จากหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ สอนลูกให้รวย เขียนโดย จี.คิงสลี่ย์ วอร์ด แปลโดย สมิทธิ์ จิตตานุภาพ เป็นข้อเขียนสั้นๆ ของ อัลเบิร์ต ฮับบาร์ด เมื่อปี ค.ศ. 1899 ชื่อ “ข่าวสารถึงการ์เซีย” เขาใช้เวลาเขียนราว 1 ชั่วโมง วิธีการเขียนง่ายๆ แต่บอกความหมายอย่างแจ่มชัด สร้างสรรค์ และเข้าใจง่าย ที่สาคัญคือ ข้อเขียนนี้ยังทันสมัย
อัลเบิร์ต ฮับบาร์ด เริ่มต้นว่า
ชายผู้หนึ่งโดดเด่นอยู่ในความทรงจาของข้าพเจ้า ราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามยามออกสู่สมรภูมิ
เมื่อเกิดสงครามกับประเทศสเปน สหรัฐอเมริกาจาเป็นที่จะต้องติดต่อกับนายพลการ์เซีย ผู้นา พวกกบฏอย่างเร่งด่วน ไม่มีใครรู้ว่าการ์เซียอยู่ในเทือกเขาแห่งใดในประเทศคิวบา ไม่อาจติดต่อทางไปรษณีย์ หรือโทรเลขถึงเขาได้ ประธานาธิบดีต้องการความร่วมมือจากเขาด่วนที่สุดจะทาอย่างไรดี มีคนบอกประธานาธิบดีว่า “คนชื่อโรแวนจะตามการ์เซียมาพบท่านได้”
โรแวนถูกตามตัวมารับข่าวสารที่จะต้องนาส่งถึงตัวนายพลการ์เซีย เหตุการณ์ต่อจากนั้น ข้าพเจ้า ไม่ขอขยายความ ขอพูดเพียงว่าคนที่ชื่อโรแวน พับจดหมายใส่ถุงหนังอย่างมิดชิด สอดไว้ในอกเสื้อตรงหัวใจของเขาพอดี ลงเรือ 3 วัน 4 คืน ขึ้นฝั่งที่คิวบาแล้วหายเข้าไปในป่าลึก อีก 3 สัปดาห์ต่อมา เขาย่าออกไปทางอีกด้านหนึ่งของเกาะเดินเท้าตลอดทาง เพื่อนาจดหมายไปส่งให้ถึงมือของนายพลการ์เซีย
ข้าพเจ้าจะมาบรรยายถึงความสมบุกสมบันของโรแวน เพราะต้องการจะเน้นในข้อที่ว่าประธานาธิบดีแม็คคินลีย์ยื่นจดหมายให้โรแวนนาไปส่งให้ถึง การ์เซีย ซึ่งเขาไม่ได้ถามว่า “การ์เซียอยู่ที่ไหน”
คนอย่างนี้สิ ที่น่าจะตั้งอนุสาวรีย์ของเขาไว้เคารพในสถานศึกษาทุกแห่งของประเทศ
คนทางานไม่ต้องการเพียงเรียนจากหนังสือ หรือคาแนะนาสั่งสอนให้ทาโน่นนี่ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะรับคาสั่งอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติตามคาสั่งทันทีโดยไม่ชักช้าหรือสงสัย มุ่งมั่นทาตามคาสั่งด้วยความตั้งใจและพลังทั้งหมด การกระทาเช่นนี้คือพฤติกรรมที่คนชื่อโรแวน นาข่าวสารไปส่งให้ถึงการ์เซีย เมื่อเอ่ยคาว่า “ข่าวสารถึงการ์เซีย” จึงหมายถึง การปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายทันทีโดยไม่มีข้ออ้างหรือคาถามใดๆทั้งสิ้น
นายพลการ์เซียถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่ยังมีคนคล้ายๆการ์เซียอีกมากที่ต้องการรู้ข่าวสารอย่างเร่งด่วน แต่ไม่มีคนช่วยเหลือส่งข่าวให้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างโรแวนในเรื่องนี้
หลายคนพลาดโอกาสที่จะทำการใหญ่ได้สาเร็จ เพราะพบแต่คนไร้ความสามารถหรือไม่เต็มใจ ที่จะทาสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมุ่งมั่นโดยทันทีทันใด
ไม่มีใครประสบความสาเร็จ ถ้ามีลูกน้องที่เลินเล่อ เฉื่อยชา ตามบุญตามกรรม ไม่ใส่ใจ ไม่เอาไหน ไม่ทางานจริงจัง นอกจากจะติดสินบน หรือได้คนอื่นๆมาช่วยอีกหลายคน หรือโชคดีที่ได้ลูกน้องที่มีความสามารถ
ลองดูจากตัวอย่างนี้ก็ได้ สมมติว่า เราอยู่ในที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ 6 คน นั่งอยู่ไม่ไกล เราเรียกเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง บอกเขาว่า “ช่วยหาชื่อคอเรจจิโอ ในนามสงเคราะห์ ที่จดบันทึกข้อมูลเบื้องต้นของเขา ให้ด้วย” เจ้าหน้าที่จะรับปากแล้วรีบทาตามที่เราสั่งทันทีหรือ ไม่มีทาง ! เจ้าหน้าที่จะมองดูเราด้วยสายตาแสดงความสงสัย และถามคาถามใดคาถามหนึ่ง ดังนี้
คอเรจจิโอ เป็นใครกันครับ ?
นามสงเคราะห์ เล่มไหนครับ ?
นามสงเคราะห์ อยู่ที่ไหนครับ ?
ทาไม ไม่ให้คนอื่นหาละครับ ?
คนชื่อนั้น ตายหรือยังครับ ?
จะรีบหรือเปล่าครับ ?
ผมหยิบนามสงเคราะห์มาให้หาเองดีไหมครับ ?
จะรู้ไปทาไมครับ ?
พนันกันก็ได้ว่าเมื่อตอบคาถามเหล่านี้แล้ว อธิบายให้ฟังว่าจะหาชื่อดังกล่าวได้อย่างไรแล้ว ต้องการรู้ไปทาไมครับ...เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่คนที่เราขอให้ช่วยหาชื่อจะเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมาช่วยหาชื่อ ซึ่งปรากฏว่าหาผิดชื่อ ไปหาเอาชื่อการ์เซีย หรือชื่ออื่นเสียนี่
ถ้าเราฉลาดเราจะไม่เสียเวลาอธิบายว่า ชื่อ คอเรจจิโอ เริ่มด้วยอักษร C ไม่ใช่ตัว K แต่เราจะยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก” แล้วหยิบนามสงเคราะห์ไปหาเอง
การกระทาอย่างเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นความไม่สามารถทางานเองโดยลาพัง ไม่ฉลาด ในความคิด ไม่เต็มใจในการทางาน ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า ถ้ามีคนชนิดนี้มากๆ สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าคนเราไม่ยอมทาสิ่งใดให้ตนเอง จะหวังให้ทาเพื่อคนอื่นได้หรือ ลองประกาศรับสมัครนักชวเลขดูก็ได้ รับรองว่า 9 ใน 10 สะกดคาไม่คล่อง ใส่เครื่องหมายผิดๆถูกๆ แล้วยังคิดว่าไม่คล่องก็ไม่เป็นไรเสียอีก
คนแบบนี้ ไม่มีทางนำข่าวไปให้การ์เซียได้แน่
“เห็นนักบัญชีคนนั้นไหม ?” หัวหน้าคนงานในโรงงานใหญ่ถาม
“เห็น..ทำไมหรือ”
“เวลาทำบัญชีละก็เก่ง แต่ถ้าผมขอให้เข้าเมืองไปทำงานให้สักอย่างละก็ งานอาจจะเสร็จหรือเขาอาจแวะร้านเหล้าตามข้างทาง พอไปถึงที่หมายก็ลืมสนิทว่าต้องทำอะไร”
คนชนิดนี้หรือ จะน่าไว้ใจให้ส่งข่าวถึงการ์เซีย
เรามักจะได้ยินคากล่าวแสดงความเห็นใจคนที่ “อาบเหงื่อต่างน้า แต่กลับถูกเหยียบย่าซ้าเติม” และพวก “ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ต้องเร่ร่อนหางานสุจริตทา” แล้วตามด้วย การด่าว่าคนมีอานาจแต่ไม่ช่วยผู้โชคร้ายเหล่านี้
แต่ยักไม่มีใครพูดถึงนายจ้างที่ต้องแก่ก่อนวัย เพราะต้องสู้รบปรบมือกับพนักงานสอนไม่ขึ้น พยายามให้ทางานใช้สมองก็ไม่สาเร็จ พบแต่คนเกียจคร้าน หน้าไหว้หลังหลอก เป็นเหตุให้ต้อง “คัด” พนักงานที่ด้อยประสิทธิภาพออกไปเรื่อยๆ แล้วพยายามหาคนสนใจทางานเข้ามาทาหน้าที่แทน
การเลือกเฉพาะพนักงานที่มีความสามารถไว้ปฏิบัติงาน เป็นวิธีการของสถานประกอบการทุกแห่ง ไม่ขึ้นกับสถานการณ์และเวลา ถ้าเป็นยามปกติก็มีการคัดพนักงานด้อยประสิทธิภาพออก ในยามคับขัน ยิ่งต้องคัดพนักงานไม่เก่งออกมากขึ้น ที่เหลืออยู่เป็นคนเก่งเท่านั้น
นายจ้างจาเป็นต้องเก็บไว้เฉพาะพนักงานเก่งๆหรืออีกนัยหนึ่งคนที่ “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ได้
ชายคนหนึ่งฉลาดรอบรู้ แต่ไม่สามารถบริหารงานของตนเองและไม่มีค่าสาหรับผู้ใดทั้งสิ้น เพราะเขามักคิดว่า นายจ้างกดขี่เขาเสมอ ทาให้เขาอึดอัดใจ เขาออกคาสั่งไม่เป็น รับคาสั่งไม่ได้ ถ้าใครสั่งเขานาจดหมายไปส่งให้การ์เซีย เขาคงตอบว่า “เอาไปส่งเองสิ”
เวลานี้ ชายผู้นี้ ยังต้องเดินเตะฝุ่นหางานทาอยู่ทุกวัน ลาบากยากจนเพราะไม่มีใครจ้างเขาทางาน เนื่องจากเขาเป็นคนเอาใจยาก อะไรๆก็ว่าไม่ดีไปหมด ไม่มีเหตุผลสักอย่าง คนอย่างนี้สมควรถูกเตะแรงๆ เป็นการสั่งสอนให้เข็ด ผู้ที่คิดไขว้เขวเช่นนี้ น่าเวทนาพอๆกับคนง่อยเปลี้ยเสียขา แต่เราควรเวทนาคนที่พยายามทางานให้ลุล่วงด้วยเหมือนกัน บางคนทางานหามรุ่งหามค่าผมหงอกก่อนวัยเพราะต้องผจญกับลูกน้องประเภทเช้าชามเย็นชาม โง่ เกียจคร้าน ดีแต่ต่อหน้า ไม่สานึกบุญคุณ หารู้ไม่ว่าถ้าไม่มีงานทาตัวเองจะลาบาก เจ้าของธุรกิจและหัวหน้าคนเหล่านี้ก็น่าเวทนาเหมือนกัน
ในภาวะโลกกาลังเสื่อมโทรมเช่นนี้ (ค.ศ.1899) น่าเห็นใจผู้ที่พยายามฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามต่างๆ หาหนทางทาให้คนอื่นใช้ความพยายามแต่เมื่อสาเร็จแล้ว กลับพบว่าไม่เหลือสิ่งใดเป็นสิ่งตอบแทนเลย
ผู้เขียนเรื่องนี้เคยทางานหาเช้ากินค่ามาแล้ว เคยเป็นกรรมกรมาแล้วด้วย จึงรู้ว่าต้องเห็นใจทั้งฝ่ายลูกจ้างและนายจ้าง ทั้งผู้ออกคาสั่งและผู้รับสนอง
ความยากจนเป็นสิ่งพึงหลีกเลี่ยงให้ไกล ความขัดสนเป็นสิ่งต้องหนีให้พ้นไม่ใช่นายจ้างทุกคน ที่โลภมาก เอาแต่ได้ เอาเปรียบ ไม่ใช่ลูกจ้างและคนยากจนทุกคนที่เป็นคนดี
ผู้เขียนรู้สึกเห็นใจคนที่ทางานแม้เวลานายไม่อยู่ต่อหน้าหรือลับหลังเหมือนกันหมด และคนที่เมื่อได้รับมอบหมายให้ทางานชนิด “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ก็รีบทาตามคาสั่งทันที โดยไม่ซักถาม (ผู้ส่ง) แต่อย่างใด ไม่นึกจะผัดผ่อนให้ล่าช้า ไม่นึกจะแอบซ่อนทิ้งตามทาง มีความมุ่งมั่นอย่างเดียวที่จะทางานให้สาเร็จ โดยไม่ประวิงเวลา และไม่ต้องการเดินขบวนต่อต้าน หรือนัดหยุดงานขอเงินเพิ่ม
วิวัฒนาการในโลกต้องการคนประเภทนี้ ถ้าเขาต้องการสิ่งใดควรให้เขาไปเถิด เพราะคนอย่างเขาเป็นยอดปรารถนาของทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเมืองน้อยเมืองใหญ่ ทุกสถานที่ทาการ โรงงาน ห้างร้าน และที่อื่นๆโดยทั่วไป
โลกเรียกร้องต้องการคนประเภทนี้มากเหลือเกิน เพราะเขาเป็นคนที่สามารถ “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ได้
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จครับ
แนะนำสุดยอดหนังสือธุรกิจ #2 A Message to Garcia
จากหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อ สอนลูกให้รวย เขียนโดย จี.คิงสลี่ย์ วอร์ด แปลโดย สมิทธิ์ จิตตานุภาพ เป็นข้อเขียนสั้นๆ ของ อัลเบิร์ต ฮับบาร์ด เมื่อปี ค.ศ. 1899 ชื่อ “ข่าวสารถึงการ์เซีย” เขาใช้เวลาเขียนราว 1 ชั่วโมง วิธีการเขียนง่ายๆ แต่บอกความหมายอย่างแจ่มชัด สร้างสรรค์ และเข้าใจง่าย ที่สาคัญคือ ข้อเขียนนี้ยังทันสมัย
อัลเบิร์ต ฮับบาร์ด เริ่มต้นว่า
ชายผู้หนึ่งโดดเด่นอยู่ในความทรงจาของข้าพเจ้า ราวกับเทพเจ้าแห่งสงครามยามออกสู่สมรภูมิ
เมื่อเกิดสงครามกับประเทศสเปน สหรัฐอเมริกาจาเป็นที่จะต้องติดต่อกับนายพลการ์เซีย ผู้นา พวกกบฏอย่างเร่งด่วน ไม่มีใครรู้ว่าการ์เซียอยู่ในเทือกเขาแห่งใดในประเทศคิวบา ไม่อาจติดต่อทางไปรษณีย์ หรือโทรเลขถึงเขาได้ ประธานาธิบดีต้องการความร่วมมือจากเขาด่วนที่สุดจะทาอย่างไรดี มีคนบอกประธานาธิบดีว่า “คนชื่อโรแวนจะตามการ์เซียมาพบท่านได้”
โรแวนถูกตามตัวมารับข่าวสารที่จะต้องนาส่งถึงตัวนายพลการ์เซีย เหตุการณ์ต่อจากนั้น ข้าพเจ้า ไม่ขอขยายความ ขอพูดเพียงว่าคนที่ชื่อโรแวน พับจดหมายใส่ถุงหนังอย่างมิดชิด สอดไว้ในอกเสื้อตรงหัวใจของเขาพอดี ลงเรือ 3 วัน 4 คืน ขึ้นฝั่งที่คิวบาแล้วหายเข้าไปในป่าลึก อีก 3 สัปดาห์ต่อมา เขาย่าออกไปทางอีกด้านหนึ่งของเกาะเดินเท้าตลอดทาง เพื่อนาจดหมายไปส่งให้ถึงมือของนายพลการ์เซีย
ข้าพเจ้าจะมาบรรยายถึงความสมบุกสมบันของโรแวน เพราะต้องการจะเน้นในข้อที่ว่าประธานาธิบดีแม็คคินลีย์ยื่นจดหมายให้โรแวนนาไปส่งให้ถึง การ์เซีย ซึ่งเขาไม่ได้ถามว่า “การ์เซียอยู่ที่ไหน”
คนอย่างนี้สิ ที่น่าจะตั้งอนุสาวรีย์ของเขาไว้เคารพในสถานศึกษาทุกแห่งของประเทศ
คนทางานไม่ต้องการเพียงเรียนจากหนังสือ หรือคาแนะนาสั่งสอนให้ทาโน่นนี่ แต่ต้องเรียนรู้ที่จะรับคาสั่งอย่างรวดเร็ว ปฏิบัติตามคาสั่งทันทีโดยไม่ชักช้าหรือสงสัย มุ่งมั่นทาตามคาสั่งด้วยความตั้งใจและพลังทั้งหมด การกระทาเช่นนี้คือพฤติกรรมที่คนชื่อโรแวน นาข่าวสารไปส่งให้ถึงการ์เซีย เมื่อเอ่ยคาว่า “ข่าวสารถึงการ์เซีย” จึงหมายถึง การปฏิบัติตามที่ได้รับมอบหมายทันทีโดยไม่มีข้ออ้างหรือคาถามใดๆทั้งสิ้น
นายพลการ์เซียถึงแก่กรรมไปแล้ว แต่ยังมีคนคล้ายๆการ์เซียอีกมากที่ต้องการรู้ข่าวสารอย่างเร่งด่วน แต่ไม่มีคนช่วยเหลือส่งข่าวให้ด้วยความมุ่งมั่นอย่างโรแวนในเรื่องนี้
หลายคนพลาดโอกาสที่จะทำการใหญ่ได้สาเร็จ เพราะพบแต่คนไร้ความสามารถหรือไม่เต็มใจ ที่จะทาสิ่งใดสิ่งหนึ่งอย่างมุ่งมั่นโดยทันทีทันใด
ไม่มีใครประสบความสาเร็จ ถ้ามีลูกน้องที่เลินเล่อ เฉื่อยชา ตามบุญตามกรรม ไม่ใส่ใจ ไม่เอาไหน ไม่ทางานจริงจัง นอกจากจะติดสินบน หรือได้คนอื่นๆมาช่วยอีกหลายคน หรือโชคดีที่ได้ลูกน้องที่มีความสามารถ
ลองดูจากตัวอย่างนี้ก็ได้ สมมติว่า เราอยู่ในที่ทำงาน เจ้าหน้าที่ 6 คน นั่งอยู่ไม่ไกล เราเรียกเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง บอกเขาว่า “ช่วยหาชื่อคอเรจจิโอ ในนามสงเคราะห์ ที่จดบันทึกข้อมูลเบื้องต้นของเขา ให้ด้วย” เจ้าหน้าที่จะรับปากแล้วรีบทาตามที่เราสั่งทันทีหรือ ไม่มีทาง ! เจ้าหน้าที่จะมองดูเราด้วยสายตาแสดงความสงสัย และถามคาถามใดคาถามหนึ่ง ดังนี้
คอเรจจิโอ เป็นใครกันครับ ?
นามสงเคราะห์ เล่มไหนครับ ?
นามสงเคราะห์ อยู่ที่ไหนครับ ?
ทาไม ไม่ให้คนอื่นหาละครับ ?
คนชื่อนั้น ตายหรือยังครับ ?
จะรีบหรือเปล่าครับ ?
ผมหยิบนามสงเคราะห์มาให้หาเองดีไหมครับ ?
จะรู้ไปทาไมครับ ?
พนันกันก็ได้ว่าเมื่อตอบคาถามเหล่านี้แล้ว อธิบายให้ฟังว่าจะหาชื่อดังกล่าวได้อย่างไรแล้ว ต้องการรู้ไปทาไมครับ...เสร็จแล้วเจ้าหน้าที่คนที่เราขอให้ช่วยหาชื่อจะเรียกเจ้าหน้าที่อีกคนมาช่วยหาชื่อ ซึ่งปรากฏว่าหาผิดชื่อ ไปหาเอาชื่อการ์เซีย หรือชื่ออื่นเสียนี่
ถ้าเราฉลาดเราจะไม่เสียเวลาอธิบายว่า ชื่อ คอเรจจิโอ เริ่มด้วยอักษร C ไม่ใช่ตัว K แต่เราจะยิ้มและพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอก” แล้วหยิบนามสงเคราะห์ไปหาเอง
การกระทาอย่างเจ้าหน้าที่ในเรื่องนี้ แสดงให้เห็นความไม่สามารถทางานเองโดยลาพัง ไม่ฉลาด ในความคิด ไม่เต็มใจในการทางาน ซึ่งน่าเป็นห่วงว่า ถ้ามีคนชนิดนี้มากๆ สังคมในอนาคตจะเป็นอย่างไร ถ้าคนเราไม่ยอมทาสิ่งใดให้ตนเอง จะหวังให้ทาเพื่อคนอื่นได้หรือ ลองประกาศรับสมัครนักชวเลขดูก็ได้ รับรองว่า 9 ใน 10 สะกดคาไม่คล่อง ใส่เครื่องหมายผิดๆถูกๆ แล้วยังคิดว่าไม่คล่องก็ไม่เป็นไรเสียอีก
คนแบบนี้ ไม่มีทางนำข่าวไปให้การ์เซียได้แน่
“เห็นนักบัญชีคนนั้นไหม ?” หัวหน้าคนงานในโรงงานใหญ่ถาม
“เห็น..ทำไมหรือ”
“เวลาทำบัญชีละก็เก่ง แต่ถ้าผมขอให้เข้าเมืองไปทำงานให้สักอย่างละก็ งานอาจจะเสร็จหรือเขาอาจแวะร้านเหล้าตามข้างทาง พอไปถึงที่หมายก็ลืมสนิทว่าต้องทำอะไร”
คนชนิดนี้หรือ จะน่าไว้ใจให้ส่งข่าวถึงการ์เซีย
เรามักจะได้ยินคากล่าวแสดงความเห็นใจคนที่ “อาบเหงื่อต่างน้า แต่กลับถูกเหยียบย่าซ้าเติม” และพวก “ไม่มีหัวนอนปลายเท้า ต้องเร่ร่อนหางานสุจริตทา” แล้วตามด้วย การด่าว่าคนมีอานาจแต่ไม่ช่วยผู้โชคร้ายเหล่านี้
แต่ยักไม่มีใครพูดถึงนายจ้างที่ต้องแก่ก่อนวัย เพราะต้องสู้รบปรบมือกับพนักงานสอนไม่ขึ้น พยายามให้ทางานใช้สมองก็ไม่สาเร็จ พบแต่คนเกียจคร้าน หน้าไหว้หลังหลอก เป็นเหตุให้ต้อง “คัด” พนักงานที่ด้อยประสิทธิภาพออกไปเรื่อยๆ แล้วพยายามหาคนสนใจทางานเข้ามาทาหน้าที่แทน
การเลือกเฉพาะพนักงานที่มีความสามารถไว้ปฏิบัติงาน เป็นวิธีการของสถานประกอบการทุกแห่ง ไม่ขึ้นกับสถานการณ์และเวลา ถ้าเป็นยามปกติก็มีการคัดพนักงานด้อยประสิทธิภาพออก ในยามคับขัน ยิ่งต้องคัดพนักงานไม่เก่งออกมากขึ้น ที่เหลืออยู่เป็นคนเก่งเท่านั้น
นายจ้างจาเป็นต้องเก็บไว้เฉพาะพนักงานเก่งๆหรืออีกนัยหนึ่งคนที่ “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ได้
ชายคนหนึ่งฉลาดรอบรู้ แต่ไม่สามารถบริหารงานของตนเองและไม่มีค่าสาหรับผู้ใดทั้งสิ้น เพราะเขามักคิดว่า นายจ้างกดขี่เขาเสมอ ทาให้เขาอึดอัดใจ เขาออกคาสั่งไม่เป็น รับคาสั่งไม่ได้ ถ้าใครสั่งเขานาจดหมายไปส่งให้การ์เซีย เขาคงตอบว่า “เอาไปส่งเองสิ”
เวลานี้ ชายผู้นี้ ยังต้องเดินเตะฝุ่นหางานทาอยู่ทุกวัน ลาบากยากจนเพราะไม่มีใครจ้างเขาทางาน เนื่องจากเขาเป็นคนเอาใจยาก อะไรๆก็ว่าไม่ดีไปหมด ไม่มีเหตุผลสักอย่าง คนอย่างนี้สมควรถูกเตะแรงๆ เป็นการสั่งสอนให้เข็ด ผู้ที่คิดไขว้เขวเช่นนี้ น่าเวทนาพอๆกับคนง่อยเปลี้ยเสียขา แต่เราควรเวทนาคนที่พยายามทางานให้ลุล่วงด้วยเหมือนกัน บางคนทางานหามรุ่งหามค่าผมหงอกก่อนวัยเพราะต้องผจญกับลูกน้องประเภทเช้าชามเย็นชาม โง่ เกียจคร้าน ดีแต่ต่อหน้า ไม่สานึกบุญคุณ หารู้ไม่ว่าถ้าไม่มีงานทาตัวเองจะลาบาก เจ้าของธุรกิจและหัวหน้าคนเหล่านี้ก็น่าเวทนาเหมือนกัน
ในภาวะโลกกาลังเสื่อมโทรมเช่นนี้ (ค.ศ.1899) น่าเห็นใจผู้ที่พยายามฟันฝ่าอุปสรรคขวากหนามต่างๆ หาหนทางทาให้คนอื่นใช้ความพยายามแต่เมื่อสาเร็จแล้ว กลับพบว่าไม่เหลือสิ่งใดเป็นสิ่งตอบแทนเลย
ผู้เขียนเรื่องนี้เคยทางานหาเช้ากินค่ามาแล้ว เคยเป็นกรรมกรมาแล้วด้วย จึงรู้ว่าต้องเห็นใจทั้งฝ่ายลูกจ้างและนายจ้าง ทั้งผู้ออกคาสั่งและผู้รับสนอง
ความยากจนเป็นสิ่งพึงหลีกเลี่ยงให้ไกล ความขัดสนเป็นสิ่งต้องหนีให้พ้นไม่ใช่นายจ้างทุกคน ที่โลภมาก เอาแต่ได้ เอาเปรียบ ไม่ใช่ลูกจ้างและคนยากจนทุกคนที่เป็นคนดี
ผู้เขียนรู้สึกเห็นใจคนที่ทางานแม้เวลานายไม่อยู่ต่อหน้าหรือลับหลังเหมือนกันหมด และคนที่เมื่อได้รับมอบหมายให้ทางานชนิด “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ก็รีบทาตามคาสั่งทันที โดยไม่ซักถาม (ผู้ส่ง) แต่อย่างใด ไม่นึกจะผัดผ่อนให้ล่าช้า ไม่นึกจะแอบซ่อนทิ้งตามทาง มีความมุ่งมั่นอย่างเดียวที่จะทางานให้สาเร็จ โดยไม่ประวิงเวลา และไม่ต้องการเดินขบวนต่อต้าน หรือนัดหยุดงานขอเงินเพิ่ม
วิวัฒนาการในโลกต้องการคนประเภทนี้ ถ้าเขาต้องการสิ่งใดควรให้เขาไปเถิด เพราะคนอย่างเขาเป็นยอดปรารถนาของทุกหนทุกแห่ง ไม่ว่าเมืองน้อยเมืองใหญ่ ทุกสถานที่ทาการ โรงงาน ห้างร้าน และที่อื่นๆโดยทั่วไป
โลกเรียกร้องต้องการคนประเภทนี้มากเหลือเกิน เพราะเขาเป็นคนที่สามารถ “ส่งข่าวถึงการ์เซีย” ได้
ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จครับ