ปัญหาของผมอาจจะดูไม่ใหญ่สำหรับใครหลายๆท่าน แต่ในชีวิตผม มันถูกเก็บมาตลอดทั้งชีวิต ช่วยอ่านหน่อยนะคับแล้วจะเข้าใจผม
ผมอายุ 24 ปีคับ ถ้านสาตาคนอื่น ชีวิตครอบครัวผมก็ดูมีความสุข เพอเฟ๊ค (ผมขอเล่าประวัติครอบครัวหน่อยน่ะคับ)
ผมมีพี่สาว1คน ห่างกัน 4 ปี เราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก แต่ตอนเด็ก ยายกับน้องสาวของแม่อยากเลี้ยงพี่สาวผม พ่อกับแม่เลยให้พี่สาวผมไปอยู่ด้วย ซึ่งอยู่กันคนละจังหวัด แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรคับ พ่อแม่และผมก็ไปหาได้ปกติ
ผมอยู่กับพ่อแม่ ชีวิตก็คงเหมือนๆกับหลายคน คือ โดนอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ พ่อผมเป็นคนเงียบๆ ดุ มีเหตุผล แม่เป็คนขี้บ่น ขี้น้อยใจ แต่ใจดี การสอนของเค้าคือพยายามสอนให้ผมมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา จนช่วงวัยประถมมั้งคับ วันเกิดพี่สาว เราไปหาเค้ากัน ผมไม่รุ้ว่าพ่อไปแอบซื้อของขวัญให้พี่สาวตอนไหน มันเป็นสีเมจิกกล่องใหญ่ เหตุการณ์คือ พ่อให้ผมเป็นคนไปหยิบของขวัญมาให้พี่สาว ซึ่งตอนนั้นผมก็เด็ก ผมจึงอยากได้บ้าง ร้องขอให้พ่อซื้อให้ แต่เพราะคำพูดบางคำพูดของพ่อที่ผมไม่มีวันลืม คือ "ลูกยังไม่ต้องเอาหรอก ยังเด็ก ให้พี่เค้าไปก่อน เค้าไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่" ตอนนั้นคำพูดนี้ผมไม่คิดหรอกคับ แต่โตมา มันมีหลายเหตุการณ์เลยที่ทำคำพูดนี้ทำให้ผมกลายเป็น #ลูกนกในกรง
พอเข้ามัธยมพี่สาวก็กลับมาอยู่บ้านเดียวกันคับ (ลืมบอกพ่อกับแม่ผมมีอาชีพเป็นครูคับ) ผมกะพี่สาว ถึงช่วงวัยเด็กเราจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็สนิทกันคับ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นสะสมมาทีละเล็กละน้อยคับ พ่อกับแม่ผมท่านเป็นคนที่วางแผนชีวิตได้ดีคับ (ซึ่งนิสัยนี้ก็ตกมาอยู่ที่ผมด้วยแหละ) มัธยมต้นท่านบังคับให้ผมเรียนสายวิทย์คณิตคับ แต่ตอนแรกผมสอบติดสายคณิตคอม เค้าทำเรื่องขอย้ายสายให้ผม ผมก็ไม่ยอม เรื่องใหญ่ไปพักหนึ่งเลยละคับ แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอม แต่ชีวิตพี่สาวผมดีกว่าคับ เค้าค่อนข้างเรียนไม่เก่ง พอขึ้นมอปลาย เค้าเลยขอพ่อกับแม่เรียนสายศิลป์ภาษา ซึ่งโอเคร พ่อแม่ยอม แต่พอมาถึงชีวิตผม เหมือนเดิมคับ ผมโดนบังคับให้เรียนสายวิทย์คณิต ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เรียนเก่งอ่ะไร (ถึงจะดีกว่าพี่ก็เถอะ) แต่สุดท้าย....เหมือนเดิมคับ แต่มันจะพีคขึ้นอีก คือผมมีรายชื่อติดอยู่ห้อง2ห้องนี้เพื่อนผมจากตอนมอต้นอยู่เยอะมาก แต่เพราะลูกเพื่อนแม่อยู่ห้อง1 (เรียนเก่งมาก) ชีวิตผมก็โดนอีกคับ โดนบังคับให้ไปเรียนห้อง1 โดยเหตุผลของแม่คือ ลูกเพื่อนแม่เรียนเก่งช่วยผมได้ ผมไม่ยอมคับ ยังไงผมก็จะอยู่กับเพื่อน ผมอ้างว่า เรียนห้องไหนก็สายวิทย์เหมือนกัน ยอมเรียนวิทย์ ทำไมต้องบังคับห้องอีก แต่สุดท้ายคับ..ก็เหมือนเดิม ต้องยอมคับ แต่เงื่อนไขของผมคือ ถ้าย้าย ต้องให้เล่นกีฬา ให้เป็นตัวโรงเรียน โอเครแม่ก็ยอมคับ แต่ผมมีเรื่องน้อยใจพ่อแม่อยู่คับ (ปนอิจฉาพี่สาว) คือในยุคมัธยมคับ โทรสับเริ่มบูมในเด็กเนาะ พี่สาวผมก็เลยขอพ่อซื้อคับ แต่พ่อไม่ซื้อให้ แต่ชีวิตพี่ผมดี้ดี พ่อไม่ให้ก็เลยไปขอน้าสาว (น้องแม่ที่เคยเลี้ยงเค้า) ซึ่งได้มาอย่างง่ายดาย ต่อมอิจผมโป่งผองมั่ง ผมก็เลยขอพ่อกับแม่บ้าง ซึ่งผลลัพท์หรอคับ ขอเป็นปีอ่ะคับกว่าจะได้ งอลกันไม่พูดกันจนบ้านเกือบร้าง และที่ได้ก็เพราะโทรสับมันจำเป็นแล้วอ่ะคับ นี่ก็คงเป็นปมส่วนหนึ่งในชีวิตผมมั้งคับ แถมผมต้องเอาตังเก็บส่วนตัวมาออกเองด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นตลอดคับ พี่สาวผมอยากได้อะไรก็จะไปขอน้าคับ แต่ผมจะได้คำสอนตลอดว่า "อยากได้อะไรต้องเก็บตังเอง"
ชีวิตก็ดำเนินคับ ต่อมา พี่สาวผมจบมอ6 คับ เค้าสอบติดการโรงแรมมั้งคับ แต่พ่อกับแม่ไม่ให้เรียน เค้าอยากให้ครูคับ บ้านแตกอีกแล้วคับ และพี่สาวก็ไม่ยอมคับ พี่สาวไปคุยท้าไหนไม่รุ พ่อกับแม่ไม่บังคับเรียนครู แต่พี่สาวขอไปเรียนศิลปศาสตร์เอกภาษาที่เค้าเรียนมาตอนมอปลายคับ แล้วทุกท่านเดาได้มั้ยคับว่าความซวยตกลงที่คัย แน่นอนคับ ผมนี่แหละ ซึ่งผมไม่อยากเรียนครูเลย ผมอยากเป็นมัณฑนากร ผมชอบถึงขั้นไปเรียนพิเศษเป็นเรื่องเป็นราวเลย พ่อก็อนุญาตนะคับ แต่พอผมจบมอหก กลับไม่ให้ผมไปสมัครสอบด้านนี้เลย ยังไงผมก็ต้องเรียนครูคับ พ่อไม่พูดกับผมเป็นเดือน จนผมอึดอัด เหตุผลที่เค้าฆ่าผมอยู่คือ เกรดจบผม แค่2.2 คับ (เพราะเเป็นนักกีฬาคับ แข่งบ่อย ไม่มีเวลาเรียน) ซึ่งยากมากสำหรับสายนี้ จนผมคิดได้ว่า ต่อไปนี้ชีวิตนี้จะต้องทำยังไงต่อไป ถ้าไม่ตามใจพ่อแม่ จะดูเป็นลูกอกตัญญูมั้ย แล้วความสุขเราหละ แต่ผมก็ยอมคับ ผมยอมเป็นเรียนครูคับ ซึ่งมันตัดใจยากมาก เพราะอนาคตเราจะต้องเอึดอัดไปตลอดชีวิต ซึ่งผมคิดแต่ว่าเดี๋ยวก็คงชอบเอง แต่ที่ผมยอม ผมมีข้อแม้คับ คือผมขอไปสอบโดยใช้โควต้ากีฬามหาลัยในกรุงเทพคับ ถึงตอนแรกพ่อมีทีถ้าว่าจะไม่ยอมอีก เพราะเค้าให้ผมเลิกเล่นกีฬา แบบเป็นนักกีฬาอะคับ ถ้าใช้โควต้ากีฬายังไงก็ต้องเล่นใช้มั้ยละคับ (ถ้าคัยเป็นนักกีฬาจะทราบคับว่ามันทรมานแค่ไหน ถ้าโดนบังคับให้เลิกเล่น) สุดยอด!!! พ่อยอมคับ ให้ผมไปสมัครโควต้ากีฬาได้ แต่เรื่องมันถึงจุดพีคอีกครั้ง โดยพ่อบังคับให้ผมเรียนครูเอกคณิต ทั้งที่ผมควรเรียนเอกพละ ยกที่2เริ่ม อันนี้ถึงขั้นเกือบหนีออกจากบ้านคับ แต่เพราะแรงกดดันจากญาติพี่น้อง ซึ่งทุกคนเป็นครูหมด ผมจึงต้องยอมอีกครั้ง ทำตามใจพ่อคับ แต่ชีวิตไม่ได้ราบลื่นสิคับ ผมโดนรีไทล์คับ เกรดไม่ถึง เรียนไม่รอด มันไม่ใช้ ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตคับ ถึงผมจะโดนบังคับมาตลอด แต่ถ้าได้ทำผมก็เต็มที่แล้ว ผมทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เครียด ทางแก้ไข คือ พ่อให้ผมกลับมาเรียนมหาลัยแถวบ้าน เริ่มปี1ใหม่ แต่ยังคงคอนเสปเดิมคับ เรียนครู แต่เป็นเอกสังคม เป็นไงคับ ชีวิตยังต้องเดินตามทางพ่อแม่เหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่า หลังจากนั้นผมไม่เถียงไม่ลั้นพ่อแม่แล้วคับ ยอมอย่างเดียว แรกกับความสุขของพ่อแม่ที่เครียดเพราะเรา
อย่าลืมพี่สาวผมนะคับ เรื่องมีอีกเยอะ อย่างที่บอก พี่สาวผมเรียนศิลปศาสตร์ภาษา แต่สุดท้าย(ข้ามเหตุการณ์เลยเนอะ) โดนบังคับให้มาเป็นครูแถวบ้านเหมือนกัน บ้านระเบิดเหมิอนเดิม แต่ก็ต้องยอมอยู่ดี 555 แต่กลับมา พี่สาวผมได้ดีคับ พ่อออกรถยนต์ให้ คัยหละจะไม่ยอม แรงกดดันมันดันตกลงที่ผมอีก เมื่อพี่สาวผมสอบบบรจุตดแล้ว พ่อยิ่งเอาใหญ่เลย พูดถึงเรื่องว่า ผมเรียนจบก็ต้องสอบบรรจุติดเลย เดี๋ยวพ่อจะส่งให้เรียนโทบริหารต่อให้ แรงกดเยอะมากคับ แถมผมดันเรียนดีอีก กำลังจะได้เกียจนิยม พ่อก็พูดว่า ยังไงผมก็ต้องได้เกียรตินิยมอันดับ1 พูดตั้งแต่ปี2 พูดทุกวัน ยำ้ว่าทุกวัน ไม่ก็อาทิตย์ละ2-3 ครั้ง ผมควรทำไง? ผมควรเครียดมั้ยคับ? พ่อชอบพูดกับวงสังคมของพ่อบ่อยๆว่า "ที่บังคับลูกให้เป็นครู เพราะอยากให้ลูกอยู่บ้าน อยู่ใกล้ๆตัวเอง มันอาจเกิดจากความเห็นแก่ตัวก็ตาม แค่ลูกมันทำตามก็พอแล้ว" สรุปพ่อต้องการอนาคตลูกเพื่อตัวเอง หรือเพื่อลูก ถึงผมจะยอมมาเกือบสุดทางแล้ว แต่ทำไมผมไม่มีความสุขนะ
ทั้งหมดทั้งมวลมันมีเหตุอยู่ตรงนี้คับ
ผมขอพ่อซื้อรถมอเตอร์ไซต์คับ ซึ่งผมตั้งใจออกตังซื้อเอง มีเงินเก็บมาตั้งแต่ปี1คับ จนตอนนี้ปี4แล้ว และเหตุจำเป็นคือ ปี5ผมต้องออกฝึกสอนคับ เป็นรร.ในเมือง มอไซต์จึงสะดวกกว่า ซึ่งพ่อกับแม่ไม่อนุญาติคับ แต่ผมงงกับพ่อคับ พ่อบอกว่า ถ้าอยากใช้มอเตอร์ไซต์ ให้ใช้ได้ แต่พ่อจะเอาคันเก่าไปซ้อมให้ใช้ (มันเก่ามากคับ ตั้งแต่รุ่นพ่อ ซ้อมมาเกือบ10ครั้ง) ผมเลยบอกว่า ถ้าจะเอาไปซ้อม ผมขอซื้อเองดีกว่า แต่ก็ไม่ได้คับ แถมแม่พูดอีกว่า จะไม่ให้ซื้อ ถ้าซื้อก็ไม่ต้องเข้าบ้าน อยากให้แม่หัวใจวายหรือไง ไม่อยากให้แม่มีความสุขหรอ (งงสิคับ) ผมพูดไม่ออกคับ
แล้วความสุขผมหละคับ แล้วความฝันผมละคับ คนในบ้านรู้คับว่าผมมีความฝันอะไรบ้าง เพราะผมแปะความฝันไว้บนผนังบ้านคับ ผมบอกก็ได้ว่ามีอะไรบ้าง 1เป็นมัณฑนากรให้ได้ (ซึ่งผมต้องฉีกมันทิ้งไปแล้วคับ) 2อยากเลี้ยงหมาสักตัว(โดนสั่งห้ามคับ อ้างว่ามันเป็นภาระ) 3อยากมีตู้ปลาสักตู้ (เอาไว้จัดตู้ปลาเล่นๆ เพราะผมชอบการจัด ตกแต่งอ่ะคับ ซึ่งก็โดนห้าม โดยอ้างว่า เดี๋ยวผมก็เบื่อ เกะกะบ้าน) 4 มอเตอร์ไซต์สักคัน (นี่แหละคับต้นเหตุ) ซึ่งทุกอย่างผมมีตังซื้อน่ะ ผมเก็บตังเอง แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมบอกแม่ว่า ถ้าตอนนี้ไม่ให้ซื้อ อนาคตก็จะซื้ออยู่ดี เพราะมันเป็นความฝันของเราในสิ่งที่เราอยากมี แต่ผมก็ต้องฝันสลายจากคำพูดของพ่อกับแม่ที่ว่า ถ้าทำก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า TT
ผมควรทำอย่างไรคับ ผมถึงจะมีความสุข และไม่ได้ชื่อว่าลูกอกตัญญู ผมอยากมีอนาคตทีกำหนดเองได้ อนาคตที่มีความสุขกับทุกวันที่ทำ ทุกวันนี้ผมเครียดมากเลย ไม่มีควมสุขเลย ทำอย่างไรดีคับ
ขอบคุณที่อ่านความในใจโง่ๆของผมจนจบ ถ้าแนะนำอะไรผมได้ ช่วยบอกผมทีนะคับ แต่ยังไงผมจะไม่ฉีกความฝันผมไปอีกแน่นอน
ลูกนกในกรง อยากจะออกไปบินจังเลย (เรื่องจิงไม่อิงนิยาย)
ชีวิตที่เหมือนลูกนกในกรง ชีวิตที่ไม่เคยได้ดำเนินชีวิตด้วตนเอง ใครเคยเป็นแบบนี้บ้าง
ผมอายุ 24 ปีคับ ถ้านสาตาคนอื่น ชีวิตครอบครัวผมก็ดูมีความสุข เพอเฟ๊ค (ผมขอเล่าประวัติครอบครัวหน่อยน่ะคับ)
ผมมีพี่สาว1คน ห่างกัน 4 ปี เราอยู่ด้วยกันเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก แต่ตอนเด็ก ยายกับน้องสาวของแม่อยากเลี้ยงพี่สาวผม พ่อกับแม่เลยให้พี่สาวผมไปอยู่ด้วย ซึ่งอยู่กันคนละจังหวัด แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรคับ พ่อแม่และผมก็ไปหาได้ปกติ
ผมอยู่กับพ่อแม่ ชีวิตก็คงเหมือนๆกับหลายคน คือ โดนอบรมสั่งสอนจากพ่อแม่ พ่อผมเป็นคนเงียบๆ ดุ มีเหตุผล แม่เป็คนขี้บ่น ขี้น้อยใจ แต่ใจดี การสอนของเค้าคือพยายามสอนให้ผมมีเหตุผลอยู่ตลอดเวลา จนช่วงวัยประถมมั้งคับ วันเกิดพี่สาว เราไปหาเค้ากัน ผมไม่รุ้ว่าพ่อไปแอบซื้อของขวัญให้พี่สาวตอนไหน มันเป็นสีเมจิกกล่องใหญ่ เหตุการณ์คือ พ่อให้ผมเป็นคนไปหยิบของขวัญมาให้พี่สาว ซึ่งตอนนั้นผมก็เด็ก ผมจึงอยากได้บ้าง ร้องขอให้พ่อซื้อให้ แต่เพราะคำพูดบางคำพูดของพ่อที่ผมไม่มีวันลืม คือ "ลูกยังไม่ต้องเอาหรอก ยังเด็ก ให้พี่เค้าไปก่อน เค้าไม่ค่อยได้อยู่กับพ่อแม่" ตอนนั้นคำพูดนี้ผมไม่คิดหรอกคับ แต่โตมา มันมีหลายเหตุการณ์เลยที่ทำคำพูดนี้ทำให้ผมกลายเป็น #ลูกนกในกรง
พอเข้ามัธยมพี่สาวก็กลับมาอยู่บ้านเดียวกันคับ (ลืมบอกพ่อกับแม่ผมมีอาชีพเป็นครูคับ) ผมกะพี่สาว ถึงช่วงวัยเด็กเราจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกัน แต่เราก็สนิทกันคับ แต่ปัญหามันเกิดขึ้นสะสมมาทีละเล็กละน้อยคับ พ่อกับแม่ผมท่านเป็นคนที่วางแผนชีวิตได้ดีคับ (ซึ่งนิสัยนี้ก็ตกมาอยู่ที่ผมด้วยแหละ) มัธยมต้นท่านบังคับให้ผมเรียนสายวิทย์คณิตคับ แต่ตอนแรกผมสอบติดสายคณิตคอม เค้าทำเรื่องขอย้ายสายให้ผม ผมก็ไม่ยอม เรื่องใหญ่ไปพักหนึ่งเลยละคับ แต่สุดท้ายผมก็ต้องยอม แต่ชีวิตพี่สาวผมดีกว่าคับ เค้าค่อนข้างเรียนไม่เก่ง พอขึ้นมอปลาย เค้าเลยขอพ่อกับแม่เรียนสายศิลป์ภาษา ซึ่งโอเคร พ่อแม่ยอม แต่พอมาถึงชีวิตผม เหมือนเดิมคับ ผมโดนบังคับให้เรียนสายวิทย์คณิต ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เรียนเก่งอ่ะไร (ถึงจะดีกว่าพี่ก็เถอะ) แต่สุดท้าย....เหมือนเดิมคับ แต่มันจะพีคขึ้นอีก คือผมมีรายชื่อติดอยู่ห้อง2ห้องนี้เพื่อนผมจากตอนมอต้นอยู่เยอะมาก แต่เพราะลูกเพื่อนแม่อยู่ห้อง1 (เรียนเก่งมาก) ชีวิตผมก็โดนอีกคับ โดนบังคับให้ไปเรียนห้อง1 โดยเหตุผลของแม่คือ ลูกเพื่อนแม่เรียนเก่งช่วยผมได้ ผมไม่ยอมคับ ยังไงผมก็จะอยู่กับเพื่อน ผมอ้างว่า เรียนห้องไหนก็สายวิทย์เหมือนกัน ยอมเรียนวิทย์ ทำไมต้องบังคับห้องอีก แต่สุดท้ายคับ..ก็เหมือนเดิม ต้องยอมคับ แต่เงื่อนไขของผมคือ ถ้าย้าย ต้องให้เล่นกีฬา ให้เป็นตัวโรงเรียน โอเครแม่ก็ยอมคับ แต่ผมมีเรื่องน้อยใจพ่อแม่อยู่คับ (ปนอิจฉาพี่สาว) คือในยุคมัธยมคับ โทรสับเริ่มบูมในเด็กเนาะ พี่สาวผมก็เลยขอพ่อซื้อคับ แต่พ่อไม่ซื้อให้ แต่ชีวิตพี่ผมดี้ดี พ่อไม่ให้ก็เลยไปขอน้าสาว (น้องแม่ที่เคยเลี้ยงเค้า) ซึ่งได้มาอย่างง่ายดาย ต่อมอิจผมโป่งผองมั่ง ผมก็เลยขอพ่อกับแม่บ้าง ซึ่งผลลัพท์หรอคับ ขอเป็นปีอ่ะคับกว่าจะได้ งอลกันไม่พูดกันจนบ้านเกือบร้าง และที่ได้ก็เพราะโทรสับมันจำเป็นแล้วอ่ะคับ นี่ก็คงเป็นปมส่วนหนึ่งในชีวิตผมมั้งคับ แถมผมต้องเอาตังเก็บส่วนตัวมาออกเองด้วย เพราะเรื่องแบบนี้ เกิดขึ้นตลอดคับ พี่สาวผมอยากได้อะไรก็จะไปขอน้าคับ แต่ผมจะได้คำสอนตลอดว่า "อยากได้อะไรต้องเก็บตังเอง"
ชีวิตก็ดำเนินคับ ต่อมา พี่สาวผมจบมอ6 คับ เค้าสอบติดการโรงแรมมั้งคับ แต่พ่อกับแม่ไม่ให้เรียน เค้าอยากให้ครูคับ บ้านแตกอีกแล้วคับ และพี่สาวก็ไม่ยอมคับ พี่สาวไปคุยท้าไหนไม่รุ พ่อกับแม่ไม่บังคับเรียนครู แต่พี่สาวขอไปเรียนศิลปศาสตร์เอกภาษาที่เค้าเรียนมาตอนมอปลายคับ แล้วทุกท่านเดาได้มั้ยคับว่าความซวยตกลงที่คัย แน่นอนคับ ผมนี่แหละ ซึ่งผมไม่อยากเรียนครูเลย ผมอยากเป็นมัณฑนากร ผมชอบถึงขั้นไปเรียนพิเศษเป็นเรื่องเป็นราวเลย พ่อก็อนุญาตนะคับ แต่พอผมจบมอหก กลับไม่ให้ผมไปสมัครสอบด้านนี้เลย ยังไงผมก็ต้องเรียนครูคับ พ่อไม่พูดกับผมเป็นเดือน จนผมอึดอัด เหตุผลที่เค้าฆ่าผมอยู่คือ เกรดจบผม แค่2.2 คับ (เพราะเเป็นนักกีฬาคับ แข่งบ่อย ไม่มีเวลาเรียน) ซึ่งยากมากสำหรับสายนี้ จนผมคิดได้ว่า ต่อไปนี้ชีวิตนี้จะต้องทำยังไงต่อไป ถ้าไม่ตามใจพ่อแม่ จะดูเป็นลูกอกตัญญูมั้ย แล้วความสุขเราหละ แต่ผมก็ยอมคับ ผมยอมเป็นเรียนครูคับ ซึ่งมันตัดใจยากมาก เพราะอนาคตเราจะต้องเอึดอัดไปตลอดชีวิต ซึ่งผมคิดแต่ว่าเดี๋ยวก็คงชอบเอง แต่ที่ผมยอม ผมมีข้อแม้คับ คือผมขอไปสอบโดยใช้โควต้ากีฬามหาลัยในกรุงเทพคับ ถึงตอนแรกพ่อมีทีถ้าว่าจะไม่ยอมอีก เพราะเค้าให้ผมเลิกเล่นกีฬา แบบเป็นนักกีฬาอะคับ ถ้าใช้โควต้ากีฬายังไงก็ต้องเล่นใช้มั้ยละคับ (ถ้าคัยเป็นนักกีฬาจะทราบคับว่ามันทรมานแค่ไหน ถ้าโดนบังคับให้เลิกเล่น) สุดยอด!!! พ่อยอมคับ ให้ผมไปสมัครโควต้ากีฬาได้ แต่เรื่องมันถึงจุดพีคอีกครั้ง โดยพ่อบังคับให้ผมเรียนครูเอกคณิต ทั้งที่ผมควรเรียนเอกพละ ยกที่2เริ่ม อันนี้ถึงขั้นเกือบหนีออกจากบ้านคับ แต่เพราะแรงกดดันจากญาติพี่น้อง ซึ่งทุกคนเป็นครูหมด ผมจึงต้องยอมอีกครั้ง ทำตามใจพ่อคับ แต่ชีวิตไม่ได้ราบลื่นสิคับ ผมโดนรีไทล์คับ เกรดไม่ถึง เรียนไม่รอด มันไม่ใช้ ตอนนี้ผมรู้สึกเสียใจที่สุดในชีวิตคับ ถึงผมจะโดนบังคับมาตลอด แต่ถ้าได้ทำผมก็เต็มที่แล้ว ผมทำให้พ่อกับแม่เสียใจ เครียด ทางแก้ไข คือ พ่อให้ผมกลับมาเรียนมหาลัยแถวบ้าน เริ่มปี1ใหม่ แต่ยังคงคอนเสปเดิมคับ เรียนครู แต่เป็นเอกสังคม เป็นไงคับ ชีวิตยังต้องเดินตามทางพ่อแม่เหมือนเดิม แต่กลายเป็นว่า หลังจากนั้นผมไม่เถียงไม่ลั้นพ่อแม่แล้วคับ ยอมอย่างเดียว แรกกับความสุขของพ่อแม่ที่เครียดเพราะเรา
อย่าลืมพี่สาวผมนะคับ เรื่องมีอีกเยอะ อย่างที่บอก พี่สาวผมเรียนศิลปศาสตร์ภาษา แต่สุดท้าย(ข้ามเหตุการณ์เลยเนอะ) โดนบังคับให้มาเป็นครูแถวบ้านเหมือนกัน บ้านระเบิดเหมิอนเดิม แต่ก็ต้องยอมอยู่ดี 555 แต่กลับมา พี่สาวผมได้ดีคับ พ่อออกรถยนต์ให้ คัยหละจะไม่ยอม แรงกดดันมันดันตกลงที่ผมอีก เมื่อพี่สาวผมสอบบบรจุตดแล้ว พ่อยิ่งเอาใหญ่เลย พูดถึงเรื่องว่า ผมเรียนจบก็ต้องสอบบรรจุติดเลย เดี๋ยวพ่อจะส่งให้เรียนโทบริหารต่อให้ แรงกดเยอะมากคับ แถมผมดันเรียนดีอีก กำลังจะได้เกียจนิยม พ่อก็พูดว่า ยังไงผมก็ต้องได้เกียรตินิยมอันดับ1 พูดตั้งแต่ปี2 พูดทุกวัน ยำ้ว่าทุกวัน ไม่ก็อาทิตย์ละ2-3 ครั้ง ผมควรทำไง? ผมควรเครียดมั้ยคับ? พ่อชอบพูดกับวงสังคมของพ่อบ่อยๆว่า "ที่บังคับลูกให้เป็นครู เพราะอยากให้ลูกอยู่บ้าน อยู่ใกล้ๆตัวเอง มันอาจเกิดจากความเห็นแก่ตัวก็ตาม แค่ลูกมันทำตามก็พอแล้ว" สรุปพ่อต้องการอนาคตลูกเพื่อตัวเอง หรือเพื่อลูก ถึงผมจะยอมมาเกือบสุดทางแล้ว แต่ทำไมผมไม่มีความสุขนะ
ทั้งหมดทั้งมวลมันมีเหตุอยู่ตรงนี้คับ
ผมขอพ่อซื้อรถมอเตอร์ไซต์คับ ซึ่งผมตั้งใจออกตังซื้อเอง มีเงินเก็บมาตั้งแต่ปี1คับ จนตอนนี้ปี4แล้ว และเหตุจำเป็นคือ ปี5ผมต้องออกฝึกสอนคับ เป็นรร.ในเมือง มอไซต์จึงสะดวกกว่า ซึ่งพ่อกับแม่ไม่อนุญาติคับ แต่ผมงงกับพ่อคับ พ่อบอกว่า ถ้าอยากใช้มอเตอร์ไซต์ ให้ใช้ได้ แต่พ่อจะเอาคันเก่าไปซ้อมให้ใช้ (มันเก่ามากคับ ตั้งแต่รุ่นพ่อ ซ้อมมาเกือบ10ครั้ง) ผมเลยบอกว่า ถ้าจะเอาไปซ้อม ผมขอซื้อเองดีกว่า แต่ก็ไม่ได้คับ แถมแม่พูดอีกว่า จะไม่ให้ซื้อ ถ้าซื้อก็ไม่ต้องเข้าบ้าน อยากให้แม่หัวใจวายหรือไง ไม่อยากให้แม่มีความสุขหรอ (งงสิคับ) ผมพูดไม่ออกคับ
แล้วความสุขผมหละคับ แล้วความฝันผมละคับ คนในบ้านรู้คับว่าผมมีความฝันอะไรบ้าง เพราะผมแปะความฝันไว้บนผนังบ้านคับ ผมบอกก็ได้ว่ามีอะไรบ้าง 1เป็นมัณฑนากรให้ได้ (ซึ่งผมต้องฉีกมันทิ้งไปแล้วคับ) 2อยากเลี้ยงหมาสักตัว(โดนสั่งห้ามคับ อ้างว่ามันเป็นภาระ) 3อยากมีตู้ปลาสักตู้ (เอาไว้จัดตู้ปลาเล่นๆ เพราะผมชอบการจัด ตกแต่งอ่ะคับ ซึ่งก็โดนห้าม โดยอ้างว่า เดี๋ยวผมก็เบื่อ เกะกะบ้าน) 4 มอเตอร์ไซต์สักคัน (นี่แหละคับต้นเหตุ) ซึ่งทุกอย่างผมมีตังซื้อน่ะ ผมเก็บตังเอง แต่ผมทำอะไรไม่ได้เลย ผมบอกแม่ว่า ถ้าตอนนี้ไม่ให้ซื้อ อนาคตก็จะซื้ออยู่ดี เพราะมันเป็นความฝันของเราในสิ่งที่เราอยากมี แต่ผมก็ต้องฝันสลายจากคำพูดของพ่อกับแม่ที่ว่า ถ้าทำก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า TT
ผมควรทำอย่างไรคับ ผมถึงจะมีความสุข และไม่ได้ชื่อว่าลูกอกตัญญู ผมอยากมีอนาคตทีกำหนดเองได้ อนาคตที่มีความสุขกับทุกวันที่ทำ ทุกวันนี้ผมเครียดมากเลย ไม่มีควมสุขเลย ทำอย่างไรดีคับ
ขอบคุณที่อ่านความในใจโง่ๆของผมจนจบ ถ้าแนะนำอะไรผมได้ ช่วยบอกผมทีนะคับ แต่ยังไงผมจะไม่ฉีกความฝันผมไปอีกแน่นอน
ลูกนกในกรง อยากจะออกไปบินจังเลย (เรื่องจิงไม่อิงนิยาย)