เรื่องผ่านมาปีนึงแล้วค่ะ แต่เราไม่เข้าใจว่า เราทำผิดมากเกินให้อภัยหรอคะ ทุกวันนี้เรื่องก็ยังไม่จบ
นำเรื่องก่อนนะ...คือ เมื่อปีที่แล้ว เดือนมีนาคม เราเรียนจบมหาวิทยาลัย พอเรียนจบไม่ถึงเดือนเราก็ได้งานทำในกรุงเทพ เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งเราเริ่มงานเดือน พค
เราไม่เคยมาอยู่กรุงเทพเลย แม่ให้เงินมา 7000 บาท ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมดเลย เป็นการเริ่มใช้ชีวิตคนเดียว เราตั้งใจว่า เงินก้อนนี้จะเป็นก้อนสุดท้ายที่แม่จะให้เรา(บ้านเราก็ฐานะปานกลาง) ต่อไปต้องให้แม่บ้าง คือพอเรามาอยู่กรุงเทพคนเดียว เดือนแรก ค่าห้อง ค่าของใช้ ค่ากิน ค่ารถทุกอย่าง เราประหยัดสุดๆ ให้มันพอใน 7000 บาท ครั้งนี้เราทำสำเร็จ เราไม่ต้องขอแม่เพิ่มเลย (เกริ่นนานไปล่ะ)
เข้าเรื่องค่ะ เราทำงานมาเรื่อยๆ เก็บเงินได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามประสาเด็กพึ่งเริ่มทำงาน และเรื่องดราม่าก็มาถึง เพราะเราต้องไปรับปริญญา เดือนธันวา
คือ การรับปริญญาต้องใช้เงินเยอะมาก ทั้งค่าชุดครุย ค่ารูป ค่าช่างแต่งหน้า ค่าหอรายวัน ค่าเลี้ยงน้องสายตามธรรมเนียม จิปาถะ เยอะแยะ...และ....เงินที่เราเก็บมาตั้งแต่เริ่มทำงาน มันไม่พอค่ะ เราทำงานมา 6 เดือน เก็บเงินได้ไม่ถึง 1 หมื่นบาท เราไม่รู้จะทำยังไง เลยปรึกษาแม่ แม่เราก็บอกว่า แม่มี เดี๋ยวโอนให้ก่อน....
เราเลยตัดสินใจยืมตังค์แม่เพิ่มอีก 3000 บาท เพื่อมาสมทบกับเงินเก็บ
จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ก็มีญาติห่างๆโทรมาหาเรา ต่อว่าเรา บอกว่า "เราทำงานประสาอะไรถึงต้องแบมือขอเงินแม่ ทำงานแล้วแทนที่จะให้แม่ กลับมาขอแม่ แย่มาก รู้รึป่าวว่าแม่เธอมายืมเงินแม่ฉัน....."
อ้าว....ซวยเลย โดนด่า เราก็อธิบายไปนะว่า เราไม่รู้ว่าแม่ไม่มี แม่บอกว่าแม่มีเลยโอนมาให้ยืมก่อน เราก็ไม่คิดว่าแม่จะไปยืมคนอื่นมา (คือเราก็เข้าใจแม่แหละ ถึงไม่มี ก็ต้องยอกว่ามี เพื่อไม่ให้ลูกไม่สบายใจ) เราก็จอโทษญาติคนนั้นไป บอกว่าจะคืนให้หลังงานรับปริญญา เขาก็ยังดูไม่เข้าใจ เฮ้อ...
ณ งานรับปริญญา บรรยากาศจะมีความสุขมาก ถ้าไม่มีคำพูดเหน็บแนมมาแจม คือแบบ นึกออกป่ะ??? เขาพูดประมาณว่า ค่าชุดครุยคงจะแพงเนอะ รับปริญญาทั้งที ต่อไปก็เลี้ยงแม่ให้ได้นะ อย่าให้มันเป็นกระดาษแผ่นนึง พูดประมาณนี้อ่ะค่ะ
พอจบงาน เดือนต่อมาเราก็ใช้หนี้ให้แม่ เรื่องมันควรจะจบใช่มั้ยคะ แต่ไม่เลย จนตอนนี้ ผ่านมาปีกว่าแล้ว เวลาเจอกัน เขาก็ยังพูดจาเหน็บแนมเนมตลอด ไม่ทัก ไม่โทร กลายเป็นเหมือนคนผิดใจกันไปเลย เพราะเงิน 3000 บาท
ดราม่า เราผิดมากหรอคะ?? ที่ยืมเงินแม่ตัวเอง..
นำเรื่องก่อนนะ...คือ เมื่อปีที่แล้ว เดือนมีนาคม เราเรียนจบมหาวิทยาลัย พอเรียนจบไม่ถึงเดือนเราก็ได้งานทำในกรุงเทพ เป็นบริษัทเอกชน ซึ่งเราเริ่มงานเดือน พค
เราไม่เคยมาอยู่กรุงเทพเลย แม่ให้เงินมา 7000 บาท ทุกอย่างต้องเริ่มใหม่หมดเลย เป็นการเริ่มใช้ชีวิตคนเดียว เราตั้งใจว่า เงินก้อนนี้จะเป็นก้อนสุดท้ายที่แม่จะให้เรา(บ้านเราก็ฐานะปานกลาง) ต่อไปต้องให้แม่บ้าง คือพอเรามาอยู่กรุงเทพคนเดียว เดือนแรก ค่าห้อง ค่าของใช้ ค่ากิน ค่ารถทุกอย่าง เราประหยัดสุดๆ ให้มันพอใน 7000 บาท ครั้งนี้เราทำสำเร็จ เราไม่ต้องขอแม่เพิ่มเลย (เกริ่นนานไปล่ะ)
เข้าเรื่องค่ะ เราทำงานมาเรื่อยๆ เก็บเงินได้บ้างไม่ได้บ้าง ตามประสาเด็กพึ่งเริ่มทำงาน และเรื่องดราม่าก็มาถึง เพราะเราต้องไปรับปริญญา เดือนธันวา
คือ การรับปริญญาต้องใช้เงินเยอะมาก ทั้งค่าชุดครุย ค่ารูป ค่าช่างแต่งหน้า ค่าหอรายวัน ค่าเลี้ยงน้องสายตามธรรมเนียม จิปาถะ เยอะแยะ...และ....เงินที่เราเก็บมาตั้งแต่เริ่มทำงาน มันไม่พอค่ะ เราทำงานมา 6 เดือน เก็บเงินได้ไม่ถึง 1 หมื่นบาท เราไม่รู้จะทำยังไง เลยปรึกษาแม่ แม่เราก็บอกว่า แม่มี เดี๋ยวโอนให้ก่อน....
เราเลยตัดสินใจยืมตังค์แม่เพิ่มอีก 3000 บาท เพื่อมาสมทบกับเงินเก็บ
จากนั้นอีก 2 สัปดาห์ ก็มีญาติห่างๆโทรมาหาเรา ต่อว่าเรา บอกว่า "เราทำงานประสาอะไรถึงต้องแบมือขอเงินแม่ ทำงานแล้วแทนที่จะให้แม่ กลับมาขอแม่ แย่มาก รู้รึป่าวว่าแม่เธอมายืมเงินแม่ฉัน....."
อ้าว....ซวยเลย โดนด่า เราก็อธิบายไปนะว่า เราไม่รู้ว่าแม่ไม่มี แม่บอกว่าแม่มีเลยโอนมาให้ยืมก่อน เราก็ไม่คิดว่าแม่จะไปยืมคนอื่นมา (คือเราก็เข้าใจแม่แหละ ถึงไม่มี ก็ต้องยอกว่ามี เพื่อไม่ให้ลูกไม่สบายใจ) เราก็จอโทษญาติคนนั้นไป บอกว่าจะคืนให้หลังงานรับปริญญา เขาก็ยังดูไม่เข้าใจ เฮ้อ...
ณ งานรับปริญญา บรรยากาศจะมีความสุขมาก ถ้าไม่มีคำพูดเหน็บแนมมาแจม คือแบบ นึกออกป่ะ??? เขาพูดประมาณว่า ค่าชุดครุยคงจะแพงเนอะ รับปริญญาทั้งที ต่อไปก็เลี้ยงแม่ให้ได้นะ อย่าให้มันเป็นกระดาษแผ่นนึง พูดประมาณนี้อ่ะค่ะ
พอจบงาน เดือนต่อมาเราก็ใช้หนี้ให้แม่ เรื่องมันควรจะจบใช่มั้ยคะ แต่ไม่เลย จนตอนนี้ ผ่านมาปีกว่าแล้ว เวลาเจอกัน เขาก็ยังพูดจาเหน็บแนมเนมตลอด ไม่ทัก ไม่โทร กลายเป็นเหมือนคนผิดใจกันไปเลย เพราะเงิน 3000 บาท