เจ้าของรถเฮ! ศาลอุทธรณ์สั่งบริษัทจำหน่ายรถ ที่นครศรีฯ รับรถคืน พร้อมชดใช้ หลังมีปัญหาไม่ตรงตามโฆษณา
เจ้าของรถนครศรีฯ เฮ ศาลอุทธรณ์สั่งตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดัง และผู้ผลิตรับคืนรถที่มีปัญหาจากผู้ซื้อ พร้อมทั้งคืนเงินดาวน์ และชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ซื้อ หลังรถไม่ได้คุณภาพตรงกับการโฆษณาชวนเชื่อ
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช กว่า 1 ปีแล้วที่ นางนุชนารถ ราชภุชงค์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และนายนนท์ชัย ราชภูชงค์ สามี ได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดังแห่งหนึ่งของนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ย่านถนนพัฒนาการคูขวาง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้าเรียกร้องต่อบริษัทขอคืนรถยนต์กระบะตอนเดียว ที่ซื้อด้วยเงินดาวน์กว่า 1 แสนบาท และได้นำรถยนต์คันนี้ไปประท้วงขอคืนรถ และเรียกเงินดาวน์คืนที่หน้าบริษัทเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทผู้จำหน่ายรับเพียงซ่อมแซมให้เท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะรับคืนรถ และคืนเงินดาวน์ หลังจากนั้น ผู้ซื้อได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ บริษัทผู้ผลิต และบริษัทไฟแนนซ์ผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้ นางนุชนารถ เช่าซื้อ ต่อมา ศาลชั้นต้นได้พิจารณายกฟ้อง ขณะที่ นางนุชนารถ ได้ยื่นอุทธรณ์ และขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 คือ บริษัทไฟแนนซ์ที่ให้เช่าซื้อ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงมีสถานะเป็นเพียงบริษัทผู้ให้เช่าซื้อที่รับโอนกรรมสิทธิ์มาจากบริษัทผู้จัดจำหน่าย
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีผู้บริโภคได้รับอุทธรณ์ และพิจารณาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสาระสำคัญของคำพิพากษา สรุปความได้ว่า ที่จำเลยที่ 1 (ตัวแทนจำหน่าย) และที่ 2 (บริษัทผู้ผลิต) โฆษณาไว้จึงเป็นการชำรุดบกพร่องที่เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์ของโจทก์ในอันมุ่งจะใช้เป็นปกติ โจทก์จึงชอบที่จะบอกเลิกสัญญาโดยคืนรถยนต์แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยหากจำต้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนชิ้นส่วนบกพร่องนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472
“พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับคืนรถยนต์คันพิพาทจากโจทก์ และร่วมกันชำระเงิน 191,868 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องคดี เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ และร่วมกันชำระเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระแก่จำเลยที่ 3 ไปโดยหักเป็นค่าใช้ทรัพย์เดือนละ 5 พันบาท นับแต่วันทำสัญญาเช่าซื้อไปจนกว่าโจทก์จะส่งมอบรถยนต์แก่จำเลยที่ 1 หรือที่ 2 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือแก่จำเลยที่ 3 ในนามโจทก์ แก่ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดในนามโจทก์ มาวางต่อศาล และชำระค่าทนายความรวม 8 พันบาท”
สำหรับกรณีนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.57 นายนนท์ชัย ราชภูชงค์ นำรถยนต์กระบะตอนครึ่งที่ซื้อมาเพียง 3 เดือน และส่งซ่อมแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ทางศูนย์แก้ปัญหาให้ไม่ได้ จึงนำมามาจอดหน้าศูนย์บริการของบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นรถยนต์กระบะเครื่องยนต์เบนซิน ติดตั้งระบบแก๊สเอ็นจีวีจากโรงงานผู้ผลิต ประสบปัญหาใช้ระบบแก๊สไม่ได้ บางครั้งทั้งระบบแก๊ส และน้ำมันทำงานพร้อมกัน และเข้าเกียร์ถอยหลังไม่ได้จึงมาเจรจากับบริษัท โดยครั้งนั้นไม่สามารถเจรจากันได้ จนในที่สุดได้ยื่นฟ้องศาล และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้บริษัทผู้จำหน่าย และผู้ผลิตรับคืนรถยนต์คันนี้
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000031551
เจ้าของรถเฮ! ศาลอุทธรณ์สั่งบริษัทจำหน่ายรถ ที่นครศรีฯ รับรถคืน พร้อมชดใช้ หลังมีปัญหาไม่ตรงตามโฆษณา
เจ้าของรถนครศรีฯ เฮ ศาลอุทธรณ์สั่งตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดัง และผู้ผลิตรับคืนรถที่มีปัญหาจากผู้ซื้อ พร้อมทั้งคืนเงินดาวน์ และชดใช้ค่าเสียหายให้ผู้ซื้อ หลังรถไม่ได้คุณภาพตรงกับการโฆษณาชวนเชื่อ
วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ จ.นครศรีธรรมราช กว่า 1 ปีแล้วที่ นางนุชนารถ ราชภุชงค์ อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง และนายนนท์ชัย ราชภูชงค์ สามี ได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อดังแห่งหนึ่งของนครศรีธรรมราช ซึ่งตั้งอยู่ย่านถนนพัฒนาการคูขวาง อำเภอเมืองนครศรีธรรมราช ได้เข้าเรียกร้องต่อบริษัทขอคืนรถยนต์กระบะตอนเดียว ที่ซื้อด้วยเงินดาวน์กว่า 1 แสนบาท และได้นำรถยนต์คันนี้ไปประท้วงขอคืนรถ และเรียกเงินดาวน์คืนที่หน้าบริษัทเมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา
ขณะที่บริษัทผู้จำหน่ายรับเพียงซ่อมแซมให้เท่านั้น โดยปฏิเสธที่จะรับคืนรถ และคืนเงินดาวน์ หลังจากนั้น ผู้ซื้อได้ยื่นฟ้องบริษัทผู้จำหน่ายรถยนต์ บริษัทผู้ผลิต และบริษัทไฟแนนซ์ผู้ถือกรรมสิทธิ์ให้ นางนุชนารถ เช่าซื้อ ต่อมา ศาลชั้นต้นได้พิจารณายกฟ้อง ขณะที่ นางนุชนารถ ได้ยื่นอุทธรณ์ และขอถอนฟ้องจำเลยที่ 3 คือ บริษัทไฟแนนซ์ที่ให้เช่าซื้อ เนื่องจากเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงมีสถานะเป็นเพียงบริษัทผู้ให้เช่าซื้อที่รับโอนกรรมสิทธิ์มาจากบริษัทผู้จัดจำหน่าย
ล่าสุด ศาลอุทธรณ์ภาค 8 แผนกคดีผู้บริโภคได้รับอุทธรณ์ และพิจารณาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น โดยสาระสำคัญของคำพิพากษา สรุปความได้ว่า ที่จำเลยที่ 1 (ตัวแทนจำหน่าย) และที่ 2 (บริษัทผู้ผลิต) โฆษณาไว้จึงเป็นการชำรุดบกพร่องที่เสื่อมความเหมาะสมแก่ประโยชน์ของโจทก์ในอันมุ่งจะใช้เป็นปกติ โจทก์จึงชอบที่จะบอกเลิกสัญญาโดยคืนรถยนต์แก่จำเลยที่ 1 และที่ 2 โดยหากจำต้องให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 เปลี่ยนชิ้นส่วนบกพร่องนั้นตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 472
“พิพากษากลับ ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันรับคืนรถยนต์คันพิพาทจากโจทก์ และร่วมกันชำระเงิน 191,868 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องคดี เป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ และร่วมกันชำระเงินค่าเช่าซื้อที่โจทก์ชำระแก่จำเลยที่ 3 ไปโดยหักเป็นค่าใช้ทรัพย์เดือนละ 5 พันบาท นับแต่วันทำสัญญาเช่าซื้อไปจนกว่าโจทก์จะส่งมอบรถยนต์แก่จำเลยที่ 1 หรือที่ 2 และให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระค่าเช่าซื้อที่เหลือแก่จำเลยที่ 3 ในนามโจทก์ แก่ให้จำเลยที่ 1 และที่ 2 ร่วมกันชำระค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลที่ได้รับการยกเว้นทั้งหมดในนามโจทก์ มาวางต่อศาล และชำระค่าทนายความรวม 8 พันบาท”
สำหรับกรณีนี้มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 พ.ย.57 นายนนท์ชัย ราชภูชงค์ นำรถยนต์กระบะตอนครึ่งที่ซื้อมาเพียง 3 เดือน และส่งซ่อมแล้วถึง 3 ครั้ง แต่ทางศูนย์แก้ปัญหาให้ไม่ได้ จึงนำมามาจอดหน้าศูนย์บริการของบริษัทรถยนต์แห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นรถยนต์กระบะเครื่องยนต์เบนซิน ติดตั้งระบบแก๊สเอ็นจีวีจากโรงงานผู้ผลิต ประสบปัญหาใช้ระบบแก๊สไม่ได้ บางครั้งทั้งระบบแก๊ส และน้ำมันทำงานพร้อมกัน และเข้าเกียร์ถอยหลังไม่ได้จึงมาเจรจากับบริษัท โดยครั้งนั้นไม่สามารถเจรจากันได้ จนในที่สุดได้ยื่นฟ้องศาล และศาลอุทธรณ์ได้พิพากษาให้บริษัทผู้จำหน่าย และผู้ผลิตรับคืนรถยนต์คันนี้
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9590000031551