เทคโนโลยี Light Fidelity (Li-Fi) เป็นเทคที่น่าสนใจสำหรับการสื่อสารยุคใหม่ จากตัวเลขที่แสดงให้เห็นว่า มันสามารถที่จะอัพสปีดได้สูงสุดได้ถึง 224 Gpbs คือเหนือกว่า Wi-Fi เป็น 100 เท่าตัว…แต่ทีนี้คงมีคำถามว่าแล้วจะเอามาใช้กันอย่างไรล่ะ?
ในบทความชิ้นนี้เราจะชี้ให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยี Li-Fi ทั้ง 8 อย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งมีทั้งใช้งานร่วมกับ IoT, การใช้ร่วมกับ AR, รวมถึงการใช้งานใต้น้ำอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
1. ใช้สำหรับสื่อสารระหว่าง รถ-กับ-รถ
ดูๆ แล้วก็น่าจะเอาหลอดไฟล์ LED ที่สามารถทำ Li-Fi ได้ นำมาติดไว้ที่ไฟหน้าและไฟท้ายของรถยนต์ ซึ่งนำ มาช่วยในการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับรถยนต์ด้วยกัน การสื่อสารนี้จะช่วยทำให้ลดปัญหาความเสียหายใน การเกิดอุบัติเหตุการชนกันบนท้องถนนมากขึ้น
2. เอาไปติดที่สัญญาญไฟจราจร
หลอดไฟ LED ในช่องสัญญาณจราจรก็ควรจะใช้เทคโนโลยี Li-Fi จะได้เอาไว้บอกข้อมูลต่างๆ ให้คนขับได้ทราบในขณะที่พวกเขาต้องรอสัญญาณไฟแดง อันนี้จะเป็นการลดความเครียดในการรอสัญญาณจราจรได้ระดับหนึ่ง
3. เอาไว้สื่อสารใต้น้ำ
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใต้น้ำจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะระบบ Li-Fi ซึ่งใช้แสงนั้น สามารถส่งผ่านน้ำได้ซึ่งแตกต่างจาก สัญญาณคลื่นวิทยุที่จะถูกกลืนหายไปในน้ำ อันนี้จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างเรือหรือะไรก็ตามใต้น้ำได้สื่อ สารกันได้ดีกว่าระบบสัญญาณแบบเดิม
4. ใช้กับ AR (Augmented Reality)
เทคโนโลยี AR นั้นใช้กันมากในพิพิธภัณฑ์ และงานแสดงสินค้าต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามระบบบริการ Wi-Fi ที่ให้บริการอยู่ช่างช้าเสียนี่กระไร เพราะจำนวนผู้คนที่ใช้งานจำนวนมากในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ หลอด LED ผ่านระบบ Li-Fi ก็จะช่วยทำให้สตรีม ดาต้าได้ดีขึ้น
5. ใช้ Li-Fi เพื่อ Adverts
ไม่ว่าที่ใดที่มีแสงสองสว่างก็นับเป็นโอกาสที่จะทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ แสงสว่างจะถูกติดตั้งไว้ตรงพื้นที่ของร้านค้าต่างๆและเราสามารถที่จะใช้ Li-Fi ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าตรงไปยังเครื่องมือถือของนักช้อปปิ้งทั้งหลายได้ทันที อาทิ โปรโมชัน, สินค้าใหม่ เป็นต้น
6. เพื่อใช้ในโลกของ IoT
ความเร็วของระบบ Li-Fi เป็นอะไรที่น่าสนใจ และแน่นอนอาจจะส่งผลดีต่อการใช้งานกับอุปกรณ์พวก Internet of Things ที่สามารถส่งข้อมูลขนาดใหญ่เช่นพวกมัลติมีเดีย หรือจะต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ Iot ระหว่างกันก็ได้
7. ใช้เพื่อความปลอดภัย
Li-Fi เป็นสัญญาณระยะสั้นกว่า Wi-Fi ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันมีความปลอดภัยมากกว่า Wi-Fi ทำให้โอกาสในการแทรกแทรงของพวกโค้ดร้ายที่จะซึมเข้ามาอาจจะน้อยกว่าด้วย นั่นจึงทำให้เหมาะเอาไว้ใช้ในองค์กรที่ต้องการปกป้องข้อมูลที่มีความสำคัญ อย่างเช่น Healthcare เป็นต้น
8. ใช้กับไฟทางเดินเท้า
ต้องบอกว่าเมืองต่างๆ จะใช้ประโยชน์จาก Li-Fi ได้มากๆ โดยการปรับแสงสว่างจากไฟทางเดินเท้าให้กลายเป็นจุดให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้นอกจะช่วยให้ทางเดินปลอดภัยในตอนกลางคืนแล้ว ยังส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้งานเน็ตเพื่อดูข้อมูลพื้นที่นั้นๆ ได้อีกด้วย
ที่มา :
http://enterpriseitpro.in.th/?p=5049
ตามไปดูการใช้เทคโนโลยี Li-Fi ทั้ง 8 อย่างในโลกแห่งความเป็นจริง !
ในบทความชิ้นนี้เราจะชี้ให้เห็นถึงการใช้เทคโนโลยี Li-Fi ทั้ง 8 อย่างในโลกแห่งความเป็นจริง ซึ่งมีทั้งใช้งานร่วมกับ IoT, การใช้ร่วมกับ AR, รวมถึงการใช้งานใต้น้ำอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
1. ใช้สำหรับสื่อสารระหว่าง รถ-กับ-รถ
ดูๆ แล้วก็น่าจะเอาหลอดไฟล์ LED ที่สามารถทำ Li-Fi ได้ นำมาติดไว้ที่ไฟหน้าและไฟท้ายของรถยนต์ ซึ่งนำ มาช่วยในการสื่อสารระหว่างรถยนต์กับรถยนต์ด้วยกัน การสื่อสารนี้จะช่วยทำให้ลดปัญหาความเสียหายใน การเกิดอุบัติเหตุการชนกันบนท้องถนนมากขึ้น
2. เอาไปติดที่สัญญาญไฟจราจร
หลอดไฟ LED ในช่องสัญญาณจราจรก็ควรจะใช้เทคโนโลยี Li-Fi จะได้เอาไว้บอกข้อมูลต่างๆ ให้คนขับได้ทราบในขณะที่พวกเขาต้องรอสัญญาณไฟแดง อันนี้จะเป็นการลดความเครียดในการรอสัญญาณจราจรได้ระดับหนึ่ง
3. เอาไว้สื่อสารใต้น้ำ
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใต้น้ำจะทำได้ง่ายขึ้น เพราะระบบ Li-Fi ซึ่งใช้แสงนั้น สามารถส่งผ่านน้ำได้ซึ่งแตกต่างจาก สัญญาณคลื่นวิทยุที่จะถูกกลืนหายไปในน้ำ อันนี้จะช่วยให้การสื่อสารระหว่างเรือหรือะไรก็ตามใต้น้ำได้สื่อ สารกันได้ดีกว่าระบบสัญญาณแบบเดิม
4. ใช้กับ AR (Augmented Reality)
เทคโนโลยี AR นั้นใช้กันมากในพิพิธภัณฑ์ และงานแสดงสินค้าต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามระบบบริการ Wi-Fi ที่ให้บริการอยู่ช่างช้าเสียนี่กระไร เพราะจำนวนผู้คนที่ใช้งานจำนวนมากในเวลาเดียวกัน แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้ หลอด LED ผ่านระบบ Li-Fi ก็จะช่วยทำให้สตรีม ดาต้าได้ดีขึ้น
5. ใช้ Li-Fi เพื่อ Adverts
ไม่ว่าที่ใดที่มีแสงสองสว่างก็นับเป็นโอกาสที่จะทำการโฆษณาประชาสัมพันธ์ได้ แสงสว่างจะถูกติดตั้งไว้ตรงพื้นที่ของร้านค้าต่างๆและเราสามารถที่จะใช้ Li-Fi ในการส่งข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าตรงไปยังเครื่องมือถือของนักช้อปปิ้งทั้งหลายได้ทันที อาทิ โปรโมชัน, สินค้าใหม่ เป็นต้น
6. เพื่อใช้ในโลกของ IoT
ความเร็วของระบบ Li-Fi เป็นอะไรที่น่าสนใจ และแน่นอนอาจจะส่งผลดีต่อการใช้งานกับอุปกรณ์พวก Internet of Things ที่สามารถส่งข้อมูลขนาดใหญ่เช่นพวกมัลติมีเดีย หรือจะต่อเชื่อมกับอุปกรณ์ Iot ระหว่างกันก็ได้
7. ใช้เพื่อความปลอดภัย
Li-Fi เป็นสัญญาณระยะสั้นกว่า Wi-Fi ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มันมีความปลอดภัยมากกว่า Wi-Fi ทำให้โอกาสในการแทรกแทรงของพวกโค้ดร้ายที่จะซึมเข้ามาอาจจะน้อยกว่าด้วย นั่นจึงทำให้เหมาะเอาไว้ใช้ในองค์กรที่ต้องการปกป้องข้อมูลที่มีความสำคัญ อย่างเช่น Healthcare เป็นต้น
8. ใช้กับไฟทางเดินเท้า
ต้องบอกว่าเมืองต่างๆ จะใช้ประโยชน์จาก Li-Fi ได้มากๆ โดยการปรับแสงสว่างจากไฟทางเดินเท้าให้กลายเป็นจุดให้สัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ ทำให้นอกจะช่วยให้ทางเดินปลอดภัยในตอนกลางคืนแล้ว ยังส่งผลดีต่อนักท่องเที่ยวให้สามารถใช้งานเน็ตเพื่อดูข้อมูลพื้นที่นั้นๆ ได้อีกด้วย
ที่มา : http://enterpriseitpro.in.th/?p=5049