั้งเก่าและใหม่ พี่เต้ (นามสมมติ) มาชวนเราไปจอยกับพรรคพวกด้วย เราจึงตอบตกลง เราไปกินข้าวด้วยกัน ประมาณ 5-6 คน หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปต่อร้านเหล้า นั่งคุยกัน 5 คนจนดึก ต่างแยกย้ายกันกลับไป ตอนนั้นเราเริ่มมีอาการมึนๆ และทรงตัวไม่อยู่ แต่ไม่ถึงกับเมา แน่ใจว่าตัวเองขับรถกลับที่พักไม่ไหว พี่เต้เลยแนะนำให้พักที่ทำงานเก่า ซึ่งมีห้องพักสำหรับพนง. แต่พอเราไปถึง ปรากฏว่า ห้องพักเต็มหมดแล้ว เราเลยนั่งคุยกันต่อนอกออฟฟิศ พี่เต้เสนอว่า ในเมื่อเราขับรถไม่ไหว ก็ไปพักที่โรงแรมข้างที่ทำงานไหม เพราะห้องพักที่นี่ (ที่ทำงาน) ก็เต็มหมดแล้ว อีกอย่างถ้าเราหานอนตามห้องรับแขก มันก็ไม่เหมาะสมอีก เพราะคนอื่นไม่รู้ อาจคิดว่าเราสองคนมาทำอะไรไม่เหมาะสมกัน (แล้วไปเปิดห้องนอนกันสองคน มันเหมาะสมตรงไหนวะ? ) เราอ้ำอึ้ง พี่เต้เลยรีบชิงพูดว่า มันมีเตียงคู่ เราสามารถนอนแยกเตียงกันได้ เราเอง ตอนนั้น ฟังทุกอย่างรู้เรื่อง แต่ความสามารถในการตัดสินใจต่ำมากๆ เลยเออออห่อหมกไป ถึงแม้ลึกๆ จะรู้สึกตะหงิดๆ ก็ตาม แต่ก็คิดว่า พี่เต้คงไม่ฉวยโอกาสเราหรอก เพราะ เขาก็รู้จักพ่อแม่เรา รวมถึงเพื่อนก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน อีกทั้งรั้วโรงแรมอยู่ติดที่ทำงานเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถวิ่งมาขอความช่วยเหลือคนอื่นได้ทันที คิดได้ดังนั้นก็เลยตัดสินใจไป พอไปถึงปรากฏว่า เป็นห้องเตียงเดี่ยว เอาไงล่ะ... เราอึ้งไปอีกรอบสอง พี่เต้เลยรีบชิงพูดขึ้นมาว่า "พี่นอนบนพื้นก็ได้ เธอก็นอนบนเตียงไป" เราก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง โดยไม่ได้นึกถึงหายนะที่กำลังจะติดตามมาหลังจากนี้
หลังจากไปถึงห้องพัก เราก็แยกมุมกันนอน..
ระหว่างนั้นก็นอนคุยกันเล่นๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป อยู่ๆ พี่เต้ก็ชวนเราพูดถึงแฟนเก่าเรา (จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าเผาอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่าให้พี่เขาฟังไปบ้าง) พูดไปพูดมา พี่เต้ก็สารภาพว่า เขาชอบเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว แต่แฟน(เก่า)เราดันมาจีบเราซะก่อน พี่เขาเลยต้องถอยออกมา บลาๆ เราก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป (ทั้งๆ ที่ในใจเริ่มมีความกลัวเข้ามาเกาะกิน) ทันใดนั้น พี่เต้ก็พุ่งตัวเข้ามาหาเรา พยายามจะจูบเรา แต่เราไหวตัวทัน รีบผลักพี่เต้ออกไป แล้วขอร้องเขาว่าอย่าทำกับเราแบบนี้ เราไว้ใจเขานะ เราคิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่ง แต่พี่เขากลับบอกว่า เขาไม่ได้คิดกับเราแค่น้องสาว เขาชอบเรามาก พร้อมๆ กับใช้กำลังปลุกปล้ำเรา เรากลัวมาก ตอนนั้นคิดถึงพ่อแม่จับใจ โกรธตัวเองด้วย ทำไมต้องพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมต้องไว้ใจคนอื่นขนาดนี้ เราพยายามพูดจาประนีประนอมกับพี่เต้ ใช้เวลากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ประมาณสี่ชั่วโมง เราขัดขืนเต็มที่และขอร้องแกมขู่อยู่ประมาณสี่ชั่วโมง จนพี่เขาก็เหมือนจะรู้สึกผิด ก้มลงไปกราบเรา ขอโทษเรา เราบอกว่า เราไม่ถือโทษ ไม่โกรธและจะไม่เอาเรื่องกับพี่เขาด้วย แต่ปล่อยเรากลับเถอะ เราไม่สบายใจจะอยู่ที่นี่ พี่นอนที่นี่ไปคนเดียวเถอะ (ตอนนั้นคืออาการมึนหัว ทรงตัวไม่อยู่หายเป็นปลิดทิ้งเลย ความกลัว ความตกใจ สัญชาตญาณบอกว่า ต้องรอดเข้ามาแทนที่) แต่พี่เต้ก็ไม่ยอมให้เราไปไหน พยายามฉุดรั้งเราไว้ พอเราทำทีจะออกห้อง เขาก็รีบปรี่เข้ามาจับเรากดลงบนเตียง พยายามกอดรัดฟัดเหวี่ยงเราเหมือนเดิมอีก สลับกับยกมือไหว้ขอโทษเรา ทำแบบนี้ซ้ำๆ ซากๆ ทั้งคืน จนเราต้องพูดแรงๆ ว่า "ถ้าพี่ยังไม่หยุดสิ่งที่พี่ทำตอนนี้ หนูจะไม่คุยกับพี่ตลอดชีวิต แล้วจะไม่กลับมาเหยียบที่ทำงานเก่านี่อีกเลย" ได้ผลค่ะ... พี่เขามีท่าทีอ่อนลง ผงะถอยไป ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด เราลองเปลี่ยนท่าที เป็นอยู่นิ่งๆ แทน จ้องมองพี่เขาด้วยสายตาจริงจัง และสัญญาว่าจะอยู่ในห้องจนกว่าจะเช้า แล้วค่อยไป ตามที่พี่เขาขอ แต่เราต้องอยู่คนละมุมนะ... พี่ห้ามมาทำอะไรหนูนะ เขาก็ฟังตาม พอเช้า เราก็เดินออกมาจากโรงแรมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจเราภาวนาอยากกลับที่พักเร็วๆ พอถึงที่ทำงาน คว้ามอเตอร์ไซค์ได้ เรารีบขับกลับแบบไม่หันกลับไปมองพี่เขาซึ่งมาส่งและชะเง้อมองตามเลยค่ะ
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้ร่างกายเราจะไม่ถูกข่มขืน แต่สำหรับเรา จิตใจเรา...โดนข่มขืนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เรารู้สึกเหมือนเขาทำกับเราไม่ใช่คน...ไม่ให้เกียรติเรา (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้ไม่นาน และรู้ด้วยว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหน) ปากเขาบอกว่า ชอบเรา แต่นี่หรือคือวิธีที่เขาปฏิบัติกับคนที่ชอบ...? และที่สำคัญ เขายอมรับกับเราว่า เขาไม่ได้เมา และทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาแพลนไว้แล้ว รู้แบบนี้เรายิ่งกลัว และหมดความนับถือศรัทธาไปอีก ความสัมพันธ์พี่น้อง เพื่อนร่วมงานที่ผ่านมาเป็นปี พังพินาศไปภายในคืนเดียวเพราะน้ำเมา... เรากลับมาเหมือนคนไร้วิญญาณ พยายามข่มตาหลับขับตานอน พยายามทำตัวยุ่ง แต่มันก็ไม่ช่วย เลวร้ายยิ่งกว่า การโดนคนที่รักทำเหมือนเราไม่มีค่า ก็คือ การโดนคนที่เราไม่ได้รัก (และไม่รักเรา) มาทำเหมือนเราไม่มีค่ามากกว่า... เรารู้สึกมีมลทิน ฝันร้าย และเครียดมาก จนไม่รู้จะทำยังไงตอนนี้ พอมีวิธีรักษา บำบัดบ้างไหมคะ เราอายมาก มันเป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจเรา และทำให้เราไม่สามารถโฟกัสกับชีวิตประจำวันได้เลย ตอนนี้เราหลอนมากถึงขนาดอาจตัดโอกาสตัวเองโดยการไม่ไปเจอกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เคารพนับถือคนอื่นๆ ด้วยเกรงว่าจะเจอ พี่เต้อีก... เราอยากจะ unfriend เขาใจแทบขาด อยากตัดเขาออกจากวงจรชีวิตไปเลย แต่ก็ทำไมได้ เพราะได้พูดไปแล้วว่า ให้อภัยเขา และยังคุยกันได้เหมือนเดิม เราควรทำอย่างไรดีคะ? เราเครียดมาก อึดอัด อับอายมาก ณ จุดนี้
ขอคำปรึกษาด้วยนะคะ กรุณาอย่าซ้ำเติมกันอีกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องของเราอ่านแล้ว ใครจะคิดว่าเป็นเรื่องจริงหรือนิยาย ก็แล้วแต่วิจารณญาณเถอะค่ะ ถ้าคุณคิดว่ามันเป็นนิยายและสบายใจจะมาแขวะเรา ขอบอกเลยว่าคุณกำลังซ้ำเติมปัญหาเรื่อง การล่วงละเมิดทางเพศ ซึ่งมันส่อได้ดีว่า ความคิดของคุณถูกหล่อหลอมมาเป็นคนแบบไหน ตระหนักถึงปัญหา เข้าใจผู้อื่นมากแค่ไหน? กรุณาอย่าคอมเม้นอะไรที่มันแสดงถึงความไร้วุฒิภาวะ/ทำให้คนอื่นวิตกจริตไปมากกว่านี้เลยค่ะ ถ้าสิ่งที่คุณถ่ายทอดออกมาผ่านนิ้วมืองามๆของคุณไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร กรุณาพิจารณาอีกครั้ง อย่าสักแต่คิดว่า นี่คือ สิทธิ์ เสรีภาพ... สิทธิ และเสรีภาพที่ดีจะไม่ทำให้ใครต้องเดือดร้อนค่ะ ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่าน ตลอดจนให้คำปรึกษาที่มีประโยชน์ ส่วนประเภทที่เข้ามาแขวะว่า เราโรคจิต ทำเป็นนิยายไป เราหวังว่าถ้าเรื่องที่มันเกิดขึ้นกับเรา เกิดขึ้นกับคนที่คุณรักบ้าง ถึงวันนั้นคุณอาจเข้าใจว่าเจ็บปวดแค่ไหนที่ต้องเผชิญเรื่องนี้เพียงลำพัง ต้องการกำลังใจ แต่กลับถูกสังคมซ้ำเติมในขณะที่ถูกมองว่าเป็นโรคจิต เรียกร้องความสนใจ!
ชีวิตจริงยิ่งกว่านิยาย...ถูกรุ่นพี่ที่รู้จัก(พยายาม)ข่มขืน จิตตกมาก ทำยังไงดี?
เรื่องมีอยู่ว่า
ที่ฝึกงานเก่ามีนัด reunion พนง. ทั้งเก่าและใหม่ พี่เต้ (นามสมมติ) มาชวนเราไปจอยกับพรรคพวกด้วย เราจึงตอบตกลง เราไปกินข้าวด้วยกัน ประมาณ 5-6 คน หลังจากกินข้าวเสร็จก็ไปต่อร้านเหล้า นั่งคุยกัน 5 คนจนดึก ต่างแยกย้ายกันกลับไป ตอนนั้นเราเริ่มมีอาการมึนๆ และทรงตัวไม่อยู่ แต่ไม่ถึงกับเมา แน่ใจว่าตัวเองขับรถกลับที่พักไม่ไหว พี่เต้เลยแนะนำให้พักที่ทำงานเก่า ซึ่งมีห้องพักสำหรับพนง. แต่พอเราไปถึง ปรากฏว่า ห้องพักเต็มหมดแล้ว เราเลยนั่งคุยกันต่อนอกออฟฟิศ พี่เต้เสนอว่า ในเมื่อเราขับรถไม่ไหว ก็ไปพักที่โรงแรมข้างที่ทำงานไหม เพราะห้องพักที่นี่ (ที่ทำงาน) ก็เต็มหมดแล้ว อีกอย่างถ้าเราหานอนตามห้องรับแขก มันก็ไม่เหมาะสมอีก เพราะคนอื่นไม่รู้ อาจคิดว่าเราสองคนมาทำอะไรไม่เหมาะสมกัน (แล้วไปเปิดห้องนอนกันสองคน มันเหมาะสมตรงไหนวะ? ) เราอ้ำอึ้ง พี่เต้เลยรีบชิงพูดว่า มันมีเตียงคู่ เราสามารถนอนแยกเตียงกันได้ เราเอง ตอนนั้น ฟังทุกอย่างรู้เรื่อง แต่ความสามารถในการตัดสินใจต่ำมากๆ เลยเออออห่อหมกไป ถึงแม้ลึกๆ จะรู้สึกตะหงิดๆ ก็ตาม แต่ก็คิดว่า พี่เต้คงไม่ฉวยโอกาสเราหรอก เพราะ เขาก็รู้จักพ่อแม่เรา รวมถึงเพื่อนก็อยู่ในแวดวงเดียวกัน อีกทั้งรั้วโรงแรมอยู่ติดที่ทำงานเลย ถ้าเกิดอะไรขึ้น เราก็สามารถวิ่งมาขอความช่วยเหลือคนอื่นได้ทันที คิดได้ดังนั้นก็เลยตัดสินใจไป พอไปถึงปรากฏว่า เป็นห้องเตียงเดี่ยว เอาไงล่ะ... เราอึ้งไปอีกรอบสอง พี่เต้เลยรีบชิงพูดขึ้นมาว่า "พี่นอนบนพื้นก็ได้ เธอก็นอนบนเตียงไป" เราก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาอีกนิดหนึ่ง โดยไม่ได้นึกถึงหายนะที่กำลังจะติดตามมาหลังจากนี้
หลังจากไปถึงห้องพัก เราก็แยกมุมกันนอน..
ระหว่างนั้นก็นอนคุยกันเล่นๆ เพื่อไม่ให้บรรยากาศมันเงียบจนเกินไป อยู่ๆ พี่เต้ก็ชวนเราพูดถึงแฟนเก่าเรา (จำไม่ค่อยได้เหมือนกันว่าเผาอะไรเกี่ยวกับแฟนเก่าให้พี่เขาฟังไปบ้าง) พูดไปพูดมา พี่เต้ก็สารภาพว่า เขาชอบเราตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว แต่แฟน(เก่า)เราดันมาจีบเราซะก่อน พี่เขาเลยต้องถอยออกมา บลาๆ เราก็ได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อนไป (ทั้งๆ ที่ในใจเริ่มมีความกลัวเข้ามาเกาะกิน) ทันใดนั้น พี่เต้ก็พุ่งตัวเข้ามาหาเรา พยายามจะจูบเรา แต่เราไหวตัวทัน รีบผลักพี่เต้ออกไป แล้วขอร้องเขาว่าอย่าทำกับเราแบบนี้ เราไว้ใจเขานะ เราคิดกับเขาแค่พี่ชายคนหนึ่ง แต่พี่เขากลับบอกว่า เขาไม่ได้คิดกับเราแค่น้องสาว เขาชอบเรามาก พร้อมๆ กับใช้กำลังปลุกปล้ำเรา เรากลัวมาก ตอนนั้นคิดถึงพ่อแม่จับใจ โกรธตัวเองด้วย ทำไมต้องพาตัวเองมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมต้องไว้ใจคนอื่นขนาดนี้ เราพยายามพูดจาประนีประนอมกับพี่เต้ ใช้เวลากอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่ประมาณสี่ชั่วโมง เราขัดขืนเต็มที่และขอร้องแกมขู่อยู่ประมาณสี่ชั่วโมง จนพี่เขาก็เหมือนจะรู้สึกผิด ก้มลงไปกราบเรา ขอโทษเรา เราบอกว่า เราไม่ถือโทษ ไม่โกรธและจะไม่เอาเรื่องกับพี่เขาด้วย แต่ปล่อยเรากลับเถอะ เราไม่สบายใจจะอยู่ที่นี่ พี่นอนที่นี่ไปคนเดียวเถอะ (ตอนนั้นคืออาการมึนหัว ทรงตัวไม่อยู่หายเป็นปลิดทิ้งเลย ความกลัว ความตกใจ สัญชาตญาณบอกว่า ต้องรอดเข้ามาแทนที่) แต่พี่เต้ก็ไม่ยอมให้เราไปไหน พยายามฉุดรั้งเราไว้ พอเราทำทีจะออกห้อง เขาก็รีบปรี่เข้ามาจับเรากดลงบนเตียง พยายามกอดรัดฟัดเหวี่ยงเราเหมือนเดิมอีก สลับกับยกมือไหว้ขอโทษเรา ทำแบบนี้ซ้ำๆ ซากๆ ทั้งคืน จนเราต้องพูดแรงๆ ว่า "ถ้าพี่ยังไม่หยุดสิ่งที่พี่ทำตอนนี้ หนูจะไม่คุยกับพี่ตลอดชีวิต แล้วจะไม่กลับมาเหยียบที่ทำงานเก่านี่อีกเลย" ได้ผลค่ะ... พี่เขามีท่าทีอ่อนลง ผงะถอยไป ก้มหน้าด้วยความรู้สึกผิด เราลองเปลี่ยนท่าที เป็นอยู่นิ่งๆ แทน จ้องมองพี่เขาด้วยสายตาจริงจัง และสัญญาว่าจะอยู่ในห้องจนกว่าจะเช้า แล้วค่อยไป ตามที่พี่เขาขอ แต่เราต้องอยู่คนละมุมนะ... พี่ห้ามมาทำอะไรหนูนะ เขาก็ฟังตาม พอเช้า เราก็เดินออกมาจากโรงแรมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ในใจเราภาวนาอยากกลับที่พักเร็วๆ พอถึงที่ทำงาน คว้ามอเตอร์ไซค์ได้ เรารีบขับกลับแบบไม่หันกลับไปมองพี่เขาซึ่งมาส่งและชะเง้อมองตามเลยค่ะ
เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น แม้ร่างกายเราจะไม่ถูกข่มขืน แต่สำหรับเรา จิตใจเรา...โดนข่มขืนไปเรียบร้อยแล้วค่ะ เรารู้สึกเหมือนเขาทำกับเราไม่ใช่คน...ไม่ให้เกียรติเรา (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเราเพิ่งเลิกกับแฟนมาได้ไม่นาน และรู้ด้วยว่าเราเจ็บปวดมากแค่ไหน) ปากเขาบอกว่า ชอบเรา แต่นี่หรือคือวิธีที่เขาปฏิบัติกับคนที่ชอบ...? และที่สำคัญ เขายอมรับกับเราว่า เขาไม่ได้เมา และทุกอย่างเป็นสิ่งที่เขาแพลนไว้แล้ว รู้แบบนี้เรายิ่งกลัว และหมดความนับถือศรัทธาไปอีก ความสัมพันธ์พี่น้อง เพื่อนร่วมงานที่ผ่านมาเป็นปี พังพินาศไปภายในคืนเดียวเพราะน้ำเมา... เรากลับมาเหมือนคนไร้วิญญาณ พยายามข่มตาหลับขับตานอน พยายามทำตัวยุ่ง แต่มันก็ไม่ช่วย เลวร้ายยิ่งกว่า การโดนคนที่รักทำเหมือนเราไม่มีค่า ก็คือ การโดนคนที่เราไม่ได้รัก (และไม่รักเรา) มาทำเหมือนเราไม่มีค่ามากกว่า... เรารู้สึกมีมลทิน ฝันร้าย และเครียดมาก จนไม่รู้จะทำยังไงตอนนี้ พอมีวิธีรักษา บำบัดบ้างไหมคะ เราอายมาก มันเป็นอะไรที่ติดอยู่ในใจเรา และทำให้เราไม่สามารถโฟกัสกับชีวิตประจำวันได้เลย ตอนนี้เราหลอนมากถึงขนาดอาจตัดโอกาสตัวเองโดยการไม่ไปเจอกับพี่ๆ เพื่อนๆ ที่เคารพนับถือคนอื่นๆ ด้วยเกรงว่าจะเจอ พี่เต้อีก... เราอยากจะ unfriend เขาใจแทบขาด อยากตัดเขาออกจากวงจรชีวิตไปเลย แต่ก็ทำไมได้ เพราะได้พูดไปแล้วว่า ให้อภัยเขา และยังคุยกันได้เหมือนเดิม เราควรทำอย่างไรดีคะ? เราเครียดมาก อึดอัด อับอายมาก ณ จุดนี้
ขอคำปรึกษาด้วยนะคะ กรุณาอย่าซ้ำเติมกันอีกเลย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้