วันโกหก คืออะไร เป็นวันโกหกแล้วเราโกหกได้จริงหรือ โกหกในวันนี้บาปไหม โกหกตกนรกใช่หรือไม่
" โกหก" เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า .. การโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และก็ไม่มีใครอยากโดนโกหกกับตัวเอง แต่ทำไมวันที่ 1 เมษายน จึงเป็นวันที่คนนิยมโกหกกัน ล้อเล่นกัน จนเป็นเรื่องสนุกสนาน ถ้าเราพูดโกหกในวันที่ 1 เมษายน จะไม่บาปหรือเปล่า? ... ติดตามเรื่องราวความเป็นจริงเกี่ยวกับการโกหก ได้ที่นี่ค่ะ. . .
1 เมษายน วันโกหก
วันที่ 1 เมษายน เป็นวันอะไร? หลายๆ คนอาจนึกไม่ออก เพราะวันนี้เป็นวันของชาวฝรั่ง เขาเรียกกันว่า April Fool's Day เป็นวันที่ใครจะพูดโกหกอะไรก็ได้ จะไม่มีการถือสากัน ดังนั้น จึงอาจได้ยินข่าวลือแปลกๆ แล้วจบลงด้วยการมาเฉลยทีหลังว่า ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด ซึ่งธรรมดาของคนไทยชอบความสนุกสนาน ชอบทำตามชาติอื่นๆ รวมถึงวันโกหกนี้ด้วย จนอาจทำให้พลาดอะไรที่สำคัญ และลืมแก่นแท้ที่สำคัญของความเป็นพุทธศาสนิกชนคนไทย นั่นคือ การรักษาศีล 5
ดังนั้น ที่ถูกต้องแล้ว เราไม่ควรพูดหยอกล้อเล่นกันด้วยการโกหก ในวันที่ 1 เมษายน นี้ เพราะนั่นอาจทำให้เด็กๆ หรือสังคมเข้าใจผิด และเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้ . . .
ประวัติความเป็นมาของวันโกหก "April Fool's Day"
ตำนานของ วันโกหก April Fool's Day เล่ากันมาว่า ในสมัยก่อน เดิมพวกฝรั่งมีวันขึ้นปีใหม่ในเดือนเมษายน แต่แล้วทางการมีการเปลี่ยนวันปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม บังเอิญยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ ก็ยังคงส่ง ส.ค.ส. ให้กันในวันที่ 1 เมษายน พวกเขาก็เลยเรียกพวกนี้ว่าพวก "เมษาหน้าโง่" แล้วก็มีการแกล้งกันโดยไม่บอกความจริงเพื่อความสนุกสนาน จนกลายเป็นเทศกาลที่รู้จักและเล่นกันในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สกอตแลนด์ อิตาลี สเปน โปรตุเกส สวีเดน เยอรมนี นอร์เวย์ ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยแต่ละประเทศอาจมีวันโกหก ไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน เสมอไป
อย่างไรก็ตาม มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของวันโกหก April Fool's Day บ้างก็ระบุว่า เริ่มจากพวกโรมันโบราณ มีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง
นอกจากนี้ ยังมีอีกทฤษฎีที่เชื่อว่า วันโกหก April Fool's Day เกิดจากช่วงฤดูใบไม้ผลิ ที่เล่าสืบต่อกันมาว่า ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หนุ่มสาวจะออกตามหาความรัก และเป็นช่วงที่พืชเจริญเติบโต ในขณะที่สัตว์ต่าง ๆ ก็หาคู่ด้วย กลุ่มนักบวชจึงพยายามหลอกล่อวิญญาณของความชั่วร้ายอย่างสุดความสามารถ เพื่อไม่ให้มาขัดขวางความรักของทั้งหนุ่มสาว พืช และสัตว์ ดังนั้น จึงเป็นเดือนที่นักบวชจะต้องสวดเพื่อหลอกเหล่าวิญญาณร้ายนั่นเอง
April Fool's Day โกหกในวันนี้บาปไหมหรือแค่สนุก??
" โกหก" เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แก่ใจว่า .. การโกหกเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และก็ไม่มีใครอยากโดนโกหกกับตัวเอง แต่ทำไมวันที่ 1 เมษายน จึงเป็นวันที่คนนิยมโกหกกัน ล้อเล่นกัน จนเป็นเรื่องสนุกสนาน ถ้าเราพูดโกหกในวันที่ 1 เมษายน จะไม่บาปหรือเปล่า? ... ติดตามเรื่องราวความเป็นจริงเกี่ยวกับการโกหก ได้ที่นี่ค่ะ. . .
วันที่ 1 เมษายน เป็นวันอะไร? หลายๆ คนอาจนึกไม่ออก เพราะวันนี้เป็นวันของชาวฝรั่ง เขาเรียกกันว่า April Fool's Day เป็นวันที่ใครจะพูดโกหกอะไรก็ได้ จะไม่มีการถือสากัน ดังนั้น จึงอาจได้ยินข่าวลือแปลกๆ แล้วจบลงด้วยการมาเฉลยทีหลังว่า ไม่ใช่เรื่องจริงแต่อย่างใด ซึ่งธรรมดาของคนไทยชอบความสนุกสนาน ชอบทำตามชาติอื่นๆ รวมถึงวันโกหกนี้ด้วย จนอาจทำให้พลาดอะไรที่สำคัญ และลืมแก่นแท้ที่สำคัญของความเป็นพุทธศาสนิกชนคนไทย นั่นคือ การรักษาศีล 5
ดังนั้น ที่ถูกต้องแล้ว เราไม่ควรพูดหยอกล้อเล่นกันด้วยการโกหก ในวันที่ 1 เมษายน นี้ เพราะนั่นอาจทำให้เด็กๆ หรือสังคมเข้าใจผิด และเห็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องกลายเป็นสิ่งที่ถูกต้องไปได้ . . .
ตำนานของ วันโกหก April Fool's Day เล่ากันมาว่า ในสมัยก่อน เดิมพวกฝรั่งมีวันขึ้นปีใหม่ในเดือนเมษายน แต่แล้วทางการมีการเปลี่ยนวันปีใหม่เป็นวันที่ 1 มกราคม บังเอิญยังมีอีกหลายคนที่ไม่รู้ ก็ยังคงส่ง ส.ค.ส. ให้กันในวันที่ 1 เมษายน พวกเขาก็เลยเรียกพวกนี้ว่าพวก "เมษาหน้าโง่" แล้วก็มีการแกล้งกันโดยไม่บอกความจริงเพื่อความสนุกสนาน จนกลายเป็นเทศกาลที่รู้จักและเล่นกันในหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกา อังกฤษ ฝรั่งเศส สกอตแลนด์ อิตาลี สเปน โปรตุเกส สวีเดน เยอรมนี นอร์เวย์ ญี่ปุ่น ฯลฯ โดยแต่ละประเทศอาจมีวันโกหก ไม่ตรงกับวันที่ 1 เมษายน เสมอไป
อย่างไรก็ตาม มีหลายทฤษฎีเกี่ยวกับความเป็นมาของวันโกหก April Fool's Day บ้างก็ระบุว่า เริ่มจากพวกโรมันโบราณ มีเทศกาลที่เรียกว่า "Cerealia" จัดในช่วงต้นเดือนเมษายน เรื่องเล่านี้มีว่า เทพเจ้าชื่อ Ceres ทรงได้ยินเสียงสะท้อนของพระธิดา Prosperpina ตะโกนมาว่า เธอถูกจับตัวไปอยู่ใต้ผืนดินโดยเทพพลูโต Ceres จึงตามเสียงลูกสาวไป และได้พบความจริงที่ว่า การตามเสียงสะท้อนเป็นเรื่องที่ไม่ฉลาดเลย เหมือนว่าพระองค์ทรงถูกหลอกนั่นเอง