เมื่อต้นเดือนมีนาคม ผมได้มีโอกาสไปงานแต่งเพื่อนที่หาดใหญ่ จากที่ปกติผมมักขี่มอไซค์ไป
แต่มาคราวนี้อยากลองนั่งรถไฟดูบ้าง เป็นที่มาของทรมานบันเทิงในคราวนี้
ก่อนไปผมหาข้อมูลพอสมควรว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะคราวนี้ผมจะลองนั่งรถไฟฟรี
การขอตั๋วฟรีง่ายมาก ไปถึงสถานี ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรงช่องขายตั๋วก็จะได้ตั๋วแบบนี้มา
ตั๋วในรูปเป็นตั๋วสำหรับสองที่นั่งนะครับ เพราะผมไปกับเพื่อนอีกคนนึง
หลังจากได้ตั๋วของคนแล้ว ต่อไปก็ต้องนำตั๋วของคนไปยื่นที่จุดโหลดของ เพื่อนำมอไซค์ขึ้นขบวนไปด้วย
นี่เป็นราคาตั๋วสำหรับมอไซค์ครับ แพงเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่
ถือซะว่าไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าที่พักระหว่างทาง
***ขอเซ็นเซอร์ ชื่อ ทีอยู่ เบอร์โทร และเลขบัตรประชาชนนะครับ
***จะเห็นได้ว่าในใบรายการมีระบุค่าขนขึ้น ขนลงเรียบร้อยแล้ว
หลังจากคิดเงินเสร็จเจ้าหน้าที่ขนสัมภาระของการรถไฟก็เดินมาพูดทันทีเลย
บทสนทนาก็ประมาณนี้เลยครับ
เจ้าหน้าที่ - ขอค่าน้ำชาด้วยครับ
ผม - ค่าอะไรนะครับ
เจ้าหน้าที่ - ค่าน้ำชาไงครับ คิดซะว่าเป็นค่ายกกับค่าดูแลรถ
ผม - ....
สุดท้ายก็ยอมจ่าย เพราะกลัวว่าตอนเอารถกลับจะมีรอยขูด
โดนไป 50 บาท
พอจ่ายเสร็จเจ้าหน้าที่ก็เข็นมอไซค์ไปเพื่อรอขึ้น
คนที่ขอค่าน้ำชา ก็คนที่จูงมอไซค์นั่นแหละครับ
หลังจากนั้นก็รอขบวนออกเพื่อเดินทางไปหาดใหญ่
ขาไปออกตรงเวลาครับ แต่กว่าจะถึงเลทไปเกือบสองชั่วโมง
พอถึงหาดใหญ่ ระหว่างรอมีมอไซค์คนอื่นมาจอดรอเจ้าของอยู่ก่อนแล้ว 2 คัน
ผมเห็นแล้วยังนึกเลยว่า ทำไมไม่ดูแลรถกันเลย ปล่อยฝุ่นจับเต็มไปหมด
แถมทั้งสองคันกระจกข้างก็ยังหมุนไม่ตรงอีก อีกคันแย่หน่อยป้ายทะเบียนหลุดออกมาทั้งกรอบเลย
ช่วงนั้นเองผมก็เห็นเจ้าหน้าที่เข็นมอไซค์ผมมา ภาพที่เห็นคือพอถึงจุดต่างระดับ
เจ้าหน้าที่แทบจะเหวี่ยงมอไซค์เลย ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่ด้วยกันยืนว่างอีกสองคน
พอเห็นสภาพรถตัวเอง ผมก็เข้าใจทันที ว่าทำไมรถที่จอดรอก่อนหน้าถึงมีสภาพแบบนี้
รถผมฝุ่นจับมาทั้งคัน ป้ายทะเบียนงอ แถมกระจกข้างหมุนรอบได้มาเลย
เห็นแล้วพูดไม่ออกไปเลย แถมเจ้าหน้าที่ยังมาขอค่ายกอีก 20 บาท
ผมจึงต่อว่าเจ้าหน้าที่คนยกไปพอสมควร
จากรูป ฝุ่นที่เบาะผมเช็ดไปบ้างแล้ว แต่ที่กาบแฟริ่งด้านข้าง
และตรงที่วางเท้ายังมีฝุ่นให้เห็น ส่วนกระจกเพื่อนผมหมุนล็อคให้ไปแล้ว ถ่ายไม่ทัน
ส่วนกรอบที่งอ ดัดได้แค่นี้ครับ ตามภาพจะเห็นได้ว่ายังงออยู่เล็กน้อย ไม่สนิทเหมือนเดิม
ส่วนขากลับ โดนค่ายกขึ้นอีก 20 บาท ค่าเช่าเชือกรัดอีก 20 บาท
ใบเสร็จอย่างเป็นทางการของขากลับไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะถึงหัวลำโพง
ตอนไปเอารถ เจ้าหน้าที่เอาใบเสร็จไปแล้วไม่คืนให้
รวมไปกลับ ก็ 36 ชม. ขาไป 18 ขากลับ 18 นั่งกันเมื่อยไปเลยทีเดียว
ซึ่งทั้งขาไปและกลับ ไม่ตรงเวลาครับ เลทตลอด
สรุปปลีกย่อยในส่วนอื่นๆของรถไฟฟรีขบวนนี้
- ห้องน้ำหลังจากตีสองน้ำจะหมดครับ ส่วนเรื่องถ่ายหนักเลิกคิดได้เลย เพราะห้องน้ำแคบ
- ที่นั่งเป็นเบาะเหล็กหุ้มนวม นั่งนานเมื่อยแน่นอน เห็นบางคนเอาเสื่อมาปูนอนเลย
- ของกินมีขายบนขบวนไปจนถึงเกือบๆตีสาม ข้าวกล่องถือว่าถูกสมราคา กินได้แค่พออยู่ท้อง
- จอดทุกสถานี บางสถานีกลิ่นปัสสาวะโชยมาเหมือนกัน
- หน้าต่างพัง บางบานยกบังลมได้ บางบานก็ยกลงไม่ได้
สรุปอีกรอบ การรถไฟควรปรับปรุงอย่างยิ่ง ถ้าแปรรูปแล้วมันดีขึ้นก็ทำเถอะครับ
ถามว่าจะให้ขึ้นอีกรอบบอกเลยว่า ต่อให้ขึ้นฟรีทั้งคนทั้งรถมอไซค์ผมยังโกรธเลยครับ
ครั้งเเรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายจริงๆ
ครั้งเดียวเข็ดเลยรถไฟไทย
แต่มาคราวนี้อยากลองนั่งรถไฟดูบ้าง เป็นที่มาของทรมานบันเทิงในคราวนี้
ก่อนไปผมหาข้อมูลพอสมควรว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เพราะคราวนี้ผมจะลองนั่งรถไฟฟรี
การขอตั๋วฟรีง่ายมาก ไปถึงสถานี ยื่นบัตรประชาชนให้เจ้าหน้าที่ตรงช่องขายตั๋วก็จะได้ตั๋วแบบนี้มา
ตั๋วในรูปเป็นตั๋วสำหรับสองที่นั่งนะครับ เพราะผมไปกับเพื่อนอีกคนนึง
หลังจากได้ตั๋วของคนแล้ว ต่อไปก็ต้องนำตั๋วของคนไปยื่นที่จุดโหลดของ เพื่อนำมอไซค์ขึ้นขบวนไปด้วย
นี่เป็นราคาตั๋วสำหรับมอไซค์ครับ แพงเอาเรื่องเหมือนกัน แต่ผมไม่ซีเรียสเท่าไหร่
ถือซะว่าไม่ต้องเสียค่าน้ำมัน ค่ากิน ค่าที่พักระหว่างทาง
***ขอเซ็นเซอร์ ชื่อ ทีอยู่ เบอร์โทร และเลขบัตรประชาชนนะครับ
***จะเห็นได้ว่าในใบรายการมีระบุค่าขนขึ้น ขนลงเรียบร้อยแล้ว
หลังจากคิดเงินเสร็จเจ้าหน้าที่ขนสัมภาระของการรถไฟก็เดินมาพูดทันทีเลย
บทสนทนาก็ประมาณนี้เลยครับ
เจ้าหน้าที่ - ขอค่าน้ำชาด้วยครับ
ผม - ค่าอะไรนะครับ
เจ้าหน้าที่ - ค่าน้ำชาไงครับ คิดซะว่าเป็นค่ายกกับค่าดูแลรถ
ผม - ....
สุดท้ายก็ยอมจ่าย เพราะกลัวว่าตอนเอารถกลับจะมีรอยขูด
โดนไป 50 บาท
พอจ่ายเสร็จเจ้าหน้าที่ก็เข็นมอไซค์ไปเพื่อรอขึ้น
คนที่ขอค่าน้ำชา ก็คนที่จูงมอไซค์นั่นแหละครับ
หลังจากนั้นก็รอขบวนออกเพื่อเดินทางไปหาดใหญ่
ขาไปออกตรงเวลาครับ แต่กว่าจะถึงเลทไปเกือบสองชั่วโมง
พอถึงหาดใหญ่ ระหว่างรอมีมอไซค์คนอื่นมาจอดรอเจ้าของอยู่ก่อนแล้ว 2 คัน
ผมเห็นแล้วยังนึกเลยว่า ทำไมไม่ดูแลรถกันเลย ปล่อยฝุ่นจับเต็มไปหมด
แถมทั้งสองคันกระจกข้างก็ยังหมุนไม่ตรงอีก อีกคันแย่หน่อยป้ายทะเบียนหลุดออกมาทั้งกรอบเลย
ช่วงนั้นเองผมก็เห็นเจ้าหน้าที่เข็นมอไซค์ผมมา ภาพที่เห็นคือพอถึงจุดต่างระดับ
เจ้าหน้าที่แทบจะเหวี่ยงมอไซค์เลย ทั้งๆที่มีเจ้าหน้าที่ด้วยกันยืนว่างอีกสองคน
พอเห็นสภาพรถตัวเอง ผมก็เข้าใจทันที ว่าทำไมรถที่จอดรอก่อนหน้าถึงมีสภาพแบบนี้
รถผมฝุ่นจับมาทั้งคัน ป้ายทะเบียนงอ แถมกระจกข้างหมุนรอบได้มาเลย
เห็นแล้วพูดไม่ออกไปเลย แถมเจ้าหน้าที่ยังมาขอค่ายกอีก 20 บาท
ผมจึงต่อว่าเจ้าหน้าที่คนยกไปพอสมควร
จากรูป ฝุ่นที่เบาะผมเช็ดไปบ้างแล้ว แต่ที่กาบแฟริ่งด้านข้าง
และตรงที่วางเท้ายังมีฝุ่นให้เห็น ส่วนกระจกเพื่อนผมหมุนล็อคให้ไปแล้ว ถ่ายไม่ทัน
ส่วนกรอบที่งอ ดัดได้แค่นี้ครับ ตามภาพจะเห็นได้ว่ายังงออยู่เล็กน้อย ไม่สนิทเหมือนเดิม
ส่วนขากลับ โดนค่ายกขึ้นอีก 20 บาท ค่าเช่าเชือกรัดอีก 20 บาท
ใบเสร็จอย่างเป็นทางการของขากลับไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะถึงหัวลำโพง
ตอนไปเอารถ เจ้าหน้าที่เอาใบเสร็จไปแล้วไม่คืนให้
รวมไปกลับ ก็ 36 ชม. ขาไป 18 ขากลับ 18 นั่งกันเมื่อยไปเลยทีเดียว
ซึ่งทั้งขาไปและกลับ ไม่ตรงเวลาครับ เลทตลอด
สรุปปลีกย่อยในส่วนอื่นๆของรถไฟฟรีขบวนนี้
- ห้องน้ำหลังจากตีสองน้ำจะหมดครับ ส่วนเรื่องถ่ายหนักเลิกคิดได้เลย เพราะห้องน้ำแคบ
- ที่นั่งเป็นเบาะเหล็กหุ้มนวม นั่งนานเมื่อยแน่นอน เห็นบางคนเอาเสื่อมาปูนอนเลย
- ของกินมีขายบนขบวนไปจนถึงเกือบๆตีสาม ข้าวกล่องถือว่าถูกสมราคา กินได้แค่พออยู่ท้อง
- จอดทุกสถานี บางสถานีกลิ่นปัสสาวะโชยมาเหมือนกัน
- หน้าต่างพัง บางบานยกบังลมได้ บางบานก็ยกลงไม่ได้
สรุปอีกรอบ การรถไฟควรปรับปรุงอย่างยิ่ง ถ้าแปรรูปแล้วมันดีขึ้นก็ทำเถอะครับ
ถามว่าจะให้ขึ้นอีกรอบบอกเลยว่า ต่อให้ขึ้นฟรีทั้งคนทั้งรถมอไซค์ผมยังโกรธเลยครับ
ครั้งเเรก ครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายจริงๆ