ช่วงนี้ที่พักแบบ Hostel กำลังเจริญเติบโต อันเป็นผลมาจากพฤติกรรมการท่องเที่ยว เริ่มเปลี่ยนไป เป็นการท่องเที่ยวแบบพึ่งพาตัวเองมากขึ้น ใช้การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ที่พักแบบใช้เป็นที่นอน ใช้อาบน้ำ และที่สำคัญ ประหยั๊ด ประหยัดเงินในกระเป๋าสตางค์ เราเองก็เพิ่งลองนอน Hostel ครั้งแรกเมื่อปลายปี 58 ปกติถ้าไปไหนคนเดียวก็จะนอนที่พักแบบเกสเฮ้าส์ หรือรีสอร์ทมากกว่า ส่วนโรงแรมจะไปพักก็ต่อเมื่อไปทำงานเท่านั้น ตอนแรกที่จะลองเลือกนอนแบบ Hostel ก็คิดอยู่นานเหมือนกัน เพราะต้องไปนอนร่วมกับคนอื่นหลายคนในห้องเดียวเพราะเป็นคนนอนเปิดเผยมาก (นอนท่าไม่สวยเลย) แต่ก็อยากลองว่านอนได้ไหม
ครั้งแรกก็ Hostel ในกรุงเทพฯ เราทำงานอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็มีบ้านอยู่กรุงเทพฯ แต่ให้เขาเช่าไป เคยเป็นเด็กเทพนั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้แปรสภาพเป็นคนบ้านนอกไปแล้ว เวลาเข้าเมืองกรุงทำธุระแต่ละทีก็ไปสิงตามบ้านเพื่อนบ้างอะไรบ้าง ก็เริ่มเกรงใจ แล้วก็อยากมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง เลยหาที่พักที่ไม่แพงและปลอดภัย เริ่มเลือกเลยละกัน หลักการเลือก (ของเรา)
1.
เลือก Hostel ที่ใกล้กับที่เราจะไปเที่ยว การเที่ยวของเราส่วนใหญ่เน้นเดิน หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน ดังนั้นการมีที่พักใกล้ที่เราเที่ยวหรือเป็นศูนย์กลางการเดินทางมันช่วยให้เราเหนื่อยน้อยลง อีกทั้งยังประหยัดเงินค่าเดินทางอีกด้วย
2.
รูปแบบของ Hostel จากที่ท่องเว๊บ อ่านรีวิว โน่นนี่นั่น เราแยกได้ 2 ประเภท ที่นอนแบบค่อนข้างเป็นส่วนตัว กับ ที่นอนที่เปิดเผย งงล่ะสิ (ดูรูปประกอบเลย)
ที่นอนแบบค่อนข้างเป็นส่วนตัว ที่นอนแบบนี้จะเป็นแคปซูล (เป็นช่องๆ) มีม่านบังสายตาให้ เราเลือกนอน Hostel ครั้งแรกก็เป็นรูปแบบนี้ เพราะยังไม่ชินกับการนอนกับคนอื่นหลายๆ คน ขอมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เป็นการนอน Hostel ครั้งแรกที่น่าประทับใจ ผ่านไปได้ด้วยดี ราคา Hostel แบบนี้ก็สูงกว่าอีกแบบ (ประมาณ 450-600 บาท)
ที่นอนแบบเปิดเผย เป็นแบบที่เป็นเตียงสองชั้นโล่งๆ เลย ในห้องๆ หนึ่งก็มีที่นอน 4-8 ที่ ข้อดีของที่นอนแบบนี้ คือ ราคาถูก (250-400 บาท) อาจได้ปฏิสัมพันธ์กับคนในห้องได้ง่ายขึ้นบ้าง แต่บอกเลยว่าโดยส่วนใหญ่แค่ยิ้มให้กัน ถามโน่นนิดนี่หน่อยเท่านั้น เพราะเข้ามาก็อาบน้ำนอนแล้ว แล้วก็ตื่นเช้าออกไปเที่ยวเลย ที่ที่จะได้รู้จักกับเพื่อนต่างถิ่นโดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง (Front) ของ Hostel มากกว่า เราเคยพัก Hostel แบบที่นอนเปิดเผยอยู่ครั้งเดียว แล้วก็ไม่คิดจะพักอีกเลย เพราะตอนที่เราไปพัก มีฝรั่งไม่สบายนอนอยู่ในห้อง ไม่ไปไหน เราเองใช้ร่างจากการเดินเยอะ ตากแดด กลับมานอนเจอเชื้ออบอวลอยู่ในห้องอีก พอกลับถึงบ้านนอกเท่านั้นแหล่ะ มาเลยป่วยจัดเต็ม เป็นการป่วยในรอบสามปี เราเลยเข็ดมาก ไม่ขอเลือก Hostel ที่มีที่นอนแบบนี้อีกเลย แต่อย่าเอาเราเป็นบรรทัดฐานว่าจะไม่เลือกที่นอนแบบนี้ ที่เราไม่เลือกที่จะนอนที่นอนแบบนี้เพราะว่าเราเดินทางคนเดียว แต่ถ้าคุณไปเที่ยวกับหมู่เพื่อนๆ ที่คุ้นเคยสักสามสี่คน ที่นอนแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจมาก ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย
3.
คะแนนรีวิว คอมเม้นท์ การที่เราไปนอนร่วมกับคนแปลกหน้ามันเป็นเรื่องที่เราต้องหาข้อมูล คะแนนรีวิวเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจได้อย่างดี คอมเม้นท์ต่างๆ จากผู้ที่เคยเข้าพัก ก็ต้องอ่าน ว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง โดยปกติเราจะเลือก Hostel ที่มีคะแนนรีวิวสูงๆ เลือกเผื่อไว้สัก 3-4 ที่ จากนั้นไล่อ่านคอมเม้นท์ เราก็สามารถตัดตัวเลือกที่ไม่เหมาะกับเราออกได้ เราหาข้อมูล Hostel จากเว๊บจองที่พักต่างๆ (agoda, booking etc.) ซึ่งมีคะแนนรีวิว และคอมเม้นท์จากคนที่เคยเข้าพัก รวมถึงรายละเอียดที่พัก ว่ามีบริการอะไรบ้าง ซึ่งจะบอกถึงระบบที่ใช้เข้าออกว่าปลอดภัยไหม ที่พักสะอาดหรือเปล่า รวมถึงความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่กินใกล้แหล่งที่พักอีกด้วย
ที่พักแบบ Hostel เดินทางเข้าถึงได้ง่าย wifi ก็เร็วฟิ๊วฟ๊าวมาก ตรงที่นอนก็มีโคมไฟ ปลั๊กเสียบให้ ที่พักแบบแคปซูลบางที่มีทีวีในแคปซูลให้ด้วย ดูละครเพลินไปเลย เราลองมาแล้ว แต่ที่ไม่สะดวกเลยคือที่จอดรถ จากที่เคยพักมาจะไม่มีให้ คนพักส่วนใหญ่เป็น Backpacker หลายสัญชาติ ด้วยหน้าตาและกระที่ฝังอยู่บนใบหน้าเราเองมักถูกเหมาไปอยู่ในโซนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี Hostel ในเมืองไทยจะเจอคนไทยน้อยมาก คนที่พักเป็นต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ที่พักแบบนี้เจ้าของกิจการจะเป็นผู้ดูแลเองเป็นส่วนใหญ่ ที่รู้เพราะไปพัก Hostel ทีไร ก็ชอบนั่งคุยกับ Front ถามไปถามมาก็เป็นเจ้าของหุ้นทำกับเพื่อนบ้างประมาณนั้น จบหลักการเลือก Hostel แล้ว วิธีการเลือกของคุณเป็นอย่างไร เอามาแบ่งปันเป็นความรู้กันบ้างนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ เขียนเยอะไปหน่อย ขออภัย แล้วเจอกันใหม่ค่ะ
วิธีการเลือกที่พัก Hostel ให้ถูกจริต
ครั้งแรกก็ Hostel ในกรุงเทพฯ เราทำงานอยู่ต่างจังหวัด แล้วก็มีบ้านอยู่กรุงเทพฯ แต่ให้เขาเช่าไป เคยเป็นเด็กเทพนั่นแหล่ะ แต่ตอนนี้แปรสภาพเป็นคนบ้านนอกไปแล้ว เวลาเข้าเมืองกรุงทำธุระแต่ละทีก็ไปสิงตามบ้านเพื่อนบ้างอะไรบ้าง ก็เริ่มเกรงใจ แล้วก็อยากมีความเป็นส่วนตัวอยู่บ้าง เลยหาที่พักที่ไม่แพงและปลอดภัย เริ่มเลือกเลยละกัน หลักการเลือก (ของเรา)
1. เลือก Hostel ที่ใกล้กับที่เราจะไปเที่ยว การเที่ยวของเราส่วนใหญ่เน้นเดิน หรือไม่ก็ปั่นจักรยาน ดังนั้นการมีที่พักใกล้ที่เราเที่ยวหรือเป็นศูนย์กลางการเดินทางมันช่วยให้เราเหนื่อยน้อยลง อีกทั้งยังประหยัดเงินค่าเดินทางอีกด้วย
2. รูปแบบของ Hostel จากที่ท่องเว๊บ อ่านรีวิว โน่นนี่นั่น เราแยกได้ 2 ประเภท ที่นอนแบบค่อนข้างเป็นส่วนตัว กับ ที่นอนที่เปิดเผย งงล่ะสิ (ดูรูปประกอบเลย)
ที่นอนแบบค่อนข้างเป็นส่วนตัว ที่นอนแบบนี้จะเป็นแคปซูล (เป็นช่องๆ) มีม่านบังสายตาให้ เราเลือกนอน Hostel ครั้งแรกก็เป็นรูปแบบนี้ เพราะยังไม่ชินกับการนอนกับคนอื่นหลายๆ คน ขอมีพื้นที่ส่วนตัวบ้าง เป็นการนอน Hostel ครั้งแรกที่น่าประทับใจ ผ่านไปได้ด้วยดี ราคา Hostel แบบนี้ก็สูงกว่าอีกแบบ (ประมาณ 450-600 บาท)
ที่นอนแบบเปิดเผย เป็นแบบที่เป็นเตียงสองชั้นโล่งๆ เลย ในห้องๆ หนึ่งก็มีที่นอน 4-8 ที่ ข้อดีของที่นอนแบบนี้ คือ ราคาถูก (250-400 บาท) อาจได้ปฏิสัมพันธ์กับคนในห้องได้ง่ายขึ้นบ้าง แต่บอกเลยว่าโดยส่วนใหญ่แค่ยิ้มให้กัน ถามโน่นนิดนี่หน่อยเท่านั้น เพราะเข้ามาก็อาบน้ำนอนแล้ว แล้วก็ตื่นเช้าออกไปเที่ยวเลย ที่ที่จะได้รู้จักกับเพื่อนต่างถิ่นโดยส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง (Front) ของ Hostel มากกว่า เราเคยพัก Hostel แบบที่นอนเปิดเผยอยู่ครั้งเดียว แล้วก็ไม่คิดจะพักอีกเลย เพราะตอนที่เราไปพัก มีฝรั่งไม่สบายนอนอยู่ในห้อง ไม่ไปไหน เราเองใช้ร่างจากการเดินเยอะ ตากแดด กลับมานอนเจอเชื้ออบอวลอยู่ในห้องอีก พอกลับถึงบ้านนอกเท่านั้นแหล่ะ มาเลยป่วยจัดเต็ม เป็นการป่วยในรอบสามปี เราเลยเข็ดมาก ไม่ขอเลือก Hostel ที่มีที่นอนแบบนี้อีกเลย แต่อย่าเอาเราเป็นบรรทัดฐานว่าจะไม่เลือกที่นอนแบบนี้ ที่เราไม่เลือกที่จะนอนที่นอนแบบนี้เพราะว่าเราเดินทางคนเดียว แต่ถ้าคุณไปเที่ยวกับหมู่เพื่อนๆ ที่คุ้นเคยสักสามสี่คน ที่นอนแบบนี้เป็นตัวเลือกที่ดีและน่าสนใจมาก ที่สำคัญราคาไม่แพงเลย
3. คะแนนรีวิว คอมเม้นท์ การที่เราไปนอนร่วมกับคนแปลกหน้ามันเป็นเรื่องที่เราต้องหาข้อมูล คะแนนรีวิวเป็นส่วนช่วยในการตัดสินใจได้อย่างดี คอมเม้นท์ต่างๆ จากผู้ที่เคยเข้าพัก ก็ต้องอ่าน ว่ามีข้อดีข้อเสียอะไรบ้าง โดยปกติเราจะเลือก Hostel ที่มีคะแนนรีวิวสูงๆ เลือกเผื่อไว้สัก 3-4 ที่ จากนั้นไล่อ่านคอมเม้นท์ เราก็สามารถตัดตัวเลือกที่ไม่เหมาะกับเราออกได้ เราหาข้อมูล Hostel จากเว๊บจองที่พักต่างๆ (agoda, booking etc.) ซึ่งมีคะแนนรีวิว และคอมเม้นท์จากคนที่เคยเข้าพัก รวมถึงรายละเอียดที่พัก ว่ามีบริการอะไรบ้าง ซึ่งจะบอกถึงระบบที่ใช้เข้าออกว่าปลอดภัยไหม ที่พักสะอาดหรือเปล่า รวมถึงความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนี้ยังมีรายละเอียดสถานที่ท่องเที่ยว ที่กินใกล้แหล่งที่พักอีกด้วย
ที่พักแบบ Hostel เดินทางเข้าถึงได้ง่าย wifi ก็เร็วฟิ๊วฟ๊าวมาก ตรงที่นอนก็มีโคมไฟ ปลั๊กเสียบให้ ที่พักแบบแคปซูลบางที่มีทีวีในแคปซูลให้ด้วย ดูละครเพลินไปเลย เราลองมาแล้ว แต่ที่ไม่สะดวกเลยคือที่จอดรถ จากที่เคยพักมาจะไม่มีให้ คนพักส่วนใหญ่เป็น Backpacker หลายสัญชาติ ด้วยหน้าตาและกระที่ฝังอยู่บนใบหน้าเราเองมักถูกเหมาไปอยู่ในโซนจีน ญี่ปุ่น เกาหลี Hostel ในเมืองไทยจะเจอคนไทยน้อยมาก คนที่พักเป็นต่างชาติเสียส่วนใหญ่ ที่พักแบบนี้เจ้าของกิจการจะเป็นผู้ดูแลเองเป็นส่วนใหญ่ ที่รู้เพราะไปพัก Hostel ทีไร ก็ชอบนั่งคุยกับ Front ถามไปถามมาก็เป็นเจ้าของหุ้นทำกับเพื่อนบ้างประมาณนั้น จบหลักการเลือก Hostel แล้ว วิธีการเลือกของคุณเป็นอย่างไร เอามาแบ่งปันเป็นความรู้กันบ้างนะคะ ขอบคุณที่อ่านค่ะ เขียนเยอะไปหน่อย ขออภัย แล้วเจอกันใหม่ค่ะ