สวัสดีค่ะ ขอเข้าเรื่องเลยก็แล้วกันนะคะ
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่รีสอร์ทแห่งนี้จากการซื้อ Voucher ในงานไทยเที่ยวไทย
ก็เหมือนคนอื่นๆค่ะ เราได้ดูรีวิวของรีสอร์ทนี้มาก่อน และก็ประทับใจในความสวยงามและบรรยากาศริมทะเล
คาดหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าการพักผ่อนของเราคงเต็มไปด้วยความสุขและสบายอกสบายใจ
ก่อนหน้าที่เราจะเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ เราได้โทรไปขอเสริมเตียงกับทางรีสอร์ท ซึ่งก็ได้การตอบรับอย่างดี ไม่มีปัญหา
แต่ปัญหามันเริ่มต้น เมื่อเราไปถึงรีสอร์ทค่ะ
เราเดินทางไปถึงรีสอร์ทวันเสาร์ประมาณ 14.40 น. ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เมื่อไปถึงล๊อบบี้ ก็ต้องเจอกับแขกจำนวนมากที่ยืนรอเช็คอิน เราก็เดินไปต่อแถวเหมือนคนอื่นๆ พร้อม Voucher ของเราค่ะ
ประมาณ 10 นาที มีพนักงาน A เดินมาขอ Voucher เราพร้อมบัตรประชาชน โดยให้เราไปนั่งรอ
เราก็ไปนั่งรอ 10 นาทีต่อมาพนักงาน A เรียกเราไป บอกให้ยืนรอเช็คอินตรงนี้
เราก็ยืนรอตามที่เธอบอก แต่ 2 นาทีต่อมาเรากลับถูกพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ผู้หญิงอีกคน (ขอแทนตัวว่าพนักงาน B)
บอกให้ไปนั่งรอตามเดิมเพราะยังจัดการเรื่องห้องพักของคนก่อนหน้าไม่เสร็จ
บอกตรงๆค่ะว่าด้วยการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยและอากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อเจอสถานการณ์นั้น เราก็มีเหวี่ยงไปนิดหน่อย
ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกว่า
"คนหนึ่งบอกให้ฉันไปยืนรอ แต่อีกคนบอกให้ฉันไปนั่ง สรุปจะเอาไง"
เราก็ไปนั่งรอค่ะ พยายามใจเย็น แขกเขาเยอะ ต้องเข้าใจ
ประมาณ 5 นาทีต่อมาพนักงานหน้า B เรียกชื่อเราไปเช็คอิน เราก็เดินไปหน้าเคาท์เตอร์
ยืนรอนางจัดการกับกองเอกสารการเข้าพักที่วางกระจัดกระจายไม่เป็นระบบ ยืนมองนางคุยกับพนักงานชายอีกคนว่า
"ใบนี้ของใคร ห้องนี้ของใคร" อยู่สักพัก
ก็ได้เวลาที่เราได้เช็คอินสักที พนักงาน B ก็ดำเนินการปกติ(ดูเหมือน)ไม่มีปัญหาอะไร
ก่อนจะหันมาถามกับเราว่า
"ลูกค้าขอเสริมเตียงมาใช่ไหมคะ"
เราพยักหน้าตอบรับ พนักงาน B ก็วิทยุขึ้นไปที่ห้องคุยกับแม่บ้านบอกให้เสริมเตียง ก่อนจะหันมาบอกเราว่า
"ขอโทษนะคะ ตอนนี้ห้องยังไม่เรียบร้อย ถ้ายังไงไปรับ Welcome Drink ที่ริมสระว่ายน้ำก่อนนะคะ"
ในใจตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะเราเข้าใจว่า คำว่าห้องยังไม่เรียบร้อย คือยังไม่ได้เสริมเตียง (ก็นางเพิ่งวิทยุไปบอกแม่บ้านเมื่อกี้)
และเรื่องค่าเตียงเสริมให้เรามาจ่ายตอนเช็คเอ้าท์
เรากับเพื่อนและน้องสาวก็เลยตัดสินใจทำตามที่นางบอก ด้วยการเดินไปรับ Welcome Drink ที่ริมสระ
โดยไม่ลืมที่จะถามว่า ห้องจะเรียบร้อยเมื่อไหร่ พนักงาน B บอกเราว่า
"ประมาณ 20 นาทีค่ะ" (เช็คอินเสร็จประมาณ 15.00 น)
และเมื่อเราไปถึงสระว่ายน้ำ ได้ดื่มน้ำส้มเย็นๆกับวิวสวยๆของสระว่ายน้ำแบบนี้ เราก็ใจเย็นขึ้นค่ะ
หลังจากที่เราเดินสำรวจสระ ถ่ายรูป มองวิวกันอยู่สักพัก
เวลาประมาณ 15.20 น. เราก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่ล๊อบบี้โดยหวังว่าห้องจะเสร็จเรียบร้อยตามที่บอกไว้คือ 20 นาที
แต่เมื่อไปถึง ปรากฎว่าห้องยังไม่เรียบร้อยค่ะ
เราก็เอาละ ทำไมยังไม่เสร็จ เสริมเตียงแค่นี้ใช้เวลา 20 นาทีเชียวหรอ
เรากับเพื่อนก็รอค่ะ รอต่อไป ใจก็หงุดหงิดว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้ขึ้นห้อง ฉันเหนื่อยนะ ฉันอยากพัก
ด้วยความที่เราทนไม่ไหว ประมาณ 15.30 น. เราเลยเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์อีกรอบค่ะ ยื่นคีย์การ์ดให้แล้วถามว่าห้องนี้เรียบร้อยหรือยัง
พนักงาน B วิทยุขึ้นไปคุยกับแม่บ้านแปปนึง แล้วบอกเราว่า
"ห้องยังไม่เรียบร้อยค่ะ"
เราเลยสวนกลับไปว่า
"ไหนว่า 20 นาทีไงคะ นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วนะ"
แล้วก็เดินกลับไปนั่งรอตามเดิม
นั่งยังไม่ทันก้นร้อน พนักงานชายอีกคนก็เดินมาหาเรา พร้อมบอกว่า
"ขอโทษนะครับลูกค้า ตอนนี้ห้องเรียบร้อยแล้วครับ"
เราก็โอเค หอบข้าวหอบของขึ้นไปบนห้อง เดินไปตามทางหาเบอร์ห้องของตัวเอง
หวังไว้ว่าจะได้นอนทิ้งร่างบนเตียงนุ่มๆเปิดแอร์เย็นฉ่ำ นอนพักสักครู่แล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน
แต่เมื่อไปถึงหน้าห้อง เรากลับเจอสิ่งนี้ค่ะ
บอกเลยว่าอึ้งมาก นี่คือห้องเรียบร้อยแล้วงั้นหรอ? คำว่าเรียบร้อยของรีสอร์ทนี้คือสภาพแบบนี้งั้นหรอ?
สักพักแม่บ้านวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นเราก็ตกใจ แล้วก็รีบทำห้องให้ พร้อมบอกให้เรารอ
เราก็แบบ โอ้โห อะไรเนี่ย แล้วก็ยืนรอ (จริงๆตอนนั้นน่าจะลงไปโวยกับล๊อบบี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ทำ ไม่รู้ทำไม)
เราก็ยืนรอค่ะ รอแล้วรออีก มีพนักงานชายเดินผ่านมาเห็นเราที่เป็นแขกมายืนรอห้อง ก็รีบเข้าไปช่วยแม่บ้านทำห้อง
เราก็รอค่ะ ยืนรอกดดันไปเรื่อยๆ เดินวนๆอยู่แถวนั้นพร้อมกับถามตัวเองว่า ฉันจะได้เข้าห้องเมื่อไหร่
ยืนรออยู่นานค่ะ ยืนรออยู่จนเห็นว่าแม่บ้านจัดการถูห้องแล้ว ผ้าปูผ้าห่มอยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้ว
เราก็เลยเอาคีย์การ์ดไปเสียบเพื่อที่ว่าพอเราเข้ามาห้องจะได้เย็น
แต่ปรากฎว่ายังไม่เสร็จค่ะ ที่เสร็จนั่นคือแค่ทำความสะอาด แต่ยังไม่ได้เสริมเตียง
โอ้แม่เจ้า!! นี่ต้องรอยันลูกบวชเลยหรือเปล่า?
หลังจากรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ นับหนึ่งถึงสิบเป็นพันรอบจวนจะครบหมื่นอยู่แล้ว
ในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องค่ะ นับตั้งแต่เวลาที่เช็คอินเรียบร้อยจนได้เข้าห้องพักอย่างจริงๆจังๆก็ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ สบายมากค่ะ ชิลลล (กัดฟัน)
และถ้าคิดว่านี่เรื่องแย่ๆเรื่องเดียวที่เราเจอ ขอบอกว่า คุณคิดผิดค่ะ
เพราะเรื่องแย่ๆเรื่องที่ 2 กำลังจะเริ่ม ณ บัดนี้
หลังจากที่เราได้ลงไปเดินชายหาด หาอะไรอร่อยๆทาน เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันให้หนำใจ
ประมาณ 1 ทุ่มครึ่งเราก็กลับขึ้นมาบนห้อง อาบน้ำพักผ่อนดูโทรศัพท์แชทกับแฟนอะไรก็ว่าไป
น้องสาวตัวดีของเราก็บ่นว่า "หิว"
เมื่อหิวก็ต้องกินใช่มั๊ยคะ? และนั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะเพราะเราได้ห่อข้าวที่เหลือจากร้านอาหารกลับมาด้วย (งก)
ในฐานะพี่สาว และเพื่อนที่ดี เราก็จัดการกดโทรศัพท์ไปหาแม่บ้าน ถามอย่างสุภาพว่าพอจะมีจานชามให้ไหมคะ
ซึ่งพนักงานที่รับก็ตอบอย่างสุภาพและเต็มใจให้บริการว่า
"มีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงอยู่ห้องไหนคะ ต้องการจานชามอย่างละกี่ชุด"
เราก็บอกเบอร์ห้องไป พร้อมกับระบุความต้องการของเราว่า
"ขอจาน 3 ใบ ช้อนส้อม 3 ชุด และชาม 1 ใบนะคะ"
หลังจากนั้นเราก็ทำหน้าที่หลักของเราค่ะ นั่นก็คือ "รอ"
เราหยิบเบียร์ที่ซื้อมาออกมานั่งจิบริมระเบียง กดโทรศัพท์ลงรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เงยหน้าขึ้นมาอีกทีตอนเกือบๆ 2 ทุ่ม พร้อมกับคำถามว่า
"จานชามฉันล่ะ?"
"ลืมแล้วมั้ง?"
เพื่อนเราเป็นคนตอบคำถามที่เราไม่คิดว่าจะได้คำตอบ เราก็เลยตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปอีกรอบ
รอบแรกไม่มีคนรับ เราเลยโทรไปอีกรอบ ปลายสายรับ แต่ไม่ใช่พนักงานคนเดิม
เราก็ทวงจานชามไป ถามว่าเมื่อไหร่จะได้
พนักงานคนนั้นดูงุนงง เลยหันไปถามเพื่อนร่วมงาน สุดท้ายให้พนักงานคนเดิมที่คุยกับเราตอนแรกมาคุย
นางบอกว่า นางบอกห้องอาหารไปแล้ว ถ้ายังไงจะตามให้อีกที แล้วก็วางหูใส่
โอเค กลับมาทำหน้าที่หลักของเรา นั่นก็คือ "รอ"
20.15 น.
นี่หล่อนไปเอาจานชามถึงไหนยะ?
ด้วยความทนไม่ไหว ครั้งนี้เราตัดสินใจโทรไปหาล๊อบบี้ ล๊อบบี้บอกให้โทรหาห้องอาหารโดยตรง
แต่เราโทรไปแล้วไม่ติด
ความหงุดหงิดมาอีกแล้วค่ะ (โมโหหิว) เราใส่รองเท้า ตัดสินใจจะลงไปโวยที่ล๊อบบี้ แต่โชคช่วยค่ะ
พอเราเปิดประตูปุ๊บ ก็เจอกับพนักงานชายพร้อมกับชามสองใบและช้อนสามคู่ในมือ
จาน 3 ใบ ช้อนส้อม 3 คู่ ชาม 1 ใบ = ชาม 2 ใบ ช้อนส้อม 3 คู่
"เขาให้ก็ดีแล้วเมิง"
เพื่อนเราบอกเมื่อเห็นเราทำท่าองค์จะลงอีกรอบ เออ ยอม ขี้เกียจลงไปโวยละ หิว!
สรุประยะเวลาที่จานชามช้อนส้อมเดินทางมาถึงห้องพัก คำนวนจากเวลาที่โทรไปหาแม่บ้าน จนกระทั่งเวลาที่ได้รับของ = 40 นาที
(คิดว่าจานชามช้อนชุดนี้คงได้จากการออกไปซื้อที่โลตัสมาให้เราใช้โดยเฉพาะแน่ๆ เรามั่นใจ)
เรื่องที่ 2 ผ่านไป เรายังมีเรื่องสุดท้ายที่จะต้องเหลาค่ะ (ยังไม่จบ)
คืนนั้นผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา ตื่นเช้ามาไปทานอาหารที่บวกอยู่ในค่าที่พักก็ราบรื่นดี
ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วค่ะ
เราลงมาเช็คเอ้าท์ตอน 10 โมงกว่าๆ ยื่นคีย์การ์ดให้กับพนักงาน B
นางรับคีย์การ์ดไปพร้อมกับขอเช็คห้อง โดยให้เราไปนั่งรอ
โอเคค่ะ งานถนัด ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็รอเก่งขึ้นเยอะ
รอค่ะ รอไป รอประมาณ 20 นาที นางตะโกนบอกว่า
"เรียบร้อยแล้วนะคะลูกค้า
เราก็ลุก หยิบกระเป๋าตังเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์
สายตาสองคู่ประสานกัน นางย้ำ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พร้อมกับทำหน้างงว่าเรามายืนทำอะไรตรงนี้
"แล้วค่าเตียงเสริมนี่ไม่เก็บหรอคะ?" เราถามงงๆ
พอนางได้ยินที่เราบอก นางก็ร้องอ๋อประหนึ่งเพิ่งตรัสรู้
ก่อนจะไปที่หน้าคอมคลิกโน่นคลิกนี่วุ่นวายแล้วรับเงินเราไป
พร้อมกับบอกว่า "ขอบคุณมากนะคะ นี่ก็ลืมแล้ว"
!!!
รีสอร์ทนี้เขาทำงานกันยังไงหรอ ห้องไหนมีเตียงเสริมบ้างยังไม่รู้เลย
หรือเราคาดหวังสูงไปกับการบริการและการจัดการของรีสอร์ทที่นี่
สรุป
1. รีสอร์ทที่นี่สวยมากจริงๆค่ะ แต่ไม่ประทับใจกับการบริการเลย การจัดการแย่มาก ตั้งแต่ตอนเช็คอินแล้ว
เอกสารก็วางกันมั่วซั่วไม่รู้ว่าใครเป็นของใคร ปล่อยให้ลูกค้าที่มาเหนื่อยๆรอกันตั้งนาน
2. ห้องพักควรจัดการให้เสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายสองตามเวลาเช็คอิน อย่าอ้างว่ามีลูกค้าพักเยอะ
คุณกำหนดให้ลูกค้าเช็คเอ้าท์ได้ไม่เกินเที่ยง และให้เช็คอินได้ตอนบ่ายสอง นั่นหมายความว่าคุณควรทำห้องพักให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง
ลูกค้ามาเหนื่อยๆเขาก็อยากขึ้นห้องพัก เก็บสัมภาระค่ะ ไม่ใช่มานั่งรอ และการรอห้องหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่เรื่องตลก!
3. การสื่อสารระหว่างพนักงานแย่มาก เราสังเกต กว่าแม่บ้านจะเช็คห้อง จะโน่นนี่นั่น ก็ต้องให้พนักงานที่ล๊อบบี้วิทยุไปย้ำตั้งหลายครั้ง
อย่างในกรณีของเรา การที่พนักงานที่ล๊อบบี้บอกว่าห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขึ้นไปกลับเจอว่าห้องยังไม่เสร็จ นี่สรุปว่าใครหลอกใคร
แม่บ้านหลอกพนักงานที่ล๊อบบี้ หรือพนักงานที่ล๊อบบี้หลอกเรา หรือสื่อสารกันไม่รุ้เรื่อง และบอกเลยว่าการขึ้นไปเจอห้องสภาพนั้นมันแย่มากจริงๆ
รวมถึงจานชามช้อนที่เรารอกว่า 40 นาทีนั่นอีก ถามจริงว่าแค่หยิบเอามาให้ลูกค้ามันใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรอ
เราว่าจากห้องอาหารมาห้องพักเราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาทีนะ
4. ระบบการจัดการภายในรีสอร์ทต้องปรับปรุง ห้องไหนมีเตียงเสริมบ้างยังไม่รู้เลย
ที่สำคัญเราแจ้งมาตั้งแต่ก่อนจะเข้าพักตั้ง 1 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าคุณต้องรู้อยู่แล้วว่าเราจะเอาเตียงเสริม
ห้องของเรามีเตียงเสริม เดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์แล้วนะรู้ยัง? มันเอาไว้บันทึกข้อมูลได้นะรู้ยัง? โปรแกรมการจัดการดีๆก็มีเยอะแยะนะ
เราไม่รู้ว่ามันพลาดที่ระบบ หรือพลาดที่คน
แต่คิดว่าตอนนั้น ถ้าเราเฉย เราคงไม่ต้องจ่ายค่าเตียงเสริม
เพื่อพิจารณาและปรับปรุงต่อไปนะคะ
Sand Dunes Chaolao Beach Resort รีสอร์ทริมทะเลกับการบริการแย่ๆที่ควรปรับปรุง
เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันเสาร์อาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสไปพักผ่อนที่รีสอร์ทแห่งนี้จากการซื้อ Voucher ในงานไทยเที่ยวไทย
ก็เหมือนคนอื่นๆค่ะ เราได้ดูรีวิวของรีสอร์ทนี้มาก่อน และก็ประทับใจในความสวยงามและบรรยากาศริมทะเล
คาดหวังไว้เป็นอย่างยิ่งว่าการพักผ่อนของเราคงเต็มไปด้วยความสุขและสบายอกสบายใจ
ก่อนหน้าที่เราจะเดินทางประมาณ 1 สัปดาห์ เราได้โทรไปขอเสริมเตียงกับทางรีสอร์ท ซึ่งก็ได้การตอบรับอย่างดี ไม่มีปัญหา
แต่ปัญหามันเริ่มต้น เมื่อเราไปถึงรีสอร์ทค่ะ
เราเดินทางไปถึงรีสอร์ทวันเสาร์ประมาณ 14.40 น. ด้วยความเหน็ดเหนื่อย
เมื่อไปถึงล๊อบบี้ ก็ต้องเจอกับแขกจำนวนมากที่ยืนรอเช็คอิน เราก็เดินไปต่อแถวเหมือนคนอื่นๆ พร้อม Voucher ของเราค่ะ
ประมาณ 10 นาที มีพนักงาน A เดินมาขอ Voucher เราพร้อมบัตรประชาชน โดยให้เราไปนั่งรอ
เราก็ไปนั่งรอ 10 นาทีต่อมาพนักงาน A เรียกเราไป บอกให้ยืนรอเช็คอินตรงนี้
เราก็ยืนรอตามที่เธอบอก แต่ 2 นาทีต่อมาเรากลับถูกพนักงานหน้าเคาท์เตอร์ผู้หญิงอีกคน (ขอแทนตัวว่าพนักงาน B)
บอกให้ไปนั่งรอตามเดิมเพราะยังจัดการเรื่องห้องพักของคนก่อนหน้าไม่เสร็จ
บอกตรงๆค่ะว่าด้วยการเดินทางที่เหน็ดเหนื่อยและอากาศที่ร้อนอบอ้าว เมื่อเจอสถานการณ์นั้น เราก็มีเหวี่ยงไปนิดหน่อย
ด้วยอารมณ์ที่รู้สึกว่า
"คนหนึ่งบอกให้ฉันไปยืนรอ แต่อีกคนบอกให้ฉันไปนั่ง สรุปจะเอาไง"
เราก็ไปนั่งรอค่ะ พยายามใจเย็น แขกเขาเยอะ ต้องเข้าใจ
ประมาณ 5 นาทีต่อมาพนักงานหน้า B เรียกชื่อเราไปเช็คอิน เราก็เดินไปหน้าเคาท์เตอร์
ยืนรอนางจัดการกับกองเอกสารการเข้าพักที่วางกระจัดกระจายไม่เป็นระบบ ยืนมองนางคุยกับพนักงานชายอีกคนว่า
"ใบนี้ของใคร ห้องนี้ของใคร" อยู่สักพัก
ก็ได้เวลาที่เราได้เช็คอินสักที พนักงาน B ก็ดำเนินการปกติ(ดูเหมือน)ไม่มีปัญหาอะไร
ก่อนจะหันมาถามกับเราว่า
"ลูกค้าขอเสริมเตียงมาใช่ไหมคะ"
เราพยักหน้าตอบรับ พนักงาน B ก็วิทยุขึ้นไปที่ห้องคุยกับแม่บ้านบอกให้เสริมเตียง ก่อนจะหันมาบอกเราว่า
"ขอโทษนะคะ ตอนนี้ห้องยังไม่เรียบร้อย ถ้ายังไงไปรับ Welcome Drink ที่ริมสระว่ายน้ำก่อนนะคะ"
ในใจตอนนั้นไม่ได้รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะเราเข้าใจว่า คำว่าห้องยังไม่เรียบร้อย คือยังไม่ได้เสริมเตียง (ก็นางเพิ่งวิทยุไปบอกแม่บ้านเมื่อกี้)
และเรื่องค่าเตียงเสริมให้เรามาจ่ายตอนเช็คเอ้าท์
เรากับเพื่อนและน้องสาวก็เลยตัดสินใจทำตามที่นางบอก ด้วยการเดินไปรับ Welcome Drink ที่ริมสระ
โดยไม่ลืมที่จะถามว่า ห้องจะเรียบร้อยเมื่อไหร่ พนักงาน B บอกเราว่า
"ประมาณ 20 นาทีค่ะ" (เช็คอินเสร็จประมาณ 15.00 น)
และเมื่อเราไปถึงสระว่ายน้ำ ได้ดื่มน้ำส้มเย็นๆกับวิวสวยๆของสระว่ายน้ำแบบนี้ เราก็ใจเย็นขึ้นค่ะ
หลังจากที่เราเดินสำรวจสระ ถ่ายรูป มองวิวกันอยู่สักพัก
เวลาประมาณ 15.20 น. เราก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่ล๊อบบี้โดยหวังว่าห้องจะเสร็จเรียบร้อยตามที่บอกไว้คือ 20 นาที
แต่เมื่อไปถึง ปรากฎว่าห้องยังไม่เรียบร้อยค่ะ
เราก็เอาละ ทำไมยังไม่เสร็จ เสริมเตียงแค่นี้ใช้เวลา 20 นาทีเชียวหรอ
เรากับเพื่อนก็รอค่ะ รอต่อไป ใจก็หงุดหงิดว่าเมื่อไหร่ฉันจะได้ขึ้นห้อง ฉันเหนื่อยนะ ฉันอยากพัก
ด้วยความที่เราทนไม่ไหว ประมาณ 15.30 น. เราเลยเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์อีกรอบค่ะ ยื่นคีย์การ์ดให้แล้วถามว่าห้องนี้เรียบร้อยหรือยัง
พนักงาน B วิทยุขึ้นไปคุยกับแม่บ้านแปปนึง แล้วบอกเราว่า
"ห้องยังไม่เรียบร้อยค่ะ"
เราเลยสวนกลับไปว่า
"ไหนว่า 20 นาทีไงคะ นี่มันครึ่งชั่วโมงแล้วนะ"
แล้วก็เดินกลับไปนั่งรอตามเดิม
นั่งยังไม่ทันก้นร้อน พนักงานชายอีกคนก็เดินมาหาเรา พร้อมบอกว่า
"ขอโทษนะครับลูกค้า ตอนนี้ห้องเรียบร้อยแล้วครับ"
เราก็โอเค หอบข้าวหอบของขึ้นไปบนห้อง เดินไปตามทางหาเบอร์ห้องของตัวเอง
หวังไว้ว่าจะได้นอนทิ้งร่างบนเตียงนุ่มๆเปิดแอร์เย็นฉ่ำ นอนพักสักครู่แล้วค่อยออกไปหาอะไรกิน
แต่เมื่อไปถึงหน้าห้อง เรากลับเจอสิ่งนี้ค่ะ
บอกเลยว่าอึ้งมาก นี่คือห้องเรียบร้อยแล้วงั้นหรอ? คำว่าเรียบร้อยของรีสอร์ทนี้คือสภาพแบบนี้งั้นหรอ?
สักพักแม่บ้านวิ่งเข้ามาในห้อง เห็นเราก็ตกใจ แล้วก็รีบทำห้องให้ พร้อมบอกให้เรารอ
เราก็แบบ โอ้โห อะไรเนี่ย แล้วก็ยืนรอ (จริงๆตอนนั้นน่าจะลงไปโวยกับล๊อบบี้ด้วยซ้ำ แต่ไม่ทำ ไม่รู้ทำไม)
เราก็ยืนรอค่ะ รอแล้วรออีก มีพนักงานชายเดินผ่านมาเห็นเราที่เป็นแขกมายืนรอห้อง ก็รีบเข้าไปช่วยแม่บ้านทำห้อง
เราก็รอค่ะ ยืนรอกดดันไปเรื่อยๆ เดินวนๆอยู่แถวนั้นพร้อมกับถามตัวเองว่า ฉันจะได้เข้าห้องเมื่อไหร่
ยืนรออยู่นานค่ะ ยืนรออยู่จนเห็นว่าแม่บ้านจัดการถูห้องแล้ว ผ้าปูผ้าห่มอยู่ในสภาพเรียบร้อยแล้ว
เราก็เลยเอาคีย์การ์ดไปเสียบเพื่อที่ว่าพอเราเข้ามาห้องจะได้เย็น
แต่ปรากฎว่ายังไม่เสร็จค่ะ ที่เสร็จนั่นคือแค่ทำความสะอาด แต่ยังไม่ได้เสริมเตียง
โอ้แม่เจ้า!! นี่ต้องรอยันลูกบวชเลยหรือเปล่า?
หลังจากรอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอ นับหนึ่งถึงสิบเป็นพันรอบจวนจะครบหมื่นอยู่แล้ว
ในที่สุดเราก็ได้เข้าห้องค่ะ นับตั้งแต่เวลาที่เช็คอินเรียบร้อยจนได้เข้าห้องพักอย่างจริงๆจังๆก็ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ สบายมากค่ะ ชิลลล (กัดฟัน)
และถ้าคิดว่านี่เรื่องแย่ๆเรื่องเดียวที่เราเจอ ขอบอกว่า คุณคิดผิดค่ะ
เพราะเรื่องแย่ๆเรื่องที่ 2 กำลังจะเริ่ม ณ บัดนี้
หลังจากที่เราได้ลงไปเดินชายหาด หาอะไรอร่อยๆทาน เล่นน้ำ ถ่ายรูปกันให้หนำใจ
ประมาณ 1 ทุ่มครึ่งเราก็กลับขึ้นมาบนห้อง อาบน้ำพักผ่อนดูโทรศัพท์แชทกับแฟนอะไรก็ว่าไป
น้องสาวตัวดีของเราก็บ่นว่า "หิว"
เมื่อหิวก็ต้องกินใช่มั๊ยคะ? และนั่นไม่ใช่ปัญหาค่ะเพราะเราได้ห่อข้าวที่เหลือจากร้านอาหารกลับมาด้วย (งก)
ในฐานะพี่สาว และเพื่อนที่ดี เราก็จัดการกดโทรศัพท์ไปหาแม่บ้าน ถามอย่างสุภาพว่าพอจะมีจานชามให้ไหมคะ
ซึ่งพนักงานที่รับก็ตอบอย่างสุภาพและเต็มใจให้บริการว่า
"มีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงอยู่ห้องไหนคะ ต้องการจานชามอย่างละกี่ชุด"
เราก็บอกเบอร์ห้องไป พร้อมกับระบุความต้องการของเราว่า
"ขอจาน 3 ใบ ช้อนส้อม 3 ชุด และชาม 1 ใบนะคะ"
หลังจากนั้นเราก็ทำหน้าที่หลักของเราค่ะ นั่นก็คือ "รอ"
เราหยิบเบียร์ที่ซื้อมาออกมานั่งจิบริมระเบียง กดโทรศัพท์ลงรูปอะไรไปเรื่อยเปื่อย
เงยหน้าขึ้นมาอีกทีตอนเกือบๆ 2 ทุ่ม พร้อมกับคำถามว่า
"จานชามฉันล่ะ?"
"ลืมแล้วมั้ง?"
เพื่อนเราเป็นคนตอบคำถามที่เราไม่คิดว่าจะได้คำตอบ เราก็เลยตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปอีกรอบ
รอบแรกไม่มีคนรับ เราเลยโทรไปอีกรอบ ปลายสายรับ แต่ไม่ใช่พนักงานคนเดิม
เราก็ทวงจานชามไป ถามว่าเมื่อไหร่จะได้
พนักงานคนนั้นดูงุนงง เลยหันไปถามเพื่อนร่วมงาน สุดท้ายให้พนักงานคนเดิมที่คุยกับเราตอนแรกมาคุย
นางบอกว่า นางบอกห้องอาหารไปแล้ว ถ้ายังไงจะตามให้อีกที แล้วก็วางหูใส่
โอเค กลับมาทำหน้าที่หลักของเรา นั่นก็คือ "รอ"
20.15 น.
นี่หล่อนไปเอาจานชามถึงไหนยะ?
ด้วยความทนไม่ไหว ครั้งนี้เราตัดสินใจโทรไปหาล๊อบบี้ ล๊อบบี้บอกให้โทรหาห้องอาหารโดยตรง
แต่เราโทรไปแล้วไม่ติด
ความหงุดหงิดมาอีกแล้วค่ะ (โมโหหิว) เราใส่รองเท้า ตัดสินใจจะลงไปโวยที่ล๊อบบี้ แต่โชคช่วยค่ะ
พอเราเปิดประตูปุ๊บ ก็เจอกับพนักงานชายพร้อมกับชามสองใบและช้อนสามคู่ในมือ
จาน 3 ใบ ช้อนส้อม 3 คู่ ชาม 1 ใบ = ชาม 2 ใบ ช้อนส้อม 3 คู่
"เขาให้ก็ดีแล้วเมิง"
เพื่อนเราบอกเมื่อเห็นเราทำท่าองค์จะลงอีกรอบ เออ ยอม ขี้เกียจลงไปโวยละ หิว!
สรุประยะเวลาที่จานชามช้อนส้อมเดินทางมาถึงห้องพัก คำนวนจากเวลาที่โทรไปหาแม่บ้าน จนกระทั่งเวลาที่ได้รับของ = 40 นาที
(คิดว่าจานชามช้อนชุดนี้คงได้จากการออกไปซื้อที่โลตัสมาให้เราใช้โดยเฉพาะแน่ๆ เรามั่นใจ)
เรื่องที่ 2 ผ่านไป เรายังมีเรื่องสุดท้ายที่จะต้องเหลาค่ะ (ยังไม่จบ)
คืนนั้นผ่านไปด้วยดีไม่มีปัญหา ตื่นเช้ามาไปทานอาหารที่บวกอยู่ในค่าที่พักก็ราบรื่นดี
ถึงเวลาที่เราต้องกลับแล้วค่ะ
เราลงมาเช็คเอ้าท์ตอน 10 โมงกว่าๆ ยื่นคีย์การ์ดให้กับพนักงาน B
นางรับคีย์การ์ดไปพร้อมกับขอเช็คห้อง โดยให้เราไปนั่งรอ
โอเคค่ะ งานถนัด ตั้งแต่มาถึงที่นี่ก็รอเก่งขึ้นเยอะ
รอค่ะ รอไป รอประมาณ 20 นาที นางตะโกนบอกว่า
"เรียบร้อยแล้วนะคะลูกค้า
เราก็ลุก หยิบกระเป๋าตังเดินไปที่หน้าเคาท์เตอร์
สายตาสองคู่ประสานกัน นางย้ำ
"เรียบร้อยแล้วค่ะ" พร้อมกับทำหน้างงว่าเรามายืนทำอะไรตรงนี้
"แล้วค่าเตียงเสริมนี่ไม่เก็บหรอคะ?" เราถามงงๆ
พอนางได้ยินที่เราบอก นางก็ร้องอ๋อประหนึ่งเพิ่งตรัสรู้
ก่อนจะไปที่หน้าคอมคลิกโน่นคลิกนี่วุ่นวายแล้วรับเงินเราไป
พร้อมกับบอกว่า "ขอบคุณมากนะคะ นี่ก็ลืมแล้ว"
!!!
รีสอร์ทนี้เขาทำงานกันยังไงหรอ ห้องไหนมีเตียงเสริมบ้างยังไม่รู้เลย
หรือเราคาดหวังสูงไปกับการบริการและการจัดการของรีสอร์ทที่นี่
สรุป
1. รีสอร์ทที่นี่สวยมากจริงๆค่ะ แต่ไม่ประทับใจกับการบริการเลย การจัดการแย่มาก ตั้งแต่ตอนเช็คอินแล้ว
เอกสารก็วางกันมั่วซั่วไม่รู้ว่าใครเป็นของใคร ปล่อยให้ลูกค้าที่มาเหนื่อยๆรอกันตั้งนาน
2. ห้องพักควรจัดการให้เสร็จตั้งแต่ก่อนบ่ายสองตามเวลาเช็คอิน อย่าอ้างว่ามีลูกค้าพักเยอะ
คุณกำหนดให้ลูกค้าเช็คเอ้าท์ได้ไม่เกินเที่ยง และให้เช็คอินได้ตอนบ่ายสอง นั่นหมายความว่าคุณควรทำห้องพักให้เสร็จภายใน 2 ชั่วโมง
ลูกค้ามาเหนื่อยๆเขาก็อยากขึ้นห้องพัก เก็บสัมภาระค่ะ ไม่ใช่มานั่งรอ และการรอห้องหนึ่งชั่วโมงไม่ใช่เรื่องตลก!
3. การสื่อสารระหว่างพนักงานแย่มาก เราสังเกต กว่าแม่บ้านจะเช็คห้อง จะโน่นนี่นั่น ก็ต้องให้พนักงานที่ล๊อบบี้วิทยุไปย้ำตั้งหลายครั้ง
อย่างในกรณีของเรา การที่พนักงานที่ล๊อบบี้บอกว่าห้องเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ขึ้นไปกลับเจอว่าห้องยังไม่เสร็จ นี่สรุปว่าใครหลอกใคร
แม่บ้านหลอกพนักงานที่ล๊อบบี้ หรือพนักงานที่ล๊อบบี้หลอกเรา หรือสื่อสารกันไม่รุ้เรื่อง และบอกเลยว่าการขึ้นไปเจอห้องสภาพนั้นมันแย่มากจริงๆ
รวมถึงจานชามช้อนที่เรารอกว่า 40 นาทีนั่นอีก ถามจริงว่าแค่หยิบเอามาให้ลูกค้ามันใช้เวลานานขนาดนั้นเลยหรอ
เราว่าจากห้องอาหารมาห้องพักเราใช้เวลาไม่น่าเกิน 10 นาทีนะ
4. ระบบการจัดการภายในรีสอร์ทต้องปรับปรุง ห้องไหนมีเตียงเสริมบ้างยังไม่รู้เลย
ที่สำคัญเราแจ้งมาตั้งแต่ก่อนจะเข้าพักตั้ง 1 สัปดาห์ นั่นหมายความว่าคุณต้องรู้อยู่แล้วว่าเราจะเอาเตียงเสริม
ห้องของเรามีเตียงเสริม เดี๋ยวนี้มีคอมพิวเตอร์แล้วนะรู้ยัง? มันเอาไว้บันทึกข้อมูลได้นะรู้ยัง? โปรแกรมการจัดการดีๆก็มีเยอะแยะนะ
เราไม่รู้ว่ามันพลาดที่ระบบ หรือพลาดที่คน
แต่คิดว่าตอนนั้น ถ้าเราเฉย เราคงไม่ต้องจ่ายค่าเตียงเสริม
เพื่อพิจารณาและปรับปรุงต่อไปนะคะ