คือเรื่องมันเกิดจากพ่อผมเป็นนักธุกิจทำเกียวกับอสังหาริมทรัพย์ จึงร็จักเจ้าของบริษัทนูนนี้เป็นธรรมดา แต่เรื่องมันดันเกิดเมื่อราวๆเกือบ10ก่อน เจ้าของบริษัทประกันยี่ห้อนึง(ผมขอไม่เอ่ยชื่อ) ยืมเงินพ่อผมไป10ล้าน จนเมื่อเวลาผ่านไป2-3ปี พ่อผมสืบทราบว่า บริษัทประกันที่พ่อผมให้ยืมเงินไปกำลังจะล้มลาย!! พ่อผมจึงตัดสินใจเดินทางไปคุย เค้าก็ยอมรับกับพ่อผมตรงๆว่าเค้ากำลังจะล้มลายเค้าบอกว่าไม่มีเงินคืนให้ แล้วตอนนี้เค้าก็กำลังโยกทรัพย์สินที่มีถ่ายโอนให้คนอื่นอยู่ พ่อผมจึงรู้ว่าเค้ามีหนี้สินเยอะมากๆ จนกระทั้งเค้าบอกพ่อผมว่าเค้ามีทรัพย์สินเหลืออยู่คือตึกๆนึงเป็นตึกของบริษัท ซึ่งตึกนันทีมูลค่า20ล้านบาท เค้าจะโอนให้ถ้าพ่อหาเงินมาให้เค้าอีก10ล้าน พ่อผมเลยรีบปรึกษาทนายส่วนตัว จึงสรุปง่ายๆว่า ถ้าไม่หาเงินอีก10ล้านไปให้ 10ล้านแรกที่เราให้เค้ายืมก็จะศูนย์ พ่อผมจึงตัดตัดสินใจหาเงินอีก10ล้านไปให้เข้า เพื่อที่จะได้ตึกที่มีมูลค่า20ล้านมา พอให้เงิน10ล้านแล้วโอนตึกมาเป็นของเราเสร็จอีก 10ว่าวัน ก็ล้มละลายๆจริงๆ พอได้ตึกมาเสร็จด้วยความที่เราเป็นคนทำธุรกิจมันก็ต้องใช้เงิน จึงนำตึกไปขายแต่ว่าตึกนันถูกอายัดพ่อผมก็จึงนำหลักฐานทุกอย่างไปยืนต่อศาล ศาลจึงมีคำสั่งให้พ่อผมขายตึกนันได้ แล้วเราก็ขายตึกนันได้ 20ล้านจริงๆ ตอนแรกๆคิดว่ามันคงจะจบ แต่!! เมื่อ4-5ปี มีเจ้าหน้าเป็นโจทย์ยื่นฟ้องพ่อผมในข้อหาประมานว่าพ่อผมรู้กันกับเจ้าของบริษัท โจทย์เป็นเจ้าหน้าที่และผู้เสียหายอื่นๆรวมกัน ที่ให้เจ้าของบริษัทยืมเงินเหมือนกัน หลักแสนหลักล้านว่ากันไปในขณะที่โจทย์ยื่นฟ้องศาลแพ่ง เค้าก็ได้ยื่นฟ้องศาลล้มละลายด้วยเหมือนกัน พ่อผมก็สู้คดีจนถึงฎีกามี่คำสั่งว่าให้ยกฟ้อง แต่ในขณะที่ศาลล้มลาย ชั้นต้นมีคำสั่งให้พ่อผมนำตึกกลับมาหรือไม่ก็นำเงินมาชดใช้ 20ล้าน พ่อผมจึงสู้อุทธรณ์ของศาลล้มลายต่อ ซึ่งตรงนี้ผมก็กังวลว่าผมจะออกมาเป็นยังไง ถ้าศาลมีคำสั่งให้พ่อผมชดใช้จริงๆ คงต้องล้มละลาย พ่อมีหลักฐานทุกอย่าง แต่เหมือนว่าพอเค้าเห็นว่าโจทย์เป็นเจ้าหน้าที่ก็ไม่ฟังอะไรเลย ตอนนี้คำถามเหลือเพียง 1.โจทย์สามารถฟ้อง 2ศาลควบคู่กันได้ด้วยหรอครับ
2.จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงทุกอย่างมีหลักฐานการยืมเงิน จำนองตึก คดีจะมีโอกาศเป็นเหมือนชั้นต้นไหมครับ ที่ให้พ่อผมชดใช้
ในเมื่อเรามีคำสั่งของฎีกาอยู่
3.ถ้าศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ชดใช้จริงๆ เราจะยึดตามศาลไหนดีครับ ระหว่างฎีกาที่ยกฟ้อง กับอุทธรณ์ของศาลล้มละลาย
ถ้ามีคำสั่งสั่งให้ชดใช้จริงๆคงต้องล้มละลายแหละครับเงิน20ล้าน ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ เอามากินมาใช้ แล้วเอาเงินไม่กี่ล้านที่เหลือไปลงทุนกับเพือนแล้วกินกำไรเอาเดือนนึงได้ประมานแสนนึง ผมก็แอบหวั่นๆใจนะครับถ้าล้มทีนี้ก็ไม่มีที่อยู่กันเลย มาโยกทรัพย์สินตอนนี้คงไม่ทัน ที่ไม่ได้โยกก่อนเพราะพ่อผมบอกว่าเราทำสุจริต เราไม่ต้องกลัวแต่พอชั้นต้นของศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ชดใช้ พ่อผมคงเพิ่งจะเข้าใจว่าบางอย่าง คนที่มีเงินมีอำนาจความดีความถูกต้องก็เอาชนะไม่ได้ พอจะมาคิดโยกทรัพย์สินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว สำหรับเจ้าของบริษัทที่ผมพูดถึง คือเค้าพยามกอดเงินสดไว้ซึ่งผมเข้าใจ แต่กลายเป็นว่าคนที่พยามรักษาเงินก้อนแรกอย่างพ่อผมกลับตอนมามีปัญา แล้วผมก็คิดว่ายังมีคนที่โดนอย่างผมอีกหลายคนแน่นอน ผมยืนยันอีกนะครับว่าเราไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรเกียวกับการถ่ายโอนทรัพย์สินของเค้าเลย เราแค่จะปกป้องเงิน10ล้านของเรา....ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะครับ
พ่อผมกำลังโดนฟ้องล้มละลาย
2.จากที่ผมเล่ามาทั้งหมดเป็นความจริงทุกอย่างมีหลักฐานการยืมเงิน จำนองตึก คดีจะมีโอกาศเป็นเหมือนชั้นต้นไหมครับ ที่ให้พ่อผมชดใช้
ในเมื่อเรามีคำสั่งของฎีกาอยู่
3.ถ้าศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ชดใช้จริงๆ เราจะยึดตามศาลไหนดีครับ ระหว่างฎีกาที่ยกฟ้อง กับอุทธรณ์ของศาลล้มละลาย
ถ้ามีคำสั่งสั่งให้ชดใช้จริงๆคงต้องล้มละลายแหละครับเงิน20ล้าน ตอนนี้ไม่มีแล้วครับ เอามากินมาใช้ แล้วเอาเงินไม่กี่ล้านที่เหลือไปลงทุนกับเพือนแล้วกินกำไรเอาเดือนนึงได้ประมานแสนนึง ผมก็แอบหวั่นๆใจนะครับถ้าล้มทีนี้ก็ไม่มีที่อยู่กันเลย มาโยกทรัพย์สินตอนนี้คงไม่ทัน ที่ไม่ได้โยกก่อนเพราะพ่อผมบอกว่าเราทำสุจริต เราไม่ต้องกลัวแต่พอชั้นต้นของศาลล้มละลายมีคำสั่งให้ชดใช้ พ่อผมคงเพิ่งจะเข้าใจว่าบางอย่าง คนที่มีเงินมีอำนาจความดีความถูกต้องก็เอาชนะไม่ได้ พอจะมาคิดโยกทรัพย์สินตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว สำหรับเจ้าของบริษัทที่ผมพูดถึง คือเค้าพยามกอดเงินสดไว้ซึ่งผมเข้าใจ แต่กลายเป็นว่าคนที่พยามรักษาเงินก้อนแรกอย่างพ่อผมกลับตอนมามีปัญา แล้วผมก็คิดว่ายังมีคนที่โดนอย่างผมอีกหลายคนแน่นอน ผมยืนยันอีกนะครับว่าเราไม่มีส่วนรู้เห็นอะไรเกียวกับการถ่ายโอนทรัพย์สินของเค้าเลย เราแค่จะปกป้องเงิน10ล้านของเรา....ยังไงก็ขอบคุณล่วงหน้านะครับ