[CR] โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA ฉบับเร่งรัดเวลา 5 วัน 5 คืน ฉบับห้า ฉบับสุดท้าย

http://ppantip.com/topic/34938520  โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA ฉบับเร่งรัดเวลา 5 วัน 5 คืน ฉบับแรก
http://ppantip.com/topic/34951986  โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA ฉบับเร่งรัดเวลา 5 วัน 5 คืน ฉบับสอง
http://ppantip.com/topic/34962759  โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA ฉบับเร่งรัดเวลา 5 วัน 5 คืน ฉบับสาม
http://ppantip.com/topic/34972526  โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA ฉบับเร่งรัดเวลา 5 วัน 5 คืน ฉบับสี่

DAY 5  วันนี้เป็นวันที่ 5 วันสุดท้ายที่เราจะเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่น เพราะคืนนี้เราต้องเดินทางเข้าสนามบินนาริตะ ตอนเที่ยวรถไฟรอบ 18.40 น. เพื่อรอขึ้นเครื่องเช้า ของวันที่ 2 เม.ย 59 เวลา 09.30 น.

เราจึงเลือกที่จะให้วันนี้เป็นวันพักผ่อน และก็เป็นวันชอปปปิ้งเลือกซื้อของฝาก เพราะวันนี้ที่ที่เราจะไปจะอยู่ในบริเวณ อูเอโนะ แต่ยังยังมีอีกสถานที่นึง ที่เรายังไม่ได้เดินทางไป นั่นก็คือ Tokyo sky tree ซึ่งที่จริงแล้วเราน่าจะไปเที่ยวที่นี่ตั้งแต่วันแรกที่เดินทางมาถึง เพราะอยู่ไม่ไกลจาก Asakusa มากนัก

เราออกเดินทางวันนี้ประมาณ 08.00 น. จะช้ากว่าวันอื่นๆ  ทำการ Check out จากที่พักและขอฝากกระเป๋าของเราไว้ก่อน ไหนๆวันนี้ต้องเดินทางไป Tokyo sky tree อยู่แล้ว เราจึงเลือกที่จะแวะเที่ยวสวนอูเอโนะ ซึ่งสวนอูเอโนะเป็นที่รู้จักกันในฐานะ สวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงโตเกียว และยังมีสถานที่ท่องเที่ยว เช่น วัด ศาลเจ้า พิพิธภัณฑ์ และสวนสัตว์ และที่สำคัญ สวนอุเอะโนะ ยังเป็นจุดชมดอกซากุระที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งแต่ครั้งนี้ที่เรามาเยือน มีดอกซากุระให้เห็นไม่มาก แต่ก็ยังสวยในแบบของมัน
ทางเดินเข้าไปยังสวนอูเอโนะค่ะ




เดินได้เพียงไม่นาน ก็ต้องรีบไปต่อ แต่ก่อนจะออกเดินทางต่อ ขอแวะหาอะไรรองท้องก่อน เห็นร้านสตาร์บัคอยู่ไม่ไกลจากสวนอูเอโนะ เดินไปทางสถานี JR Uneo เค้าว่ามาประเทศญี่ปุ่นต้องกินอะไรชาเขียวๆ


เมื่อท้องอิ่ม เราจึงเดินทางต่อไปยัง Tokyo skytree โดยครั้งนี้เดินทางโดย Subway แบบซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไม่ได้ซื้อเหมา  ไปลงที่สถานี Asakusa


ขาไปเราลงที่สถานี Asakusa แล้วเดินทางต่อไปยัง Tokyo sky tree ระยะทางไกลพอสมควร แต่อากาศเย็นจนรู้สึกว่าไม่ไกลมาก ระหว่างทางก็แวะถ่ายรูปไปเรื่อยๆ

เห็น Tokyo sky tree อยู่ใกล้ๆ แต่เดินไม่ถึงซักที


มองที่ยอดหอคอยและเดินมาเรื่อยๆ  ก็จะพบกับสิ่งที่เราตามหา





ถีงแล้วจร้าาา


ตอนแรกก็กะว่าจะเข้าไปชมด้านใน แต่เนื่องจากเรามาถึงที่นี่ประมาณ 10.00 น. ทำให้มีนักท่องเที่ยวหนาตาอย่างมาก ต้องต่อคิวซื้อตั๋วประมาณ 1 ชม. และต่อคิวเพื่อขึ้นไปยังด้านบนอีก เราจึงตัดสินใจ มองอยู่ห่างๆอย่างห่วงๆ  และเอาเวลาที่เหลือมาชอปปิ้งและหาของกินดีกว่า^^



เราเดินมายังฝั่งตรงกันข้ามของ Tokyo sky tree ได้พบกับร้านราเมง ที่ดูแล้วว่าน่าจะอร่อย เพราะจำนวนคนที่นั่งในร้านมีมาก


เดินเข้าไปในร้าน จะพบกับตู้อัตโนมัติ เพื่อเลือกซื้ออาหารที่จะรับประทานและชำระเงินที่ตู้เลย ( หน้าตาตู้อัตโนมัติจะเป็นแบบนี้เกือบทุกร้านค่ะ แต่ตู้นี้ที่ถ่ายมา ไม่ได้ถ่ายที่ร้านราเมงนี้ค่ะ แต่อยากลงรูปให้เห็นหน้าตาของตู้อัตโนมัติค่ะ )


ที่น่าตกใจกว่านั้น ร้านนี้ไม่มีภาษาอังกฤษให้เราอ่านเลย แม้แต่ตอนเลือกซื้ออาหารที่ตู้อัตโนมัติ ก็ยังไม่มี วิธีง่ายๆที่เราใช้ก็คือ ยืนสังเกตคนญี่ปุ่นกดปุ่มที่ตู้ ว่ากดตรงไหน ยังไง ซักพัก เราก็จำๆ แล้วนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ ได้ราเมงที่แสนอร่อยมาทานเรียบร้อย แบบมั่วๆ 5555 ( แนะนำว่าร้านนี้อร่อยมาก ราคาอยู่ที่ประมาณ 800-1000 เยน ค่ะ)


เมื่อทานอาหารเสร็จเราเดินต่อมาอีกนิด เพื่อข้ามฝั่งกลับไปยัง Tokyo sky tree  จะพบกับ Shop ของTokyo sky tree ที่มีของฝากต่างๆ ให้เลือกซื้อ


สำหรับขากลับ ต้องบอกเลยว่าคงไม่เดินกลับแล้ว เราจึงวนกลับไปยัง ทางขึ้นที่จะเข้า Tokyo sky tree จะพบกับสถานี Tokyo sky tree  สาย Tobu


นั่งจากสถานีนี้ และไปต่อ Subway ที่สถานี Asazusa  ซื้อตั๋วแบบเสถานีเดียว


และก็นั่งใต้ดินไปลงยัง สถานี ด้านข้างของตึกม่วง เพื่อชอปปิ้ง เป็นอันต่อไป..................( นำภาพแผนที่ตึกม่วงจาก http://www.chillinjapan.com )


จะบอกว่าที่ตึกม่วงนี้ ขึ้นชื่อว่าเป็นสถานที่ละลายทรัพย์ของนักชอป จริงๆ ของที่นี่มีราคาค่อนข้างถูก กว่าที่อื่นๆและหากซื้อครบ 5000 เยน ก็สามารถขอ TAX REFUND ได้ค่ะ แต่ต้องเป็นของที่ซื้อจากตึกเดียวกันหรือแผนกเดียวกัน เช่น ซื้อน้ำหอมหรือเครื่องสำอางที่ตึกสุภาพสตรี (LADY) ครบ 5000 เยน ก็สามารถขอ TAX REFUND ได้เลยค่ะ ที่เคาเตอร์ขอคืนภาษี

เมื่อได้เวลาเดินทางเข้าไปยังสนามบิน เราจะเดินทางโดย รถไฟ KEISEI Skyliner เช่นเดิม  ด้านหน้าของสถานี KEISEI ค่ะ


แต่เราเลือกกลับรอบเย็นมากแล้ว จึงต้องขึ้นขบวน  Evening liner แทน ขบวน Skyliner  ซื้อตั๋วที่ตู้ขายตั๋วในสถานีค่ะ


ต้องซื้อตั๋วสองใบนะค่ะ เป็นตั๋วของรถไฟ Local 1030 เยน และตั๋วพิเศษ Liner อีก 1 ใบ ราคา 410 เยน รวมเป็น 1440 เยน ค่ะ



เมื่อถึงสนามบินนาริตะ Terminal 2 เราก็จับจองหาที่นอนที่เก้าอี้ในสนามบินค่ะ ส่วนใหญ่คนไทยที่เดินทางตอนเช้าหรือลงเครื่องรอบดึกก็มาหานอนกันที่สนามบินค่ะ และถ้าใครไม่สะดวกนอนสนามบินก็สามารถหาที่พักใกล้กับสนามบินหรือ หาที่พักในสนามบินนาริตะก็มีบริการที่พักแบบแคปซูลค่ะ ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 5900 เยนต่อคืนค่ะ  

ทริปนี้ก็ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ค่ะ.......หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับทุกท่านค่ะ ขอบคุณค่ะ............END...............
ชื่อสินค้า:   โตเกียว ฟูจิ นิกโก GALA
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่