เที่ยวประแส ทุ่งโปรงทอง กับกล้องตัวจิ๋วแต่แจ๋ว EOS M3
วันหยุดเสาร์อาทิตย์กับทริปสั้นๆและใกล้บ้าน แต่เป็นสถานที่ๆสวยงามเกินบรรยาย ปรกติแล้วผมจะชอบถ่ายภาพแสงทไวไลท์ช่วงเย็น ไม่ใช่ว่ามันสวยกว่าช่วงเช้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ตื่นมาสัมผัสกับแสงยามเช้าสักเท่าไร (ตื่นไม่ทัน 55+)....ไหนๆทริปนี้ก็เป็นทริปสั้นๆแล้ว ผมจึงได้โอกาสจัดทั้งแสงเช้าและแสงเย็น ประจวบเหมาะกับได้ยืมกล้อง EOS M3 มาพอดี เป็นกล้องตัวเล็กหน้าตา เป็นมิตร ใช้งานง่ายการคอนโทรลไม่ต่างจาก DSLR เลย ผมเลยไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่กับกล้อง mirror less เพราะปรกติใช้ DSLR อย่าง 60D และ 6D อยู่แล้วครับ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นทริปสั้นๆ ผมจึงอยากได้แสงเช้าทั้งสองเช้า คือเสาร์และอาทิตย์ ผมเลยออกเดินทางมุ่งสู่สะพานประแสสินเพื่อให้ถึงที่หมายประมาณเวลา 05.30 น. ไฟสะพานสวยงามมากๆ ทอดยาวให้เห็นเป็นเส้นสายตามความยาวของสะพาน ว่าแล้วผมก็หยิบเจ้า M3 ออกมาลั่นชัตเตอร์บนสะพาน ทดสอบแฉกไฟ กับเลนส์ Kit 18-55 ซะหน่อย ภาพที่ได้แฉกไฟสวยดีครับ ส่วนตัวผมชอบแฉกเยอะๆแบบนี้ครับมันสวยดี ภาพนี้ถ่ายที่ F8
จากนั้นผมก็ขับลงสะพานเพื่อที่จะไปฝั่งแหลมสน เพราะผมตั้งใจจะไปรอพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานปลาแหลมสน ซึ่งจุดนี้ เราจะสามารถมองเห็นพิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงประแสได้ชัดเจน ...แสงอ่อนๆเริ่มปรากฏให้เห็น ผมเซตค่ากล้อง พร้อมขาตั้ง และเริ่มรัวชัตเตอร์แข่งกับแสงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่พระอาทิตย์ก็ไม่ขึ้นมาเป็นดวงกลมโต อย่างที่ผมตั้งใจไว้
จากการทดลองถ่ายภาพในที่แสงค่อนข้างน้อย กล้อง M3 ก็โฟกัสได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
ตอนแรกผมคิดว่าผมจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบเต็มดวงซะแล้ว เพราะสภาพท้องฟ้าค่อนข้างคลึ้ม อาจเป็นเพราะฝนที่ตกลงมาก่อนหน้าที่ผมจะมาถึง ผมก็เลยขับรถย้อนกลับมาที่สะพานประแสสิน อีกครั้ง แต่ในขณะที่รถกำลังจะขึ้นสะพานนั้น พระอาทิตย์ดวงกลมโตก็เริ่มโผล่พ้นหมู่เมฆขึ้นมา ผมเลยตัดสินใจจอดรถ บนสะพานเพื่อที่จะเก็บภาพพระอาทิตย์อีกครั้ง ขณะที่ผมก้มๆเงยๆ เซ็ตค่ากล้องและชุนละมุนกับขาตั้งกล้องอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นซากเรือประมงขนาดใหญ่ที่ใต้สะพาน ผมก็ไม่รอช้า รีบวิ่งลงบันใดสะพานพร้อมกล้อง M3 และขาตั้งกล้องด้วยใจจดจ่อจะเก็บภาพพระอาทิตย์ให้ได้ แต่ลงไปเกือบถึงด้านล่างก็ต้องกล้าๆกลัวๆ เพราะดันมีเจ้าถิ่นคอยเห่ารับกันเกรียวกราว และแล้วผมก็ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นอย่างที่อยากได้ครับ แต่ด้วยระยะเลนส์ 18-55 mm (เลนส์ kit) ทำให้ได้ดวงอาทิตย์ดวงไม่ใหญ่เท่าไร ถ้ามีโอกาสและงบประมาณในอนาคตคงต้องหาเลนส์ทางยาวโฟกัสมากกว่านี้มาติดเจ้า M3 ซะแล้ว เพราะได้ยินมาว่าเจ้ากล้องตัวนี้สามารถใช้เลนส์กล้อง DSLR ของ Canon ได้โดยเชื่อมต่อด้วยอแดปเตอร์ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะผมเองก็มีเลนส์ canon อยู่หลายตัว...สรุปว่าเช้าเดียวผมจัดไปหลาย ชอต เลยล่ะครับ ถ่ายสนุกจริงๆ
ได้พระอาทิตย์มาแค่เนี๊ย 555+ แต่ก็ยังได้มาตามที่ต้องการครับ
ซากเรือที่อยู่ใต้สะพานครับ มุมนี้สวยมากๆเลย แต่น่าจะเก็บด้วยเลนส์มุมกว่างกว่านี้ เช่น 10-18 mm หรือ 10-22 mm. น่าจะได้ภาพที่สมบูรณ์กว่านี้ครับ
แล้วผมก็เริ่มหาที่พักใกล้ๆ ก่อนครับ ผมลองขับรถเข้าไปในตลาดประแส สองข้างทางเป็นตลาดเก่าโบราณ บรรยากาศสบายๆ ขับชมตลาดเพลินๆผมก็เห็นป้ายที่พัก ชื่อ ชนะชลโฮมสเตย์ เป็นบ้านไม้หลังใหญ่สะอาดสะอ้าน ผมเลยจอดรถที่ศาลเจ้าใกล้ๆ เดินไปสอบถามทันที เจ้าของอัธยาศัยดีมากครับ พาชมห้องพักและพูดคุยเป็นกันเอง ผมเลยตกลงพักที่นี่ในคืนนี้
หลังจากได้ที่พักของคืนนี้เรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เพื่อนผมจากพัทยา บอกว่าจะพาครอบครัวมาเที่ยวหาพอดี เข้าทางผมเลยครับ เพราะเพื่อนผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน จุดนัดพบของเราก็คือ ทางเดินศึกษาธรรมชาติประแส – ทุ่งโปรงทอง จุดชมพระอาทิตย์ตก
เมื่อทุกคนรวมตัวกันตามเวลาที่นัดหมายแล้ว พวกเราก็เริ่มเดินไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ทุ่งโปรงทอง ผมคิดในใจ ดีเลยได้มีนายแบบนางแบบมาให้ลองกล้องด้วย เพราะอยากเทสเจ้า M3 กับการถ่ายภาพคนอยู่แล้วด้วยครับ
การถ่ายภาพเคลื่อนไหวถือว่ากล้อง M3 โฟกัสได้เร็วพอใช้ครับ ปรกติผมจะใช้โหมด M ถ่ายภาพเสมอและคราวนี้ก็เช่นเคย การใช้งานเหมือนกับกล้อง DSLR ทุกอย่างเลยครับ ปุ่มปรับค่าต่างๆแค่มันถูกย่อส่วนให้เล็กลงและไม่มีช่องมองภาพเท่านั้น ยิ่งถ่ายยิ่งเพลินครับ
วันนี้น้ำใสและนิ่งมากๆครับ ราวกับกระจกสะท้อนภาพบานใหญ่ ที่สะท้อนความงามของโลกทั้งสองด้านไว้อย่างลงตัว
ภาพนี้ผมให้ภรรยากดให้ อย่างที่บอกว่า M3 เป็นกล้องที่ใช้งานง่ายครับ แม้คนที่ไม่ค่อยได้จับกล้องเท่าไรอย่างภรรยาผม ก็ยังสอนให้ถ่ายได้ง่ายๆ เพราะมีหน้าจอทัชสกรีนด้วย ความรู้สึกจึงเหมือนใช้มือถือถ่ายภาพเล่นๆครับ แต่ได้ไฟล์ภาพระดับ 24 ล้านพิกเซล คุณภาพสูงเช่นเดียวกับไฟล์ภาพจากกล้อง DSLR เลยล่ะครับ แต่ด้วยขนาดของมันที่ดูเล็กและเป็นมิตรนี่เองที่ขัดใจ ผมเพราะมันเล็กไปหน่อยกับมือผม แต่ดันไปเหมาะกับมือของภรรยาผมซะงั้น สงสัยจะโดนยึดแน่ๆ 555+
หลังจากเดินเล่นไปถ่ายภาพกันไปเพลินๆ และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ครับ ทุ่งโปรงทอง ต้นโปรงทองที่ขึ้นสูงระดับทางเดินไม้ สวยงามตระหง่านยุ่เบื้องหน้าพวกเรา ผมก็ไม่รอช้าล่ะครับรีบกดชัตเตอร์อย่างรัวๆๆๆๆ เพราะเมื่อพวกเราเดินมาถึงตรงนี้ แสงอาทิตย์ก็เริ่มจะอ่อนแรงลงเพราะขณะนี้เวลาประมาณ 17.30 น.
บรรยากาศร่มรื่นมากๆครับ สีเขียวของป่าโกงกาง บวกกับ สีเขียวอ่อนๆของต้นโปรงทอง ทำให้บริเวณนี้เป็นเหมือนสวรรค์ของคนชอบถ่ายภาพอย่างพวกเราไปเลยครับ
สีสันของเจ้า M3 ถือว่าให้สีที่เป็นธรรมชาติดีมากครับ ผมตั้ง White Balance ไว้ที่ Auto ตลอดทริปนี้ครับ ถือว่า White Balance แม่นยำดีทีเดียว แต่ถ้าถ่ายย้อนแสงตรงๆ อาจจะเกิดแฟร์ ได้ง่ายครับ
จากนั้นพวกเราเดินกลับที่พัก ชนะชลโฮมสเตย์ ทานอาหารค่ำพร้อมกับ อัพภาพผ่าน wifi ไปอวดเพื่อนๆในเฟสบุ๊ค โดยการเชื่อมต่อกับมือถือได้เลยเพราะ M3 มี Wifi มาให้ด้วยสะดวกมากจริงๆ พรุ่งนี้ผมกับเพื่อนนัดกันไปเก็บแสงเช้าที่ทุ่งโปรงทองอีกครั้ง เพราะหลังจากที่เดินกลับเราสังเกตุเห็นว่าทิศทางการขึ้นของพระอาทิตย์น่าจะทำให้เราได้ภาพสวยๆจากที่นี่ได้อีก
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ตี 05.00 น. ผมกับเพื่อนเดินทางไปทุ่งโปรงทองซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 1 กม. พกอุปกรณ์ ไฟฉาย ขาตั้งกล้อง พร้อมกับยากันยุง (ขาดไม่ได้เด็ดขาดนะครับ) รอแสงยามเช้า แล้วภาพที่ผมได้มาก็เป็นแบบนี้ครับ คิดถึงวันนั้นแล้วฟินจริงๆ
เช้านี้เป็นเช้าที่อากาศเป็นใจให้พวกเรามากๆครับ แสงยามเช้าสวยงามมาก
ที่ทุ่งโปรงทองประแส จ.ระยอง มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะจริงๆครับ
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง เพราะเราจะได้เก็บทั้ง สะพานไม้ แสงเช้า และเงาสะท้อนของต้นโกงกางใหญ่น้อย
สรุปว่าผมได้เก็บแสงทั้งเช้าและเย็น อย่างที่ได้ตั้งใจไว้ ....จบทริป กับวันหยุดสั้นๆเสาร์-อาทิตย์นี้ ด้วยความประทับใจได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ กับกล้อง EOS M3 ที่จิ๋วแต่แจ๋ว ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ เป็นรีวิวแรกของผมเลย ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ และถ้าเพื่อนๆมีเวลาก็ออกไปโอบกอดธรรมชาติ โอบกอดเมืองไทย ออกไปค้นหามุมมองใหม่ๆในการถ่ายภาพ ในการท่องเที่ยว และค้นหาความสงบสุขให้กับชีวิตเราบ้างนะครับ.
[SR] เที่ยวประแสร์ ทุ่งโปรงทอง กับกล้องตัวจิ๋วแต่แจ๋ว EOS M3
วันหยุดเสาร์อาทิตย์กับทริปสั้นๆและใกล้บ้าน แต่เป็นสถานที่ๆสวยงามเกินบรรยาย ปรกติแล้วผมจะชอบถ่ายภาพแสงทไวไลท์ช่วงเย็น ไม่ใช่ว่ามันสวยกว่าช่วงเช้าแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะผมไม่ค่อยได้ตื่นมาสัมผัสกับแสงยามเช้าสักเท่าไร (ตื่นไม่ทัน 55+)....ไหนๆทริปนี้ก็เป็นทริปสั้นๆแล้ว ผมจึงได้โอกาสจัดทั้งแสงเช้าและแสงเย็น ประจวบเหมาะกับได้ยืมกล้อง EOS M3 มาพอดี เป็นกล้องตัวเล็กหน้าตา เป็นมิตร ใช้งานง่ายการคอนโทรลไม่ต่างจาก DSLR เลย ผมเลยไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่กับกล้อง mirror less เพราะปรกติใช้ DSLR อย่าง 60D และ 6D อยู่แล้วครับ
อย่างที่บอกไปแล้วว่าเป็นทริปสั้นๆ ผมจึงอยากได้แสงเช้าทั้งสองเช้า คือเสาร์และอาทิตย์ ผมเลยออกเดินทางมุ่งสู่สะพานประแสสินเพื่อให้ถึงที่หมายประมาณเวลา 05.30 น. ไฟสะพานสวยงามมากๆ ทอดยาวให้เห็นเป็นเส้นสายตามความยาวของสะพาน ว่าแล้วผมก็หยิบเจ้า M3 ออกมาลั่นชัตเตอร์บนสะพาน ทดสอบแฉกไฟ กับเลนส์ Kit 18-55 ซะหน่อย ภาพที่ได้แฉกไฟสวยดีครับ ส่วนตัวผมชอบแฉกเยอะๆแบบนี้ครับมันสวยดี ภาพนี้ถ่ายที่ F8
จากนั้นผมก็ขับลงสะพานเพื่อที่จะไปฝั่งแหลมสน เพราะผมตั้งใจจะไปรอพระอาทิตย์ขึ้นที่สะพานปลาแหลมสน ซึ่งจุดนี้ เราจะสามารถมองเห็นพิพิธภัณฑ์เรือรบหลวงประแสได้ชัดเจน ...แสงอ่อนๆเริ่มปรากฏให้เห็น ผมเซตค่ากล้อง พร้อมขาตั้ง และเริ่มรัวชัตเตอร์แข่งกับแสงที่สว่างขึ้นเรื่อยๆ แต่พระอาทิตย์ก็ไม่ขึ้นมาเป็นดวงกลมโต อย่างที่ผมตั้งใจไว้
จากการทดลองถ่ายภาพในที่แสงค่อนข้างน้อย กล้อง M3 ก็โฟกัสได้อย่างไม่มีปัญหาครับ
ตอนแรกผมคิดว่าผมจะไม่ได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นแบบเต็มดวงซะแล้ว เพราะสภาพท้องฟ้าค่อนข้างคลึ้ม อาจเป็นเพราะฝนที่ตกลงมาก่อนหน้าที่ผมจะมาถึง ผมก็เลยขับรถย้อนกลับมาที่สะพานประแสสิน อีกครั้ง แต่ในขณะที่รถกำลังจะขึ้นสะพานนั้น พระอาทิตย์ดวงกลมโตก็เริ่มโผล่พ้นหมู่เมฆขึ้นมา ผมเลยตัดสินใจจอดรถ บนสะพานเพื่อที่จะเก็บภาพพระอาทิตย์อีกครั้ง ขณะที่ผมก้มๆเงยๆ เซ็ตค่ากล้องและชุนละมุนกับขาตั้งกล้องอยู่นั้น ผมก็เหลือบไปเห็นซากเรือประมงขนาดใหญ่ที่ใต้สะพาน ผมก็ไม่รอช้า รีบวิ่งลงบันใดสะพานพร้อมกล้อง M3 และขาตั้งกล้องด้วยใจจดจ่อจะเก็บภาพพระอาทิตย์ให้ได้ แต่ลงไปเกือบถึงด้านล่างก็ต้องกล้าๆกลัวๆ เพราะดันมีเจ้าถิ่นคอยเห่ารับกันเกรียวกราว และแล้วผมก็ได้ภาพพระอาทิตย์ขึ้นอย่างที่อยากได้ครับ แต่ด้วยระยะเลนส์ 18-55 mm (เลนส์ kit) ทำให้ได้ดวงอาทิตย์ดวงไม่ใหญ่เท่าไร ถ้ามีโอกาสและงบประมาณในอนาคตคงต้องหาเลนส์ทางยาวโฟกัสมากกว่านี้มาติดเจ้า M3 ซะแล้ว เพราะได้ยินมาว่าเจ้ากล้องตัวนี้สามารถใช้เลนส์กล้อง DSLR ของ Canon ได้โดยเชื่อมต่อด้วยอแดปเตอร์ซึ่งน่าสนใจมากๆ เพราะผมเองก็มีเลนส์ canon อยู่หลายตัว...สรุปว่าเช้าเดียวผมจัดไปหลาย ชอต เลยล่ะครับ ถ่ายสนุกจริงๆ
ได้พระอาทิตย์มาแค่เนี๊ย 555+ แต่ก็ยังได้มาตามที่ต้องการครับ
ซากเรือที่อยู่ใต้สะพานครับ มุมนี้สวยมากๆเลย แต่น่าจะเก็บด้วยเลนส์มุมกว่างกว่านี้ เช่น 10-18 mm หรือ 10-22 mm. น่าจะได้ภาพที่สมบูรณ์กว่านี้ครับ
แล้วผมก็เริ่มหาที่พักใกล้ๆ ก่อนครับ ผมลองขับรถเข้าไปในตลาดประแส สองข้างทางเป็นตลาดเก่าโบราณ บรรยากาศสบายๆ ขับชมตลาดเพลินๆผมก็เห็นป้ายที่พัก ชื่อ ชนะชลโฮมสเตย์ เป็นบ้านไม้หลังใหญ่สะอาดสะอ้าน ผมเลยจอดรถที่ศาลเจ้าใกล้ๆ เดินไปสอบถามทันที เจ้าของอัธยาศัยดีมากครับ พาชมห้องพักและพูดคุยเป็นกันเอง ผมเลยตกลงพักที่นี่ในคืนนี้
หลังจากได้ที่พักของคืนนี้เรียบร้อยแล้ว เสียงโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น เพื่อนผมจากพัทยา บอกว่าจะพาครอบครัวมาเที่ยวหาพอดี เข้าทางผมเลยครับ เพราะเพื่อนผมเป็นคนที่ชอบถ่ายภาพเหมือนกัน จุดนัดพบของเราก็คือ ทางเดินศึกษาธรรมชาติประแส – ทุ่งโปรงทอง จุดชมพระอาทิตย์ตก
เมื่อทุกคนรวมตัวกันตามเวลาที่นัดหมายแล้ว พวกเราก็เริ่มเดินไปในเส้นทางศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน ทุ่งโปรงทอง ผมคิดในใจ ดีเลยได้มีนายแบบนางแบบมาให้ลองกล้องด้วย เพราะอยากเทสเจ้า M3 กับการถ่ายภาพคนอยู่แล้วด้วยครับ
การถ่ายภาพเคลื่อนไหวถือว่ากล้อง M3 โฟกัสได้เร็วพอใช้ครับ ปรกติผมจะใช้โหมด M ถ่ายภาพเสมอและคราวนี้ก็เช่นเคย การใช้งานเหมือนกับกล้อง DSLR ทุกอย่างเลยครับ ปุ่มปรับค่าต่างๆแค่มันถูกย่อส่วนให้เล็กลงและไม่มีช่องมองภาพเท่านั้น ยิ่งถ่ายยิ่งเพลินครับ
วันนี้น้ำใสและนิ่งมากๆครับ ราวกับกระจกสะท้อนภาพบานใหญ่ ที่สะท้อนความงามของโลกทั้งสองด้านไว้อย่างลงตัว
ภาพนี้ผมให้ภรรยากดให้ อย่างที่บอกว่า M3 เป็นกล้องที่ใช้งานง่ายครับ แม้คนที่ไม่ค่อยได้จับกล้องเท่าไรอย่างภรรยาผม ก็ยังสอนให้ถ่ายได้ง่ายๆ เพราะมีหน้าจอทัชสกรีนด้วย ความรู้สึกจึงเหมือนใช้มือถือถ่ายภาพเล่นๆครับ แต่ได้ไฟล์ภาพระดับ 24 ล้านพิกเซล คุณภาพสูงเช่นเดียวกับไฟล์ภาพจากกล้อง DSLR เลยล่ะครับ แต่ด้วยขนาดของมันที่ดูเล็กและเป็นมิตรนี่เองที่ขัดใจ ผมเพราะมันเล็กไปหน่อยกับมือผม แต่ดันไปเหมาะกับมือของภรรยาผมซะงั้น สงสัยจะโดนยึดแน่ๆ 555+
หลังจากเดินเล่นไปถ่ายภาพกันไปเพลินๆ และแล้วเราก็มาถึงจุดหมายปลายทางในการเดินทางครั้งนี้ครับ ทุ่งโปรงทอง ต้นโปรงทองที่ขึ้นสูงระดับทางเดินไม้ สวยงามตระหง่านยุ่เบื้องหน้าพวกเรา ผมก็ไม่รอช้าล่ะครับรีบกดชัตเตอร์อย่างรัวๆๆๆๆ เพราะเมื่อพวกเราเดินมาถึงตรงนี้ แสงอาทิตย์ก็เริ่มจะอ่อนแรงลงเพราะขณะนี้เวลาประมาณ 17.30 น.
บรรยากาศร่มรื่นมากๆครับ สีเขียวของป่าโกงกาง บวกกับ สีเขียวอ่อนๆของต้นโปรงทอง ทำให้บริเวณนี้เป็นเหมือนสวรรค์ของคนชอบถ่ายภาพอย่างพวกเราไปเลยครับ
สีสันของเจ้า M3 ถือว่าให้สีที่เป็นธรรมชาติดีมากครับ ผมตั้ง White Balance ไว้ที่ Auto ตลอดทริปนี้ครับ ถือว่า White Balance แม่นยำดีทีเดียว แต่ถ้าถ่ายย้อนแสงตรงๆ อาจจะเกิดแฟร์ ได้ง่ายครับ
จากนั้นพวกเราเดินกลับที่พัก ชนะชลโฮมสเตย์ ทานอาหารค่ำพร้อมกับ อัพภาพผ่าน wifi ไปอวดเพื่อนๆในเฟสบุ๊ค โดยการเชื่อมต่อกับมือถือได้เลยเพราะ M3 มี Wifi มาให้ด้วยสะดวกมากจริงๆ พรุ่งนี้ผมกับเพื่อนนัดกันไปเก็บแสงเช้าที่ทุ่งโปรงทองอีกครั้ง เพราะหลังจากที่เดินกลับเราสังเกตุเห็นว่าทิศทางการขึ้นของพระอาทิตย์น่าจะทำให้เราได้ภาพสวยๆจากที่นี่ได้อีก
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้น ตี 05.00 น. ผมกับเพื่อนเดินทางไปทุ่งโปรงทองซึ่งห่างจากที่พักประมาณ 1 กม. พกอุปกรณ์ ไฟฉาย ขาตั้งกล้อง พร้อมกับยากันยุง (ขาดไม่ได้เด็ดขาดนะครับ) รอแสงยามเช้า แล้วภาพที่ผมได้มาก็เป็นแบบนี้ครับ คิดถึงวันนั้นแล้วฟินจริงๆ
เช้านี้เป็นเช้าที่อากาศเป็นใจให้พวกเรามากๆครับ แสงยามเช้าสวยงามมาก
ที่ทุ่งโปรงทองประแส จ.ระยอง มีมุมให้ถ่ายภาพเยอะจริงๆครับ
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงามอีกแห่งหนึ่ง เพราะเราจะได้เก็บทั้ง สะพานไม้ แสงเช้า และเงาสะท้อนของต้นโกงกางใหญ่น้อย
สรุปว่าผมได้เก็บแสงทั้งเช้าและเย็น อย่างที่ได้ตั้งใจไว้ ....จบทริป กับวันหยุดสั้นๆเสาร์-อาทิตย์นี้ ด้วยความประทับใจได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติแม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ กับกล้อง EOS M3 ที่จิ๋วแต่แจ๋ว ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบนะครับ เป็นรีวิวแรกของผมเลย ถ้าผิดพลาดขออภัยด้วยนะครับ และถ้าเพื่อนๆมีเวลาก็ออกไปโอบกอดธรรมชาติ โอบกอดเมืองไทย ออกไปค้นหามุมมองใหม่ๆในการถ่ายภาพ ในการท่องเที่ยว และค้นหาความสงบสุขให้กับชีวิตเราบ้างนะครับ.
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น