[CR] ใครว่าเราหนีรักมาพักร้อน...เราหนีร้อนมาพบรัก(ทะเลเกาะล้าน)ต่างหาก



“เกาะล้าน” เป็นชื่อเกาะที่ใครๆ ก็รู้จัก

เกาะที่เดินทางมาได้ง่ายๆ…เกาะที่อยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพ
เกาะที่สะสม “ล้าน” ความสุขของทุกคนที่ได้มาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของเกาะแห่งนี้



เราเดินจากกรุงเทพมาถึงท่าเรือแหลมบาลีฮาย เวลา 7.30 น.
โดยขึ้นเรือโดยสาร ราคา 30 บาท ที่มุ่งไปหาดตาแหวน
เรือโดยสารมีลักษณะเป็นเรือไม้สองชั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที
โดยเรือจะมีทั้งเรือที่ไปท่าหน้าบ้าน และเรือที่ไปหาดตาแหวน
แล้วแต่ว่าใครพักแถวไหน ใกล้ที่ไหน ก็ไปลงเรือที่นั่น
เราทำตารางเวลาเดินเรือมาให้ด้วย เผื่อใครอยากกะเวลาว่าควรไปถึงตอนกี่โมง



จริงๆ แล้วที่พักที่เราจองไว้ใกล้ท่าหน้าบ้านมากกว่า แต่เวลาที่เราไปถึง คือ 7.3
จากตารางคือไม่ทันเรือที่ไปท่าหน้าบ้านแล้ว เราเลยขึ้นเรือที่ไปลงหาดตาแหวนแทน
แล้วก็เดินออกมาขึ้นรถสองแถวไปส่งที่ท่าหน้าบ้าน (ค่ารถสองแถวคนละ 20 บาท)
ตอนที่เราเดินออกจากท่าเรือหาดตาแหวน จะมีวินมอเตอร์ไซค์เยอะมาก
แต่เราว่าเค้าคิดค่าโดยสารโหดไปหน่อย เราเลยเลือกที่จะเดินไปขึ้นสองแถวดีกว่า
เดินออกมาจากหน้าหาดนิดเดียวเอง
พอมาถึงท่าหน้าบ้าน เราก็โทรเรียกรถของที่พักออกมารับ







เราจองที่พักไว้ที่ PAUSE RESORT (อยู่ใกล้ท่าหน้าบ้าน และ ใกล้ Maharak Cafe)
ที่พักแนว Loft ที่เราว่าฮิปที่สุดแล้วในเกาะล้าน
ห้องพักมีทั้งหมด 8 หมด แต่ละห้องพักได้ 2 คน (มากสุด 3 คน)



ราคาที่พักรวมอาหารเช้าด้วยนะ สะดวกมากๆ เลย
ราคาห้องเท่ากันหมดแต่ว่าแต่ละห้องก็จะมีเอกลักษณ์และการตกแต่งที่แตกต่างกันออกไป
แล้วก็ราคาขึ้นอยู่กับเทศกาล รวมถึงศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะราคามากกว่าปกติหน่อย
อ้อ! ที่นี่มีให้เช่ามอเตอร์ไซค์ด้วย จะเช่าจะคืนรถก็ง่ายๆ เลย แถมยังมีน้ำมันให้ด้วยอีกต่างหาก
ราคา ประมาณ 150-200 บาท ติดต่อได้ที่หน้าเคาท์เตอร์เช็คอินเลย
ใครที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Facebook: PAUSEresort



เราพักห้องแบบที่ 2
ชื่อห้องตามที่เขียนในเว็บ คือ Room No.2 “Shade of the Sunbeam”
ห้องพักจะมีเตียงควีนไซส์ มีโทรทัศน์ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งในห้องนอน และในห้องน้ำ
ห้องพัก กับห้องน้ำจะอยู่แยกกัน คือเหมือนเรามีสเปซเป็นส่วนตัวมาก





ขอโน๊ตนิดนึงว่า ห้องพักแนวนี้ไม่เหมาะกับผู้สูงอายุนะ จริงๆ เราว่าผู้ใหญ่อาจจะไม่ค่อยชอบด้วย
สไตล์มันใช่สำหรับวัยรุ่นแบบพวกเรา แต่คงไม่สะดวกกับผู้สูงอายุหรือมาแบบครอบครัวเท่าไหร่นัก
หลังจากเราเข้าไปเก็บของเรียบร้อยแล้ว เราก็เช่ามอเตอร์ไซค์กับที่พักนั่นแหล่ะ
ทีนี้ก็ถึงเวลาออกไปซิ่งกัน!



ที่เกาะล้านมีหาดอยู่หลายหาดมากๆ
อย่างหาดตาแหวน ที่คนนิยมเที่ยวมากที่สุด เป็นหาดที่ใหญ่ มีท่าเรือ มีร้านอาหารเต็มไปหมดเลย
แต่คนก็เยอะมากเช่นกัน โดยเฉพาะทัวร์จีน
ต่อมาก็คือหาดที่อยู่ติดกัน คือหาดสังวาลย์ หาดที่มีสะพานไม้สวยๆ ที่เห็นหลายๆ คนชอบไปถ่ายรูป
แล้วก็ยังมี หาดทองหลาง หาดแสม หาดเทียน
และหาดนวล ที่ใกล้ PAUSE RESORT มากที่สุด แบบขับรถไป 5 นาทีถึงเลย
ใครที่อยากลงเล่นน้ำใกล้ๆ ก็ไปที่หาดนวลได้โดยออกจากที่พักก็เลี้ยวขวาไปเรื่อยๆ

แต่ว่า…

แต่น แต๊นนนน~
เรามีหาดในใจที่คิดไว้ตั้งแต่ก่อนมาแล้ว
นั่นก็คือ “หาดตายาย” นั่นเอง









หาดตายายอยู่ไม่ไกลจากที่พักเราท่าไหร่ ขับรถออกมาเรื่อยๆ เลยท่าหน้าบ้านมาอีกนิด
เราว่าแต่ละหาดก็หาไม่ยากหรอก มีป้ายบอกตลอดทาง
เพียงแต่ลำบากตรงที่ถนนแต่ละที่เล็กมากๆ โดยเฉพาะถนนแถวๆ ตลาดท่าหน้าบ้าน
จะเลี้ยว จะสวนกันที ต้องระวังอยู่เหมือนกัน
มีน้ำใจในการใช้รถใช้ถนนกันหน่อยนะ ใจเย็นๆ เวลาต้องรอให้รถอีกคันสวนไปก่อน
จะได้แฮปปี้ในการมาเที่ยว ยิ้ม



สำหรับเรา เรามาทะเลเพราะอยากมาพักแบบเต็มที่
อยากหาโมเมนท์ที่ให้จิตใจได้พักผ่อน
หาสเปซที่สงบกว่าตอนใช้ชีวิตวุ่นๆ อยู่กรุงเทพฯ
หาบรรยากาศใหม่ๆ ที่เราไม่ได้เจอในทุกๆ วัน

…จริงๆ แล้วเราไม่ชอบเล่นน้ำทะเล…

แต่เราก็ยังรักทะเล และก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้มาทะเลนะ



ก็แค่นอนฟังเสียงคลื่น…ภายใต้ท้องฟ้าสีครามสดใส…มองเห็นเรือใบ…แล่นอยู่ในทะเล…ทะเล้ ทะเล~
ฮ่าๆ เราพึ่งรู้ว่าจริงๆแล้วเพลงสมัยเด็กๆ ก็ทรีทตัวเองในตอนนี้ได้เหมือนกันนะ
ชีวิตคนเราจะต้องการอะไรไปกว่าการได้นอนอยู่เฉยๆ ไม่ต้องนึกถึงเรื่องอะไร
หลีกหนีจากความเครียดที่เหมือนมรสุมทั้งที่ไม่ได้อยู่กลางทะเล

… แต่พอได้มาทะเล…คลื่มลมกลับสงบได้อย่างน่าประหลาดใจ…





หาดตายายเป็นหาดที่เงียบและส่วนตัวมากๆ ส่วนใหญ่จะมีแต่ฝรั่งมานอนอาบแดดไม่กี่คน
น้ำจึงใสและสวยมากๆ ภาพทะเลที่เห็นทุกภาพ เราไม่ได้แต่งภาพเลยนะ
มาจากกล้องไม่ผ่านการ process ใดๆ ทั้งสิ้น

…เราว่าธรรมชาติมีความสวยงามในตัวของมันเองอยู่แล้ว…

และเพราะว่าหาดตายายเป็นหาดส่วนตัวที่สงบมากๆ นั่นเอง
อาหารที่ขายที่นี่จึงมีเพียงร้านเดียว และเราว่า “แพง” ไปสำหรับเรา
หลังจากที่เราพักผ่อนหย่อนใจ ทรีทตัวเองกลับมาสู่โหมดปกติแล้ว
น้ำย่อยในกระเพาะเราก็เริ่มทำงาน “หิวอ่ะ”
เราเลยขับรถออกมาจากหาด เจอร้านอาหารตามสั่งเยอะแยะเลย
เราไม่รู้หรอกว่าร้านไหนอร่อย ไม่รู้ด้วยว่าร้านไหนขายอาหารราคาเท่าไหร่
แต่เรามาเที่ยว…เราก็ปล่อยชิลล์กับทุกเรื่องนั่นแหล่ะ
เราก็เลือกร้านที่อยู่หัวมุมถนนร้านหนึ่ง สั่งข้าวราดพริกแกงธรรมดาๆ (ไม่มีรูปนะ ขออภัย)
แล้วในระหว่างที่กำลังจะกลับที่พัก เราก็เจอร้านกาแฟร้านหนึ่ง
เคยเห็นในกระทู้พันทิปอยู่แว๊บๆ ว่าขึ้นชื่ออยู่เหมือนกัน แถมมีที่พักด้วย
ให้ทายว่าร้านอะไร ติ๊กต่อก ติ๊กต่อก…







เฉลย…ร้านบ้านชาวเกาะนั่นเอง
จริงๆ แล้วเป็นที่พักด้วยนะ แต่ก็มีคาเฟ่ข้างหน้า มีที่นั่งแค่ตรงบาร์หน้าร้าน
ถ้าไปช่วงเย็นๆ หน่อยจะโอเคมาก เพราะตอนที่เราไปแดดร้อน





ขายเครื่องดื่ม กาแฟ ชา ร้อน เย็น ราคาเบาๆ 40-60 บาทประมาณนี้
เราแวะซื้อโกโก้เย็นแก้วเดียว แต่ถ่ายรูปเหมือนมาเหมาร้านเค้าเลยเนอะ ฮ่าๆ
จากนั้นเราก็กลับที่พัก ไปอาบน้ำใหม่… ตั้งแต่เดินทางมาถึงก็ยังไม่ได้เปลี่ยนชุดเลย
เหนียวตัวมากๆ อากาศร้อนจริงจัง (ตอนที่เราไปคือช่วงเดือนพฤศจิกายน ปี2558นะคะ)
แม้ว่าจะร้อนไม่เท่าช่วงนี้ก็เหอะ แต่ประเทศไทยเนอะ…







และแล้วเราก็มาถึง Maharak Cafe
เราว่าใครที่มาเกาะล้าน แล้วไม่ได้มาร้านนี้ก็เหมือนมาไม่ถึง
มา-หา-รัก คาเฟ่ อยู่ใกล้ที่พักเรามากเลย จากที่พักเลี้ยวซ้ายมาเรื่อยๆ ทางไปท่าหน้าบ้าน
เราแวะมานั่งชิลล์ตอนบ่ายสาม ช่วงนั้นยังไม่ค่อยมีคน เราเลยได้มุมดีๆ
มุมเอาท์ดอร์ นั่งมองทะเลไป จิบน้ำเย็นๆ ไป…จะมีความสุขอะไรขนาดนั้น







เราว่าหลายๆ คนที่มาที่นี่ก็คงรู้สึกชอบที่นี่เหมือนเรา
แต่อีกหลายๆ คนก็อาจจะสงสัยว่าทำไมร้านนี้ถึงได้ฮิตฮอตอะไรขนาดนั้น ทั้งๆ ที่ก็ดูธรรมดาทั่วไป
อื้มมมม…ตอบยากนะ
ต่างคนก็ต่างมีความชอบ และเหตุผลมาซัพพอร์ทความชอบของตัวเองแตกต่างกันออกไปเนอะ
แต่สำหรับเรา…เราชอบที่มันดูเฟรนลี่ น่าเข้าหา และสบายใจเวลาอยู่ด้วย (เปรียบเหมือนคนนั่นแหล่ะ)
เรารู้สึกแบบนี้ตั้งแต่ตอนที่เห็นรูปในเน็ตแล้ว…พอได้มาจริงๆ เราก็ยังรู้สึกแบบนั้น
นึกออกไหมว่าร้านที่ชิลล์และโคซี่ได้อารมณ์นี้บนเกาะ มันก็มีไม่กี่ที่หรอก
อาจจะไม่ใช่ร้านที่ใหญ่โต บริการระดับห้าดาว มีอาหารจานแปลก
แต่เราว่าแบบนี้นี่มันเข้ากับทะเลที่สุดแล้ว…ใช่ที่สุดแล้ว



เพื่อรวมทางของเรา เราใช้ Fujifilm x-m1 กับเลนส์ 18mm f2 ตลอดทริป
ใช้มาตั้งแต่ยังไม่ฮิตจนมันฮิตก็ยังรักอยู่นะ ไม่ใช่คนที่ถ่ายรูปสวยอะไร เบี้ยวบ้าง สีเพี้ยนบ้าง
แต่ชีวิตตั้งแต่มีกล้องนี่ขาดไม่ได้จริงๆ



เรายังอิ่มกับอาหารบ่าย (?) ของเราอยู่ เลยได้แต่สั่งน้ำเย็นๆ ซ่าๆ
อารมณ์ประมาณว่าน้ำหวานผสมโซดามาแก้วนึง
แล้วก็ถ่ายรูปเล่น นั่งคุยกับแฟน นั่งนินทาชาวบ้านไปเรื่อย (เดี๋ยว)
วันที่เราไปเป็นวันเกิดเรา เราบอกแฟนเราว่าปีนี้ไม่เอาของขวัญนะ
แต่ขอให้มาเที่ยวด้วยกัน อยากมาที่นี่นานแล้ว ไม่ได้มาซักที
และอย่าคิดว่าเรากำลังบอกว่าแฟนเราทำเซอร์ไพรส์อะไร
…ไม่มีจ้าาา ฮ่าๆ แค่บอกเฉยๆ ว่าเราไปวันเกิด
นั่นแหล่ะ…จบ



\

ที่นั่งด้านในก็อบอุ่นไม่แพ้กัน เย็นกว่าด้วยเพราะมีแอร์
เราชอบอะไรที่นุ่มๆ นิ่มๆ มีหมอนเยอะๆ มาก แบบขั้นเสพติดอะไรที่ดูหมอนๆ หรือ “ความหมอน”
เวลาไปไหนก็ตาม เรามักจะเลือกร้านที่มีหมอนเยอะๆ และแน่นอนว่าเราต้องนั่งฝั่งที่มีหมอน
หรืออย่างน้อยก็มีเบาะเสมอ ไม่ชอบเก้าอี้แข็งๆ แบบมากๆๆๆๆๆๆๆ (ย่อหน้านี้ไม่มีสาระแบบขั้นสุด)



ที่นี่มีโปสการ์ดด้วยนะ แน่นอนว่าเราต้องอยากส่งโปสการ์ดหาตัวเองเวลามาเที่ยวอีกตามเคย
แต่เราไปซื้อแล้วก็ฝากส่งที่ร้านค้าตรงท่าเรืออ่ะ แล้วเหมือนว่าแม่ค้าคงลืมเอาไปส่งให้มั้ง
จนวันนี้ผ่านมาหลายเดือนแล้ว เรายังไม่ได้โปสการ์ดจากเกาะล้านเลย เสียใจหนักมาก  T^T
ชื่อสินค้า:   เกาะล้าน พัทยา
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่