หลายๆ คนคงอยากจะมีประสบการณ์ สักครั้งหนึ่งมีผู้ชายสักคนหนึ่งมาผูกเชือกรองเท้าให้เราเหมือนในหนัง
มันคงจะฟินมาก ดูไปบิดไป อร๊ายยยยยยยยยยย....
แต่…!!!!!!!!!!!! มันก็ฟินแค่ตรงนั้นแหละ
ประเด็นคือหลังจากนั้นมันจะคือความทรงจำที่สวยงาม โรแมนติกหรือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (ฺBitter Sweet)
มันคือเหตุการณ์หลังจากนั้นล้วนๆ
เราเคยมีประสบการณ์สองอย่างที่คล้ายกับหนังเรื่องนี้ ที่ดูแล้วไม่ฟินเลย T^T
1. เดินตามรอยเท้าหลบระเบิด (อันนี้หลบโคลน)
2. ผูกเชือกรองเท้าให้
มาเริ่มที่อันแรก เดินตามรอยเท้าหลบโคลน
คนที่ผูกเชือกรองเท้าและให้เดินตามรอยเท้าคือเพื่อนกันนี่แหละ
ก็เกือบจะคิดเลยเพื่อนแล้ว ถ้าเค้าไม่ปฏิเสธซะก่อน (เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตามาแระ 555+)
มันก็นานมาแล้วนะ 4 ปีผ่านไป แต่ความทรงจำไม่เคยหายไป
และแปรเปลี่ยนจากรู้สึกดีเป็นค่อนข้างเกลียด 555+
เนื่องจากว่าไป hiking กัน แล้วเราเหนื่อยมาก เหนื่อยสายตัวแทบขาด เกิดมาไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน
อยากจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นเลย หลังจากที่เราขึ้นถึงยอดภูเขาที่จะกางเต้นท์ เค้าก็ชวนไปที่ชมวิวสวยอีกที่
ต้องไปเดี๋ยวนั้น พักไม่ได้จะค่ำแล้ว พรุ่งนี้ไม่ไปแล้ว ลงเขากลับเลย
ระหว่างทางที่เดินไป มันจะมีคนเดินสวนมา แล้วทางเดินก็แคบ มีแอ่งโคลน เค้าเดินก่อน
เค้าบอกเดินตามเค้ามา เหยียบที่เค้าเหยียบ จะได้ไม่จมโคลน ระหว่างที่เดินตามและมีคนสวนมา
ทำให้เราตามรอยเท้าไม่ได้แบบเท้าต่อเท้า เราเหยียบ ข้างๆ ที่เค้าเหยียบ แล้วมันเป็นโคลน แล้วมีคนเบียดสวนมา
เราจะล้ม คือทั้งข้อเท้าจมไปในโคลนแล้ว เท้าเราวางข้างๆ เท้าเค้า แล้วก็มีคนเดินเบียดมา
เราสาวเท้าอีข้างมากแล้วเราก็ดึงแขนเค้าไว้
เค้าไม่ทันตั้งตัว เกือบจะลมไปด้วยกัน
เท้าชิดแบบนี้เลย แต่หันเท้าไปทางเดียวกัน
ซึ่ง....นั่งดู Descendants of The Sun เมื่อกี้ แล้วแบบ เอิ่มมมม...แกไปเขียนบทใช่มั้ย บอกมา
ตอนไปถึงจุดหมายแล้วเห็นวิวจากด้านบนก็สวยมาก เค้าก็ยื่นผลไม้แห้งมาให้ชิ้นนึง
เรากำลังจะนั่งลงกินแล้วชมวิวสักหน่อย เค้าก็บอกว่านั่งไม่ได้ ฝนจะตก ต้องกลับเลย
เราแบบ เฮ้อ...ห้ามตอนก้นกำลังจะวางบนโขดหินแล้วเชียว อีกสองเซ็นท์เนื้อและหินกำลังจะกกระทบกัน
แต่ก็ต้องยกตูดขึ้นในบัดดล เพราะต้องกลับเลย ข้างบนก็ค่อนข้างหนาวนะ ภูเขาสูงมาก
และเป็นภูเขาที่สแกนดิเนเวียอีก ถึงจะซัมเมอร์แต่ก็เกือบแตะ 0 องศาอยู่ เสื้อเจคเก็ตตัวนอกเรา ยังไม่ได้รูดซิบ
เพราะตอนแรกที่เดินมาไกล เราร้อน เลยถอดออก แต่ตอนนี้ฝนใกล้จะตก หนาวมาก แล้วมือข้างหนึ่งเราถือผลไม้ที่เค้าให้
เรากำลังจะรูดซิบ แต่เค้าเอามือเค้ามารูดให้ก่อน
อ่ะ...ทำคะแนนไปอีก 1 ดอก
สีหน้าเราแบบนี้เลย แต่ไม่สวยเท่านี้ (คิดเอาเองว่าน่าจะสีหน้าแบบนี้ 555+)
เพราะความรู้สึกตอนนั้น มันไม่ได้ฟินเลย แต่มันประหลาดใจ เกิดคำถามในจิตใจว่า “ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”
คิดในใจ “มรุงช่วยถือผลไม้กรูก่อนดีกว่ามั้ย กรูรูดเอง”
ผ่านไป เนียนๆ อย่าไปแสดงอาการอะไรมาก 555+
ตอนกลับไม่ได้กลับทางเดิม เพราะแอ่งพวกนั้น จำได้ใช่มั้ย? 555+
คราวนี้มันมีเนิน แบบถ้าเดินช้าๆ มันต้องเกร็งขาเพราะเนินมันชัน
เราเหนื่อยมากแล้ว เดินมาทั้งวัน อยากถึงเต้นท์เร็วๆ เราเลยวิ่งลง 555+
พอวิ่งลงมาถึงตีนเนินลูกนั้น เราก็นั่งบนโขดหิน ขอเวลาหอบสองนาที เค้าไม่ได้วิ่งตามมา เค้าเดินมา
เดินมาหยุดข้างหน้า แล้วนั่งลง “ผูกเชือกรองเท้าให้”
แล้วก็พูดติดตลก อ๋อ....รู้แล้วทำไมคุณถึงเหนื่อยเร็ว เพราะผูกเชือกรองเท้าไม่แน่นนี่เอง
จ๊ะ! อะไรจะดีแสนดีปานนั้น พ่อคู๊ณ!!!
เราก็ทำหน้าเหมือนเดิม
อ้าวมีคะแนนเต็มเท่าไร รู้สึกคะแนนจะล้นแล้วนะ
แต่ก็ไม่ได้ฟินนาน เพราะเหนื่อยจริงๆ อยากจะเป็นลม พอบอกเค้าว่าอยากเป็นลม
อีนี่ก็บอกได้ นับ 4 3 2 1…แล้วเอามือมาปิดตาจากด้านหลัง
เออ...เข้าใจเล่น 555+ ไม่มีอะไร หัวเราะ 555+ พองาม
กลับเต้นท์ นอนนนนนนนนนนนนนนนนน เหนื่อยมาก ค่อยฟินพรุ่งนี้!!!
ความฟินนี่มันดีเลย์จริงๆ นะ แล้วเวลายิ่งผ่านมันจะยิ่งฟินมากกว่าเดิม
พอแยกกันมา เราก็บอกว่า ขอบใจที่ทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้เลย
เค้าก็บอกว่า อย่าตกหลุมรักเค้าแล้วกัน
เฮ้ยยยย...นี่มันพล๊อตละครชัดๆ แต่มันเรื่องจริงนะ เมสเสจยังมีอยู่เลย
เฮ้อ...เรื่องนี้จบไม่สวย ด้วยอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เค้าบอกว่า เค้าคิดกับเราแค่เพื่อน ไม่มีวันจะมากกว่าเพื่อน
(พูดแบบนี้ได้ไง...ที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร?) อันนี้เราก็ไม่ได้สารภาพรักหรืออะไรเค้านะ
เราแค่บอกว่ารู้สึกดี แต่เหมือนเค้ามีกำแพงอะไรบางอย่าง
คราวนี้พอได้ยินเสียงข้อความโทรศัพท์อีกเมื่อไร ใจหล่นไปตาตุ่มเลย เฮ้อ...เสียจึย
ถ้ารู้แบบนี้นะ ตอนที่แก ผูกเชือกรองเท้าให้ แม่จะเตะเสยปลายคางmang...เอาให้น็อคเลย ฮึ่ยยยยยยย!!!!!!
แต่ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว เลยถามเค้าว่า แล้วทำแบบนี้ทำไม
ผูกเชือกรองเท้าให้ทำไม?
รูดซิบเสื้อให้ทำไม?
ทำกับข้าวให้กินทำไม?
พาไปบ้านเจอพ่อแม่ทำไม?
เอาเสื้อไปซักให้ทำไม?
ดูใส่ใจทุกอย่างเลย เค้าตอบว่ามา ก็คุณต้องการความช่วยเหลือ (You need my help!)
เออ...ขอบใจแล้วกันนะ จะไม่ลืมเลย (สาสสสสสสสสสสสส!!!!!!!!)
ขอบใจในความหวังดี สิ่งที่เธอมีให้มา ที่คอยดูแลไม่เคยห่างไกลลลลลลลลลลล
แต่มันยังคงเหมือนเดิม กับความทรงจำที่มี ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดี ได้เท่านี้จริงๆ
เลยอยากฝากเตือนสาวๆ ว่า บางทีที่เค้าผูกเชือกรองเท้าให้ เพราะเค้าเห็นว่าเค้าช่วยได้
แค่นั้นแหละ ไม่ได้มีmangไรเลย (ของขึ้น 555+)
เราไม่อยากเชื่อจริงๆ เวลาเชือกรองเท้าหลุดทุกครั้งจะต้องคิดถึงเหตุการณ์นี้
แล้วมันไม่ได้ฟินอะไรเล๊ยยยยยย....
เป็นไปได้อยากกลับไปลบโมเม้นนี่ออก มันควรจะเป็นความทรงจำที่แสนหวานสิ ไม่ใช่แบบนี้!!!
แต่คงจะไม่ใช่ผู้ชายแบบยูชีจิน เพราะเค้าคิดมาเป็นพันตลบแล้วถึงจะทำเหตุการณ์ไหนลงไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย....ฟินพระเอกในหนังดีกว่า ชีวิตจริงโหดร้ายนัก
แค่นี้แหละ แวะมาเม้าท์เฉยๆ <3
อยากจะบอกว่าตั้งแต่ได้พบโอปป้า ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากไม่เคยเข้าใจติ่ง ไม่เคยติดละครเกาหลี ตอนนี้ติดโอปป้างอมแงม ต้องโทษลุงตู่อีกที ตามมาดูเพราะลุงตู่ 555+ จากนี้ไป แววตาคมเข้ม สีฟ้า สีเขียว หรือผมสีบลอนด์ หนวดเครา รุงรัง จะไม่สามารถทำอะไรจิตใจดวงนี้ได้อีก ขอเกลี้ยงเกลาแบบโอปป้าเท่านั้น กรี๊ดดดดดดด!!!!
ป.ล. ล่าสุดปีที่แล้ว เพื่อนคนนั้นมาเที่ยวไทย พาแฟนมาด้วย มาอยู่บ้านข้าพเจ้า 6 วันเต็มๆ เอาให้หนำใจไปเลย
ระหว่างนั้นยังมีทะลึ่งพูดต่อหน้าแฟน ตอนเราบอกให้เค้าไปนั่งหน้ารถ แอร์หนาว
เค้าตอบว่า ได้ เพื่อคุณผมทำได้ทุกอย่าง (Yes, I can do anything for you!) ถรุยยยยยยย
แฟนมันเลยสวนมาว่า ไปโดดให้รถชนตายสิ 555+
ไปเลยไปเล้ยไปเลยยยยยยยยยยยย
ขออีกปอลอ หากผู้ชายท่านใดต้องการมัดใจผู้หญิงที่คุณรักจริงๆ
การผูกเชือกรองเท้าให้ช่วยได้ จริงๆ
แต่พยายามเนียนๆ หน่อยนะ ทำให้เหมือนว่ามันเป็น nature ของเราไม่ได้จำยูชีจินมา 555+
*มาแก้คำผิด
**มาแจกของแถม
ไปล่ะ บรัย
มาแถมอีกนิด ใครไม่เอาของแถมไม่เป็นไรนะ เผื่ออยากเห็นคู่กรณี แต่ไม่มีหน้าเต็มๆ นะ มีแต่ข้างๆ
เคยเขียนรีวิว ทริป hiking ไว้ ถ้าไม่นับว่าเค้าไม่ได้คิดกับเรามากกว่าเพื่อน แต่การกระทำเค้าทำให้เราคิดมากกว่าเพื่อน
หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง เค้าก็เป็นคนดี คนหนึ่ง
ขอยืนไว้อาลัยให้ความดี 1 นาที
>>
http://ppantip.com/topic/32106796
ว่าด้วยเรื่อง...ฉากผูกเชือกรองเท้าใน Descendants of The Sun
หลายๆ คนคงอยากจะมีประสบการณ์ สักครั้งหนึ่งมีผู้ชายสักคนหนึ่งมาผูกเชือกรองเท้าให้เราเหมือนในหนัง
มันคงจะฟินมาก ดูไปบิดไป อร๊ายยยยยยยยยยย....
แต่…!!!!!!!!!!!! มันก็ฟินแค่ตรงนั้นแหละ
ประเด็นคือหลังจากนั้นมันจะคือความทรงจำที่สวยงาม โรแมนติกหรือกลืนไม่เข้าคายไม่ออก (ฺBitter Sweet)
มันคือเหตุการณ์หลังจากนั้นล้วนๆ
เราเคยมีประสบการณ์สองอย่างที่คล้ายกับหนังเรื่องนี้ ที่ดูแล้วไม่ฟินเลย T^T
1. เดินตามรอยเท้าหลบระเบิด (อันนี้หลบโคลน)
2. ผูกเชือกรองเท้าให้
มาเริ่มที่อันแรก เดินตามรอยเท้าหลบโคลน
คนที่ผูกเชือกรองเท้าและให้เดินตามรอยเท้าคือเพื่อนกันนี่แหละ
ก็เกือบจะคิดเลยเพื่อนแล้ว ถ้าเค้าไม่ปฏิเสธซะก่อน (เรื่องเศร้าเคล้าน้ำตามาแระ 555+)
มันก็นานมาแล้วนะ 4 ปีผ่านไป แต่ความทรงจำไม่เคยหายไป
และแปรเปลี่ยนจากรู้สึกดีเป็นค่อนข้างเกลียด 555+
เนื่องจากว่าไป hiking กัน แล้วเราเหนื่อยมาก เหนื่อยสายตัวแทบขาด เกิดมาไม่เคยเหนื่อยเท่านี้มาก่อน
อยากจะเป็นลมไปเดี๋ยวนั้นเลย หลังจากที่เราขึ้นถึงยอดภูเขาที่จะกางเต้นท์ เค้าก็ชวนไปที่ชมวิวสวยอีกที่
ต้องไปเดี๋ยวนั้น พักไม่ได้จะค่ำแล้ว พรุ่งนี้ไม่ไปแล้ว ลงเขากลับเลย
ระหว่างทางที่เดินไป มันจะมีคนเดินสวนมา แล้วทางเดินก็แคบ มีแอ่งโคลน เค้าเดินก่อน
เค้าบอกเดินตามเค้ามา เหยียบที่เค้าเหยียบ จะได้ไม่จมโคลน ระหว่างที่เดินตามและมีคนสวนมา
ทำให้เราตามรอยเท้าไม่ได้แบบเท้าต่อเท้า เราเหยียบ ข้างๆ ที่เค้าเหยียบ แล้วมันเป็นโคลน แล้วมีคนเบียดสวนมา
เราจะล้ม คือทั้งข้อเท้าจมไปในโคลนแล้ว เท้าเราวางข้างๆ เท้าเค้า แล้วก็มีคนเดินเบียดมา
เราสาวเท้าอีข้างมากแล้วเราก็ดึงแขนเค้าไว้
เค้าไม่ทันตั้งตัว เกือบจะลมไปด้วยกัน
ซึ่ง....นั่งดู Descendants of The Sun เมื่อกี้ แล้วแบบ เอิ่มมมม...แกไปเขียนบทใช่มั้ย บอกมา
ตอนไปถึงจุดหมายแล้วเห็นวิวจากด้านบนก็สวยมาก เค้าก็ยื่นผลไม้แห้งมาให้ชิ้นนึง
เรากำลังจะนั่งลงกินแล้วชมวิวสักหน่อย เค้าก็บอกว่านั่งไม่ได้ ฝนจะตก ต้องกลับเลย
เราแบบ เฮ้อ...ห้ามตอนก้นกำลังจะวางบนโขดหินแล้วเชียว อีกสองเซ็นท์เนื้อและหินกำลังจะกกระทบกัน
แต่ก็ต้องยกตูดขึ้นในบัดดล เพราะต้องกลับเลย ข้างบนก็ค่อนข้างหนาวนะ ภูเขาสูงมาก
และเป็นภูเขาที่สแกนดิเนเวียอีก ถึงจะซัมเมอร์แต่ก็เกือบแตะ 0 องศาอยู่ เสื้อเจคเก็ตตัวนอกเรา ยังไม่ได้รูดซิบ
เพราะตอนแรกที่เดินมาไกล เราร้อน เลยถอดออก แต่ตอนนี้ฝนใกล้จะตก หนาวมาก แล้วมือข้างหนึ่งเราถือผลไม้ที่เค้าให้
เรากำลังจะรูดซิบ แต่เค้าเอามือเค้ามารูดให้ก่อน
อ่ะ...ทำคะแนนไปอีก 1 ดอก
สีหน้าเราแบบนี้เลย แต่ไม่สวยเท่านี้ (คิดเอาเองว่าน่าจะสีหน้าแบบนี้ 555+)
เพราะความรู้สึกตอนนั้น มันไม่ได้ฟินเลย แต่มันประหลาดใจ เกิดคำถามในจิตใจว่า “ต้องขนาดนี้เลยเหรอ?”
คิดในใจ “มรุงช่วยถือผลไม้กรูก่อนดีกว่ามั้ย กรูรูดเอง”
ผ่านไป เนียนๆ อย่าไปแสดงอาการอะไรมาก 555+
ตอนกลับไม่ได้กลับทางเดิม เพราะแอ่งพวกนั้น จำได้ใช่มั้ย? 555+
คราวนี้มันมีเนิน แบบถ้าเดินช้าๆ มันต้องเกร็งขาเพราะเนินมันชัน
เราเหนื่อยมากแล้ว เดินมาทั้งวัน อยากถึงเต้นท์เร็วๆ เราเลยวิ่งลง 555+
พอวิ่งลงมาถึงตีนเนินลูกนั้น เราก็นั่งบนโขดหิน ขอเวลาหอบสองนาที เค้าไม่ได้วิ่งตามมา เค้าเดินมา
เดินมาหยุดข้างหน้า แล้วนั่งลง “ผูกเชือกรองเท้าให้”
แล้วก็พูดติดตลก อ๋อ....รู้แล้วทำไมคุณถึงเหนื่อยเร็ว เพราะผูกเชือกรองเท้าไม่แน่นนี่เอง
จ๊ะ! อะไรจะดีแสนดีปานนั้น พ่อคู๊ณ!!!
เราก็ทำหน้าเหมือนเดิม
อ้าวมีคะแนนเต็มเท่าไร รู้สึกคะแนนจะล้นแล้วนะ
แต่ก็ไม่ได้ฟินนาน เพราะเหนื่อยจริงๆ อยากจะเป็นลม พอบอกเค้าว่าอยากเป็นลม
อีนี่ก็บอกได้ นับ 4 3 2 1…แล้วเอามือมาปิดตาจากด้านหลัง
เออ...เข้าใจเล่น 555+ ไม่มีอะไร หัวเราะ 555+ พองาม
กลับเต้นท์ นอนนนนนนนนนนนนนนนนน เหนื่อยมาก ค่อยฟินพรุ่งนี้!!!
ความฟินนี่มันดีเลย์จริงๆ นะ แล้วเวลายิ่งผ่านมันจะยิ่งฟินมากกว่าเดิม
พอแยกกันมา เราก็บอกว่า ขอบใจที่ทำให้ทุกอย่าง ไม่เคยมีใครทำให้แบบนี้เลย
เค้าก็บอกว่า อย่าตกหลุมรักเค้าแล้วกัน
เฮ้ยยยย...นี่มันพล๊อตละครชัดๆ แต่มันเรื่องจริงนะ เมสเสจยังมีอยู่เลย
เฮ้อ...เรื่องนี้จบไม่สวย ด้วยอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เค้าบอกว่า เค้าคิดกับเราแค่เพื่อน ไม่มีวันจะมากกว่าเพื่อน
(พูดแบบนี้ได้ไง...ที่ผ่านมาเรียกว่าอะไร?) อันนี้เราก็ไม่ได้สารภาพรักหรืออะไรเค้านะ
เราแค่บอกว่ารู้สึกดี แต่เหมือนเค้ามีกำแพงอะไรบางอย่าง
คราวนี้พอได้ยินเสียงข้อความโทรศัพท์อีกเมื่อไร ใจหล่นไปตาตุ่มเลย เฮ้อ...เสียจึย
ถ้ารู้แบบนี้นะ ตอนที่แก ผูกเชือกรองเท้าให้ แม่จะเตะเสยปลายคางmang...เอาให้น็อคเลย ฮึ่ยยยยยยย!!!!!!
แต่ไหนๆ ก็ไม่มีอะไรจะต้องเสียใจไปมากกว่านี้แล้ว เลยถามเค้าว่า แล้วทำแบบนี้ทำไม
ผูกเชือกรองเท้าให้ทำไม?
รูดซิบเสื้อให้ทำไม?
ทำกับข้าวให้กินทำไม?
พาไปบ้านเจอพ่อแม่ทำไม?
เอาเสื้อไปซักให้ทำไม?
ดูใส่ใจทุกอย่างเลย เค้าตอบว่ามา ก็คุณต้องการความช่วยเหลือ (You need my help!)
เออ...ขอบใจแล้วกันนะ จะไม่ลืมเลย (สาสสสสสสสสสสสส!!!!!!!!)
ขอบใจในความหวังดี สิ่งที่เธอมีให้มา ที่คอยดูแลไม่เคยห่างไกลลลลลลลลลลล
แต่มันยังคงเหมือนเดิม กับความทรงจำที่มี ได้เป็นเพียงแค่เพื่อนที่ดี ได้เท่านี้จริงๆ
เลยอยากฝากเตือนสาวๆ ว่า บางทีที่เค้าผูกเชือกรองเท้าให้ เพราะเค้าเห็นว่าเค้าช่วยได้
แค่นั้นแหละ ไม่ได้มีmangไรเลย (ของขึ้น 555+)
เราไม่อยากเชื่อจริงๆ เวลาเชือกรองเท้าหลุดทุกครั้งจะต้องคิดถึงเหตุการณ์นี้
แล้วมันไม่ได้ฟินอะไรเล๊ยยยยยย....
เป็นไปได้อยากกลับไปลบโมเม้นนี่ออก มันควรจะเป็นความทรงจำที่แสนหวานสิ ไม่ใช่แบบนี้!!!
แต่คงจะไม่ใช่ผู้ชายแบบยูชีจิน เพราะเค้าคิดมาเป็นพันตลบแล้วถึงจะทำเหตุการณ์ไหนลงไป
อร๊ายยยยยยยยยยยยยย....ฟินพระเอกในหนังดีกว่า ชีวิตจริงโหดร้ายนัก
แค่นี้แหละ แวะมาเม้าท์เฉยๆ <3
อยากจะบอกว่าตั้งแต่ได้พบโอปป้า ชีวิตก็เปลี่ยนไป จากไม่เคยเข้าใจติ่ง ไม่เคยติดละครเกาหลี ตอนนี้ติดโอปป้างอมแงม ต้องโทษลุงตู่อีกที ตามมาดูเพราะลุงตู่ 555+ จากนี้ไป แววตาคมเข้ม สีฟ้า สีเขียว หรือผมสีบลอนด์ หนวดเครา รุงรัง จะไม่สามารถทำอะไรจิตใจดวงนี้ได้อีก ขอเกลี้ยงเกลาแบบโอปป้าเท่านั้น กรี๊ดดดดดดด!!!!
ป.ล. ล่าสุดปีที่แล้ว เพื่อนคนนั้นมาเที่ยวไทย พาแฟนมาด้วย มาอยู่บ้านข้าพเจ้า 6 วันเต็มๆ เอาให้หนำใจไปเลย
ระหว่างนั้นยังมีทะลึ่งพูดต่อหน้าแฟน ตอนเราบอกให้เค้าไปนั่งหน้ารถ แอร์หนาว
เค้าตอบว่า ได้ เพื่อคุณผมทำได้ทุกอย่าง (Yes, I can do anything for you!) ถรุยยยยยยย
แฟนมันเลยสวนมาว่า ไปโดดให้รถชนตายสิ 555+
ไปเลยไปเล้ยไปเลยยยยยยยยยยยย
ขออีกปอลอ หากผู้ชายท่านใดต้องการมัดใจผู้หญิงที่คุณรักจริงๆ
การผูกเชือกรองเท้าให้ช่วยได้ จริงๆ
แต่พยายามเนียนๆ หน่อยนะ ทำให้เหมือนว่ามันเป็น nature ของเราไม่ได้จำยูชีจินมา 555+
*มาแก้คำผิด
**มาแจกของแถม
ไปล่ะ บรัย
มาแถมอีกนิด ใครไม่เอาของแถมไม่เป็นไรนะ เผื่ออยากเห็นคู่กรณี แต่ไม่มีหน้าเต็มๆ นะ มีแต่ข้างๆ
เคยเขียนรีวิว ทริป hiking ไว้ ถ้าไม่นับว่าเค้าไม่ได้คิดกับเรามากกว่าเพื่อน แต่การกระทำเค้าทำให้เราคิดมากกว่าเพื่อน
หรือว่าเราจะคิดมากไปเอง เค้าก็เป็นคนดี คนหนึ่ง ขอยืนไว้อาลัยให้ความดี 1 นาที
>> http://ppantip.com/topic/32106796