ระหว่างที่กำลังหาข้อมูล tablet เพื่อเอามาใช้เล็กน้อย จำพวกอ่าน pdf, e-book, ดูหนังฟังเพลง (ไม่กะเอา tablet มาใช้งานเป็นหลัก ชีวิตปกติใช้มือถือกับ laptop มากกว่า) เราก็ไปสะดุดตาเข้ากับ Mipad 2 เพราะอะไรหลายๆ อย่างมันลงตัวกว่า Mipad ตัวแรก ซึ่งสุดท้ายก็มาลงเอยว่าใจอยากได้ Mipad 2 ด้วยเหตุผลแรกว่าชอบดีไซน์ เหตุผลสองคือมันมี reading mode (ระบบตัดไฟสีฟ้า) เหตุผลสามคือ ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับสเปค
และเพราะตัวหิ้วมาในไทยราคาสูงเล็กน้อย แต่เห็นคนพูดถึงการซื้อของจาก Aliexpress ว่าไว้ใจได้ (แต่ก็ต้องเลือกร้าน) ก็เลยตัดสินใจว่า ลองดูซะที เลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ มี feedback ดีสักหน่อย
จัดการสมัคร กรอกที่อยู่ แล้วก็สั่งไปสองชิ้นพร้อมกัน นั่นคือ Xiaomi Mipad 2 MI Pad 2 Intel Atom X5 Full Metal Body Tablet PC 7.9 Inch รุ่น 16 GB สีทอง และพร้อมกันนั้นก็เห็นร้านอื่นขายเคสสวยๆ ด้วย ก็เลยสั่งพร้อมกันเลย (ใน aliexpress ร้านขายเคสแบบเก๋ๆ มีเยอะมาก)
Mipad 2 ขายที่ราคา 176.99 USD ตัวเคสขายราคา 7.35 USD ทั้งสองชิ้นฟรีค่าส่ง ตอนนั้นเรามีคูปองส่วนลด 6 USD ดังนั้นตัดบัตรเครดิตไปประมาณ 178 USD (หกพันสามร้อยกว่าบาท ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน)
กดสั่งพร้อมกัน ปรากฏว่าร้านขายเคส shipping ให้ตั้งแต่วันที่กดสั่ง ส่วนร้านขายแทบเบล็ตจัดส่งในวันถัดมา จากนั้นอีกสองสามวันก็เช็คในระบบได้ว่าสถานะจัดส่งไปถึงไหนแล้ว (ขั้นตอนเหล่านี้จะอัพเดทใน account เราที่สมัครกับ Aliexpress เป็นระยะ) ซึ่งเราเลือกแบบ Aliexpress free shipping และก็มารู้ทีหลังว่าเขาใช้บริการ Singapore Post
กดสั่งวันที่ 16 มีนาคม จากนั้นก็รอสักหน่อย (เอาเลขไปเช็คกับ Singapore post ได้ว่าถึงไหนแล้ว ซึ่งถ้าระบบแจ้งว่าส่งเข้าเมืองไทยแล้ว ก็เอารหัสไปเช็คกับ EMS tracking ของไปรษณีย์ไทยได้เลย)
ปรากฏว่างานนี้ ตัวเคสส่งมาถึงก่อน (ก็มัน shipping ก่อนเนอะ) คือส่งมาถึงในวันที่ 29 มีนาคม โดยมาถึงแบบอยู่ในซองกันกระแทก ไม่มีค่าธรรมเนียมจัดส่ง น่าจะเพราะมูลค่ามันเล็กน้อย เอ้า แกะเคสรอตัวเครื่องไปก่อน
จากนั้นวันที่ 30 มีนาคม ตัวเครื่อง Mipad 2 ก็ส่งถึงมือเรา โดยคราวนี้มีค่าธรรมเนียม 7 บาท (ไม่แน่ใจว่าเพราะมูลค่ามันมากกว่าชิ้นแรกรึเปล่า เลยมีค่าธรรมเนียม)
นางเอกมาถึงแล้ว แกะกล่องเลยดีกว่า
ตัวเครื่องพอดีกับกล่อง มีฟิล์มขุ่นแปะมา ซึ่งตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาออก (เห่อจัด)
แต่สุดท้ายพอเอาออก...จอมันแหล่มกว่าเดิมนะเนี่ย
แล้วก็เปลี่ยน wallpaper เป็นแบบที่ชอบซะเลย อยู่ในเคสสีทองเรียบร้อย หน้าจอสะท้อนแสงนิดหน่อยตามประสาแทบเบล็ต
ตอนแรกที่ได้มานั้นต้องจัดการเรื่องแป้นภาษาไทยก่อนนิดหน่อย จากนั้นก็เริ่มโหลด app ที่คิดว่าจะใช้กับเครื่อง (รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยลงแอพอะไรไว้ให้ก่อนเท่าไหร่นะ ต้องโหลดใช้เอง แต่ก็ดีเพราะบางแอพไม่จำเป็นสำหรับเรา)
หลังจากได้มา เราก็ไปกดยืนยันว่าได้รับแล้ว แล้วก็ให้คะแนนกับคอมเมนต์ไปค่อนข้างดีทั้งสองร้าน เป็นว่ารอบแรกกับการสั่งสินค้าจาก Aliexpress ไม่เจอปัญหาอะไร โชคดีไป
ตอนนี้เพิ่งได้มา ยังใช้ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เท่าที่สัมผัสมาก็ลื่นไหลดี หน้าจอสดสวย เสียงลำโพงดังฟังชัด ก็พอใจกับตัวเครื่องทีเดียว (แต่ต้องยอมรับว่าต้องใช้อย่างระวัง เพราะไม่มีศูนย์ซ่อมในไทย) อีกอย่างหนึ่ง Mipad 2 ไม่สามารถเพิ่มเมมด้วย SD card อันนี้ทราบแต่แรกแต่ก็ตัดสินใจเลือกเพราะไม่เล่นเกมส์ ไม่โหลดหนัง ไม่กะใช้งานหนัก คิดว่า 16 GB น่าจะพอใช้
จบการแกะกล่อง ด้วยประการฉะนี้
แกะกล่อง Xiaomi Mipad 2 และเคส ส่งตรงจากเมืองจีนผ่านบริการ Aliexpress
และเพราะตัวหิ้วมาในไทยราคาสูงเล็กน้อย แต่เห็นคนพูดถึงการซื้อของจาก Aliexpress ว่าไว้ใจได้ (แต่ก็ต้องเลือกร้าน) ก็เลยตัดสินใจว่า ลองดูซะที เลือกร้านที่ดูน่าเชื่อถือ มี feedback ดีสักหน่อย
จัดการสมัคร กรอกที่อยู่ แล้วก็สั่งไปสองชิ้นพร้อมกัน นั่นคือ Xiaomi Mipad 2 MI Pad 2 Intel Atom X5 Full Metal Body Tablet PC 7.9 Inch รุ่น 16 GB สีทอง และพร้อมกันนั้นก็เห็นร้านอื่นขายเคสสวยๆ ด้วย ก็เลยสั่งพร้อมกันเลย (ใน aliexpress ร้านขายเคสแบบเก๋ๆ มีเยอะมาก)
Mipad 2 ขายที่ราคา 176.99 USD ตัวเคสขายราคา 7.35 USD ทั้งสองชิ้นฟรีค่าส่ง ตอนนั้นเรามีคูปองส่วนลด 6 USD ดังนั้นตัดบัตรเครดิตไปประมาณ 178 USD (หกพันสามร้อยกว่าบาท ขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน)
กดสั่งพร้อมกัน ปรากฏว่าร้านขายเคส shipping ให้ตั้งแต่วันที่กดสั่ง ส่วนร้านขายแทบเบล็ตจัดส่งในวันถัดมา จากนั้นอีกสองสามวันก็เช็คในระบบได้ว่าสถานะจัดส่งไปถึงไหนแล้ว (ขั้นตอนเหล่านี้จะอัพเดทใน account เราที่สมัครกับ Aliexpress เป็นระยะ) ซึ่งเราเลือกแบบ Aliexpress free shipping และก็มารู้ทีหลังว่าเขาใช้บริการ Singapore Post
กดสั่งวันที่ 16 มีนาคม จากนั้นก็รอสักหน่อย (เอาเลขไปเช็คกับ Singapore post ได้ว่าถึงไหนแล้ว ซึ่งถ้าระบบแจ้งว่าส่งเข้าเมืองไทยแล้ว ก็เอารหัสไปเช็คกับ EMS tracking ของไปรษณีย์ไทยได้เลย)
ปรากฏว่างานนี้ ตัวเคสส่งมาถึงก่อน (ก็มัน shipping ก่อนเนอะ) คือส่งมาถึงในวันที่ 29 มีนาคม โดยมาถึงแบบอยู่ในซองกันกระแทก ไม่มีค่าธรรมเนียมจัดส่ง น่าจะเพราะมูลค่ามันเล็กน้อย เอ้า แกะเคสรอตัวเครื่องไปก่อน
จากนั้นวันที่ 30 มีนาคม ตัวเครื่อง Mipad 2 ก็ส่งถึงมือเรา โดยคราวนี้มีค่าธรรมเนียม 7 บาท (ไม่แน่ใจว่าเพราะมูลค่ามันมากกว่าชิ้นแรกรึเปล่า เลยมีค่าธรรมเนียม)
ตัวเครื่องพอดีกับกล่อง มีฟิล์มขุ่นแปะมา ซึ่งตอนแรกก็ว่าจะไม่เอาออก (เห่อจัด)
แต่สุดท้ายพอเอาออก...จอมันแหล่มกว่าเดิมนะเนี่ย
แล้วก็เปลี่ยน wallpaper เป็นแบบที่ชอบซะเลย อยู่ในเคสสีทองเรียบร้อย หน้าจอสะท้อนแสงนิดหน่อยตามประสาแทบเบล็ต
ตอนแรกที่ได้มานั้นต้องจัดการเรื่องแป้นภาษาไทยก่อนนิดหน่อย จากนั้นก็เริ่มโหลด app ที่คิดว่าจะใช้กับเครื่อง (รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยลงแอพอะไรไว้ให้ก่อนเท่าไหร่นะ ต้องโหลดใช้เอง แต่ก็ดีเพราะบางแอพไม่จำเป็นสำหรับเรา)
หลังจากได้มา เราก็ไปกดยืนยันว่าได้รับแล้ว แล้วก็ให้คะแนนกับคอมเมนต์ไปค่อนข้างดีทั้งสองร้าน เป็นว่ารอบแรกกับการสั่งสินค้าจาก Aliexpress ไม่เจอปัญหาอะไร โชคดีไป
ตอนนี้เพิ่งได้มา ยังใช้ไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่ เท่าที่สัมผัสมาก็ลื่นไหลดี หน้าจอสดสวย เสียงลำโพงดังฟังชัด ก็พอใจกับตัวเครื่องทีเดียว (แต่ต้องยอมรับว่าต้องใช้อย่างระวัง เพราะไม่มีศูนย์ซ่อมในไทย) อีกอย่างหนึ่ง Mipad 2 ไม่สามารถเพิ่มเมมด้วย SD card อันนี้ทราบแต่แรกแต่ก็ตัดสินใจเลือกเพราะไม่เล่นเกมส์ ไม่โหลดหนัง ไม่กะใช้งานหนัก คิดว่า 16 GB น่าจะพอใช้
จบการแกะกล่อง ด้วยประการฉะนี้