** เคล็ดลับคำโคลง ** ตอน..ชั้นเชิงนิราศ



                ** เคล็ดลับคำโคลง ** ตอน..ชั้นเชิงนิราศ

   สมัยโบราณนิยมแต่งโคลงในเชิงนิราศมีทั้งโคลงดั้น, โคลงสี่สุภาพ ,ลิลิต เป็นต้น อาจเป็นเพราะว่าลักษณะของฉันทลักษณ์เอื้ออำนวย และการแต่งบทนิราศจะใช้จินตนาการ, โวหารภาพพจน์ ,อุปมาอุปไมย,อุปลักษณ์ ,บุคคลวัต ,สัทพจน์ และการพรรณนาโวหารเป็นจุดเด่น ทำให้กวีมีโอกาสแสดงฝีมือได้อย่างอิสระเต็มที่

   นอกจากนี้ในสมัยดังกล่าวเวลาเดินทางไกลไปต่างเมืองมักจะเดินทางทางเรือ ( ชลมารค ) ทำให้กวีมีเวลาคิดจินตนาการได้อย่างเต็มพิกัดนั่นเอง

   บทกวีเรื่องแรกที่ผมแต่งก็คือเรื่อง “นิราศแม่สะเรียง” เป็นเรื่องราวที่ผมต้องพลัดพรากจากครอบครัวมาทำงานที่แม่สะเรียงตามลำพัง
จึงเกิดแรงบันดาลใจที่จะแต่งบทพิลาปรำพันไว้เป็นอนุสรณ์ในยามว่าง

   แรกๆแต่งไม่ค่อยได้เรื่องมีผิดฉันทลักษณ์อยู่เป็นประจำ แถมยังไม่เข้าขั้นในเชิงสำนวน เทียบไม่ได้เลยกับกวีโบราณ อมยิ้ม20
   แต่ผมก็พยายามปรับปรุงตัวเอง ศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติม ไม่ย่อท้อ และมุ่งมั่นที่จะแต่งต่อไป จนปัจจุบันนี้กำลังแต่ง “นิราศแม่ฮ่องสอน”
ไปเกือบๆ ๔๐๐ บทแล้ว แต่ยังไม่กล้าเอามาลงให้เพื่อนๆดูเกรงจะเอียนหรือเฝือเสียก่อน ๕๕๕+

   จริงๆการแต่งนิราศนั้นไม่มีหลักการอะไรแน่นอนที่จะพอสรุปได้ เอาเป็นว่าสไตล์ใครสไตล์มันละกันครับ ไม่จำเป็นต้องเหมือนใคร อันนี้ผมคิดเองนะ

   **ยกตัวอย่างที่เคยแต่ง...

๑ จากนางมาที่นี้                      แม่สะเรียง  แม่เอย
ถือหลักทำงานเพียง                  พ่อสู้
ยามเผือเหนื่อยขอเสียง              กลอยแม่  ใจฮือ
ฝากส่งใจเพียงกู้                       ยอดชู้คนดี ฯ

  จริงๆจะมีร่ายนำมาก่อนแต่ผมจะไม่กล่าวถึง สำหรับบทแรกในนิราศแม่สะเรียงนี้ เป็นการอธิบายถึงว่าทำไมผู้เขียนถึงเขียนนิราศนี้ขึ้นมา
แถมคำหยอดอ้อนให้นางอันเป็นที่รักช่วยส่งกำลังใจให้เรียมด้วย

๔ นอนเพียงเดียวข่มสู้                โผเผ
หนาวร่างกายคลายเห                 ห่มสู้
อณูไอแทรกปนเป                      พิศุทธ์  เพราฤา
เทียบมิเท่าหนาวชู้                     ห่มห้วงพราวเธอ ฯ

  บทนี้เรียมบ่นกับตัวเองว่านอนหนาวอยู่เพียงลำพังผู้เดียว จักคลายหนาวได้เยี่ยงใดหากไม่ได้กายเจ้ามาแนบหนาว ประมาณนั้น อิอิ..เม่าเศร้า
  
๑๒ ฉำฉารื่นฉ่ำท้า                      เฉไฉ
ชาแช่มชื้นฉ่าไช                         ทั่วหล้า
ดอกจามจุรีไสว                          ชวนพิศ  ชมนา
ใจตฤษณาแห่งข้าฯ                     แช่มชื้นเยี่ยงไร ฯ

   บทนี้เป็นการโชว์เล่นคำเล่นเสียง โดยเรียมมองต้นฉำฉา ( จามจุรี ) ,ต้นชา ว่างามพิไล ชุ่มชื้น ดอกจามจุรีก็กำลังบานสดใส
แต่เมื่อมองใจตนเองกลับไม่แช่มชื้นเท่า ( เพราะห่อเหี่ยวจากการพรากจากกัน )
   อนึ่งบทนี้ตอนแต่งแรกๆยังนึกคำไม่ออก จึงมีการแก้ไขหลายครั้ง เช่น บาทสุดท้าย จาก “กฤษณา” เป็น “ตฤษณา”
และ“ชักช้า” เป็น “แช่มชื้น” เป็นต้น

๑๔ สวนสักออกดอกแล้ว             แก้วถวิล
รอรักนางระริน                           กลิ่นพ้อง
ตัวต่อก่อรังบิน                           ริมสระ  ปลาเฮย
ชวนนึกถึงแต่น้อง                       ต่อห้องหัวใจ ฯ

   ตอนนี้มองต้นสวนสักที่บ้านพักพบว่ากำลังออกดอก เหมือนจะรอนางมาชมด้วยกัน มองขึ้นไปบนต้นสักยังพบ “รังตัวต่อ” ก่อรังที่ริมสระน้ำ
ทำให้นึกอยากจะ “ต่อ” หัวใจกับนาง เม่าเหม่อ
   เป็นการเล่นคำ คำเดียวกันแต่คนละความหมาย

๑๘๓ เดือนค้างฟ้าแต้มต่าย               ตายฤา
ประหนึ่งวิญญากระพือ                      รักพลั้ง
เมฆาอย่าไขสือ                              ถือสลด ปลดแม่
วอนพระพายพัดตั้ง                         ต่ายฟื้นคืนแข ฯ

   บทนี้จาก “นิราศแม่ฮ่องสอน” เป็นจินตนาการว่าพระจันทร์นั้นมีกระต่ายอยู่แต่เหมือนกระต่ายมันตายไปแล้ว ( เลยอยู่ท่าเดิมตลอด)
ก็เลยประชดเมฆว่าท่านรู้ความจริงแล้วไม่ยอมบอก ยังไงช่วยบอกท่านลมให้พัดวิญญาณกระต่ายให้ฟื้นคืนชีพด้วยเถิดนะท่าน
   เป็นการแสดงถึงโวหาร “บุคคลวัต” เพื่อนๆลองศึกษาเทคนิคนี้ดูครับ

๑๘๔ รักแลจริงแท้ที่                      ว่าหวาน
ฤาลิดรอนใจราญ                           ไป่ล้ำ
ความรักมักลาญผลาญ                    ล้านเล่ห์
ลวงล่อใจเจ็บช้ำ                            หลอกสิ้นชีวี ฯ

  บทนี้มีพื้นฐานจากเนื้อเพลง “รักเอย” เอามาประยุกต์คั่นกลางเหมือนคร่ำครวญคั่นเวลาก่อนดำเนินเรื่องขั้นต่อไป

๑๙๐ คิดเคยเชยเปรียบสร้อย             สัตตบรรณ
ผลิยั่วพเยียยรร                              ยอดฟ้า
คลึงปทุมเปล่งปลายถัน                   ถั่งสวาท
ไลยเลิศรมณีกล้า                           กล่าร้อยลีลา ฯ

   ลีลาการแทรกบทอัศจรรย์ นิดหน่อยครับ อมยิ้ม22

๑๙๕ ตราบสิ้นดินดับฟ้า                   ฟอนสรวง
สุริยงสลายยวง                              ย่อยแล้
สุเมรุยอดทลายกลวง                      กลางถล่ม  ล่มแล
คงมั่นสัญญาแม้                             มอดม้วยชีวิน ฯ

  จินตนาการลักษณะนี้จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการอ่านมากยิ่งขึ้น ครับ เม่าติดดอย

๒๐๑ หนามกุหลาบปักนิ้ว                 นงราม
เข็มบ่งสลัดความ                           เจ็บได้
เกลือกหนามทิ่มใจทราม                  ทรวงทรุด ไฉนเลย
ตำหนิแผลลึกไซร้                          สยบห้ามหักใจ ฯ

  เป็นการเปรียบเทียบว่าหนามที่ทิ่มแทงใจมิอาจสลัดบ่งหนามนั้นออกมาได้ไม่เหมือนหนามกุหลาบที่ปักนิ้ว ดอกไม้

๒๑๒ ถึงแม่สามแลบแล้ว                แจวเรือ
สองฝั่งธรรมชาติเหนือ                   น่านน้ำ
รวยรินกลิ่นโคลนเจือ                     คลาดจาก  ทรายฤา
หินกรวดฤาชอกช้ำ                       เทียบเที้ยรนิราเรียม ฯ

  ถึงบ้านแม่สามแลบแล้ว เรียมก็แจวเรือเดินทางต่อ ชมธรรมชาติสองฝั่งน้ำ
ได้กลิ่นโคลนดินคิดว่ามันพรากจากทราย หิน กรวดมารึเปล่า แล้วทราย หิน กรวดที่ว่า มันจะชอกช้ำเหมือนเรียมไหม? ( บุคคลวัต )

๒๑๓ ปลาคังขังข้องดัก                  เดียวไฉน
ปลาตะเพียนเวียนฝูงไสว                ว่องเวิ้ง
ปลาคมป่วนดุกไพร                       ใดพิศ  สนิทเอย
เรียมต่างมัจฉาเซิ้ง                        ซ่อนเหง้าเหงาสมร ฯ

  ระหว่างเดินทาง พบฝูงปลาชนิดต่างๆ ว่ายกันร่าเริงสดใส ต่างจากความเหงาของเรียมอย่างสิ้นเชิง พาพันเศร้า

๒๑๕ ศุภยามไพรเพรียกซ้อง           ปักษี
โกกิลาบินหนี                              น่านฟ้า
จอกกระจิบจรลี                            รังคาบ  จาบแล  
รังย่อมรอบ่ช้า                              เช่นค้างต่างเผือ ฯ

   มองเห็นนกต่างๆหลายชนิดกำลังโผผินท้องฟ้า บางตัวก็บินร่อนไปหารัง
ต่างจากรังเรียม ( บ้านเรียม) ที่ตอนนี้ไม่มีนกตัวนั้นมาค้างรังเหมือนเดิม นก

.... หวังว่าเพื่อนๆที่สนใจคงจะได้ไอเดียไปไม่มากก็น้อยนะครับ ... อมยิ้ม01อมยิ้ม31
.... จงเป็นตัวของท่านเอง แรกๆอาจเลียนแบบบ้างเหมือนครูพักลักจำ แต่ต่อไปพยายามหาเอกลักษณ์ของตนเองให้เจอครับ ...   

@@ ขอบคุณภาพจากเน็ต ครับ @@ พาพันขอบคุณพาพันชอบพาพันอวยพรพาพันยิ้ม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่