9 อย่างที่ต้องคำนึงถึงเมื่อซื้อ Power meter

Power meter อุปกรณ์ที่อุตสาหกรรมส่วนใหญ่ล้วนต้องมีไว้ใช้งาน ในการควบคุมพลังงานไฟฟ้า จัดการพลังงาน เพื่อให้ใช้พลังงานไฟฟ้าได้อย่างมีคุณภาพ แต่การทำงานของ Power meter จะมีประสิทธิภาพเต็มที่หรือไม่นั้น ก็ต้องดูตั้งแต่การเลือกมิเตอร์อย่างเหมาะสมด้วยค่ะ วันนี้เราจึงมีเกร็ดเล็กๆ 9 ข้อ ในการเลือก Power meter มาฝาก


ตัวอย่าง Power meter
ภาพจาก : https://www.factomart.com/th/power-distribution/metering/digital-power-meter.html



โดยสิ่งที่ควรคำนึงถึง ในการเลือก Power meter มีดังนี้

1. ค่าพื้นฐานทางไฟฟ้า
ค่าพื้นฐานทางไฟฟ้าที่ Power Meter ควรจะวัดได้ตามตารางที่แสดงด้านล่าง



จากตารางข้างต้น หากผู้ใช้งานมีความต้องการวัดค่าฮาร์มอนิกแบบแยกลำดับ ควรจะใช้รุ่นเฉพาะที่มีฟังก์ชั่นวัดค่าฮาร์มอนิกได้ (PF & harmonic) โดยทั่วไปลำดับของฮาร์มอนิกที่ใช้กันจะมีแบบ THD, 31 ลำดับ, 63 ลำดับ เป็นต้น
เนื่องจากผู้ใช้งานอาจจะพบเจอปัญหาที่มักจะหาสาเหตุไม่ได้ เช่น ตู้ CAP Bank มักจะระเบิดบ่อยๆ หรือ เครื่องจักรบางตัวมักจะเสียโดยไม่ทราบสาเหตุ เป็นต้น เพราะฉะนั้นควรจะติดตั้งมิเตอร์ที่สามารถวัดค่าฮาร์มอนิก เพื่อนำมาประกอบในการวิเคราะห์ด้วย


2. ซอฟท์แวร์ที่ดีควรบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์หรือฐานข้อมูลได้
ควรเลือกระบบซอฟท์แวร์ที่สามารถเก็บบันทึกข้อมูลในคอมพิวเตอร์หรือฐานข้อมูลสำหรับการวิเคราะห์ระบบไฟฟ้าได้ ซึ่งขึ้นกับซอฟท์แวร์ของแต่ละระบบ


3. สามารถวัดค่าต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย
3.1 มิเตอร์ควรสามารถเก็บบันทึกค่า Min, Max, Average หรือ Demand ได้ และสามารถเก็บบันทึกข้อมูลค่ากิโลวัตต์ แล้วนำไป Plot กราฟแสดงที่มิเตอร์ได้
3.2 ควรเลือกจาก Accuracy ที่สูงๆ เพื่อลดเปอร์เซ็นความผิดพลาดในการอ่านค่าทางไฟฟ้าต่างๆ โดยเฉพาะ ค่า Active Power ควรเลือกที่ Class 0.5s เพราะเป็น Class ที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุดแล้วในมิเตอร์ปัจจุบันนี้
3.3 ควรเลือกมิเตอร์ที่สามารถวัดได้ทั้งระบบ Low Voltage , ระบบ Medium Volt และ ระบบ High Volt
3.4 ควรเลือกมิเตอร์ที่สามารถวัด ฮาร์มอนิกแบบ THD หรือ แบบแยกลำดับ (31 ลำดับ, 63 ลำดับ)


ตัวอย่างการแสดงผล



4. Option เสริมเติมประสิทธิภาพได้
มิเตอร์ควรมี Option เสริมให้เลือกหลากหลาย เช่น การรับ input เข้ามาอ่านค่าในมิเตอร์ หรือการส่ง output ออกไปแสดงผลข้างนอกได้


5. ย่านแรงดัน Supply
ควรเลือกมิเตอร์ที่มี ย่านแรงดัน Supply ให้ครอบคลุมทั้ง Single phase และ Three phase เพราะบางสถานที่ไม่มีนิวตรอน จำเป็นต้องใช้มิเตอร์ที่สามารถรับไฟ line to line เท่านั้น   เช่น 90 – 484 Vac เป็นต้น


6. หน้าจออ่านง่ายเห็นตัวเลขชัดเจน
สิ่งที่เราคาดหวังจากมิเตอร์เลยก็คือ การวัดค่าให้ตรงกับค่าจริงมากที่สุด  โดยหน้าจอแสดงผลของมิเตอร์บางยีห้อนั้นเป็น 7-segment ซึ่งปัญหาที่ทุกคนมักจะพบเลยคือ LED ขาดทำให้ค่าที่เราอ่านมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้น เช่น จากเลข 8 เป็น เลข 0 หรือ เลข 6 เป็นเลข 3 หรือแม้กระทั้งตัวหนังสือเป็นภาษาต่างดาว อ่านยาก เป็นต้น
นี่จึงเป็นเหตุผลหลักที่ทุกๆคนหันมาใช้หน้าจอแบบ Graphic LCD เพราะหน้าจอแสดงผลนั้นจะเป็นคำศัพท์ที่อ่านแล้วเข้าใจง่าย ทำให้อ่านค่าได้แม่นยำ และมีความหลากหลายในการแสดงผล เช่น ดูกราฟคุณภาพของไฟฟ้า หรือดูเป็นกราฟแท่งแยกแต่ละลำดับของฮาร์มอนิกส์ในระบบ  และควรมีโหมด Saving Energy ถนอมหน้าจอด้วยเพื่อยืดอายุการใช้งานของหน้าจอ


7. ช่องทางการส่งข้อมูลระหว่าง มิเตอร์ และ ซอฟท์แวร์
โดยการใช้งานจริงเราสามารถสั่งการทำงานจากซอฟท์แวร์ไปยังมิเตอร์ได้ หรือแม้กระทั่งสามารถติดตามข้อมูลของมิเตอร์ในขณะที่กำลังทำงาน หรือเก็บข้อมูลย้อนหลังก็สามารถทำได้
โดยหัวใจหลักที่จะทำให้กระบวนการทำงานเหล่านี้เป็นไปได้ก็ คือ Protocal ของมิเตอร์และซอฟท์แวร์นั้นจะต้องเป็นประเภทเดียวกัน เช่น ModBus Protocal, ProfiBus เป็นต้น



ประเภทของช่องทางการสื่อสารระหว่างมิเตอร์และซอฟท์แวร์
• Serial Port : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีต้นทุนต่ำ แต่ต้องการความเสถียรภาพ และความเร็วในการส่งข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ ควรใช้สายส่งข้อมูลดังนี้

            RS232 : ลักษณะการติดตั้ง คือ เป็นแบบ 1 ต่อ 1 ระยะสายควรจะไม่เกิน 100 เมตร

            RS485 : ลักษณะการติดตั้ง ควรติดตั้งแบบ Multi drop ใน 1 Loop  ควรมีมิเตอร์ 25-31 ตัว หรือระยะสายไม่ควรเกิน 1250 เมตร

• Eternet : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีวง Lan เป็นของตัวเองอยู่แล้ว เนื่องจากราคาของสายแลนค่อนข้างแพง แต่เสถียรภาพของการส่งข้อมูลและความเร็วในการส่งข้อมูลก็ดีกว่า RS232 และ RS485 ลักษณะการติดตั้งเป็นแบบ 1 ต่อ 1 และระยะสายไม่ควรเกิน 100 เมตร

• WIFI : เหมาะสำหรับโรงงานที่มีต้นทุนสูง และไม่สะดวกที่จะเดินสายไฟ แนะนำให้ส่งข้อมูลผ่าน WIFI


8. มี Reference
ควรเลือกซื้อมิเตอร์ที่มีคุณภาพและความน่าเชื่อถือ เป็นที่รู้จักหรือใช้กันตามโครงการใหญ่ๆ  


9. ความน่าเชื่อถือจากแหล่งที่ซื้อ
แน่นอนว่าตัวแทนจำหน่ายเป็นหนึ่งองค์ประกอบที่สำคัญมาก ทางที่ดีให้เลือกซื้อจากตัวแทนที่มีความเชี่ยวชาญด้านมิเตอร์ เพราะหลังจากซื้อไปแล้วถ้ามีปัญหา ทางตัวแทนจะได้เข้ามาแก้ไขให้ได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว



Cr: Khanaresa Chonsawat, จาก https://www.factomart.com/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  ไฟฟ้า กระทรวงอุตสาหกรรม
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่