ตามชื่อกระทู้เลยนะคะ เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงที่หลายๆคนกำลังปิดเทอมอยู่ เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์การรักษาสิวด้วยตัวเองในช่วงปิดเทอมของเราให้หลายๆคนนำไปใช้บ้าง เผื่อชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นแบบเราค่ะ ^^ ขอแปะภาพอดีตกับปัจจุบันนิดนึงเผื่อหลายคนไม่มั่นใจว่าอินี่มันจะมาตั้งกระทุ้หลอกรึเปล่า ฮา
ข้อดีที่เราเลือกรักษาสิวช่วงปิดเทอมนี้คือ
1. ทำการรักษาได้ต่อเนื่อง ตลอดเวลาเกือบ 2 เดือน
2. หากผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เรารับไม่ได้ จะได้ทำใจอยู่ที่บ้านคนเดียวได้
3. ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น หรือตอบคำถามเพื่อนๆเวลาที่เห็นสิวบนหน้าเรามันปะทุออกมา
4. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน
5. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน
.
.
.
.
100. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน!!
นั่นแหล่ะค่ะ การเอาหน้าเน่าๆของตัวเองไปพบเจอผู้คนเป็นอะไรที่บั่นทอนจิตใจเรามาก ไหนจะสายตาที่มองมาด้วยความรู้สึกต่างๆที่ไม่ใช่สายตาชื่นชมแน่ๆ คนเป็นสิวคงเข้าใจในจุดนี้ใช่ไหมคะ คนไม่เคยมีสิวไม่เข้าใจหรอกค่ะ เฮ้อ….
ขอเท้าความนิดนึงเนอะ เราเป็นคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรังมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่เป็นหนักเท่าตอนอยู่มหาลัย ก็เป็นสิวสาวจากฮอร์โมนวัยรุ่นธรรมดาๆ แบบนี้ค่ะ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก และเราก็ไม่แคร์ด้วย 555+
พอเทียบกับหน้าน้องสาวเรา หน้ามันใสมากส่วนเรานี่ก็สิวมาก -*-
ทีนี้พอเข้ามหาลัย ก็ยังเป็นสิวอยู่เหมือนเดิมค่ะ เราเป็นพวกไม่แต่งหน้านะคะ ทาแค่ครีมบำรุงผิวพวก การ์นิเย่บ้าง โอเลย์บ้าง แล้วก็ทาแป้งฝุ่น คิ้วไม่เขียน ตาไม่แต่ง ใสๆเลยค่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมยังเป็นสิวอยู่ก็ไม่รู้ มีรูปประกอบอีกแล้วค่ะ
รูปช่วงมหาลัยปี 1- ปี 2 ค่ะ ขนาดถ่ายเดี่ยวยังดูไม่ค่อยได้ พอมาถ่ายคู่กับเพื่อนเท่านั้นแหล่ะ ชัดเจน 5555+
สังเกตว่าเพื่อนเราแต่ละคนนี่ไม่มีสิวกันเลย คือเราเป็นคนเดียวในกลุ่มมั้งที่เป็นสิว รู้สึกเป็นปมด้อยมากค่ะจุดนี้ มองหน้าเพื่อนมันทีไรก็ได้แต่คิดว่า ทำไมเราไม่หน้าใสแบบนี้บ้างนะ
จุดเปลี่ยนของชีวิตเราอยู่ที่ปี 3 ค่ะ เนื่องจากว่าช่วงนั้นเห็นเพื่อนกลุ่มหนึ่งในห้องหน้าใสกันมากและขาวมากกกกก(ก.ไก้ล้านตัว) เราก็ไปสืบความมาจนได้รู้ว่าพวกเค้าใช้ครีมหน้าใสกัน เราก็บ้าจี้อยากขาวใสเลยไปซื้อมาใช้บ้าง 555+ ใช้แรกๆนี่ก็ขาวใสจริงๆแหล่ะค่ะ สิวหายด้วยนะ แต่พอใช้ไปใช้มา โอ้โหหหหห สิวผุดพรึบๆเต็มหน้าเลยค่ะ สิวอักเสบด้วย แล้วเราเป็นคนมือบอนชอบบีบชอบแกะมันเลยทำให้เป็นรอย จนไม่ไหวแล้ว เราต้องหาวิธีอำพรางมัน มันต้องมีซักวิธีสิ สุดท้ายเราก็เลือกวิธีแต่งหน้ากลบรอยสิว คือจากที่เป็นคนไม่แต่งหน้าก็มาแต่งหน้าเป็นเพราะเจ้าสิวนี่แหล่ะค่ะ แรกๆก็ใช้แค่บีบีครีมกลบ แต่พักหลังๆนี่กลบไม่ค่อยมิดเลยพัฒนามาใช้รองพื้นด้วย ปี 3 นี่เป็นช่วงที่ลำบากของชีวิตมาก เพราะต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาแต่งหน้ากลบสิวไปมหาลัยทุกวัน ไม่แต่งก็ไม่ได้ เพราะหน้าสดคืออุบาทสุด ขนาดตัวเองยังรับไม่ได้เพราะงั้นคนอื่นก็คงรับไม่ได้เหมือนกันแหล่ะ สภาพตอนนั้นเลยเป็นเช่นนี้แล
ที่เห็นไม่มีรอยดำรอยอะไรนี่คือใช้รองพื้นกลบมันไปหมดแล้วค่ะ หน้าสดคือพังมาก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยเพราะทำใจถ่ายไม่ได้จริงๆ และเพราะว่าเราแต่งหน้าหนักแบบนี้เพื่อนเราคนหนึ่งในกลุ่มเลยชอบพูดเสมอว่าที่สิวเราไม่หายซักทีเพราะเราเอาแต่แต่งหน้าพอกมันไว้แบบนี้ไง เหมือนโดนมีดปักลงกลางแสกหน้า พูดไม่ออกเลยค่ะ
คือจริงๆก็รู้แหล่ะว่าเพื่อนมันห่วง แต่เธอไม่เป็นเราเธอไม่รู้หรอก ถ้าเราหน้าใสแบบเธอเราก็ไม่แต่ง แต่เราหน้าไม่ใสไงถึงต้องหาอะไรมากลบมันไว้แบบนี้ #ได้แต่เถียงในใจแต่พูดออกไปไม่ได้
จริงๆเราก็ไม่ได้แต่งทุกวันนะคะ วันหยุดอยู่หอเฉยๆเราก็ปล่อยหน้าสดเลยด้วยซ้ำ แต่งเฉพาะตอนมาเรียนจริงๆ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ การแต่งหน้าบ่อยบวกกับทำความสะอาดผิวหน้าไม่ถูกวิธีทำให้หน้าเราพังหนักมากตอนใกล้จบปี 3 คือเมคอัพก็ช่วยไม่ได้แล้วตอนนี้ เพราะมันมีสิวอุดตันขึ้นเต็มหน้าไปหมดแทบไม่มีที่ว่างเลย โดยเฉพาะที่หน้าผากที่หนักกว่าส่วนอื่น
แหน่ะ! ยังมีหน้ามายิ้มอีก
นี่ขนาดว่าแต่งกลบแล้วนะคะ ยังดูไม่ได้ เพราะงั้นอย่าคาดหวังกับหน้าสดค่ะ เพราะมันเกินรับไหวจริงๆ #ขออนุญาตใส่ spoil นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือดูก็รู้ว่าหน้าแพ้สเตียรอยด์หนักมากกกกกกกกกก ขนาดว่าใช้กล้องโทรศัพท์เครื่องเก่ายี่ห้อโนเกียร์ถ่ายซึ่งมันไม่ค่อยชัดทำให้ภาพมันดูซอฟๆลง ทั้งๆที่หน้าจริงทั้งแดงทั้งบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังเลยค่ะ ตอนนั้นจิตตกมาก คิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างกับหนังหน้าตัวเองแล้ว เพราะที่ผ่านๆมาแม้ว่าจะไปรักษาที่คลินิกไหนๆก็ไม่หายขาดซักที เลยคิดว่าเอาวะ ในเมื่อหมอรักษาไม่ได้ก็รักษาตัวเองนี่แหล่ะ 2 เดือนที่ปิดเทอมมาปฏิวัติหน้าตัวเองใหม่ดีกว่านั่งอยู่บ้านเฉยๆละกัน พอเรากลับไปอยู่บ้าน สิ่งที่เราทำอันดับแรกคือท่องอินเตอร์เน็ตหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเองแล้วสุดท้ายเราก็เริ่มรักษาดังนี้ค่ะ
หักดิบลาขาดครีมเถื่อนแล้วหันมาดีท็อกซ์ผิวหน้าด้วยไข่ขาว (อาทิตย์แรก)
อุปกรณ์ : ไข่ไก่/สำลีแผ่น/ทิชชู่แผ่น/น้ำเกลือ
1. อาทิตย์แรกที่กลับมาบ้านคือปล่อยหน้าเลยค่ะ ไม่แต่งหน้าไม่ทาครีมอะไรทั้งสิ้น
2. เช้าล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าปกติ ซับหน้าให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่ เลิกใช้ผ้าขนหนูซับหน้าซะเพราะมันสะอาดไม่เพียงพอต่อหน้าเราค่ะ จากนั้นก็ใช้สำลีชุบน้ำเกลือทำความสะอาดหน้าอีกที
3. ปล่อยให้หน้าแห้ง ตลอดวันก็ไม่ทาแป้งเพราะไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว
4.พอตกเย็นก็ทำการล้างหน้าเหมือนตอนเช้าค่ะ
5. เริ่มการดีท็อกซ์หน้าด้วยไข่ขาวโดยการเอาสำลีแผ่นชุบไข่ขาวมาแปะบนหน้าที่ล้างเสร็จเรียบร้อย รอจนมันใกล้แห้งก็ลอกแผ่นสำลีออก
6. ล้างหน้าเอาไข่ขาวออกให้หมดล้างเหมือนทุกครั้งค่ะ คือซับด้วยชิชชู่ให้แห้ง เช็ดด้วยน้ำเกลืออีกที
7. ห้ามทาอะไรอีกแล้วก็เข้านอนไปเลยค่ะ ยิ่งนอนเร็วยิ่งดี ร่างกายจะได้พักผ่อนเพียงพอ
8. ทำซ้ำแบบนี้จนครบ 1 อาทิตย์ค่ะ ตอนนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนอกจากหน้ามันจะตึงๆและมีสิวผุดขึ้นมาเพิ่มอีกนิดหน่อย
อาทิตย์ที่สองเริ่มการรักษาด้วยตัวยา (เรตินเอ)
อาทิตย์ที่สองเริ่มรักษาด้วยเรตินเอหลอดสีขาวด้านบนค่ะ เราใช้เท่าเม็ดถั่วเขียวแล้วทาบางๆก่อนนอน ปรากฏว่าสิวผุดขึ้นมาหนักมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ามันอาจจะกำลังขับสิวออกมาอยู่ก็ได้ พอสิวออกมาหมดเดี๋ยวก็สวย? นี่คือสภาพหน้าตอนสิวผุดค่ะ (ใจไม่แข็งห้ามดูนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือมันหนักหน่วงมาก แต่เพราะอยากหายเลยกลั้นใจใช้ไปได้จนครบอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าเรารู้สึกว่าเวลาออกแดดแล้วแสบหน้ามากเหมือนหน้ามันไหม้ เลยคิดว่าตัวยามันแรงไปสำหรับเรารึเปล่านะ พออาทิตย์ที่สามเราเลยเปลี่ยนจากเรตินเอมาใช้ differin แทนเพราะไปศึกษามาแล้วว่าตัวยามันอ่อนกว่าเรตินเอมาก พอดีกับที่อยากรักษาสิวอุดตันด้วยเลยซื้อ benzac มารักษาควบคู่กันไป ซึ่งเรามีวิธีใช้ดังนี้ค่ะ
อาทิตย์ที่สามเริ่มการรักษาด้วยตัวยา (differin + benzac)
1 เช้าล้างหน้าแบบที่เคยทำ ตลอดวันปล่อยหน้าสด ห้ามแคะแกะเกาหรือสำผัสหน้าเด็ดขาด (ถ้าหน้ามันอนุญาตให้ใช้กระดาษซับมันซับได้ค่ะ)
2 เย็น ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดหน้า รอให้แห้ง ทา benzac 5% ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก ซับหน้าด้วยชิชชู่ เช็ดด้วยน้ำเกลืออีกที
3 พอหน้าแห้งก็ทา differin บางๆ แล้วเข้านอนค่ะ
เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สิวก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่แสบหน้าเหมือนตอนใช้เรตินเอแล้วค่ะ ช่วงเดือนแรกนี่เป็นช่วงวัดใจกันไปเลยเพราะสิวมันจะผุดขึ้นมาหนักมาก หน้าพังมาก แต่ดีที่คนที่บ้านให้กำลังใจ บวกกับที่เราอยากหายขาดจากสิวซักที เลยอดทนใช้ต่อเนื่องจนครบเดือนค่ะ ผลการใช้เป็นดังนี้
ดูผ่านๆเหมือนยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเพราะยังเห็นรอยแดงๆอยู่ แต่ให้ลองสังเกตภาพที่เงยหน้าดูค่ะจะเห็นได้ว่าอาทิตย์ที่ 3 กับ 6 ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิวที่เคยผุดจนนูนขึ้นเต็มหน้าช่วงอาทิตย์ที่ 3 ได้หายไปหมดแล้ว ผิวหน้าช่วงอาทิตย์ที่ 6 เรียบเนียนขึ้นมากๆ สิวเลิกผุดแล้ว และผิวหน้าก็ดูแข็งแรงขึ้นด้วย จะมีก็แต่รอยแดงๆที่ต้องจัดการกันต่อไปค่ะ
ปล. พอพ้นอาทิตย์ที่ 6 สิวจะไม่ขึ้นอีกเลยค่ะ อาจมีผุดมาบ้างเม็ดสองเม็ดนานๆครั้งแต่เราไม่นับค่ะ 555+ อ้อ ลืมบอกอีกอย่างคือตอนเช้าระหว่างวันที่รักษาสิวตลอดหนึ่งเดือนนั้นเราใช้ คลินด้าเอ็ม แต้มสิวที่มันอักเสบด้วย ก็นั่งทามันทั้งวันนั้นแหล่ะคะเพราะว่าง ฮา
การรักษารอยสิวเป็นเรื่องที่ยากกว่าการรักษาสิวเป็นร้อยเท่าเลยค่ะ เพราะสิวเราใช้เวลารักษาแค่เดือนเดียว แต่รอยนี่รักษากันเป็นปีๆกว่าจะหาย ช่วงหลังอาทิตย์ที่ 6 มานี่แทบไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะความเข้มของรอยมันยังเท่าเดิม ยาไหนที่ว่าใช้ลบรอยสิวนี่ลองมาหมดทุกตัวแล้วคะ ไหนจะพอกหน้าด้วยมะขามเปียก ขัดหน้าอาทิตย์ละ2 ครั้งด้วยสคลับ แต่ก็ไม่จางลงซักที สะเทือนใจทุกครั้งที่ส่องกระจก จนมาถ่ายอีกทีตอนครบ 2 เดือน คือมันจางลงนิดเดียวจริงๆ คือแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ
แต่ก็ปลอบใจตัวเองเอาว่าไหนๆสิวก็หายละ เหลือแค่รอยซักวันมันต้องจางแหล่ะ แต่พอครบ 2 เดือนเราต้องกลับมาเรียนมหาลัยไงคะ เลยเข้าสู่โหมดกลบเกลื่อนหลักฐานเหมือนเดิม 555 แต่ครั้งนี้เราใช้แค่บีบีแต่งแต่พองามค่ะ ไม่หนักเครื่องเหมือนเดิมแล้ว อีกทั้งยังใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดอย่างดี (เมื่อก่อนก็ใช้คลีนซิ่งนะแต่เป็นคลีนซิ่งมิลค์ซึ่งมารู้ทีหลังว่าตัวแพ้
)
ขั้นตอนการแต่งหน้าไปเรียนของเราเป็นแบบนี้ค่ะ
1. ทาครีมบำรุงผิวปกติ
2. ทาบีบีครีมบางๆ
3. ทากันแดด
4. ตบด้วยแป้งฝุ่น
5. เขียนคิ้วซักหน่อย ทาลิปมันด้วย จบค่ะ
เป็นคนขึ้นมานิดนึง 55555+
และนี่คือสิ่งที่เราใช้ทั้งหมดค่ะ
ตามลำดับนะคะ
1 smooth e baby white cream
2 differin
3 benzac 5%
4 น้ำเกลือ
5 bifesta cleansing
6 za power block uv
อ้าว เต็มลิมิตแล้วค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะมาบอกวิธีรักษารอยสิวอีกครั้งนะคะ ใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับการรักษาสิวหรืออยากถามอะไรเพิ่มถามไว้ในกระทู้เลยค่ะ เดี๋ยวเรามาตอบให้พรุ่งนี้ ขออนุญาตไปนอนก่อนนะคะดึกแล้ว
[CR] {กระทู้พลีชีพ] มาเปลี่ยนหน้าสิว เป็นหน้าใสในช่วงปิดเทอมกันเถอะ!!!
ข้อดีที่เราเลือกรักษาสิวช่วงปิดเทอมนี้คือ
1. ทำการรักษาได้ต่อเนื่อง ตลอดเวลาเกือบ 2 เดือน
2. หากผิวหน้าเกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่เรารับไม่ได้ จะได้ทำใจอยู่ที่บ้านคนเดียวได้
3. ไม่ต้องตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น หรือตอบคำถามเพื่อนๆเวลาที่เห็นสิวบนหน้าเรามันปะทุออกมา
4. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน
5. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน
.
.
.
.
100. ไม่ต้องออกไปเผชิญหน้ากับผู้คน!!
นั่นแหล่ะค่ะ การเอาหน้าเน่าๆของตัวเองไปพบเจอผู้คนเป็นอะไรที่บั่นทอนจิตใจเรามาก ไหนจะสายตาที่มองมาด้วยความรู้สึกต่างๆที่ไม่ใช่สายตาชื่นชมแน่ๆ คนเป็นสิวคงเข้าใจในจุดนี้ใช่ไหมคะ คนไม่เคยมีสิวไม่เข้าใจหรอกค่ะ เฮ้อ….
ขอเท้าความนิดนึงเนอะ เราเป็นคนที่มีปัญหาสิวเรื้อรังมาตั้งแต่สมัยมัธยมแล้วค่ะ แต่ตอนนั้นยังไม่เป็นหนักเท่าตอนอยู่มหาลัย ก็เป็นสิวสาวจากฮอร์โมนวัยรุ่นธรรมดาๆ แบบนี้ค่ะ ก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรมาก และเราก็ไม่แคร์ด้วย 555+
พอเทียบกับหน้าน้องสาวเรา หน้ามันใสมากส่วนเรานี่ก็สิวมาก -*-
ทีนี้พอเข้ามหาลัย ก็ยังเป็นสิวอยู่เหมือนเดิมค่ะ เราเป็นพวกไม่แต่งหน้านะคะ ทาแค่ครีมบำรุงผิวพวก การ์นิเย่บ้าง โอเลย์บ้าง แล้วก็ทาแป้งฝุ่น คิ้วไม่เขียน ตาไม่แต่ง ใสๆเลยค่ะ แต่ก็ไม่เข้าใจทำไมยังเป็นสิวอยู่ก็ไม่รู้ มีรูปประกอบอีกแล้วค่ะ
รูปช่วงมหาลัยปี 1- ปี 2 ค่ะ ขนาดถ่ายเดี่ยวยังดูไม่ค่อยได้ พอมาถ่ายคู่กับเพื่อนเท่านั้นแหล่ะ ชัดเจน 5555+
สังเกตว่าเพื่อนเราแต่ละคนนี่ไม่มีสิวกันเลย คือเราเป็นคนเดียวในกลุ่มมั้งที่เป็นสิว รู้สึกเป็นปมด้อยมากค่ะจุดนี้ มองหน้าเพื่อนมันทีไรก็ได้แต่คิดว่า ทำไมเราไม่หน้าใสแบบนี้บ้างนะ
จุดเปลี่ยนของชีวิตเราอยู่ที่ปี 3 ค่ะ เนื่องจากว่าช่วงนั้นเห็นเพื่อนกลุ่มหนึ่งในห้องหน้าใสกันมากและขาวมากกกกก(ก.ไก้ล้านตัว) เราก็ไปสืบความมาจนได้รู้ว่าพวกเค้าใช้ครีมหน้าใสกัน เราก็บ้าจี้อยากขาวใสเลยไปซื้อมาใช้บ้าง 555+ ใช้แรกๆนี่ก็ขาวใสจริงๆแหล่ะค่ะ สิวหายด้วยนะ แต่พอใช้ไปใช้มา โอ้โหหหหห สิวผุดพรึบๆเต็มหน้าเลยค่ะ สิวอักเสบด้วย แล้วเราเป็นคนมือบอนชอบบีบชอบแกะมันเลยทำให้เป็นรอย จนไม่ไหวแล้ว เราต้องหาวิธีอำพรางมัน มันต้องมีซักวิธีสิ สุดท้ายเราก็เลือกวิธีแต่งหน้ากลบรอยสิว คือจากที่เป็นคนไม่แต่งหน้าก็มาแต่งหน้าเป็นเพราะเจ้าสิวนี่แหล่ะค่ะ แรกๆก็ใช้แค่บีบีครีมกลบ แต่พักหลังๆนี่กลบไม่ค่อยมิดเลยพัฒนามาใช้รองพื้นด้วย ปี 3 นี่เป็นช่วงที่ลำบากของชีวิตมาก เพราะต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อมาแต่งหน้ากลบสิวไปมหาลัยทุกวัน ไม่แต่งก็ไม่ได้ เพราะหน้าสดคืออุบาทสุด ขนาดตัวเองยังรับไม่ได้เพราะงั้นคนอื่นก็คงรับไม่ได้เหมือนกันแหล่ะ สภาพตอนนั้นเลยเป็นเช่นนี้แล
ที่เห็นไม่มีรอยดำรอยอะไรนี่คือใช้รองพื้นกลบมันไปหมดแล้วค่ะ หน้าสดคือพังมาก ไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลยเพราะทำใจถ่ายไม่ได้จริงๆ และเพราะว่าเราแต่งหน้าหนักแบบนี้เพื่อนเราคนหนึ่งในกลุ่มเลยชอบพูดเสมอว่าที่สิวเราไม่หายซักทีเพราะเราเอาแต่แต่งหน้าพอกมันไว้แบบนี้ไง เหมือนโดนมีดปักลงกลางแสกหน้า พูดไม่ออกเลยค่ะ คือจริงๆก็รู้แหล่ะว่าเพื่อนมันห่วง แต่เธอไม่เป็นเราเธอไม่รู้หรอก ถ้าเราหน้าใสแบบเธอเราก็ไม่แต่ง แต่เราหน้าไม่ใสไงถึงต้องหาอะไรมากลบมันไว้แบบนี้ #ได้แต่เถียงในใจแต่พูดออกไปไม่ได้ จริงๆเราก็ไม่ได้แต่งทุกวันนะคะ วันหยุดอยู่หอเฉยๆเราก็ปล่อยหน้าสดเลยด้วยซ้ำ แต่งเฉพาะตอนมาเรียนจริงๆ แต่ก็นั่นแหล่ะค่ะ การแต่งหน้าบ่อยบวกกับทำความสะอาดผิวหน้าไม่ถูกวิธีทำให้หน้าเราพังหนักมากตอนใกล้จบปี 3 คือเมคอัพก็ช่วยไม่ได้แล้วตอนนี้ เพราะมันมีสิวอุดตันขึ้นเต็มหน้าไปหมดแทบไม่มีที่ว่างเลย โดยเฉพาะที่หน้าผากที่หนักกว่าส่วนอื่น
แหน่ะ! ยังมีหน้ามายิ้มอีก นี่ขนาดว่าแต่งกลบแล้วนะคะ ยังดูไม่ได้ เพราะงั้นอย่าคาดหวังกับหน้าสดค่ะ เพราะมันเกินรับไหวจริงๆ #ขออนุญาตใส่ spoil นะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือดูก็รู้ว่าหน้าแพ้สเตียรอยด์หนักมากกกกกกกกกก ขนาดว่าใช้กล้องโทรศัพท์เครื่องเก่ายี่ห้อโนเกียร์ถ่ายซึ่งมันไม่ค่อยชัดทำให้ภาพมันดูซอฟๆลง ทั้งๆที่หน้าจริงทั้งแดงทั้งบางจนเห็นเส้นเลือดใต้ผิวหนังเลยค่ะ ตอนนั้นจิตตกมาก คิดว่าต้องทำอะไรซักอย่างกับหนังหน้าตัวเองแล้ว เพราะที่ผ่านๆมาแม้ว่าจะไปรักษาที่คลินิกไหนๆก็ไม่หายขาดซักที เลยคิดว่าเอาวะ ในเมื่อหมอรักษาไม่ได้ก็รักษาตัวเองนี่แหล่ะ 2 เดือนที่ปิดเทอมมาปฏิวัติหน้าตัวเองใหม่ดีกว่านั่งอยู่บ้านเฉยๆละกัน พอเรากลับไปอยู่บ้าน สิ่งที่เราทำอันดับแรกคือท่องอินเตอร์เน็ตหาวิธีรักษาสิวด้วยตัวเองแล้วสุดท้ายเราก็เริ่มรักษาดังนี้ค่ะ
หักดิบลาขาดครีมเถื่อนแล้วหันมาดีท็อกซ์ผิวหน้าด้วยไข่ขาว (อาทิตย์แรก)
อุปกรณ์ : ไข่ไก่/สำลีแผ่น/ทิชชู่แผ่น/น้ำเกลือ
1. อาทิตย์แรกที่กลับมาบ้านคือปล่อยหน้าเลยค่ะ ไม่แต่งหน้าไม่ทาครีมอะไรทั้งสิ้น
2. เช้าล้างหน้าด้วยน้ำเปล่าปกติ ซับหน้าให้แห้งด้วยกระดาษทิชชู่ เลิกใช้ผ้าขนหนูซับหน้าซะเพราะมันสะอาดไม่เพียงพอต่อหน้าเราค่ะ จากนั้นก็ใช้สำลีชุบน้ำเกลือทำความสะอาดหน้าอีกที
3. ปล่อยให้หน้าแห้ง ตลอดวันก็ไม่ทาแป้งเพราะไม่ได้ออกไปไหนอยู่แล้ว
4.พอตกเย็นก็ทำการล้างหน้าเหมือนตอนเช้าค่ะ
5. เริ่มการดีท็อกซ์หน้าด้วยไข่ขาวโดยการเอาสำลีแผ่นชุบไข่ขาวมาแปะบนหน้าที่ล้างเสร็จเรียบร้อย รอจนมันใกล้แห้งก็ลอกแผ่นสำลีออก
6. ล้างหน้าเอาไข่ขาวออกให้หมดล้างเหมือนทุกครั้งค่ะ คือซับด้วยชิชชู่ให้แห้ง เช็ดด้วยน้ำเกลืออีกที
7. ห้ามทาอะไรอีกแล้วก็เข้านอนไปเลยค่ะ ยิ่งนอนเร็วยิ่งดี ร่างกายจะได้พักผ่อนเพียงพอ
8. ทำซ้ำแบบนี้จนครบ 1 อาทิตย์ค่ะ ตอนนั้นยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรมากนอกจากหน้ามันจะตึงๆและมีสิวผุดขึ้นมาเพิ่มอีกนิดหน่อย
อาทิตย์ที่สองเริ่มการรักษาด้วยตัวยา (เรตินเอ)
อาทิตย์ที่สองเริ่มรักษาด้วยเรตินเอหลอดสีขาวด้านบนค่ะ เราใช้เท่าเม็ดถั่วเขียวแล้วทาบางๆก่อนนอน ปรากฏว่าสิวผุดขึ้นมาหนักมาก แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่ามันอาจจะกำลังขับสิวออกมาอยู่ก็ได้ พอสิวออกมาหมดเดี๋ยวก็สวย? นี่คือสภาพหน้าตอนสิวผุดค่ะ (ใจไม่แข็งห้ามดูนะคะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
คือมันหนักหน่วงมาก แต่เพราะอยากหายเลยกลั้นใจใช้ไปได้จนครบอาทิตย์ แต่ปรากฏว่าเรารู้สึกว่าเวลาออกแดดแล้วแสบหน้ามากเหมือนหน้ามันไหม้ เลยคิดว่าตัวยามันแรงไปสำหรับเรารึเปล่านะ พออาทิตย์ที่สามเราเลยเปลี่ยนจากเรตินเอมาใช้ differin แทนเพราะไปศึกษามาแล้วว่าตัวยามันอ่อนกว่าเรตินเอมาก พอดีกับที่อยากรักษาสิวอุดตันด้วยเลยซื้อ benzac มารักษาควบคู่กันไป ซึ่งเรามีวิธีใช้ดังนี้ค่ะ
อาทิตย์ที่สามเริ่มการรักษาด้วยตัวยา (differin + benzac)
1 เช้าล้างหน้าแบบที่เคยทำ ตลอดวันปล่อยหน้าสด ห้ามแคะแกะเกาหรือสำผัสหน้าเด็ดขาด (ถ้าหน้ามันอนุญาตให้ใช้กระดาษซับมันซับได้ค่ะ)
2 เย็น ใช้สำลีชุบน้ำเกลือเช็ดหน้า รอให้แห้ง ทา benzac 5% ทิ้งไว้ 5 นาที แล้วล้างออก ซับหน้าด้วยชิชชู่ เช็ดด้วยน้ำเกลืออีกที
3 พอหน้าแห้งก็ทา differin บางๆ แล้วเข้านอนค่ะ
เราทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ สิวก็ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ไม่แสบหน้าเหมือนตอนใช้เรตินเอแล้วค่ะ ช่วงเดือนแรกนี่เป็นช่วงวัดใจกันไปเลยเพราะสิวมันจะผุดขึ้นมาหนักมาก หน้าพังมาก แต่ดีที่คนที่บ้านให้กำลังใจ บวกกับที่เราอยากหายขาดจากสิวซักที เลยอดทนใช้ต่อเนื่องจนครบเดือนค่ะ ผลการใช้เป็นดังนี้
ดูผ่านๆเหมือนยังเหมือนเดิมไม่มีอะไรเพราะยังเห็นรอยแดงๆอยู่ แต่ให้ลองสังเกตภาพที่เงยหน้าดูค่ะจะเห็นได้ว่าอาทิตย์ที่ 3 กับ 6 ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะสิวที่เคยผุดจนนูนขึ้นเต็มหน้าช่วงอาทิตย์ที่ 3 ได้หายไปหมดแล้ว ผิวหน้าช่วงอาทิตย์ที่ 6 เรียบเนียนขึ้นมากๆ สิวเลิกผุดแล้ว และผิวหน้าก็ดูแข็งแรงขึ้นด้วย จะมีก็แต่รอยแดงๆที่ต้องจัดการกันต่อไปค่ะ
ปล. พอพ้นอาทิตย์ที่ 6 สิวจะไม่ขึ้นอีกเลยค่ะ อาจมีผุดมาบ้างเม็ดสองเม็ดนานๆครั้งแต่เราไม่นับค่ะ 555+ อ้อ ลืมบอกอีกอย่างคือตอนเช้าระหว่างวันที่รักษาสิวตลอดหนึ่งเดือนนั้นเราใช้ คลินด้าเอ็ม แต้มสิวที่มันอักเสบด้วย ก็นั่งทามันทั้งวันนั้นแหล่ะคะเพราะว่าง ฮา
การรักษารอยสิวเป็นเรื่องที่ยากกว่าการรักษาสิวเป็นร้อยเท่าเลยค่ะ เพราะสิวเราใช้เวลารักษาแค่เดือนเดียว แต่รอยนี่รักษากันเป็นปีๆกว่าจะหาย ช่วงหลังอาทิตย์ที่ 6 มานี่แทบไม่ได้ถ่ายรูปไว้ เพราะความเข้มของรอยมันยังเท่าเดิม ยาไหนที่ว่าใช้ลบรอยสิวนี่ลองมาหมดทุกตัวแล้วคะ ไหนจะพอกหน้าด้วยมะขามเปียก ขัดหน้าอาทิตย์ละ2 ครั้งด้วยสคลับ แต่ก็ไม่จางลงซักที สะเทือนใจทุกครั้งที่ส่องกระจก จนมาถ่ายอีกทีตอนครบ 2 เดือน คือมันจางลงนิดเดียวจริงๆ คือแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงใดๆ
แต่ก็ปลอบใจตัวเองเอาว่าไหนๆสิวก็หายละ เหลือแค่รอยซักวันมันต้องจางแหล่ะ แต่พอครบ 2 เดือนเราต้องกลับมาเรียนมหาลัยไงคะ เลยเข้าสู่โหมดกลบเกลื่อนหลักฐานเหมือนเดิม 555 แต่ครั้งนี้เราใช้แค่บีบีแต่งแต่พองามค่ะ ไม่หนักเครื่องเหมือนเดิมแล้ว อีกทั้งยังใช้คลีนซิ่งทำความสะอาดอย่างดี (เมื่อก่อนก็ใช้คลีนซิ่งนะแต่เป็นคลีนซิ่งมิลค์ซึ่งมารู้ทีหลังว่าตัวแพ้ )
ขั้นตอนการแต่งหน้าไปเรียนของเราเป็นแบบนี้ค่ะ
1. ทาครีมบำรุงผิวปกติ
2. ทาบีบีครีมบางๆ
3. ทากันแดด
4. ตบด้วยแป้งฝุ่น
5. เขียนคิ้วซักหน่อย ทาลิปมันด้วย จบค่ะ
เป็นคนขึ้นมานิดนึง 55555+
และนี่คือสิ่งที่เราใช้ทั้งหมดค่ะ
ตามลำดับนะคะ
1 smooth e baby white cream
2 differin
3 benzac 5%
4 น้ำเกลือ
5 bifesta cleansing
6 za power block uv
อ้าว เต็มลิมิตแล้วค่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แวะมาบอกวิธีรักษารอยสิวอีกครั้งนะคะ ใครมีอะไรสงสัยเกี่ยวกับการรักษาสิวหรืออยากถามอะไรเพิ่มถามไว้ในกระทู้เลยค่ะ เดี๋ยวเรามาตอบให้พรุ่งนี้ ขออนุญาตไปนอนก่อนนะคะดึกแล้ว