สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
ที่ประเทศซาอุดิ อราเบียดินแดนศาสนานี้ก่อเกิดมา เวลาเสียงอาซาน ดังขึ้นจะมีพวกเคร่งศาสนาเรียกว่ามุสตาวาร์ เดินตรวจตราคนแถวๆมัสยิส ตามที่สาธารณะ ว่าเตรียมตัวไปล้างมือล้างไม้เตรียมละหมาดหรือเปล่าจริงๆมีคำเรียกภาษาอาหรับครับ แต่ผมไม่อยากเขียนเดี๋ยวจะมีพวกคลั่งศาสนามาก่อกวน หากสงสัยอาจถามว่าเอ็งน่ะมุสลิมหรือเปล่า หรือถึงกับขอดูอกามาร์ (บัตรประจำตัวของบุคคลต่างชาติที่ทำงานในนั้น) ร้านรวงต่างๆต้องปิดครับ ฝ่าฝืนมีการจับปรับด้วย ฉนั้นก่อนเข้าร้าน หรือเข้าร้านอาหารจะต้องรู้เวลา เขาไม่สนใจใครคืลูกค้าครับ เสียงอาซานต้องเตรียมตัวปิด
ประเทศนั้นเวลาเข้าประเทศนั้นสิ่งที่เข้มงวดสุดๆคือห้ามนำสิ่งของบูชาหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาต่างๆของศาสนาอื่นๆเข้าเด็ดขาด หรือเข้าไปในนั้นห้ามตั้งวัด หรือเผยแพร่ศาสนาอื่นๆนอกจากศาสนตนเองเท่านั้น ย้ำเท่านั้น
เวลาเดือนถือศีลอดห้ามกินของหรือดื่มน้ำต่อหน้า คนนับถือศาสนานี้ แต่เชื่อนะครับคนนับถือศาสนนี้จะอ้วน เดือนนี้ เพราะถือว่าอดมาทั้งวันกลางคืนเลยใส่เต็มๆแบบไม่บันยะบันยัง อาหารจะมีแบบพิเศษเดือน เรียกว่าทำชดเชยที่อดมาหรือยังไงนี้แหละครับ เลยงงว่า คืออะไรทำไมเป็นเช่นนี้ เพราะศาสนานี้บอก การถือศีลอดหมายถึง เอ็งจะเป็นใครมาก็ตามยากดีมีจนก็ต้องอดอาหารเช่นกัน เขียนตามที่เห็นมาครับไม่ได้นั่งเทียนเขียนหรืออ่านหนังสือเอา
เพราะการสอนศาสนามีรากฐานมาแบบนั้กระมัง เลยเกิดการตำหนิแบบมีคำถามในใจ หากคุณพลาดไปละหมาด จะโดนคนศาสนานเดียวกันตำหนิเลยว่าเอ็งไม่ใช่มุสลิมเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่าถามถึงครับ ผู้หญิงคือผู้ทำตามห้ามโต้แย้งไดๆทั้งสิ้น ห้ามขับรถ ห้ามฝ่าฝืนไม่ใส่ชุดคลุมหน้า เคยมีหญิงทำตัวไม่ยอมปิดหน้า หรือขับรถ แต่ก็โดนจับครับที่นั่นศาสนาเป็นใหญ่ครับ ห้ามเถียงห้ามถาม เพราะมุสตาวาร์คือผู้ชี้ขาดครับ ก็ให้อ่านเอาว่าบังคับไหม หากอยู่ที่นั่นก็ห้ามศาสนาอื่นๆ แต่พอออกมานอกประเทศ กลับอยากเผยแพร่ศาสนาตนเอง เท่าที่จะทำได้ อยากแบ่งแยกการปกครองว่าจักต้องมีแต่พวกข้าเท่านั้น พยายามจะแบ่งที่นี่คือดินแดนมุสลิม แปลกดีไหมครับ
ประเทศนั้นเวลาเข้าประเทศนั้นสิ่งที่เข้มงวดสุดๆคือห้ามนำสิ่งของบูชาหรือสัญลักษณ์ทางศาสนาต่างๆของศาสนาอื่นๆเข้าเด็ดขาด หรือเข้าไปในนั้นห้ามตั้งวัด หรือเผยแพร่ศาสนาอื่นๆนอกจากศาสนตนเองเท่านั้น ย้ำเท่านั้น
เวลาเดือนถือศีลอดห้ามกินของหรือดื่มน้ำต่อหน้า คนนับถือศาสนานี้ แต่เชื่อนะครับคนนับถือศาสนนี้จะอ้วน เดือนนี้ เพราะถือว่าอดมาทั้งวันกลางคืนเลยใส่เต็มๆแบบไม่บันยะบันยัง อาหารจะมีแบบพิเศษเดือน เรียกว่าทำชดเชยที่อดมาหรือยังไงนี้แหละครับ เลยงงว่า คืออะไรทำไมเป็นเช่นนี้ เพราะศาสนานี้บอก การถือศีลอดหมายถึง เอ็งจะเป็นใครมาก็ตามยากดีมีจนก็ต้องอดอาหารเช่นกัน เขียนตามที่เห็นมาครับไม่ได้นั่งเทียนเขียนหรืออ่านหนังสือเอา
เพราะการสอนศาสนามีรากฐานมาแบบนั้กระมัง เลยเกิดการตำหนิแบบมีคำถามในใจ หากคุณพลาดไปละหมาด จะโดนคนศาสนานเดียวกันตำหนิเลยว่าเอ็งไม่ใช่มุสลิมเรื่องสิทธิมนุษยชนอย่าถามถึงครับ ผู้หญิงคือผู้ทำตามห้ามโต้แย้งไดๆทั้งสิ้น ห้ามขับรถ ห้ามฝ่าฝืนไม่ใส่ชุดคลุมหน้า เคยมีหญิงทำตัวไม่ยอมปิดหน้า หรือขับรถ แต่ก็โดนจับครับที่นั่นศาสนาเป็นใหญ่ครับ ห้ามเถียงห้ามถาม เพราะมุสตาวาร์คือผู้ชี้ขาดครับ ก็ให้อ่านเอาว่าบังคับไหม หากอยู่ที่นั่นก็ห้ามศาสนาอื่นๆ แต่พอออกมานอกประเทศ กลับอยากเผยแพร่ศาสนาตนเอง เท่าที่จะทำได้ อยากแบ่งแยกการปกครองว่าจักต้องมีแต่พวกข้าเท่านั้น พยายามจะแบ่งที่นี่คือดินแดนมุสลิม แปลกดีไหมครับ
love2loveU ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2806184 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2044135 ถูกใจ, นายบางโพ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1736054 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1567547 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2852323 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2470813 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2844850 ทึ่ง, my chulo ถูกใจรวมถึงอีก 8 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 79
อ่านแล้วขำมุสลิมบางคน
1. ตอนแรกบอกประหารได้ถ้ามีเจตนามุ่งร้ายต่อรัฐ
2. พอโดนแย้งว่ามีกรณีไม่มุ่งร้ายต่อรัฐแต่หมดศรัทธาต่อศาสนาก็ทำการประหารได้ ก็อ้างว่าช่วงสงคราม
3. พอมีคนยกข้อมูลมาว่ามีมุสลิมอยากมีเมียเด็ก 9 ขวบบอกว่าสงครามหรือไม่สงครามไม่เกี่ยว แค่เหตุผลหมดศรัทธาก็เพียงพอต่อการประหาร
พอจบข้อ 3 นี่ไปไม่เป็นเลย เอามันถูกหมดทุกอย่างเลย
1. ตอนแรกบอกประหารได้ถ้ามีเจตนามุ่งร้ายต่อรัฐ
2. พอโดนแย้งว่ามีกรณีไม่มุ่งร้ายต่อรัฐแต่หมดศรัทธาต่อศาสนาก็ทำการประหารได้ ก็อ้างว่าช่วงสงคราม
3. พอมีคนยกข้อมูลมาว่ามีมุสลิมอยากมีเมียเด็ก 9 ขวบบอกว่าสงครามหรือไม่สงครามไม่เกี่ยว แค่เหตุผลหมดศรัทธาก็เพียงพอต่อการประหาร
พอจบข้อ 3 นี่ไปไม่เป็นเลย เอามันถูกหมดทุกอย่างเลย
love2loveU ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2806184 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2205387 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2044135 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1567547 ถูกใจ, my chulo ถูกใจ, ปั้งไส้ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2852323 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2458958 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2884406 ถูกใจรวมถึงอีก 2 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
ความคิดเห็นที่ 13
ลัทธิที่สอนให้ศรัทธาอย่างบ้าคลั่งก็แบบนี้แหละ เกิดมาปุ๊บก็ถูกยัดเยียดให้ศรัทธาเลย ปัญญามีคิดเองไม่ได้หรอก จะทำอะไรก็ต้องกางคัมภีร์ออกมาดูสาวกก็เชื่อไม่ลืมหูลืมตา ในโลกนี้ไม่มีศาสนาไหนหรอกที่บ้าคลั่งฆ่าคนคิดต่าง ไม่มีศาสนาไหนผลิตผู้ก่อการร้ายฆ่าคนโดนอ้างศาสนา มีอยู่ลัทธิเดียวจริงๆ หลักฐานเป็นที่ประจักรแก่ชาวโลกไม่มโนแน่นอน
สมาชิกหมายเลข 2652217 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2806184 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2044135 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1736054 ถูกใจ, ปั้งไส้ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2458958 ถูกใจ
ความคิดเห็นที่ 5
เคยได้อ่านเจอไหม ผู้หญิงคนนึงถูกฆ่าเพียงเพราะเธอเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ คนอิสลามถือว่า คนที่นับถือศาสนาอื่นเป็นคนชั่ว ต้องฆ่าให้หมด และคนอิสลามเชื่อว่า ไม่ว่าจะชั่วร้ายต่ำทรามสักเพียงไหนก็ยังดีกว่าคนที่ดีที่สุดที่นับถือศาสนาอื่น
สมาชิกหมายเลข 721464 ซึ้ง, love2loveU ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 2806184 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2044135 ถูกใจ, my chulo ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2458958 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 839221 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 2815827 ทึ่ง, ปั้งไส้ ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 2945496 ถูกใจรวมถึงอีก 2 คน ร่วมแสดงความรู้สึก
แสดงความคิดเห็น
ศาสนาอิสลามไม่มีการบังคับการนับถือศาสนาจริงๆหรือ?
รอยเตอร์ / เอเจนซีส์ / MGR online – เกิดเหตุกลุ่มผู้ต้องสงสัยที่คาดว่าจะเป็นสมาชิกกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ใช้มีดจ้วงแทงชายคนหนึ่งซึ่งเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์จนเสียชีวิตทางภาคเหนือของบังกลาเทศในวันอังคาร (22 มี.ค.) ถือเป็นเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่พุ่งเป้าต่อชีวิตของผู้นับถือศาสนาอื่นในประเทศนี้ ซึ่งคนส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม
บังกลาเทศซึ่งตั้งอยู่ในภูมิภาคเอเชียใต้ กลายเป็นประเทศที่ความรุนแรงทางศาสนา ที่ก่อโดยพวกอิสลามิสต์ พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเหตุรุนแรงที่เกิดขึ้นล่าสุดนี้ ทางตำรวจระบุว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุซึ่งขี่รถจักรยานยนต์เป็นพาหนะได้รุมทำร้ายและแทงฮอสเซ็น อาลี วัย 68 ปี เสียชีวิต ขณะที่เขากำลังวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าที่เขตคุรีกรัม ทางเหนือของกรุงธากา
โตบารัค อุลเลาะห์ หัวหน้าตำรวจประจำเขตคุรีกรัม เปิดเผยเพิ่มเติมกับรอยเตอร์ทางโทรศัพท์โดยระบุ กลุ่มผู้ก่อเหตุได้ขว้างระเบิดเพลิงหลายลูกในจุดเกิดเหตุ เพื่อสร้างความแตกตื่นให้กับประชาชนด้วยเช่นกัน และว่า ผู้เสียชีวิตรายนี้ คือ ฮอสเซ็น อาลี ได้เปลี่ยนศาสนาจากอิสลามไปนับถือศาสนาคริสต์ตั้งแต่เมื่อปี ค.ศ. 1999
หัวหน้าตำรวจประจำเขตคุรีกรัมระบุว่า ขณะนี้มีการนำตัวชายสามคนมาสอบสวน แต่ยังไม่มีการตั้งข้อกล่าวหาแต่อย่างใด และถึงแม้จะยังไม่มีการยืนยันที่แน่ชัดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญครั้งนี้เป็นพวกอิสลามิสต์หรือไม่ แต่ทางตำรวจระบุว่า ลักษณะของการลงมือก่อเหตุมีความคล้ายคลึงกับเหตุรุนแรงทางศาสนาที่ก่อโดยพวกอิสลามิสต์ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ บังกลาเทศ ถือเป็นบ้านของกลุ่มติดอาวุธอิสลามิสต์ “ญามาอัต-อุล-มูญาฮิดีน”ซึ่งมีจุดมุ่งหมายสูงสุดที่จะเปลี่ยนดินแดนที่เป็นบ้านของประชากรราว 160 ล้านคนแห่งนี้ให้กลายเป็นรัฐอิสลามสุดโต่ง
http://manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9590000030001