สวัสดีครับ
วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์และรีวิวการขูดฟิลเลอร์ออกจากจมูกซึ่งเคยฉีดมานานมากกว่าห้าปีแล้ว
ข้อมูลเยอะ+รูปเยอะนิดนึงนะครับ เพราะอยากรีวิวแบบละเอียด
เมื่อห้าปีก่อนนั้นสมัยเรียนใกล้จะจบช่วงกำลังจะรับปริญญา
ก็ได้มีโอกาสได้เข้าใกล้กับวงการหมอกระเป๋า คือมีคนรู้จักรับฉีดผิว
โบท็อกอะไรแบบนี้ ตอนแรกก็แค่ฉีดผิวขาวทั่วไป ก็โอเคขาวขึ้นมาก
คนที่ฉีดผิวให้ก็ทักว่า เออจมูกอ่ะสวยอยู่แล้วนะ แต่ถ้าโด่งกว่านี้นะ
จะสวยมากเลย ผมก็ถามไปว่าใช้อะไรฉีดล่ะ เขาก็บอกมาว่า
เนี่ยเป็นฟิลเลอร์ของแท้ ฉีดแล้วไม่นานก็จะสลายไป ไม่มีอันตรายแน่นอน
รับรอง ด้วยความที่ยังเด็ก+อยากดูดี ก็เลยจัดไปซีซีนึง
ซึ่งก็โด่งขึ้นมานิดนึง ทีนี้พอเห็นตัวเองมีดั้งก็แบบ ชอบ
อยากจะโด่งมากกว่านี้จัง วันรุ่งขึ้นเลยจัดไปอีก1ซีซี ราคาซีซีละ4500บาท
ฉีดเสริมปลายด้วย ผลออกมาคือชอบมากกก
นี่คือรูปจมูกที่แท้จริง ผมเป็นคนจมูกเล็กและปลายเรียวอยู่แล้ว(ยังเด็กน้อยอยู่เลย)
อันนี้คือรูปหลังจากฉีดมาสองเข็ม
ดูดีเลยใช่มั้ยล่ะครับ ตอนนั้นชอบมาก
ไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้นเพราะเชื่อใจและไว้ใจคนฉีดมาก
คิดซะว่าเดี๋ยวมันคงสลายไปเอง
เพื่อนผมอีกคนพอมันเห็นผมฉีดละดีขึ้นมันก็เลยเอาบ้าง
ทีนี้เวลาผ่านมาประมาณหกเดือนเริ่มรู้สึกมันไม่โด่งแบบตอนฉีดแรกๆ
ก็เข้าใจว่ามันสลาย(จริงๆคือไม่ใช่นะครับมันไม่ได้สลายแต่ไหลไปกองข้างๆจมูก) เราก็ไปฉีดเพิ่มอีก
เป็นแบบนี้เรื่อยๆในสองปี คือฉีดเติมตลอด
พอมาวันนึงมีคนที่ไม่ได้เจอเรามานานมาทักเราว่า ไปทำไรกะจมูกมา
ทำไมจมูกแกมันบวมๆใหญ่ๆ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้นี่
เราก็เริ่มเสียเซลฟ์ละว่า เห้ย จริงหรอ ก็มาลองดูๆละเอียอีกที
เออจริงด้วยว่ะ แล้วอีกไม่กี่เดือนต่อมา
พออากาศร้อนจมูกผมจะใสและแดงมากกกกกก มีแต่เส้นเลือดฝอยชัดเจนมาก
จมูกดูบวม ใหญ่
แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ก็รู้ตัวแล้วล่ะว่าไม่น่าใช่ฟิลเลอร์แท้เพราะมันไม่สลายสักที
คือมันก็ดูดีอยู่ จนกระทั่งห้าปีผ่านมา
เพื่อนผมคนที่ไปฉีดด้วยกันมาเจอกันอีกที มันก็มาบอกผมว่า
เนี่ยมันไปขูดออกแล้วนะ เพราะมันรู้สึกว่าหลังๆจมูกมันย้อย และแดงมากกก
แม่มันกลัวเป็นอันตรายเลยให้ไปเอาออก แล้วเสริมซิลิโคนแท่งเข้าไปแทน
ผมเห็นละก็เออ จมูกมันดูดีขึ้นกว่าตอนฉีดมากๆจริงๆ เลยถามมัน
มันบอกว่าไปขูดออกกับคุณหมอกลวัชร์ คลีนิคอะไรสักอย่างผมก็ลืม
มันบอกว่าหมอบอกว่าที่ฉีดเข้าไปคือซิลิโคนเหลว ไม่ใช่ฟิลเลอร์
ผมก็เลยถามราคามันไป มันบอกทั้งหมดสี่หมื่นกว่าบาท ใจผมอยากเอาออกมาก
แต่ช่วงนั้นไม่มีเงินเลย เลยพับโครงการไว้ก่อน
แล้วบังเอิญผมได้มาเจอเพื่อนผมที่เป็นสาวสอง ณ
ตอนนั้นที่เจอคือตกใจมากว่าทำไมหน้านางดูใหญ่ขนาดนั้น
เพราะเมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้เลย ตอนแรกเข้าใจว่านางอ้วนก็ไม่คิดอะไร
สองสามเดือนผ่านไป นางมารีวิวลงเฟชบุ๊ค
ยอมรับว่าตัวนางไปฉีดซิลิโคนเหลวที่หน้าผากมา แล้วมันไหลไปทั่วขมับ แก้ม
จมูก ทำให้หน้านางดูบวมและใหญ่มากพร้อมกับลงรูปนางที่นางบอกว่าเพิ่งไปขูดซิลิโคนกับคุณหมอสุรินทร์มา
ผลคือหน้านางดุเรียวขึ้นมาก
แล้วที่มหัศจรรย์กว่านั้นมากคือนางไม่มีรอยช้ำเลยสักนิด
คือเป็นแค่รอยเหลืองๆจางๆ แต่ไม่ช้ำ ไม่บวม ไม่เขียวเลย
ทั้งๆที่ทำมาไม่กี่วัน ผมเลยสนใจมากกก เลยถามราคานาง
นางก็ไปถามคุณหมอให้ คุณหมอบอกว่าเคสของผมขูดรวมเสริมอยู่ที่สองหมื่นบาท
ก็เลยให้นางนัดหมอให้แล้วรอคิวทำเลย
พอได้คิวมาปุ๊ปก็ไปพบคุณหมอครั้งแรก อันนี้ขอ****ไว้เลยนะครับ
คือคุณหมอเป็นคนที่พูดจากวนๆ
ไม่ค่อยให้รายละเอียดอะไรเท่าไหร่ถามก็ไม่ค่อยตอบ
แต่ถ้าตอบแกก็จะกวนๆหน่อย
ตอนแรกแกจะไม่ทำให้ผมเพราะบอกว่าไม่เห็นจะเป็นไร ก็ดูดีนี่จะขูดทำไม
ไม่เอา ไม่ทำ ผมก็หน้าเสียละ แต่เพื่อนผมคะยั้นคะยอคุณหมอ
ว่าทำให้เถอะนี่เพื่อนหนูเอง(เพื่อนผมกับหมอค่อนข้างรู้จักคุ้นเคยกันเพราะนางทำกะคุณหมอมาเยอะมากๆ)
คุณหมอเลยบอก เออๆไปๆ คืออันนี้จะบอกว่าถ้าใครรับไม่ได้ที่คุณหมอพูดจาแบบนี้ก็คงจะไม่ชอบไปเลย
แต่เพื่อนบอกว่าถ้าคุณหมอบอกว่าทำได้แปลว่าออกมาเป๊ะมากๆชัวร์
แล้วผมก็ถ่ายรูปแล้วนั่งรอคิว ใจนึงก็หวั่นว่าจะดีจริงหรอวะ
แล้วถ้าไม่ดีล่ะ ถ้ามันช้ำเละ ละขูดฟิลเลอร์ไม่ออกละจะทำยังไงดี(กังวลจนความดันขึ้น555)
แล้วผมก็ขึ้นไปห้องผ่าตัด อ่อลืมบอกไป คลีนิคคุณหมอไม่รับลูกค้าวอล์คอินนะครับ ต้องโทรจองก่อนทุกครั้ง
พอขึ้นห้อผ่าตัดพวกพี่ๆพยาบาลก็มาเช็ดหน้าทายาให้เราเป็นอย่างดี
พอถึงเวลาผ่า เจ็บแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้นนอกนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่ผมกลัวมาก 555 เพราะว่ารู้สึกว่าคุณหมอขูดๆๆๆๆ ละมีเสียงเหมือนมีอะไรไหลออกมาดังปรี๊ดๆ(คาดว่าน่าจะเป็นฟิลเลอร์นั่นแหละ)
ละคุณหมอแกก็บ่นๆของแกไป ว่าเนี่ยไปฉีดทำไม ไม่น่าฉีดเลย
เดิมจมูกก็โด่งอยู่แล้ว แกก็บ่นไปผมก็ไม่สนใจฟังนัก เพราะตอนนั้นกลัว
ละแกก็นั่งเหลาซิลิโคนละวัดกับจมูกผม
ผมบอกคุณหมอไปว่าขอแบบเป็นธรรมชาติที่สุดนะครับ ไม่อยากให้โด่งไป มันจะดูหลอก
ใช้เวลาทำประมาณ1ชั่วโมงก็เสร็จสิ้น อันนี้รูปหลังผ่าเสร็จทันทีครับ
ทำจมูกที่นี่ไม่ต้องดามนะครับ เดินออกมาสภาพแบบนี้เลย
เคา้จะมีลุกโป่งใส่น้ำแข็งมาให้นั่งประคบจนกว่าจะละลายหมดแล้วก็จะมีผ้าก๊อตอุดจมูกไว้
พี่พยาบาลบอกว่าให้อุดไว้สักสี่ชั่วโมงค่อยเอาออก
ทำเสร็จผมก็ขับรถกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็เริ่มเขียวๆนิดๆ
แต่ไม่บวมไม่ช้ำเลย แล้วคืนนั้นผมก็ทานยานอน
แต่นอนหมอนสูงนิดนึงแต่ไม่ถึงขนาดนั่งนอน
พอตื่นมาตอนเช้า พอดีต้องไปทำธุระแต่เช้าเลยอาบน้ำแต่งตัวออกมาเลย
ละมาถ่ายรูปบนรถ ผลคือมีรอยแดงๆนิดหน่อยเท่านั้นแต่ไม่ช้ำเลยย
แต่พอตกตอนเย็นมันกลับบวมช้ำขึ้นมา
ผมถามเพื่อนเพือนก็เลยถามกลับว่าแกเวลานอนได้นอนหมอนสูงมั้ย
ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานผมนอนกลางวันไปแต่นอนหมอนราบปกติ
มันเลยอาจทำให้เลือดไปคั่งแล้วเกิดอาการบวมขึ้นมา
แต่พอเช้าวันนี้ อาการบวมหายยยย น่าแปลกมาก
แต่เป็นรอยช้ำๆใต้ตาสองข้างแทน แต่จมูกไม่บวมแล้ว
เปรียบเทียบรูปตอนฉีดฟิลเลอร์กับตอนแก้แล้วสองวัน
ผมว่าถ้ามันยุบคงลงเยอะกว่านี้แน่นอน
เพราะนี่ขนาดบวมยังเท่ากับจมุกผมตอนฉีดฟิลเลอร์เลย
เอารุปให้เพื่อนดูเพื่อนก็บอกว่าจมูกดูเรียวขึ้นทั้งที่เพิ่งทำแค่สองวัน
ผลออกมาคือชอบมากกกกกกครับ
ผมไม่น่าทนอยู่กับจมูกฟิลเลอร์โตๆบวมๆมาห้าปีกว่าๆเลย
ถ้ารู้ว่าทำแล้วดีแบบนี้ผมทำนานละ
ยังไงอยากฝากทุกคนไว้นะครับว่าอย่าฉีดเลย ไม่ว่าจะเป็นอะไร
ไม่ว่าเค้าจะบอกว่าอะไร เอาออกมันแพงและทรมานกว่าเอาเข้าเยอะครับ
ผมเองคุรหมอบอกว่าถ้าไม่ได้ฉีดมาก่อนละมาเสริมผมคงได้รูปทรงจมูกที่สวยเทพมากกว่านี้แน่ๆ
แต่ยังไงมันพลาดไปแล้วถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่มาก
ไว้ผมจะมาอัพเดทนะครับ ขอบคุณมากครับ
[CR] รีวิวพลีชีพขูดฟิลเลอร์ที่จมูกพร้อมเสริมฝีมือคุณหมอสุรินทร์ พลเสน พระรามสามคลีนิคครับ
วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์และรีวิวการขูดฟิลเลอร์ออกจากจมูกซึ่งเคยฉีดมานานมากกว่าห้าปีแล้ว
ข้อมูลเยอะ+รูปเยอะนิดนึงนะครับ เพราะอยากรีวิวแบบละเอียด
เมื่อห้าปีก่อนนั้นสมัยเรียนใกล้จะจบช่วงกำลังจะรับปริญญา
ก็ได้มีโอกาสได้เข้าใกล้กับวงการหมอกระเป๋า คือมีคนรู้จักรับฉีดผิว
โบท็อกอะไรแบบนี้ ตอนแรกก็แค่ฉีดผิวขาวทั่วไป ก็โอเคขาวขึ้นมาก
คนที่ฉีดผิวให้ก็ทักว่า เออจมูกอ่ะสวยอยู่แล้วนะ แต่ถ้าโด่งกว่านี้นะ
จะสวยมากเลย ผมก็ถามไปว่าใช้อะไรฉีดล่ะ เขาก็บอกมาว่า
เนี่ยเป็นฟิลเลอร์ของแท้ ฉีดแล้วไม่นานก็จะสลายไป ไม่มีอันตรายแน่นอน
รับรอง ด้วยความที่ยังเด็ก+อยากดูดี ก็เลยจัดไปซีซีนึง
ซึ่งก็โด่งขึ้นมานิดนึง ทีนี้พอเห็นตัวเองมีดั้งก็แบบ ชอบ
อยากจะโด่งมากกว่านี้จัง วันรุ่งขึ้นเลยจัดไปอีก1ซีซี ราคาซีซีละ4500บาท
ฉีดเสริมปลายด้วย ผลออกมาคือชอบมากกก
นี่คือรูปจมูกที่แท้จริง ผมเป็นคนจมูกเล็กและปลายเรียวอยู่แล้ว(ยังเด็กน้อยอยู่เลย)
อันนี้คือรูปหลังจากฉีดมาสองเข็ม
ดูดีเลยใช่มั้ยล่ะครับ ตอนนั้นชอบมาก
ไม่มีการศึกษาอะไรทั้งสิ้นเพราะเชื่อใจและไว้ใจคนฉีดมาก
คิดซะว่าเดี๋ยวมันคงสลายไปเอง
เพื่อนผมอีกคนพอมันเห็นผมฉีดละดีขึ้นมันก็เลยเอาบ้าง
ทีนี้เวลาผ่านมาประมาณหกเดือนเริ่มรู้สึกมันไม่โด่งแบบตอนฉีดแรกๆ
ก็เข้าใจว่ามันสลาย(จริงๆคือไม่ใช่นะครับมันไม่ได้สลายแต่ไหลไปกองข้างๆจมูก) เราก็ไปฉีดเพิ่มอีก
เป็นแบบนี้เรื่อยๆในสองปี คือฉีดเติมตลอด
พอมาวันนึงมีคนที่ไม่ได้เจอเรามานานมาทักเราว่า ไปทำไรกะจมูกมา
ทำไมจมูกแกมันบวมๆใหญ่ๆ เมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้นี่
เราก็เริ่มเสียเซลฟ์ละว่า เห้ย จริงหรอ ก็มาลองดูๆละเอียอีกที
เออจริงด้วยว่ะ แล้วอีกไม่กี่เดือนต่อมา
พออากาศร้อนจมูกผมจะใสและแดงมากกกกกก มีแต่เส้นเลือดฝอยชัดเจนมาก
จมูกดูบวม ใหญ่
แต่ผมก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะมันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไร แต่ก็รู้ตัวแล้วล่ะว่าไม่น่าใช่ฟิลเลอร์แท้เพราะมันไม่สลายสักที
คือมันก็ดูดีอยู่ จนกระทั่งห้าปีผ่านมา
เพื่อนผมคนที่ไปฉีดด้วยกันมาเจอกันอีกที มันก็มาบอกผมว่า
เนี่ยมันไปขูดออกแล้วนะ เพราะมันรู้สึกว่าหลังๆจมูกมันย้อย และแดงมากกก
แม่มันกลัวเป็นอันตรายเลยให้ไปเอาออก แล้วเสริมซิลิโคนแท่งเข้าไปแทน
ผมเห็นละก็เออ จมูกมันดูดีขึ้นกว่าตอนฉีดมากๆจริงๆ เลยถามมัน
มันบอกว่าไปขูดออกกับคุณหมอกลวัชร์ คลีนิคอะไรสักอย่างผมก็ลืม
มันบอกว่าหมอบอกว่าที่ฉีดเข้าไปคือซิลิโคนเหลว ไม่ใช่ฟิลเลอร์
ผมก็เลยถามราคามันไป มันบอกทั้งหมดสี่หมื่นกว่าบาท ใจผมอยากเอาออกมาก
แต่ช่วงนั้นไม่มีเงินเลย เลยพับโครงการไว้ก่อน
แล้วบังเอิญผมได้มาเจอเพื่อนผมที่เป็นสาวสอง ณ
ตอนนั้นที่เจอคือตกใจมากว่าทำไมหน้านางดูใหญ่ขนาดนั้น
เพราะเมื่อก่อนไม่ใช่แบบนี้เลย ตอนแรกเข้าใจว่านางอ้วนก็ไม่คิดอะไร
สองสามเดือนผ่านไป นางมารีวิวลงเฟชบุ๊ค
ยอมรับว่าตัวนางไปฉีดซิลิโคนเหลวที่หน้าผากมา แล้วมันไหลไปทั่วขมับ แก้ม
จมูก ทำให้หน้านางดูบวมและใหญ่มากพร้อมกับลงรูปนางที่นางบอกว่าเพิ่งไปขูดซิลิโคนกับคุณหมอสุรินทร์มา
ผลคือหน้านางดุเรียวขึ้นมาก
แล้วที่มหัศจรรย์กว่านั้นมากคือนางไม่มีรอยช้ำเลยสักนิด
คือเป็นแค่รอยเหลืองๆจางๆ แต่ไม่ช้ำ ไม่บวม ไม่เขียวเลย
ทั้งๆที่ทำมาไม่กี่วัน ผมเลยสนใจมากกก เลยถามราคานาง
นางก็ไปถามคุณหมอให้ คุณหมอบอกว่าเคสของผมขูดรวมเสริมอยู่ที่สองหมื่นบาท
ก็เลยให้นางนัดหมอให้แล้วรอคิวทำเลย
พอได้คิวมาปุ๊ปก็ไปพบคุณหมอครั้งแรก อันนี้ขอ****ไว้เลยนะครับ
คือคุณหมอเป็นคนที่พูดจากวนๆ
ไม่ค่อยให้รายละเอียดอะไรเท่าไหร่ถามก็ไม่ค่อยตอบ
แต่ถ้าตอบแกก็จะกวนๆหน่อย
ตอนแรกแกจะไม่ทำให้ผมเพราะบอกว่าไม่เห็นจะเป็นไร ก็ดูดีนี่จะขูดทำไม
ไม่เอา ไม่ทำ ผมก็หน้าเสียละ แต่เพื่อนผมคะยั้นคะยอคุณหมอ
ว่าทำให้เถอะนี่เพื่อนหนูเอง(เพื่อนผมกับหมอค่อนข้างรู้จักคุ้นเคยกันเพราะนางทำกะคุณหมอมาเยอะมากๆ)
คุณหมอเลยบอก เออๆไปๆ คืออันนี้จะบอกว่าถ้าใครรับไม่ได้ที่คุณหมอพูดจาแบบนี้ก็คงจะไม่ชอบไปเลย
แต่เพื่อนบอกว่าถ้าคุณหมอบอกว่าทำได้แปลว่าออกมาเป๊ะมากๆชัวร์
แล้วผมก็ถ่ายรูปแล้วนั่งรอคิว ใจนึงก็หวั่นว่าจะดีจริงหรอวะ
แล้วถ้าไม่ดีล่ะ ถ้ามันช้ำเละ ละขูดฟิลเลอร์ไม่ออกละจะทำยังไงดี(กังวลจนความดันขึ้น555)
แล้วผมก็ขึ้นไปห้องผ่าตัด อ่อลืมบอกไป คลีนิคคุณหมอไม่รับลูกค้าวอล์คอินนะครับ ต้องโทรจองก่อนทุกครั้ง
พอขึ้นห้อผ่าตัดพวกพี่ๆพยาบาลก็มาเช็ดหน้าทายาให้เราเป็นอย่างดี
พอถึงเวลาผ่า เจ็บแค่ตอนฉีดยาชาเท่านั้นนอกนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่ผมกลัวมาก 555 เพราะว่ารู้สึกว่าคุณหมอขูดๆๆๆๆ ละมีเสียงเหมือนมีอะไรไหลออกมาดังปรี๊ดๆ(คาดว่าน่าจะเป็นฟิลเลอร์นั่นแหละ)
ละคุณหมอแกก็บ่นๆของแกไป ว่าเนี่ยไปฉีดทำไม ไม่น่าฉีดเลย
เดิมจมูกก็โด่งอยู่แล้ว แกก็บ่นไปผมก็ไม่สนใจฟังนัก เพราะตอนนั้นกลัว
ละแกก็นั่งเหลาซิลิโคนละวัดกับจมูกผม
ผมบอกคุณหมอไปว่าขอแบบเป็นธรรมชาติที่สุดนะครับ ไม่อยากให้โด่งไป มันจะดูหลอก
ใช้เวลาทำประมาณ1ชั่วโมงก็เสร็จสิ้น อันนี้รูปหลังผ่าเสร็จทันทีครับ
ทำจมูกที่นี่ไม่ต้องดามนะครับ เดินออกมาสภาพแบบนี้เลย
เคา้จะมีลุกโป่งใส่น้ำแข็งมาให้นั่งประคบจนกว่าจะละลายหมดแล้วก็จะมีผ้าก๊อตอุดจมูกไว้
พี่พยาบาลบอกว่าให้อุดไว้สักสี่ชั่วโมงค่อยเอาออก
ทำเสร็จผมก็ขับรถกลับบ้าน พอกลับมาถึงก็เริ่มเขียวๆนิดๆ
แต่ไม่บวมไม่ช้ำเลย แล้วคืนนั้นผมก็ทานยานอน
แต่นอนหมอนสูงนิดนึงแต่ไม่ถึงขนาดนั่งนอน
พอตื่นมาตอนเช้า พอดีต้องไปทำธุระแต่เช้าเลยอาบน้ำแต่งตัวออกมาเลย
ละมาถ่ายรูปบนรถ ผลคือมีรอยแดงๆนิดหน่อยเท่านั้นแต่ไม่ช้ำเลยย
แต่พอตกตอนเย็นมันกลับบวมช้ำขึ้นมา
ผมถามเพื่อนเพือนก็เลยถามกลับว่าแกเวลานอนได้นอนหมอนสูงมั้ย
ผมเลยนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานผมนอนกลางวันไปแต่นอนหมอนราบปกติ
มันเลยอาจทำให้เลือดไปคั่งแล้วเกิดอาการบวมขึ้นมา
แต่พอเช้าวันนี้ อาการบวมหายยยย น่าแปลกมาก
แต่เป็นรอยช้ำๆใต้ตาสองข้างแทน แต่จมูกไม่บวมแล้ว
เปรียบเทียบรูปตอนฉีดฟิลเลอร์กับตอนแก้แล้วสองวัน
ผมว่าถ้ามันยุบคงลงเยอะกว่านี้แน่นอน
เพราะนี่ขนาดบวมยังเท่ากับจมุกผมตอนฉีดฟิลเลอร์เลย
เอารุปให้เพื่อนดูเพื่อนก็บอกว่าจมูกดูเรียวขึ้นทั้งที่เพิ่งทำแค่สองวัน
ผลออกมาคือชอบมากกกกกกครับ
ผมไม่น่าทนอยู่กับจมูกฟิลเลอร์โตๆบวมๆมาห้าปีกว่าๆเลย
ถ้ารู้ว่าทำแล้วดีแบบนี้ผมทำนานละ
ยังไงอยากฝากทุกคนไว้นะครับว่าอย่าฉีดเลย ไม่ว่าจะเป็นอะไร
ไม่ว่าเค้าจะบอกว่าอะไร เอาออกมันแพงและทรมานกว่าเอาเข้าเยอะครับ
ผมเองคุรหมอบอกว่าถ้าไม่ได้ฉีดมาก่อนละมาเสริมผมคงได้รูปทรงจมูกที่สวยเทพมากกว่านี้แน่ๆ
แต่ยังไงมันพลาดไปแล้วถือเป็นบทเรียนครั้งใหญ่มาก
ไว้ผมจะมาอัพเดทนะครับ ขอบคุณมากครับ