ตะวันออกกลาง
นโยบายของ Trump มุ่งเป้าไปที่ตะวันออกกลาง ที่มีปัญหาหลายเรื่อง
เรื่องใหญ่ที่สุดคือ การก่อการร้าย ซึ่ง Trump เสนอว่า จะมีมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่เฉียบขาด รวมทั้งการห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ โดยจะใช้กำลังทหารบดขยี้ ISIS ให้สิ้นซาก แต่ท่าทีของ Trump ช่วงก่อนหน้านี้คือ การยืมมือรัสเซียไปปราบ ISIS โดยมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะแทรกแซง แต่เขาก็สนับสนุนการมีกองกำลังสหรัฐ และสนับสนุนการทิ้งระเบิดบ่อน้ำมันในอิรัก เพื่อตัดแหล่งรายได้ของ ISIS รวมทั้งเสนอให้สังหารครอบครัวของนักรบ ISIS ด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพหลังเหตุกาณณ์ก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีส เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ท่าทีของ Trump ก็เปลี่ยนไป โดยเสนอว่า ต้องใช้กำลังทหารเข้าไปเพื่อบดขยี้ ISIS อย่างเด็ดขาด
สำหรับในกรณีสงครามซีเรีย Trump เสนอให้ใช้กำลังล้มรัฐบาล Assad แต่ก็หวาดระแวงต่อกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม Trump เสนอจะไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเข้าประเทศ
สำหรับในกรณีของอิหร่าน Trump ต่อต้านข้อตกลงนิวเคลียร์ที่รัฐบาล Obama ไปทำกับอิหร่าน โดยบอกว่า เป็นข้อตกลงที่เลวร้ายมาก ทำให้อเมริกาเสียเปรียบ และคุกคามต่ออนาคตของอิสราเอล ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยบอกว่า จะหยุดยั้งแผนการมีอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ด้วยมาตรการทุกมาตรการ รวมถึงมาตรการทางทหารและมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
Trump สนับสนุนเต็มที่ต่อการปกป้องอิสราเอล โดยสหรัฐจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล Trump ไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ต่อการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ เขาสนับสนุนให้อิสราเอลใช้กำลังโจมตีอิหร่านได้
นโยบายต่อแรงงานผิดกฏหมายในสหรัฐ
ท่าทีของ Trump ต่อแรงงานผิดกฏหมายในสหรัฐมีท่าทีสุดโต่ง โจมตีเม็กซิโกว่า ได้ส่งอาชญากร ในคราบแรงงานผิดกฏหมาย เข้ามาในสหรัฐ เขาจึงเสนอว่า ให้มีการส่งแรงงานผิดกฏหมายที่มีกว่า 10 ล้านคนกลับประเทศต้นทางให้หมด นอกจากนี้ เขายังเสนอให้มีการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐกับเม็กซิโก โดยบอกว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะต้องจ่ายเงินสร้างกำแพงดังกล่าว และจะมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับแรงงานผิดกฏหมาย โดยจะมีโทษหนักสำหรับคนที่อยู่เกินวีซ่า และยุติการให้สัญชาติอเมริกันต่อลูกของแรงงานผิดกฏหมายที่เกิดในสหรัฐ รวมทั้งจะไม่ให้ผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าประเทศ และจะส่งผู้ลี้ภัยซีเรียที่อยู่ในประเทศอยู่แล้วกลับประเทศซีเรียให้หมด และจะไม่ให้ชาวมุสลิมเข้าประเทศด้วย
จีน
Trump มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อจีนเป็นอย่างมาก โดยมองว่า การค้าระหว่างสหรัฐกับจีน มีผลในเชิงลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้โรงงานสหรัฐผลิตสินค้าสู้สินค้าราคาถูกจากจีนไม่ได้ ต้องปิดโรงงานไปกว่า 50,000 โรงงาน ทำให้คนอเมริกันตกงานกว่า 10 ล้านคน ในขณะที่สหรัฐเปิดตลาดให้กับจีนเต็มที่ แต่จีนกลับปิดตลาดและกีดกันสินค้าสหรัฐ
การที่เงินหยวนมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40 % ทำให้สินค้าจีนได้เปรียบเป็นอย่างมาก ในขณะที่จีนตั้งกำแพงภาษีสูงต่อสินค้าสหรัฐ ดังนั้น ในวันแรกที่เขาได้เป็นประธานาธิบดี Trump จะประกาศให้จีนเป็นประเทศที่มีการบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator) และจะมีมาตรการตอบโต้ทางภาษีต่อสินค้าของจีน
และการที่จีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่อสหรัฐ ทำให้สหรัฐสูญเสียรายได้กว่า 3 แสนล้านเหรียญ และทำให้คนอเมริกันตกงานหลายล้านคนต่อปี ดังนั้น Trump จะมีมาตรการที่เฉียบขาดต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีน
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้บีบบริษัทอเมริกัน เช่น Boeing, GE, Intel ให้ต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้กับบริษัทของจีน Trump จึงเสนอว่า สหรัฐจะไม่สามารถอดทนต่อไปได้ต่อการบีบบังคับเช่นนั้น
ผู้ส่งออกของจีนได้รับการอุดหนุนการส่งออกอย่างผิดกฏหมายจากรัฐบาลจีน ทำให้ภาคเอกชนอเมริกาเสียเปรียบ นอกจากนี้ จีนยังขาดมาตรฐานด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเท่ากับเป็นการอุดหนุนการส่งออกอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น Trump จะมีมาตรการตอบโต้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนในทุกรูปแบบ
สำหรับทางด้านการทหาร Trump เสนอว่า จะเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องปรามความทะเยอทะยานของจีนในการครอบงำภูมิภาค การคงกองกำลังทหารที่เข้มแข็งในภูมิภาค จะเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนต่อจีนและประเทศในเอเชียว่า สหรัฐได้กลับมาเป็นผู้นำโลกและผู้นำภูมิภาคอีกครั้งหนึ่งแล้ว
และที่เกี่ยวข้องกับจีนคือ เกาหลีเหนือ ซึ่ง Trump เรียกผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึน ว่า “maniac” หรือ “คนบ้า” โดยมองว่า สหรัฐน่าจะกดดันจีน ให้จีนบีบเกาหลีเหนือให้ยุติการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และถ้าหากจีนปฏิเสธ สหรัฐก็ควรจะมีมาตรการลงโทษจีน ในอดีต Trump ถึงกับเคยมีข้อเสนอให้โจมตีเกาหลีเหนือด้วยกำลังทางทหาร
FTA
Trump บอกว่า เขาสนับสนุนการค้าเสรี แต่เขาก็ต่อต้านข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA โดยมองว่า FTA เหล่านั้น ทำให้คนอเมริกันตกงาน เขาบอกว่า NAFTA หรือข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ เป็นหายนะของสหรัฐ ถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดี Trump จะเจรจาข้อตกลง NAFTA ใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกไปเลย
Trump จะลงโทษบริษัทของสหรัฐที่ย้ายโรงงานไปประเทศอื่น ตัวอย่างเช่น บริษัท Ford ได้ย้ายโรงงานผลิตรถยนต์ไปอยู่ที่เม็กซิโก โดยเขาจะมีมาตรการตอบโต้ด้วยการคิดภาษี 35 % สำหรับรถยนต์ของบริษัทสหรัฐที่ผลิตในเม็กซิโกที่จะส่งออกมายังสหรัฐ
นอกจากนี้ Trump ยังต่อต้านข้อตกลง TPP โดยบอกว่า สหรัฐจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจาก TPP แต่จะกลายเป็นประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น และบริษัทใหญ่ๆของสหรัฐ ที่จะได้ประโยชน์ แต่ประชาชนคนอเมริกันจะไม่ได้อะไร
ภาวะโลกร้อน
Trump ไม่เชื่อว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนจะเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อมของโลก และไม่เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เขาบอกว่า รัฐบาล Obama ใช้เงินไปหลายพันล้านเหรียญกับการพัฒนาพลังงานสีเขียว (green technology) ซึ่งเขาบอกว่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่ากับว่าเป็นการสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ยังมองว่า ถ้าอเมริกาต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง จะกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นอย่างมาก แต่ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับหนึ่งของโลก กลับไม่ต้องทำอะไร
ครอบคุณข้อมูลจาก
http://www.drprapat.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4-15/
ดูนโยบายของนาย trump เเล้ว สุดโต่งไปรึเปล่า !?
นโยบายของ Trump มุ่งเป้าไปที่ตะวันออกกลาง ที่มีปัญหาหลายเรื่อง
เรื่องใหญ่ที่สุดคือ การก่อการร้าย ซึ่ง Trump เสนอว่า จะมีมาตรการต่อต้านการก่อการร้ายที่เฉียบขาด รวมทั้งการห้ามชาวมุสลิมเดินทางเข้าสหรัฐ โดยจะใช้กำลังทหารบดขยี้ ISIS ให้สิ้นซาก แต่ท่าทีของ Trump ช่วงก่อนหน้านี้คือ การยืมมือรัสเซียไปปราบ ISIS โดยมองว่า ยังไม่มีความจำเป็นที่จะแทรกแซง แต่เขาก็สนับสนุนการมีกองกำลังสหรัฐ และสนับสนุนการทิ้งระเบิดบ่อน้ำมันในอิรัก เพื่อตัดแหล่งรายได้ของ ISIS รวมทั้งเสนอให้สังหารครอบครัวของนักรบ ISIS ด้วย อย่างไรก็ตาม ภาพหลังเหตุกาณณ์ก่อวินาศกรรมที่กรุงปารีส เมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว ท่าทีของ Trump ก็เปลี่ยนไป โดยเสนอว่า ต้องใช้กำลังทหารเข้าไปเพื่อบดขยี้ ISIS อย่างเด็ดขาด
สำหรับในกรณีสงครามซีเรีย Trump เสนอให้ใช้กำลังล้มรัฐบาล Assad แต่ก็หวาดระแวงต่อกลุ่มกบฏ อย่างไรก็ตาม Trump เสนอจะไม่ยอมรับผู้ลี้ภัยชาวซีเรียเข้าประเทศ
สำหรับในกรณีของอิหร่าน Trump ต่อต้านข้อตกลงนิวเคลียร์ที่รัฐบาล Obama ไปทำกับอิหร่าน โดยบอกว่า เป็นข้อตกลงที่เลวร้ายมาก ทำให้อเมริกาเสียเปรียบ และคุกคามต่ออนาคตของอิสราเอล ไม่เห็นด้วยกับการยกเลิกการคว่ำบาตรอิหร่าน โดยบอกว่า จะหยุดยั้งแผนการมีอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่าน ด้วยมาตรการทุกมาตรการ รวมถึงมาตรการทางทหารและมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ
Trump สนับสนุนเต็มที่ต่อการปกป้องอิสราเอล โดยสหรัฐจะเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล Trump ไม่ได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจน ต่อการจัดตั้งรัฐปาเลสไตน์ เขาสนับสนุนให้อิสราเอลใช้กำลังโจมตีอิหร่านได้
นโยบายต่อแรงงานผิดกฏหมายในสหรัฐ
ท่าทีของ Trump ต่อแรงงานผิดกฏหมายในสหรัฐมีท่าทีสุดโต่ง โจมตีเม็กซิโกว่า ได้ส่งอาชญากร ในคราบแรงงานผิดกฏหมาย เข้ามาในสหรัฐ เขาจึงเสนอว่า ให้มีการส่งแรงงานผิดกฏหมายที่มีกว่า 10 ล้านคนกลับประเทศต้นทางให้หมด นอกจากนี้ เขายังเสนอให้มีการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนสหรัฐกับเม็กซิโก โดยบอกว่า รัฐบาลเม็กซิโกจะต้องจ่ายเงินสร้างกำแพงดังกล่าว และจะมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างเด็ดขาด สำหรับแรงงานผิดกฏหมาย โดยจะมีโทษหนักสำหรับคนที่อยู่เกินวีซ่า และยุติการให้สัญชาติอเมริกันต่อลูกของแรงงานผิดกฏหมายที่เกิดในสหรัฐ รวมทั้งจะไม่ให้ผู้ลี้ภัยซีเรียเข้าประเทศ และจะส่งผู้ลี้ภัยซีเรียที่อยู่ในประเทศอยู่แล้วกลับประเทศซีเรียให้หมด และจะไม่ให้ชาวมุสลิมเข้าประเทศด้วย
จีน
Trump มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อจีนเป็นอย่างมาก โดยมองว่า การค้าระหว่างสหรัฐกับจีน มีผลในเชิงลบอย่างมากต่อเศรษฐกิจสหรัฐ ทำให้โรงงานสหรัฐผลิตสินค้าสู้สินค้าราคาถูกจากจีนไม่ได้ ต้องปิดโรงงานไปกว่า 50,000 โรงงาน ทำให้คนอเมริกันตกงานกว่า 10 ล้านคน ในขณะที่สหรัฐเปิดตลาดให้กับจีนเต็มที่ แต่จีนกลับปิดตลาดและกีดกันสินค้าสหรัฐ
การที่เงินหยวนมีค่าต่ำกว่าความเป็นจริงถึง 40 % ทำให้สินค้าจีนได้เปรียบเป็นอย่างมาก ในขณะที่จีนตั้งกำแพงภาษีสูงต่อสินค้าสหรัฐ ดังนั้น ในวันแรกที่เขาได้เป็นประธานาธิบดี Trump จะประกาศให้จีนเป็นประเทศที่มีการบิดเบือนค่าเงิน (currency manipulator) และจะมีมาตรการตอบโต้ทางภาษีต่อสินค้าของจีน
และการที่จีนละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาต่อสหรัฐ ทำให้สหรัฐสูญเสียรายได้กว่า 3 แสนล้านเหรียญ และทำให้คนอเมริกันตกงานหลายล้านคนต่อปี ดังนั้น Trump จะมีมาตรการที่เฉียบขาดต่อการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาของจีน
นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังได้บีบบริษัทอเมริกัน เช่น Boeing, GE, Intel ให้ต้องถ่ายโอนเทคโนโลยีให้กับบริษัทของจีน Trump จึงเสนอว่า สหรัฐจะไม่สามารถอดทนต่อไปได้ต่อการบีบบังคับเช่นนั้น
ผู้ส่งออกของจีนได้รับการอุดหนุนการส่งออกอย่างผิดกฏหมายจากรัฐบาลจีน ทำให้ภาคเอกชนอเมริกาเสียเปรียบ นอกจากนี้ จีนยังขาดมาตรฐานด้านแรงงานและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเท่ากับเป็นการอุดหนุนการส่งออกอีกรูปแบบหนึ่ง ดังนั้น Trump จะมีมาตรการตอบโต้นโยบายการค้าที่ไม่เป็นธรรมของจีนในทุกรูปแบบ
สำหรับทางด้านการทหาร Trump เสนอว่า จะเสริมสร้างแสนยานุภาพทางทหารของสหรัฐในทะเลจีนใต้และทะเลจีนตะวันออก ทั้งนี้เพื่อเป็นการป้องปรามความทะเยอทะยานของจีนในการครอบงำภูมิภาค การคงกองกำลังทหารที่เข้มแข็งในภูมิภาค จะเป็นการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนต่อจีนและประเทศในเอเชียว่า สหรัฐได้กลับมาเป็นผู้นำโลกและผู้นำภูมิภาคอีกครั้งหนึ่งแล้ว
และที่เกี่ยวข้องกับจีนคือ เกาหลีเหนือ ซึ่ง Trump เรียกผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จ็อง-อึน ว่า “maniac” หรือ “คนบ้า” โดยมองว่า สหรัฐน่าจะกดดันจีน ให้จีนบีบเกาหลีเหนือให้ยุติการผลิตอาวุธนิวเคลียร์ และถ้าหากจีนปฏิเสธ สหรัฐก็ควรจะมีมาตรการลงโทษจีน ในอดีต Trump ถึงกับเคยมีข้อเสนอให้โจมตีเกาหลีเหนือด้วยกำลังทางทหาร
FTA
Trump บอกว่า เขาสนับสนุนการค้าเสรี แต่เขาก็ต่อต้านข้อตกลงการค้าเสรี หรือ FTA โดยมองว่า FTA เหล่านั้น ทำให้คนอเมริกันตกงาน เขาบอกว่า NAFTA หรือข้อตกลงเขตการค้าเสรีอเมริกาเหนือ เป็นหายนะของสหรัฐ ถ้าเขาได้เป็นประธานาธิบดี Trump จะเจรจาข้อตกลง NAFTA ใหม่ หรือไม่ก็ยกเลิกไปเลย
Trump จะลงโทษบริษัทของสหรัฐที่ย้ายโรงงานไปประเทศอื่น ตัวอย่างเช่น บริษัท Ford ได้ย้ายโรงงานผลิตรถยนต์ไปอยู่ที่เม็กซิโก โดยเขาจะมีมาตรการตอบโต้ด้วยการคิดภาษี 35 % สำหรับรถยนต์ของบริษัทสหรัฐที่ผลิตในเม็กซิโกที่จะส่งออกมายังสหรัฐ
นอกจากนี้ Trump ยังต่อต้านข้อตกลง TPP โดยบอกว่า สหรัฐจะไม่ได้ประโยชน์อะไรจาก TPP แต่จะกลายเป็นประเทศอื่นๆ อาทิ ญี่ปุ่น และบริษัทใหญ่ๆของสหรัฐ ที่จะได้ประโยชน์ แต่ประชาชนคนอเมริกันจะไม่ได้อะไร
ภาวะโลกร้อน
Trump ไม่เชื่อว่า ปัญหาภาวะโลกร้อนจะเป็นปัญหาสำคัญทางด้านสิ่งแวดล้อมของโลก และไม่เชื่อว่า ปัญหาดังกล่าวเกิดจากการกระทำของมนุษย์ เขาบอกว่า รัฐบาล Obama ใช้เงินไปหลายพันล้านเหรียญกับการพัฒนาพลังงานสีเขียว (green technology) ซึ่งเขาบอกว่า ไม่ได้ประโยชน์อะไรเท่ากับว่าเป็นการสูญเปล่าอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ยังมองว่า ถ้าอเมริกาต้องลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง จะกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นอย่างมาก แต่ในขณะที่จีน ซึ่งเป็นประเทศที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นอันดับหนึ่งของโลก กลับไม่ต้องทำอะไร
ครอบคุณข้อมูลจาก http://www.drprapat.com/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4-15/