กระทรวงต่างประเทศสหรัฐออกแถลงการณ์แสดงความยินดีต่อกองทัพซีเรียที่ยึดคืนเมืองพัลไมราได้สำเร็จ
ขณะที่กองทัพรัฐบาลซีเรียเตรียมรุกคืบไปยังเมืองข้างเคียง


สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 29 มี.ค. ว่า นายจอห์น เคอร์บี โฆษกกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงเมื่อวันจันทร์ แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของกองทัพซีเรียที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ในการยึดคืนเมืองพัลไมราจากกลุ่มก่อการร้ายไอเอสเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังเมืองมรดกโลกแห่งนี้ตกอยู่ในความควบคุมของกลุ่มไอเอสเกือบ 10 เดือนนับตั้งแต่เดือน พ.ค. 2558

ขณะเดียวกัน กองกำลังซีเรียได้เริ่มเสริมกำลังขยายออกไปยังเมืองอื่นๆ โดยรอบเมืองพัลไมราที่ยังถูกยึดครองโดยไอเอส เช่นเมืองอัล-การ์ยาตาอิน และเมืองซุคนาห์ที่นักวิเคราะห์มองว่าเป็นประตูที่เชื่อมไปสู่เมืองเดอีร์ เอซซอร์ โดยจากนี้ เมืองพัลไมราจะถูกใช้เป็นฐานทัพของกองกำลังรัฐบาลซีเรีย ในการบุกโจมตียึดคืนเมืองรักกาและเมืองเดอีร์ เอซซอร์ ที่อยู่อีกฟากของพื้นที่ทะเลทรายกว้างใหญ่ทางตะวันออก

ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ได้ทำการเข้าเก็บกู้วัตถุระเบิดในเมืองพัลไมรา เผยว่ามีระเบิดติดตั้งอยู่กว่า 50 ลูก ขณะที่หน่วยงานด้านวัฒนธรรมของซีเรียเข้าตรวจสอบโบราณสถานตามจุดต่างๆ ในเมือง ระบุว่า จากการประเมินเบื้องต้น ราวร้อยละ 80 ของโบราณสถานยังอยู่ในสภาพดี และคาดการณ์ว่าด้วยความช่วยเหลือจากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) กระบวนการฟื้นฟูจะใช้เวลาราว 5 ปี ซึ่งยูเนสโกประเมินว่าอาจเร็วไป

นายรามี อับดุลราห์มัน ผู้อำนวยการกลุ่มสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรีย (เอสโอเอชอาร์) เผยว่า ในศึกชิงเมืองพัลไมรา มีสมาชิกกลุ่มไอเอสถูกสังหาร 417 ราย และทหารซีเรียเสียชีวิต 194 นาย แต่ไม่มีรายงานความสูญเสียในส่วนของพลเรือน เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่หลบหนีออกจากเมืองล่วงหน้าก่อนการเข้าโจมตีของกองทัพซีเรีย

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์กล่าวว่า การสูญเสียเมืองพัลไมรานับเป็นความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งของไอเอสที่แสดงถึงความอ่อนแอของกลุ่มอย่างชัดเจน คาดว่าจากนี้ไอเอสอาจเสริมกำลังและทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาเมืองเดอีร์ เอซซอร์ และเมืองรักกาที่เป็นฐานที่มั่นหลักไว้อย่างเต็มกำลัง ซึ่งคงไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับกองกำลังซีเรีย.




http://www.dailynews.co.th/foreign/388514