* * * * * ฝากชมคลิป น่ารักๆ DAY1 กับ DAY2 และขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของ”จมูกหมู” นะคะ * * * * *
DAY 1
DAY 2
ไม่ต้องพูดเลยนะว่ามันยากขนาดไหน กับการเดินทางไปเที่ยวทะเล “กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก”
ของชะนีอวบๆ อ้วนๆ นางนี้ (ฉันเองนามว่า ฝ้าย) ต้องบอกก่อนเลยนะว่าไม่เคยไปทะเลที่ไหนไกลนอกจาก ชะอำ หัวหิน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ้ายจะไปแตะขอบฟ้า ดูน้องปลา พายเรือคายัก นั่งทำหน้าสวยๆ ดูทะเลฝั่งอันดามัน โอ๊ย... แค่คิดก็ฟินนนแล้วอ่า
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ มีพี่ในที่ทำงานมาชวน เฮ้ย!!..ฝ้าย ไปกระบี่กันป่าว ?? 25-27 มีนาคม ไปป่ะ
แต่วันจันทร์ ต้องกลับมาทำงานนะขอย้ำมีประชุม !!
เอิ่ม...ประมวลผลแปปนะ Ok พี่ไปเลย ชวนๆไปเยอะๆ จะได้สนุก อยากใส่บิกินี่เดินเริศๆ ริมเล (ฝันไปไกลล่ะนางคนนี้) สรุปที่ทำงานไปกันแค่ 4 คน
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานก็เตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าที่หอบสัมภาระโน่นนี่นั่น โยนขึ้นรถแล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปรับ พี่เอ(นามสมมุติ)บ้านพี่แกอยู่กระบี่((ผู้จัดแจงทุกอย่างให้เราอย่างดีงาม พระรามแปด))
ขับรถชมวิวข้างทาง ผ่านหัวหิน เพชรบุรี โอ๊วว พระเจ้า รถมันติดอย่างนี้นั่งแง่วๆ ไปเรื่อยจากกำหนดการที่จะไปถึงตอนประมาณตี 5 มันก็คงเลยไปแล้วสินะ แต่ก็ไม่เป็นไรเน๊อะ !! ขับไปเรื่อยๆ แปปเดียวก็ถึง (จ้าคิดในใจ) พอหลุดจากที่รถติดๆแล้ว จุดมุ่งหมายแรกของทริปเลย
“ร้านอาหารครัวชาวป่า ประจวบฯ” เป็นร้านเพื่อนพี่เอ ร้านนี้ปิด 4 ทุ่มนะคะ แต่กว่าพวกเราจะถึงปาเข้าไปโน่น 5 ทุ่มครึ่งหึหึ ไม่เป็นไรหรอกเราโทรสั่งอาหารไว้เรียบร้อยละ ยังไงชะนีนางนี้ก็ต้องได้กินข้าวใช่ป่ะ(หิวๆ ดิ้นๆ แล้วอ่า)
นั่งรถมาถึงร้านน่ารัก จัดแนวลูกทุ่งคลาสสิก แสงไฟสีสวยๆ พี่เจ้าของร้านจัดเตรียมอาหารไว้รอเรียบร้อยแล้ว เมนูมื้อนี้จะมี กวางผัดเผ็ด ไข่ผัดใบเหลียง ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ต้มยำลูกทุ่งปลาคัง หน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อยมว๊ากกก พอกินจนอิ่มหนำสำราญใจ พี่แกเลยบอกว่าอาบน้ำก่อนไหม ? ต้องเดินทางอีกไกล ฝ้ายก็ไม่รอช้ากล่าวคำสวยๆ “ขอบคุณค่ะ” แล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำทันใด
กล่าวลาพี่เจ้าของร้านผู้น่ารัก แล้วรีบขึ้นรถเดินทางต่อกันเล้ยยย (ว่างๆก็ไปกินกันได้นะ รับรองจะติดใจ)
ระหว่างทางเจอร้านกล้วยจอดค่ะจอด อยากกินกล้วย มองหาคนขายไปไหนหน้า พี่อีกคนชี้โน่น...หลับ !! อ่าวไอ้เราก็ไม่กล้าปลุก เห็นนอนหลับอยู่เลยไม่กินละ ไปดีกว่า
ขับรถไปหลับไปน้ำลายยืดไป เฮ้ย!! ไม่ใช่ ก็คุยไปตลอดทางกลัวพี่คนขับจะหลับเพราะขับไกลมว๊ากก ถึงสุราษฎร์ธานี น้ำตาจะไหล มองไม่เห็นทางเลยจ้า หมอกนี่เต็มไปหมดเลยกลัวเกิดอุบัติเหตุ เลยต้องขับช้าๆ
ขับไปเรื่อยๆ ตื่นมาอีกทีตี 5 ละจ้านอนไม่หลับละตื่นเต้นเพราะตอนนี้เข้าเขตจังหวัดกระบี่แล้ว ฝ้ายก็นั่งมองทางไปเรื่อยๆ ต้นไม้ข้างทางเยอะมาก จนเห็นแสงสว่างสาดส่องเข้ามาในดวงตา หันหน้ามองกระจก
เฮ้ยตัวไรเนี่ย !! ตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย ไม่ได้ละอยากจะต้องหาที่ล้างหน้าล้างตา เมคอัพใบหน้าปกปิดร่องรอยตีนกาหน่อยแล้ว (อายมาก) สักพักก็แวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย
สถานที่แรกที่แวะเลยก็คือ ศาลเทวดาน้ำร้อน สักการบูชา เอาฤกษ์เอาชัย ซะหน่อย .. จากนั้นก็แช่น้ำร้อนเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากที่นั่งหลังขดหลังแข็ง กว่าจะมาถึงกระบี่
ขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาถึงร้านขนมจีนชื่อดัง ”ร้านโกจ้อย” เราก็สั่งขนมจีนน้ำยา ห่อหมก ไข่ต้ม ไก่ทอด มากินกันอย่างฟิน เพราะหิวโซท้องร้องจ๊อกๆกันมาเลย กินจนจุกค่ะ พูดเลอออ อร่อยทุกอย่าง
ออกจากร้านขนมจีน มุ่งหน้าไปบ้านพี่เจ ก่อนเลย เปลี่ยนเสื้อผ้าทาครีมกันแดดให้เรียบร้อย เราจะไปเที่ยวกัน .. เย้ เย้ ตื่นเต้นแล้วเนี่ย งานนี้พวกเราไม่ได้มาไปกันแค่ 5 คนนะ มีเด็กๆน่ารัก 2 คน กับแฟนพี่เออีกคนร่วมทางไปเที่ยวกัน
พี่เอบอกว่า งานนี้จะพาเที่ยวให้มากที่สุด เอาให้คุ้มเลย ที่แรกเลยเป็นทางผ่าน “เที่ยวน้ำพุร้อนกระบี่” มาผ่อนคลายความเมื่อยล้ากันสักหน่อย ก่อนที่จะไปสระมรกต ก่อนอื่นต้องแช่น้ำเย็นก่อนนะ ถึงจะไปแช่น้ำร้อนได้ เด็กๆ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลงสระน้ำเย็นก่อนเลย
พอขึ้นจากสระน้ำเย็นเดินมาลงสระน้ำร้อน เอาเท้าจุ่มลงไป จึ๋ยๆ ร้อนเหมือนกันนะเนี่ย ปล่อยให้พี่ๆ ลงไปก่อนดีกว่า ยังไม่อยากเปียกนะ 555
ถึงตาชะนีนางนี้ลงบ้างแล้ว พร้อม..!! โอ๊ๆ ร้อนใช้ได้เลยค่ะ ขาแทบสุก แต่อยู่ไปสักพักร่างกายค่อยๆ ปรับตัวได้ ชินค่ะ สบายละ เดินไปเดินมาในสระ แหวกว่ายยังกับอยู่ในท้องทะเลกว้าง ถ่ายรูปเล่นกันกับเด็ก ๆ แต่อยู่นานไม่ได้นะแดดร้อน น้ำร้อนอีก โอ๊ย... อะไรจะร้อนปานนี้ รีบขึ้นกันเถอะ
ขึ้นรถนั่งหลังกระบะเพราะเปียกจ้า จุดมุ่งหมายต่อไปคือ สระมรกตคงอีกไม่ไกลเน๊อะ ถ่ายรูปกันหน่อย ..
นั่งชมวิวไปมา ก็มาถึงสระมรกตแว้ววว รีบหยิบของหลังรถเอาไว้หน้ารถให้เรียบร้อย แล้วรีบเดินไปทางเข้าเลยจ๊ะ เสียค่าเข้าคนละ 20 บาทพร้อมเดินแล้วอยากบอกว่า “น้ำใสมากเลยอ่า เหมือนอยู่ในแก้วเลย” ยืนถ่ายรูปหมู่ซะหน่อย
เดินมานิดหน่อย ถึงทางแยก ซ้ายขวา ทางขวาระยะประมาณ 1400 เมตร ทางซ้าย 800 เมตร ฝ้ายเลยเลือกเดินทางซ้าย ดูธรรมชาติ ดูนก ชมไม้ ป่ะเริ่ม !!
และแล้วความฝันก็เป็นจริง พวกเราเดินมาถึงแล้ว ภาพแรกที่เห็น โอ๊ววว ทำไมมันสวยอย่างนี้ น้ำเป็นสีฟ้า อยากลงไปแหวกว่าย เป็นพะยูนใต้น้ำแล้ว ดิ้นๆๆ ไม่รอช้า ถอดหมวกแล้วลงไปเลย ..ตู้มม ๆ ดำผุดดำว่าย ถ่ายรูป งานนี้มาถ่ายใต้ทะเลกันจริงๆ
ถ่ายรูปใต้น้ำกันซะหน่อย บอกเลยว่า ถ่ายแล้วขาวเลยอะ น้ำสีฟ้าบวกแสงแดดยามเช้า ช่วยให้ชะนีนางนี้ที่ดำๆอย่าง ดูขาวออร่าเลยอ่า รูปออกมาสวยกุ้งกิ้ง 555
เวลา 11 โมงเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเยอะแล้ว รีบขึ้นเพราะเดี๋ยวเราจะต้องเดินทางไปพายเรือคายัก เวลาบ่ายโมง ข้าวปลายังไม่ได้กิน ใจมันเรียกร้องอ่า เดี๋ยวจะเป็นช้างตกมัน ฟาดงวง ฟาดงาไปทั่ว
แวะข้างทางกินข้าวขาหมูซะหน่อย ช่วยให้หายหิวไปเยอะเลย อิ่มพุงกางละ พลังงานพร้อมไปต่อที่อ่าวท่าเลน พายเรือคายัก
พวกเรานั่งเบียดกันอย่างแรง เพราะกระบะนั่งไม่ไหว แดดร้อนมาก มีหวังพวกเราสุกก่อนที่จะไปพายเรือแน่นอน
มาถึงแล้วจ้า “อ่าวท่าเลน” เตรียมตัวใส่เสื้อชูชีพให้เรียบร้อย แล้วไปดูแผนที่เส้นทางที่พวกเราจะพายเรือคายักไปสำรวจธรรมชาติ ดูลิง ดูน้ำ ดูทรายกันเต๊อะ
เริ่มลงเรือละ เก็บมือถือ กระเป๋าตัง ของจิปาถะไว้ในกระเป๋ากันน้ำ เตรียมตัวลงเรือ เราจองเรือไว้ 3 ลำ แบ่งกัน ให้เด็กนั่งตรงกลาง
ปะออกเรือเลยลูกเพ่ !! น้องพร้อมแล้วคร้า บึ๊ด จ้ํา บึ๊ด พายไป ลงทะเล เย้เย..
แวะมาจอดที่สันทรายกลางน้ำ ยืนได้นะคะ แช๊ะ ภาพกันนิดหน่อย
เข้ามาแล้วจ้า ปากซอยมีป้ายขาวๆ พายๆ น้ำแรงเหมือนกัน ไหนๆ อยากเห็นลิงแล้ว ฮ่าๆ
มีอุปสรรค์มากมายให้เราฟันฝ่า ในป่าชายเลนแห่งนี้ ไอ้เราก็ถ่ายรูป เก็บความสวยงามของธรรมชาติ ภาพนี้ต้องบอกว่าเราต้องนอนบนเรือนะ ไม่งั้นจะผ่านไปไม่ได้จ้า ความสามารถของพี่แกสุดยอด 555 เอ้ายิ้มหน่อย.....
พายไปชมธรรมชาติไป น้ำเริ่มแห้งแล้วอ่า เรือเริ่มติด ไม่ได้ละต้องรีบออกให้ไวที่สุด ไม่งั้นเข็นอย่างเดียวค่ะงานนี้ 555
ไปภายข้างนอกกันดีกว่า ลัดเลาะริมอ่าว ออกมาหน่อยเจอโลเคชั่นงามๆ ป๊าดด งามแท้ นาทีนี้เป็นของเราไม่ไปไหนเลยค่ะ ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เก็บภาพสวยๆเป็นความประทับใจสุดๆ เลย
แล้วก็พายเรือกลับมา ตอนนี้ 4 โมงครึ่งแล้วเย็นแล้วสินะ พายมาเรื่อยๆ สักเกตว่า ทำไมสันทรายเมื่อตอนบ่ายใหญ่จัง มองไปมองมา
โอ๊ววว มันใหญ่มากจนเราไม่สามารถที่จะพายเรือข้ามไปได้ เพราะน้ำลดหมดแล้ว ขนาดพายเรือยังพายไม่ได้เลย เพราะเราตัวหนัก ท้องเรือเริ่มติดละ ใช้ไม้พายค้ำดินไป สุดท้ายเราก็ลงเดินเลยจ้า จูงมือเด็กๆ ข้ามฝั่ง ปล่อยให้พวกผู้ชายลากเรือข้ามไปเน๊อะ 5555 สบายจิงๆ
มองบรรยากาศรอบๆ มันช่างงดงาม อยากอยู่ที่กระบี่แล้วอ่า ไม่อยากกลับเลย
เที่ยวกระบี่ 3 คืน 2 วัน ..ขับรถไปเอง..
* * * * * ฝากชมคลิป น่ารักๆ DAY1 กับ DAY2 และขอบคุณที่เข้ามาอ่านกระทู้ของ”จมูกหมู” นะคะ * * * * *
ไม่ต้องพูดเลยนะว่ามันยากขนาดไหน กับการเดินทางไปเที่ยวทะเล “กระบี่ เมืองน่าอยู่ ผู้คนน่ารัก”
ของชะนีอวบๆ อ้วนๆ นางนี้ (ฉันเองนามว่า ฝ้าย) ต้องบอกก่อนเลยนะว่าไม่เคยไปทะเลที่ไหนไกลนอกจาก ชะอำ หัวหิน
ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ฝ้ายจะไปแตะขอบฟ้า ดูน้องปลา พายเรือคายัก นั่งทำหน้าสวยๆ ดูทะเลฝั่งอันดามัน โอ๊ย... แค่คิดก็ฟินนนแล้วอ่า
เข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ มีพี่ในที่ทำงานมาชวน เฮ้ย!!..ฝ้าย ไปกระบี่กันป่าว ?? 25-27 มีนาคม ไปป่ะ แต่วันจันทร์ ต้องกลับมาทำงานนะขอย้ำมีประชุม !!
เอิ่ม...ประมวลผลแปปนะ Ok พี่ไปเลย ชวนๆไปเยอะๆ จะได้สนุก อยากใส่บิกินี่เดินเริศๆ ริมเล (ฝันไปไกลล่ะนางคนนี้) สรุปที่ทำงานไปกันแค่ 4 คน
เย็นวันศุกร์หลังเลิกงานก็เตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าที่หอบสัมภาระโน่นนี่นั่น โยนขึ้นรถแล้วเตรียมตัวออกเดินทางไปรับ พี่เอ(นามสมมุติ)บ้านพี่แกอยู่กระบี่((ผู้จัดแจงทุกอย่างให้เราอย่างดีงาม พระรามแปด))
ขับรถชมวิวข้างทาง ผ่านหัวหิน เพชรบุรี โอ๊วว พระเจ้า รถมันติดอย่างนี้นั่งแง่วๆ ไปเรื่อยจากกำหนดการที่จะไปถึงตอนประมาณตี 5 มันก็คงเลยไปแล้วสินะ แต่ก็ไม่เป็นไรเน๊อะ !! ขับไปเรื่อยๆ แปปเดียวก็ถึง (จ้าคิดในใจ) พอหลุดจากที่รถติดๆแล้ว จุดมุ่งหมายแรกของทริปเลย “ร้านอาหารครัวชาวป่า ประจวบฯ” เป็นร้านเพื่อนพี่เอ ร้านนี้ปิด 4 ทุ่มนะคะ แต่กว่าพวกเราจะถึงปาเข้าไปโน่น 5 ทุ่มครึ่งหึหึ ไม่เป็นไรหรอกเราโทรสั่งอาหารไว้เรียบร้อยละ ยังไงชะนีนางนี้ก็ต้องได้กินข้าวใช่ป่ะ(หิวๆ ดิ้นๆ แล้วอ่า)
นั่งรถมาถึงร้านน่ารัก จัดแนวลูกทุ่งคลาสสิก แสงไฟสีสวยๆ พี่เจ้าของร้านจัดเตรียมอาหารไว้รอเรียบร้อยแล้ว เมนูมื้อนี้จะมี กวางผัดเผ็ด ไข่ผัดใบเหลียง ไข่ตุ๋นทรงเครื่อง ต้มยำลูกทุ่งปลาคัง หน้าตาน่ากิน รสชาติอร่อยมว๊ากกก พอกินจนอิ่มหนำสำราญใจ พี่แกเลยบอกว่าอาบน้ำก่อนไหม ? ต้องเดินทางอีกไกล ฝ้ายก็ไม่รอช้ากล่าวคำสวยๆ “ขอบคุณค่ะ” แล้วรีบวิ่งไปอาบน้ำทันใด
กล่าวลาพี่เจ้าของร้านผู้น่ารัก แล้วรีบขึ้นรถเดินทางต่อกันเล้ยยย (ว่างๆก็ไปกินกันได้นะ รับรองจะติดใจ)
ระหว่างทางเจอร้านกล้วยจอดค่ะจอด อยากกินกล้วย มองหาคนขายไปไหนหน้า พี่อีกคนชี้โน่น...หลับ !! อ่าวไอ้เราก็ไม่กล้าปลุก เห็นนอนหลับอยู่เลยไม่กินละ ไปดีกว่า
ขับรถไปหลับไปน้ำลายยืดไป เฮ้ย!! ไม่ใช่ ก็คุยไปตลอดทางกลัวพี่คนขับจะหลับเพราะขับไกลมว๊ากก ถึงสุราษฎร์ธานี น้ำตาจะไหล มองไม่เห็นทางเลยจ้า หมอกนี่เต็มไปหมดเลยกลัวเกิดอุบัติเหตุ เลยต้องขับช้าๆ
ขับไปเรื่อยๆ ตื่นมาอีกทีตี 5 ละจ้านอนไม่หลับละตื่นเต้นเพราะตอนนี้เข้าเขตจังหวัดกระบี่แล้ว ฝ้ายก็นั่งมองทางไปเรื่อยๆ ต้นไม้ข้างทางเยอะมาก จนเห็นแสงสว่างสาดส่องเข้ามาในดวงตา หันหน้ามองกระจก เฮ้ยตัวไรเนี่ย !! ตาดำเป็นหมีแพนด้าเลย ไม่ได้ละอยากจะต้องหาที่ล้างหน้าล้างตา เมคอัพใบหน้าปกปิดร่องรอยตีนกาหน่อยแล้ว (อายมาก) สักพักก็แวะเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาเรียบร้อย
สถานที่แรกที่แวะเลยก็คือ ศาลเทวดาน้ำร้อน สักการบูชา เอาฤกษ์เอาชัย ซะหน่อย .. จากนั้นก็แช่น้ำร้อนเบาๆ เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้าจากที่นั่งหลังขดหลังแข็ง กว่าจะมาถึงกระบี่
ขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาถึงร้านขนมจีนชื่อดัง ”ร้านโกจ้อย” เราก็สั่งขนมจีนน้ำยา ห่อหมก ไข่ต้ม ไก่ทอด มากินกันอย่างฟิน เพราะหิวโซท้องร้องจ๊อกๆกันมาเลย กินจนจุกค่ะ พูดเลอออ อร่อยทุกอย่าง
ออกจากร้านขนมจีน มุ่งหน้าไปบ้านพี่เจ ก่อนเลย เปลี่ยนเสื้อผ้าทาครีมกันแดดให้เรียบร้อย เราจะไปเที่ยวกัน .. เย้ เย้ ตื่นเต้นแล้วเนี่ย งานนี้พวกเราไม่ได้มาไปกันแค่ 5 คนนะ มีเด็กๆน่ารัก 2 คน กับแฟนพี่เออีกคนร่วมทางไปเที่ยวกัน
พี่เอบอกว่า งานนี้จะพาเที่ยวให้มากที่สุด เอาให้คุ้มเลย ที่แรกเลยเป็นทางผ่าน “เที่ยวน้ำพุร้อนกระบี่” มาผ่อนคลายความเมื่อยล้ากันสักหน่อย ก่อนที่จะไปสระมรกต ก่อนอื่นต้องแช่น้ำเย็นก่อนนะ ถึงจะไปแช่น้ำร้อนได้ เด็กๆ รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าไปลงสระน้ำเย็นก่อนเลย
พอขึ้นจากสระน้ำเย็นเดินมาลงสระน้ำร้อน เอาเท้าจุ่มลงไป จึ๋ยๆ ร้อนเหมือนกันนะเนี่ย ปล่อยให้พี่ๆ ลงไปก่อนดีกว่า ยังไม่อยากเปียกนะ 555
ถึงตาชะนีนางนี้ลงบ้างแล้ว พร้อม..!! โอ๊ๆ ร้อนใช้ได้เลยค่ะ ขาแทบสุก แต่อยู่ไปสักพักร่างกายค่อยๆ ปรับตัวได้ ชินค่ะ สบายละ เดินไปเดินมาในสระ แหวกว่ายยังกับอยู่ในท้องทะเลกว้าง ถ่ายรูปเล่นกันกับเด็ก ๆ แต่อยู่นานไม่ได้นะแดดร้อน น้ำร้อนอีก โอ๊ย... อะไรจะร้อนปานนี้ รีบขึ้นกันเถอะ
ขึ้นรถนั่งหลังกระบะเพราะเปียกจ้า จุดมุ่งหมายต่อไปคือ สระมรกตคงอีกไม่ไกลเน๊อะ ถ่ายรูปกันหน่อย ..
นั่งชมวิวไปมา ก็มาถึงสระมรกตแว้ววว รีบหยิบของหลังรถเอาไว้หน้ารถให้เรียบร้อย แล้วรีบเดินไปทางเข้าเลยจ๊ะ เสียค่าเข้าคนละ 20 บาทพร้อมเดินแล้วอยากบอกว่า “น้ำใสมากเลยอ่า เหมือนอยู่ในแก้วเลย” ยืนถ่ายรูปหมู่ซะหน่อย
เดินมานิดหน่อย ถึงทางแยก ซ้ายขวา ทางขวาระยะประมาณ 1400 เมตร ทางซ้าย 800 เมตร ฝ้ายเลยเลือกเดินทางซ้าย ดูธรรมชาติ ดูนก ชมไม้ ป่ะเริ่ม !!
และแล้วความฝันก็เป็นจริง พวกเราเดินมาถึงแล้ว ภาพแรกที่เห็น โอ๊ววว ทำไมมันสวยอย่างนี้ น้ำเป็นสีฟ้า อยากลงไปแหวกว่าย เป็นพะยูนใต้น้ำแล้ว ดิ้นๆๆ ไม่รอช้า ถอดหมวกแล้วลงไปเลย ..ตู้มม ๆ ดำผุดดำว่าย ถ่ายรูป งานนี้มาถ่ายใต้ทะเลกันจริงๆ
ถ่ายรูปใต้น้ำกันซะหน่อย บอกเลยว่า ถ่ายแล้วขาวเลยอะ น้ำสีฟ้าบวกแสงแดดยามเช้า ช่วยให้ชะนีนางนี้ที่ดำๆอย่าง ดูขาวออร่าเลยอ่า รูปออกมาสวยกุ้งกิ้ง 555
เวลา 11 โมงเริ่มมีนักท่องเที่ยวมาเยอะแล้ว รีบขึ้นเพราะเดี๋ยวเราจะต้องเดินทางไปพายเรือคายัก เวลาบ่ายโมง ข้าวปลายังไม่ได้กิน ใจมันเรียกร้องอ่า เดี๋ยวจะเป็นช้างตกมัน ฟาดงวง ฟาดงาไปทั่ว
แวะข้างทางกินข้าวขาหมูซะหน่อย ช่วยให้หายหิวไปเยอะเลย อิ่มพุงกางละ พลังงานพร้อมไปต่อที่อ่าวท่าเลน พายเรือคายัก
พวกเรานั่งเบียดกันอย่างแรง เพราะกระบะนั่งไม่ไหว แดดร้อนมาก มีหวังพวกเราสุกก่อนที่จะไปพายเรือแน่นอน
มาถึงแล้วจ้า “อ่าวท่าเลน” เตรียมตัวใส่เสื้อชูชีพให้เรียบร้อย แล้วไปดูแผนที่เส้นทางที่พวกเราจะพายเรือคายักไปสำรวจธรรมชาติ ดูลิง ดูน้ำ ดูทรายกันเต๊อะ
เริ่มลงเรือละ เก็บมือถือ กระเป๋าตัง ของจิปาถะไว้ในกระเป๋ากันน้ำ เตรียมตัวลงเรือ เราจองเรือไว้ 3 ลำ แบ่งกัน ให้เด็กนั่งตรงกลาง
ปะออกเรือเลยลูกเพ่ !! น้องพร้อมแล้วคร้า บึ๊ด จ้ํา บึ๊ด พายไป ลงทะเล เย้เย..
แวะมาจอดที่สันทรายกลางน้ำ ยืนได้นะคะ แช๊ะ ภาพกันนิดหน่อย
เข้ามาแล้วจ้า ปากซอยมีป้ายขาวๆ พายๆ น้ำแรงเหมือนกัน ไหนๆ อยากเห็นลิงแล้ว ฮ่าๆ
มีอุปสรรค์มากมายให้เราฟันฝ่า ในป่าชายเลนแห่งนี้ ไอ้เราก็ถ่ายรูป เก็บความสวยงามของธรรมชาติ ภาพนี้ต้องบอกว่าเราต้องนอนบนเรือนะ ไม่งั้นจะผ่านไปไม่ได้จ้า ความสามารถของพี่แกสุดยอด 555 เอ้ายิ้มหน่อย.....
พายไปชมธรรมชาติไป น้ำเริ่มแห้งแล้วอ่า เรือเริ่มติด ไม่ได้ละต้องรีบออกให้ไวที่สุด ไม่งั้นเข็นอย่างเดียวค่ะงานนี้ 555
ไปภายข้างนอกกันดีกว่า ลัดเลาะริมอ่าว ออกมาหน่อยเจอโลเคชั่นงามๆ ป๊าดด งามแท้ นาทีนี้เป็นของเราไม่ไปไหนเลยค่ะ ถ่ายรูปกันอย่างสนุกสนาน เก็บภาพสวยๆเป็นความประทับใจสุดๆ เลย
แล้วก็พายเรือกลับมา ตอนนี้ 4 โมงครึ่งแล้วเย็นแล้วสินะ พายมาเรื่อยๆ สักเกตว่า ทำไมสันทรายเมื่อตอนบ่ายใหญ่จัง มองไปมองมา
โอ๊ววว มันใหญ่มากจนเราไม่สามารถที่จะพายเรือข้ามไปได้ เพราะน้ำลดหมดแล้ว ขนาดพายเรือยังพายไม่ได้เลย เพราะเราตัวหนัก ท้องเรือเริ่มติดละ ใช้ไม้พายค้ำดินไป สุดท้ายเราก็ลงเดินเลยจ้า จูงมือเด็กๆ ข้ามฝั่ง ปล่อยให้พวกผู้ชายลากเรือข้ามไปเน๊อะ 5555 สบายจิงๆ
มองบรรยากาศรอบๆ มันช่างงดงาม อยากอยู่ที่กระบี่แล้วอ่า ไม่อยากกลับเลย