มือใหม่หัดเขียนครับ วิจารณ์ได้ครับ เพื่อเอาไปพัฒนา

กระทู้สนทนา
ผมจะเริ่มจากตรงไหนดี ที่จะทำให้คนที่อ่านเรื่องของผม นึกภาพบรรยากาศในราวๆ ปี 2525 ออก มันก็ย้อนหลังไปแค่ 34 ปีเอง เอาเป็นว่าลองค่อยตามผมไป ผมจะเริ่มจากบ้านที่ผมอยู่ตอนปี 2525 ก็แล้วกัน
    บ้านผมอยู่ในอำเภอพระนคร แหม เหมือนหนังเก่าๆ เลยเนอะ ไม่ผิดหรอกครับ ถ้าคนอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป จะเข้าใจได้ว่า อำเภอ ก็คือเขตในปัจจุบันนั่นแหล่ะ ผมนี่ถือว่าอยู่แทบจะใจกลางพระนครเลยก็ว่าได้ เพราะเขตพระนครก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรมากมาย ซุมใกล้เข้าไปอีกนิดนึง เจาะลงไปที่ เสาชิงช้า เริ่มชัดแล้วใช่ไม๊ นั่นแหล่ะ ถิ่นเก่าผมเลย  อย่างที่บอกเมื่อตอนที่แล้ว ผมเกิดที่โรงพยาลหัวเฉียว ตอนเล็กๆ ประมาณช่วงเรียนอนุบาล บ้านที่ผมอยู่ ก็คือบริเวณใกล้สะพาน ยศเส หรือสะพานกษัติรย์ศึก ในปัจจุบันนั่นแหล่ะ เลยวัดสามง่ามมาสักไม่เกิน 200 เมตร ตอนนี้บ้านหลังนั้นไม่เหลือแล้ว อยู่บ้านหลังนั้นได้ไม่นานเท่าไหร่ พ่อก็ได้ซื้อตึกแถว อยู่บริเวณที่เรียกว่าสะพานถ่าน คนสมัยนี้น้อยคนนักที่จะรู้จักสะพานถ่าน แม้กระทั่งเด็กรุ่นใหม่ที่เกิดแถวนี้ ก็คงไม่รู้ว่าที่เค้าอยู่นั้นเรียกว่าสะพานถ่าน มันอยู่ตรงไหนนะเหรอ ถ้าคุณมาจากพาหุรัด ผ่านหน้าจราจรกลางมาที่จะมุ่งหน้าไปแยกเสาชิงช้า เลยสี่แยกเฉลิมกรุงมาสักไม่ถึง 100 เมตร จะมีสะพานเล็ก ๆ ที่ไม่มีคอสะพาน ตัดขวางถนนตีทอง นั่นแหล่ะ สะพานถ่าน
    รอบบริเวณบ้านผม แวดล้อมไปด้วยร้านค้าเล็กๆ เป็นตึกแถวห้องเดียวบ้าง 2 ห้องบ้าง ริมถนนตีทอง เกือบทั้งหมดจะเป็นร้านขายเครื่องหมายของทหาร ตำรวจ พวกป้ายชื่อ ดาวประดับบ่า กระบี่ ฯลฯ ผสมไปกับร้านที่ทำถ้วยรางวัล แต่ไม่มากเท่าร้าขายเครื่องแบบ แต่ในซอยที่ผมอยู่ เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ จะทำอาชีพ ทำตัวเรือนแหวน ตัวเรือนแหวนส่วนใหญ่จะทำมาจากทอง เพราะในซอย รวมไปถึงบริเวณใกล้ๆ มีร้านทำตัวเรือนทองมาก เลยทำให้ คลอง รวมไปถึงท่อระบายน้ำในบริเวณนี้ ไม่เคยตื้นเขินเลย เพราะจะมีคนที่มาลอกท่อ ลอกคลอง แทบจะทุกวัน เอาขี้โคลนที่ลอกมาจากท่อ คลองแถวบ้านเก็บเอาไปร่อนหาเศษทองที่หลุดมาตามท่อระบายน้ำในบ้าน แต่ก็แปลกน่ะ แถวบ้านผมเต็มไปด้วยร้านเพชร ร้านทอง แต่ผมไม่เคยได้ข่าวการปล้นร้านเพชรร้านทองแถวบ้านเลยแม้แต่ครั้งเดียว
    ข้ามไปฝั่งตรงข้ามซอยบ้าน ฝั่งโน่น จะมีซอยลงท่า กับซอยสระสรง ในซอยสระสรง จะมีโรงพิมพ์เล็กๆ แบบเรียงพิมพ์ อยู่สัก 3-4 ร้าน ร้านพวกนี้ เวลาวันหวยออก ตอนบ่ายๆ จะมีเด็กตัวเล็กๆ ไปจนถึงวัยกลางคน มารอรับเรียงเบอร์จากโรงพิมพ์เล็กๆ พวกนี้แหล่ะ ถ้ายืนอยู่ฝั่งซอยที่ผมอยู่หันหน้าออกถนนตีทอง มองไปทางขวา จะมีแฟลตอยู่แฟลตนึง ชื่อว่า แฟลตบำเพ็ญบุญ ตัวแฟลตก็ไม่มีอะไรน่าสนใจ ที่น่าสนใจคือบรรดาตึกแถวที่อยู่รอบๆ แฟลตมากกว่า เพราะตึกแถวพวกนี้ คือ บรรดาบริษัทหนังกลางแปลง เต็มไปหมด สมัยก่อนจะเป็นหนัง 35 มม. หนังเรื่องนึง ใช้ม้วนฟิลม์ไม่ใช่น้อย พอฉายเสร็จ เอากลับมาที่นี่ ก็จะมีพนักงาน มากรอฟิลม์กลับ นั่งกรอกันหลายคนเลยแหล่ะ เป็นภาพที่เห็นจนชินตา เดี๋ยวนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว เจ้าของเก่าๆ ก็ขาย มีแต่คนรุ่นใหม่ๆ มาจากที่อื่นมาอาศัยแทน ที่คนสมัยนี้น่าจะรู้จักก็น่าจะเป็น บริษัท ฟูจิโกะ ที่ขายกล้องวงจรปิดนั่นแหล่ะ มีหลายห้องมาก ตั้งแต่ใต้แฟลตบำเพ็ญบุญ ไปจนถึงตึกแถวรอบๆ แฟลต ก็เป็นของฟูจิโกะไปเกือบหมดแล้ว
    ไหนๆ ก็มาถึงฝั่งนี้แล้ว ก็จะพาข้ามถนนไปฝั่งโรงหนังเฉลิมกรุง คงเป็นโรงหนังโรงเดียวในละแวกนี้ ที่ยังเปิดให้บริการอยู่ แม้จะเปลี่ยนมาเป็นสถานที่แสดงโขนบ้าง คอนเสิรต์นักร้องสมัยเก่าบ้าง แต่โครงสร้างยังคงเดิม เลยเฉลิมกรุงไปทางพาหุรัด ที่ตอนนี้เป็น ดิโอลด์สยามพลาซ่า เมื่อก่อน เป็นตึกแถว 2 ชั้น ตึกแบบนี้ จะทรงเดียวกันหมดเลย ทั้งในเวิ้งนครเกษม ริมถนนเจริญกรุง เพราะที่แถวนี้เป็นที่ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ บ้านเลยเป็นทรงเดียวกันหมด เด็กๆ ยังจำได้ บริเวณดิโอลด์สยามนี่แหล่ะ มีร้านซ่อมจักรยาน ปะยาง เปลี่ยนอะไหล่ยังเคยมาใช้บริการเลย ถ้าจำไม่ผิด ร้านซ่อมจักรยาน พิกัดน่าจะอยู่เยื้องๆกับห้างไนติงเกลตอนนี้
    ยังพาเที่ยวรอบบ้านได้ไม่เท่าไหร่เลย มองนาฬิกา 4 ทุ่มเข้าไปแล้ว คงต้องพาเที่ยวต่อในครั้งต่อไป ผมจะพยายามพาไปอย่างช้าๆ เก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด อาจจะไม่แน่ใจบ้างในบางเรื่อง ถ้ามีโอกาส จะพูดคุยกับคุณแม่ผม เพื่อ ให้ภาพวันเก่าๆ มันชัดขึ้น อย่างน้อยผมก็ได้นึกถึงภาพบรรยากาศวันเก่าๆ เก็บเอาไว้เล่าให้หลานผมฟัง
    ขอบคุณสำหรับท่านที่เข้ามาอ่านและแสดงความเห็น ไม่ยักรู้ว่าจะมาเจอศิษย์เก่าอนุบาลบ้านบาตรที่นี่ด้วย ยินดีครับ ติชมได้นะครับ น้อมรับคำติชมที่สุภาพทุกคนครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่