นิทาน : เจ้าหญิงจูหมาจมูกหมู 2005



เขียนไว้นานสิบกว่าปีครับ นิทาน เป็นงานยากที่สุดเท่าที่เคยทดลองเขียนมา
คิดเห็นเช่นไรบอกกันได้เบยคร้าบ เผื่อจะได้หันกลับมาเขียนนิทานอีก อิอิ

***************************************************************





นิทาน
เจ้าหญิงจูหมาจมูกหมู



   ณ ดินแดนอันไกลโพ้น ที่โน่นทุกคนล้วนมีหน้าตาอย่างเดียวกัน  คือรูปหน้ากลมแป้น มีส่วนของหน้าผาก คางและโหนกแก้ม โปนออกมาเสมอกัน  จมูกบานใหญ่วางแบะอยู่กลางใบหน้า มันเกือบจะปิดดั้งจมูกและริมผีปากบนได้หมด

เพราะทุกคนที่นี่หน้าตาเป็นเช่นนี้  คนสวยของที่นี่หน้าตาจึงเป็นเช่นนี้  เจ้าหญิงจูหมาก็หน้าตาเป็นอย่างนี้  เจ้าหญิงจูหมาจึงได้ชื่อว่ามีรูปโฉมงดงามไม่แพ้ใคร

และแต่ละคนก็คิดว่า คนต่างถิ่นที่หน้าตาเรียวงามมนสวย ลูกตารีสดใส รับกับจมูกโด่งสวย และริมฝีปากสีชมพูงดงามนั้น ล้วนอัปลักษณ์ หากใครไปข้องแวะด้วย จะได้รับโชคร้ายไปตลอดชีวิต

เหตุที่นับถือความงามกันอย่างนี้  เมื่อคราวที่เจ้าหญิงถือกำเนิด แล้วมีจมูกใหญ่เทอะทะเป็นพิเศษกว่าใครๆ ในอาณาจักร  บรรดาผู้รู้ผู้เฒ่าจึงต่างทำนายว่า  รูปโฉมอันงดงามของธิดาองค์น้อยของพระราชานั้น  จะนำชื่อเสียงและความมั่งคั่งมาให้  

'เจ้าหญิงจมูกหมู' จึงเป็นคำสรรเสริญอันสมจริงที่สุด เท่าที่ชาวบ้านจะกล่าวชื่นชมเจ้าหญิงของตนเอง และก็ช่วยกันมองหาชายหนุ่มผู้มีจมูกโตกว่าเจ้าหญิง เพื่อให้เขาคนนั้นได้เป็นคู่ครองของเธอ  เพื่อที่เจ้าหญิงเจ้าชายที่จะถือกำเนิดต่อๆ ไป จะได้ยิ่งมีจมูกโตขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อทุกคนเชื่อดังนั้น พระราชาก็เชื่อดังนั้น เจ้าหญิงก็เชื่อดังนั้น  เชื่อว่าเจ้าหญิงจมูกหมู จะเป็นผู้นำโชคลาภมาให้ผู้คนในอาณาจักร  ทุกคนจึงพร้อมจะปรนเปรอสนองความต้องการทุกอย่างของเจ้าหญิงอย่างไม่มีข้อยกเว้น

แต่ทว่า...

แม้ว่าเจ้าหญิงจูหมาจะเชื่อดังนั้น  และยินดีสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่สมปรารถนา เมื่อเธอร้องขอ  แต่เจ้าหญิงก็ไม่เคยนึกชอบรูปโฉมของตนเองเลยสักนิด

“จมูกใหญ่ขนาดนี้  เจ้าชายที่ไหนจะกล้ามาจุมพิต เวลาจะปลุกให้ตื่น”

พร้อมกับคำพูด ก็มีเสียงฟืดๆ ดังออกมาทางจมูกด้วย นี่เป็นสัญญาณบอกว่า ให้ทุกคนถอยห่าง เพราะอารมณ์ร้ายของเจ้าหญิงจูหมา กำลังจะระเบิด

“จมูกใหญ่ๆ หายใจได้ทีละเยอะๆ อายุจะได้ยืนๆ ไงเพคะ”  

แม่นมเป็นคนเดียวที่จะกล้าอยู่ใกล้ในเวลาเช่นนี้

“เราไม่สน  เราอยากจะได้จมูกเล็กๆ ดั้งเป็นสัน ปลายจมูกแหลมๆ เหมือนอย่างพวกต่างถิ่น”  

เจ้าหญิงจูหมาไม่รู้หรอกว่าได้พูดอะไรออกไป  อะไรที่เธออยากได้ ทุกคนจะต้องหามาให้ได้  แล้วหากเธออยากได้จมูกเล็กๆ อย่างที่ว่า  ใครกันเล่าจะต้องเป็นผู้ขวนขวายหามาให้ โดยเฉพาะโอกาสพิเศษเช่นในวันฉลองอายุครบสิบห้าปีเช่นนี้

“ถ้าจมูกเล็กๆ แล้วไม่มีเจ้าชายมาจุมพิต เจ้าหญิงจะยอมหรือเพคะ”  

แม่นมพยายามต่อรอง

“ถ้าเรามีจมูกเล็กๆ แล้ว  เดี๋ยวเราก็จะให้พวกเจ้าหาเจ้าชายมาให้เรา... แต่ตอนนี้เราอยากจะได้จมูกเล็กๆ เข้าใจไหม”

ความโกลาหลจึงเกิดขึ้นทั่วทั้งอาณาจักร  เพราะพระราชาสั่งให้หาใครก็ได้ที่สามารถทำให้เจ้าหญิงมีจมูกที่เล็กลงได้ จนเป็นที่พอใจของเธอ   พระองค์จะยอมยกดินแดนครึ่งหนึ่งให้คนผู้นั้นได้ครอบครอง

แต่ชาวเมืองไม่ค่อยเห็นด้วย  เพราะจมูกที่เล็กลง จะทำให้โชคลาภที่จะมาถึงพลอยหดเล็กลงไปด้วย  ชาวเมืองจึงพยายามสืบหาว่าใครน่าจะ ทำให้ความต้องการของเจ้าหญิงเป็นจริงขึ้นมาได้ แล้วพวกเขาก็จะร่วมมือกันยับยั้งป้องกันไม่ให้ คนผู้นั้นมีโอกาสเสนอตัว แสดงความสามารถ

เวลาผ่านไปอีกเป็นปี ก็ยังไม่มีใครเข้ามาเสนอตัว  เจ้าหญิงจูหมาจมูกหมูก็ยิ่งเจริญวัยขึ้น พร้อมกับจมูก ซึ่งดูเหมือนกับว่าจะขยายใหญ่ขึ้นเช่นกัน

จนในวันเกิดครบรอบสิบแปดปี  วันที่เจ้าหญิงจูหมาขู่จะฆ่าตัวตาย หากยังไม่มีใครช่วยทำให้จมูกของเธอเล็กลงไปได้

ในเย็นวันนั้น พระเอกขี่ม้าขาวก็มาถึง  เขาเป็นชายหนุ่มรูปงาม  งามอย่างที่ชาวเมืองเห็นว่างดงามนั่นละ  และก็งดงามเหมือนกับที่เจ้าหญิงวาดฝันไว้เช่นกัน

“จมูกใหญ่ๆ เก็บลมหายใจได้เยอะๆ จะได้จุมพิตกับเราได้นานๆ”  

เจ้าหญิงจูหมากระซิบกับแม่นม เมื่อเห็นว่าใครเข้ามาเสนอตัวเป็นผู้ช่วยให้เจ้าหญิงสมปรารถนา

“สามปีแล้วที่เราประกาศจะยกอาณาจักรครึ่งหนึ่ง ให้ใครก็ตามที่ช่วยทำให้จมูกลูกสาวเราเล็กลง ได้จนเธอพอใจ... ทำไมเจ้าเพิ่งมารับอาสา”  

พระราชาถามชายหนุ่ม ด้วยความไม่มั่นใจว่าเขาจะทำได้สำเร็จ

“ข้าฯ ออกท่องป่าหาสมุนไพรสำคัญอยู่นานถึงสามปี กว่าจะได้ตัวยามาครบพระเจ้าค่ะ”

พร้อมกันนั้น ชายหนุ่มก็แสดงตัวยาต่างๆ ให้พระราชาได้ชม  แล้วจึงพูดต่อไป

“ข้าแต่พระราชา  ข้าฯ คิดว่าหากเจ้าหญิงจูหมาจมูกหมู จมูกเล็กลงจริงๆ แล้วละก้อ  ชาวเมืองจะพากันไม่พอใจนะพระเจ้าค่ะ”  

สามปีที่รอให้เจ้าหญิงเปลี่ยนใจ ย่อมทำให้เขาได้รู้ว่าชาวเมืองคิดอย่างไร และมีใครมาแล้วบ้าง ที่เคยคิดเสนอตัวช่วยเหลือเจ้าหญิง แต่ถูกชาวเมืองยับยั้งเอาไว้

“เราคำนึงถึงความพอใจของลูกสาวเรา มากกว่าความพอใจของคนอื่น”

พระราชาตอบเรียบๆ  ก่อนจะถามย้ำอีกครั้ง  

“ถ้าเจ้าทำให้เจ้าหญิงจูหมา ลูกสาวเราจมูกเล็กลงได้เท่าที่เธอต้องการได้จริงๆ  นอกจากเราจะยกดินแดนให้ครอบครอบครึ่งหนึ่งแล้ว  เราจะยกลูกสาวของเราให้แต่งงานกับเจ้าด้วย เจ้าหนุ่มน้อย”

แต่ชายหนุ่มรีบปฏิเสธ  

“หามิได้พระเจ้าข้า  ข้าฯไม่ได้หวังดินแดนอะไรเลยสักนิด ข้าเพียงแต่อยากให้เจ้าหญิงได้สมปรารถนาในสิ่งที่เธอต้องการ  แต่แม้ว่าข้าจะรักเธอ แต่ข้าก็คงจะแต่งงานกับเธอไม่ได้อีก ถ้าเธอจมูกเล็กลง  เพราะข้ารักเธอ เพราะเธอเป็นเธอ เพราะเธอเป็นเจ้าหญิงที่มีจมูกสวยที่สุดเท่าที่ข้าฯ เคยเห็นมาในชีวิต”

เจ้าหญิงซึ่งแอบฟังอยู่ด้านหลังรู้สึกเสียใจอย่างยิ่ง ที่ชายหนุ่มพูดอย่างนั้น  เพราะตอนนี้ศรรักได้ปักอกของเจ้าหญิงจนถอนไม่ขึ้นเสียแล้ว   แล้วเจ้าหญิงจูหมาก็ยิ่งตกใจหนักขึ้น เมื่อพระราชาผู้เป็นพ่อพูดกับชายหนุ่มผู้นั้นต่อไปว่า

“หากเจ้าทำไม่สำเร็จ  เราจะถือว่าเจ้าเป็นพวกหลอกลวง คิดจะฉ้อโกงดินแดนของเรา  เราจะสั่งประหารชีวิตเจ้าทันที”  

แทนที่ชายหนุ่มจะรู้สึกกลัว เขากลับตอบคำพระราชาด้วยเสียงแจ่มใสชัดเจน

“หน้าที่ของข้าฯ ก็คือทำให้คนที่ข้ารักได้สมปรารถนา  พระองค์ไม่ต้องห่วง หากข้าฯ ทำไม่ได้ก็ยินดีจะมอบชีวิต”

เมื่อเป็นอันตกลงว่า ชายหนุ่มจะได้ทำการลดขนาดจมูกของเจ้าหญิงลง เขาจึงบอกวิธีการแก่พระราชาว่า

จะต้องเคี่ยวตัวยาต่างๆ เข้าด้วยกัน  แล้วให้เจ้าหญิงดื่มทุกวัน วันละสามเวลา และเพราะจะต้องค่อยท่องคาถาพิเศษกำกับการดื่มและปรุงยาโดยตลอด  ตัวเขาจึงต้องคอยเฝ้าดู ป้อนยาให้เจ้าหญิงด้วยตนเอง  ซึ่งวิธีการนี้ทั้งพระราชา และตัวเจ้าหญิงจูหมาไม่ขัดข้อง

ดังนั้นทุกมื้อกลางวัน มื้อเย็น และก่อนนอน เจ้าหญิงจูหมากับชายหนุ่มจึงมีโอกาสได้พบกันตลอด  ทุกครั้งที่พบกัน หลังจากที่เจ้าหญิงดื่มยาซึ่งมีกลิ่นรสหอมหวานจนหมด แล้วหยิบกระจกบานเล็กขึ้นมาส่องดูจมูกของตน  เขาก็จะถามเจ้าหญิงจูหมาเพียงแค่ว่า

“จมูกของเจ้าหญิงเล็กลงจนพอใจแล้วหรือยังพระเจ้าค่ะ”

แต่จมูกหมูของเจ้าหญิง ยังไม่มีวี่แววว่าจะลดขนาดลงเลยสักนิด

แล้วชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรอื่นอีกเลยตลอดปีกว่า  ที่เฝ้าป้อนยานั้นให้กับเจ้าหญิง  แม้ว่าฝ่ายพระราชาจะไม่เชื่อต่อไปอีกแล้ว ว่าชายหนุ่มจะสามารถทำให้จมูกของเจ้าหญิงเล็กได้ พระราชาก็ไม่ได้สั่งประหารชายหนุ่ม เพราะเจ้าหญิงจูหมาเป็นคนขอร้องเอาไว้  เธอเชื่อว่ายาของชายหนุ่มจะต้องได้ผล

เกือบสองปีที่ผ่านมา ทั้งเจ้าหญิงจูหมาและชายหนุ่มต่างได้มองเห็นกันและกันอยู่ทุกวัน วันละสามเวลา  ความต้องการที่จะมีจมูกที่เล็กลงนั้นยังไม่เสื่อมคลาย เมื่อยิ่งได้อยู่ใกล้ชายในฝันอย่างเขาด้วยแล้ว  เจ้าหญิงยิ่งรู้สึกว่าจะต้องมีจมูกเล็กๆ ให้ได้ เพื่อจะเพิ่มเนื้อที่แก้มให้มากขึ้น เพื่อให้เขาได้จุมพิตเธอได้อย่างถนัด

แต่ชายหนุ่มก็ยังไม่ได้พูดอะไรกับเจ้าหญิงมาไปกว่า

“จมูกของเจ้าหญิงเล็กลงจนพอใจแล้วหรือยังพระเจ้าค่ะ”

จนกระทั่งวันที่เจ้าหญิงมีอายุครบยี่สิบปี  ครบกำหนดที่จะต้องเลือกคู่ครอง  เจ้าหญิงยิ่งรู้สึกร้อนใจมากขึ้น  เพราะเจ้าชายจากหลายอาณาจักรจะมารวมตัวกันให้ตนเลือก

และแล้วเจ้าหญิงก็ต้องอับอายที่สุด เมื่อเจ้าชายต่างเมืองเหล่านั้น พากันหัวเราะเยาะจมูกอันใหญ่โตของเจ้าหญิงจูหมา   เจ้าหญิงยิ่งเสียใจมากที่บรรดาเจ้าชายทั้งหลายล้วนแต่หลบหนีหน้า ลากลับอาณาจักรของพวกเขาไปทันทีในวันรุ่งขึ้น

พระราชาสงสารลูกสาวเป็นอันมาก จึงยื่นคำขาดกับชายหนุ่ม เปิดโอกาสให้เขาป้อนยาให้กับเจ้าหญิงจูหมาเป็นครั้งสุดท้าย ในมื้อค่ำวันนี้ก่อนที่เจ้าชายคนสุดท้ายจะจากไป   หากจมูกของเจ้าหญิงยังไม่เล็กลงเท่าที่เจ้าหญิงต้องการ  เขาจะต้องถูกประหารชีวิตทันที  

ชายหนุ่มรับคำพระราชาอีกครั้ง แล้วกล่าวถ้อยคำเดิมซ้ำ เช่นเดียวกับเมื่อสองปีก่อน คือ

“ข้าฯ ไม่ได้หวังดินแดนอะไรเลยสักนิด ข้าเพียงแต่อยากให้เจ้าหญิงได้สมปรารถนาในสิ่งที่เธอต้องการ   แม้ว่าข้าจะรักเธอ แต่ข้าก็คงจะแต่งงานกับเธอไม่ได้อีกถ้าเธอจมูกเล็กลง  เพราะข้ารักเธอ เพราะเธอเป็นเธอ เพราะเธอเป็นเจ้าหญิงที่มีจมูกสวยที่สุดเท่าที่ข้าฯ เคยเห็นมาในชีวิต...

...หน้าที่ของข้าฯ ก็คือทำให้คนที่ข้ารักได้สมปรารถนา  พระองค์ไม่ต้องห่วง หากข้าฯ ทำไม่ได้ก็ยินดีจะมอบชีวิต”

เจ้าหญิงซึ่งบัดนี้ยืนอยู่เคียงข้างพระราชา ได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ทั้งหมดอีกครั้ง  เจ้าหญิงร้องไห้ออกมาเพราะเสียใจ ที่จะเห็นคนที่รักเธอ และอดทนกับความต้องการของเธอมาถึงสองปี ต้องตายไปในคืนนี้

ในขณะที่ยาอึกสุดท้ายจะถูกกลืนลงคอ  ก่อนที่ชายหนุ่มจะเริ่มพูดประโยคเดิมๆ เจ้าหญิงก็รู้สึกว่ามีบางสิ่งบางอย่างในตัวของเธอกำลังเปลี่ยนไป

“จมูกของเจ้าหญิงเล็กลงจนพอใจแล้วหรือยังพระเจ้าค่ะ”

ชายหนุ่มกล่าวประโยคเดิมของเขาจบลงแล้ว

กระจกบานเดิมถูกนำมาให้เจ้าหญิงจูหมาใช้ส่อง สำรวจดูจมูกอันใหญ่โตของตน

“ใช่.. ใช่แล้ว... ในที่สุดมันก็เล็กลง... มันเล็กลงจนเป็นขนาดที่เราพอใจที่สุด”

เจ้าหญิงกล่าวออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้ม เป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปี เป็นยิ้มครั้งแรกนับตั้งแต่ เจ้าหญิงร้องขอ อยากให้จมูกของตนเองเล็กลง

ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองหน้าของเจ้าหญิง พร้อมด้วยรอยยิ้มเช่นกัน

พระราชาซึ่งเฝ้าดูอยู่ด้วย จึงเข้ามาดูหน้าของเจ้าหญิงจูหมาใกล้ๆ

เมื่อเห็นว่าจมูกของเจ้าหญิงยังมีขนาดเท่าเดิม  จึงถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

“จมูกของลูกเล็กลงจนพอใจแน่แล้วหรือลูกรัก”

เจ้าหญิงจูหมารีบตอบพระราชา ด้วยรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดใส และมั่นอกมั่นใจเต็มที่ว่า

“ค่ะ... จมูกของหนูเล็กลงจนหนูพอใจแล้วค่ะพ่อ”


**************************

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่แวะเวียนเข้ามาอ่านนิทานผลาญจินตนาการเรื่องนี้ครับผม
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  แต่งเรื่องสั้น แต่งนิทาน
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่